หลายปีก่อน เราได้มีโอกาสไปเป็นออแพร์ที่เนเธอร์แลนด์มา กว่าจะมารู้จักกับออแพร์ ก็เรียกว่าแทบสายไปเสียแล้ว ในวัย27ปี กับการที่ตัวเองเพิ่งจะมีความพร้อม จึงเริ่มศึกษาหาข้อมูล อยากไปเนเธอร์แลนด์อ่ะ ทำไงดี
อายุก็ไม่ได้ เกินแล้ว ประเทศโซนสแกนดิเนเวีย ก็หนาวเหน็บ แถมเป็นคนที่กลัวหนาวแบบ หนาวนิดไม่อาบน้ำแล้ว
จึงทำการติดต่อเอเจนซี่ พูดคุยว่าต้องการไปให้เร็วที่สุด อยากทดสอบภาษาอังกฤษของตัวเอง ว่าจะเอาตัวรอดได้จริง อย่างที่โรงเรียนได้การันตีไว้หรือเปล่า
เราไม่ได้ทดสอบระดับกับทางเอเจนซี่ เพราะเราเพิ่งไปลองสอบไอเอล มาเลยยื่นคะแนนจากตรงนั้นแทน
เรื่องเก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็ก ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราทำงานสอนมา2ปี ให้เจ้านายเซ็นรับรองให้ ผ่านฉลุย เรียนเฟริสเอด เพิ่มอีกหน่อย เพื่อสร้างโปรไฟล์ และได้ใบประกาศ
เอเจนบอกว่า เนเธอร์แลนด์เพิ่งเปลี่ยนกฎ อายุไม่เกิน32ปี ไปได้ เราตอบตกลงทันที
ต้องเป็นเรียนว่ายน้ำเพิ่ม สรุปว่ายน้ำเป็นเพราะจะไปนี่แหละ
กรอกประวัติอย่างละเอียด ตรวจสุขภาพ และทำโปรไฟล์ของตัวเอง เพื่อเตรียมตัวออนไลน์โปรไฟล์ เรายังไม่ทันจะได้ทำวีดีโอแนะนำตัว เอเจนซี่ก็ทักมาว่า มีคนสนใจอยากจะสัมภาษณ์เรา เราตอบตกลงทันที นัดสัมภาษณ์วันศุกร์ เอเจนซี่แจ้งวันพฤหัส
ก็เตรียมตัวนิดหน่อย
นั่งสัมภาษณ์ทางSkype แบบเป็นตัวเราเอง โฮสต์แด๊ด โฮสต์มัม สัมภาษณ์ด้วยกัน
ถามคำถามพื้นฐานมาก เราก็ตอบไป แล้วก่อนจากลา เค้าก็บอกว่าจะมาแจ้งผลวันจันทร์
วันจันทร์ราวๆเที่ยง มัมก็ตอบกลับมาว่า เค้าเลือกเรา ให้เตรียมตัวให้พร้อม เจอกันที่ฮอลแลนด์
งานหลักๆก็เขียนมามากมาย อาบน้ำน้อง พาน้องไปโรงเรียน ทำกับข้าว3วันต่อสัปดาห์ ทำงาน5วัน วันละ6ชั่วโมง ซักรีด เก็บที่นอน ซักผ้าปู
ระหว่างสัมภาษณ์เราถามถึงตั๋วเครื่องบิน มัมบอกชั้นจ่าย ปีก่อนๆก็จ่ายทุกปี สรุปคือมัมจ่าย
เราเสียค่าลงทะเบียนกับเอเจนซี่34ยูโร×44บาท ช่วงนั้น คือทั้งหมดที่เราควรจะเสีย เอเจนซี่แจ้งว่า เราต้องแปลเอกสารมากมาย คิดราคาแพงมาก และไม่แจ้งว่าเพียงแค่เข้าไปรับเล่มวีซ่าที่สถานฑูตได้เลย ด้วยความไม่เข้าใจเราจึงนำเอกสารที่เอเจนซี่แปล ไปทำการรับรองที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และเอาไปรับรองที่สถานฑูต สุดท้ายถือเอกสารไปรับรองเสียเงินไปอีก10,000นิดๆ ทั้งๆที่จริงๆเอกสารส่วนนี้ไม่ต้องใช้ เอเจนซี่โกรธเรา ที่เราไปพูดเรื่องตั๋วกับโฮสต์ คือเค้าไม่ได้สั่งว่าไม่ให้ถาม เพราะเอเจนซี่มาพูดทีหลังว่า เราไปไม่ต้องเสียค่าโครงการคือถูกมากแล้ว แต่เอาจริงๆก็มารู้ตอนหลังว่า โอสต์ทุกบ้านจ่ายค่าตั๋วให้ออแพร์ แต่ออแพร์แทบทุกคนก็เสียค่าตั๋วเช่นกัน😂 ไม่รู้เงินค่าตั๋วมันหายไปไหน
ก่อนจะบิน เอเจนซี่เรียกเราไปเข้าพบ แบะบอกว่าต้องมา โฮสต์สั่งว่าไม่ให้ไป นางพยายามจะเอาเงินเธออีก และก็เป็นจริงดั่งโฮสต์ว่า นางขู่เราว่า เนี่ย บ้านนี้เค้าเคี่ยวมากเลยนะ ตอนเลือก เลือกตั้ง7คน เค้ามเลือกเรา ขนาดพยาบาลสัมภาษณ์ ยังไม่เลือกเลย แล้วถ้าเราไม่ยอมไปพบ เกิดมีปัญหาโฮสต์จะรีแมตซ์ เราต้องกลับทันที ถ้าเราไม่เข้าพบที่ออฟฟิต
สรุปเราไปพบ นางหักค่าแปลเอกสาร ที่เราไม่สามารถยื่นขอการรับรองได้ เพราะไม่ถูกต้องตามรูปแบบของกรมการกงสุล เสียเงินฟรีไปอีก1,500บาท และมาพูดกับเราว่า อย่าเอาผู้ชายไปเข้าบ้านเค้านะ ทำไม่ได้ เรานี่แบบ เอ่อ พี่คะ มารยาทพื้นฐาน ไม่ใช่บ้านเรา แน่นอนทุกบ้านมีกฎ แต่ลักษณะการพูดของพี่ คงไม่เหมาะกับงานนี้จริงๆ
สรุปเราบินไปถึง จึงพูดกับมัมว่า เค้าพูดแบบนี้ ไม่ช่วยอำนวยความสะดวกเลย และไม่บอกขั้นตอน เราเสียเงินแบบไม่ได้อะไร มัมก็ติดต่อไปทางเอเจนซี่ฝั่งเค้า และสุดท้ายเค้าก็ยกเลิกการับออแพร์จากเมืองไทย
[CR] ออแพร์ ใครๆก็เป็นได้(ไปใช้ชีวิตที่เมืองนอก ลงทุนเล็กน้อย เก็บเกี่ยวประสบการณ์)
อายุก็ไม่ได้ เกินแล้ว ประเทศโซนสแกนดิเนเวีย ก็หนาวเหน็บ แถมเป็นคนที่กลัวหนาวแบบ หนาวนิดไม่อาบน้ำแล้ว
จึงทำการติดต่อเอเจนซี่ พูดคุยว่าต้องการไปให้เร็วที่สุด อยากทดสอบภาษาอังกฤษของตัวเอง ว่าจะเอาตัวรอดได้จริง อย่างที่โรงเรียนได้การันตีไว้หรือเปล่า
เราไม่ได้ทดสอบระดับกับทางเอเจนซี่ เพราะเราเพิ่งไปลองสอบไอเอล มาเลยยื่นคะแนนจากตรงนั้นแทน
เรื่องเก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็ก ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราทำงานสอนมา2ปี ให้เจ้านายเซ็นรับรองให้ ผ่านฉลุย เรียนเฟริสเอด เพิ่มอีกหน่อย เพื่อสร้างโปรไฟล์ และได้ใบประกาศ
เอเจนบอกว่า เนเธอร์แลนด์เพิ่งเปลี่ยนกฎ อายุไม่เกิน32ปี ไปได้ เราตอบตกลงทันที
ต้องเป็นเรียนว่ายน้ำเพิ่ม สรุปว่ายน้ำเป็นเพราะจะไปนี่แหละ
กรอกประวัติอย่างละเอียด ตรวจสุขภาพ และทำโปรไฟล์ของตัวเอง เพื่อเตรียมตัวออนไลน์โปรไฟล์ เรายังไม่ทันจะได้ทำวีดีโอแนะนำตัว เอเจนซี่ก็ทักมาว่า มีคนสนใจอยากจะสัมภาษณ์เรา เราตอบตกลงทันที นัดสัมภาษณ์วันศุกร์ เอเจนซี่แจ้งวันพฤหัส
ก็เตรียมตัวนิดหน่อย
นั่งสัมภาษณ์ทางSkype แบบเป็นตัวเราเอง โฮสต์แด๊ด โฮสต์มัม สัมภาษณ์ด้วยกัน
ถามคำถามพื้นฐานมาก เราก็ตอบไป แล้วก่อนจากลา เค้าก็บอกว่าจะมาแจ้งผลวันจันทร์
วันจันทร์ราวๆเที่ยง มัมก็ตอบกลับมาว่า เค้าเลือกเรา ให้เตรียมตัวให้พร้อม เจอกันที่ฮอลแลนด์
งานหลักๆก็เขียนมามากมาย อาบน้ำน้อง พาน้องไปโรงเรียน ทำกับข้าว3วันต่อสัปดาห์ ทำงาน5วัน วันละ6ชั่วโมง ซักรีด เก็บที่นอน ซักผ้าปู
ระหว่างสัมภาษณ์เราถามถึงตั๋วเครื่องบิน มัมบอกชั้นจ่าย ปีก่อนๆก็จ่ายทุกปี สรุปคือมัมจ่าย
เราเสียค่าลงทะเบียนกับเอเจนซี่34ยูโร×44บาท ช่วงนั้น คือทั้งหมดที่เราควรจะเสีย เอเจนซี่แจ้งว่า เราต้องแปลเอกสารมากมาย คิดราคาแพงมาก และไม่แจ้งว่าเพียงแค่เข้าไปรับเล่มวีซ่าที่สถานฑูตได้เลย ด้วยความไม่เข้าใจเราจึงนำเอกสารที่เอเจนซี่แปล ไปทำการรับรองที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และเอาไปรับรองที่สถานฑูต สุดท้ายถือเอกสารไปรับรองเสียเงินไปอีก10,000นิดๆ ทั้งๆที่จริงๆเอกสารส่วนนี้ไม่ต้องใช้ เอเจนซี่โกรธเรา ที่เราไปพูดเรื่องตั๋วกับโฮสต์ คือเค้าไม่ได้สั่งว่าไม่ให้ถาม เพราะเอเจนซี่มาพูดทีหลังว่า เราไปไม่ต้องเสียค่าโครงการคือถูกมากแล้ว แต่เอาจริงๆก็มารู้ตอนหลังว่า โอสต์ทุกบ้านจ่ายค่าตั๋วให้ออแพร์ แต่ออแพร์แทบทุกคนก็เสียค่าตั๋วเช่นกัน😂 ไม่รู้เงินค่าตั๋วมันหายไปไหน
ก่อนจะบิน เอเจนซี่เรียกเราไปเข้าพบ แบะบอกว่าต้องมา โฮสต์สั่งว่าไม่ให้ไป นางพยายามจะเอาเงินเธออีก และก็เป็นจริงดั่งโฮสต์ว่า นางขู่เราว่า เนี่ย บ้านนี้เค้าเคี่ยวมากเลยนะ ตอนเลือก เลือกตั้ง7คน เค้ามเลือกเรา ขนาดพยาบาลสัมภาษณ์ ยังไม่เลือกเลย แล้วถ้าเราไม่ยอมไปพบ เกิดมีปัญหาโฮสต์จะรีแมตซ์ เราต้องกลับทันที ถ้าเราไม่เข้าพบที่ออฟฟิต
สรุปเราไปพบ นางหักค่าแปลเอกสาร ที่เราไม่สามารถยื่นขอการรับรองได้ เพราะไม่ถูกต้องตามรูปแบบของกรมการกงสุล เสียเงินฟรีไปอีก1,500บาท และมาพูดกับเราว่า อย่าเอาผู้ชายไปเข้าบ้านเค้านะ ทำไม่ได้ เรานี่แบบ เอ่อ พี่คะ มารยาทพื้นฐาน ไม่ใช่บ้านเรา แน่นอนทุกบ้านมีกฎ แต่ลักษณะการพูดของพี่ คงไม่เหมาะกับงานนี้จริงๆ
สรุปเราบินไปถึง จึงพูดกับมัมว่า เค้าพูดแบบนี้ ไม่ช่วยอำนวยความสะดวกเลย และไม่บอกขั้นตอน เราเสียเงินแบบไม่ได้อะไร มัมก็ติดต่อไปทางเอเจนซี่ฝั่งเค้า และสุดท้ายเค้าก็ยกเลิกการับออแพร์จากเมืองไทย