สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะคะ วันนี้เราก็จะมาแชร์ประสบการณ์การเป็นออแพร์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาของสาวน้อยท่านหนึ่งกันค่ะ
หลายคนอาจจะงงว่า เอ๊ะ ออแพร์นี่มันคืออะไรนะ เป็นงานประเภทไหนไม่เคยจะได้ยินชื่อมาก่อน
ตอนแรกเราเองก็คิดแบบนี้เหมือนกันเลยค่ะ เพราะงั้นวันนี้เราก็จะมารีวิวตั้งแต่ต้นเลยค่ะ ว่าออแพร์คืออะไร ถ้าสนใจต้องทำยังไงต่อ ต้องสมัครที่ไหน สมัครแล้วมาใช้ชีวิตจริงๆเป็นยังไง รวมถึงทริคต่างๆที่ช่วยป้องกันไม่ให้เราถูกหลอกด้วยค่ะ
ออแพร์คืออะไร
ออแพร์ หรือ AU PAIR ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายที่สุดคือพี่เลี้ยงเด็กที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับโฮสต์แฟมิลี่เลยค่ะ จริงๆแล้วมีหลายประเทศเลยนะคะที่เปิดโอกาสให้คนต่างชาติสามารถเข้าไปทำงานเป็นออแพร์ได้ แต่กระทู้นี้เราจะพูดถึงเฉพาะออแพร์ในประเทศอเมริกาเท่านั้นนะคะ เพราะว่าเราเองก็กำลังเป็นออแพร์อยู่ที่อเมริกาเลยค่ะ
โดยโครงการนี้จะเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโฮสต์แฟมิลี่ชาวอเมริกันเพื่อเรียนรู้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเป็นเวลา 1 ปีด้วยวีซ่า J1 ค่ะ
ออแพร์อเมริกาจะต้องทำงานสัปดาห์ละไม่เกิน 45 ชั่วโมง โดยจะได้รับค่าตอบแทนอาทิตย์ละ 195 ดอลล่าร์ ฟรีอาหารและฟรีที่พักเพราะโฮสต์จะต้องจัดหาห้องนอนและห้องน้ำส่วนตัวให้เราค่ะ
ขั้นตอนการสมัครเป็นออแพร์
สำหรับใครที่สนใจอยากลองหาประสบการณ์ อยากลองใช้ชีวิตในอเมริกาเป็นเวลา 1 ปี แต่มีงบน้อย โครงการออแพร์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจนะคะ ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการสมัครเป็นออแพร์คือการหาข้อมูลโครงการและการเลือกเอเจนซี่ค่ะ ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปสามารถค้นหาในกูเกิ้ลได้เลยนะคะ สำหรับเอเจนซี่เองก็มีให้เลือกมากมายเหมือนกัน ส่วนเราเลือกใช้บริการของทาง ENGENIUS ค่ะ (แอบกระซิบว่าทางโครงการมีทุนให้ด้วยนะคะ อย่างของเราก็ได้รับทุน 50% ก็ประหยัดงบไปได้เยอะ ใครสนใจก็สามารถสอบถามทางเพจได้เลยนะคะ เจ้าหน้าที่ใจดีตอบไวค่ะ) จะบอกว่าการเลือกเอเจนซี่สำคัญมากค่ะ เพราะว่าเค้าจะเป็นคนให้ข้อมูลว่าเราต้องทำอะไรบ้าง เตรียมเอกสารอะไรบ้างและเป็นคนประสานงานให้เราตั้งแต่ต้นจนเรามาถึงประเทศอเมริกาเลยค่ะ
พอเลือกเอเจนซี่ได้ ขั้นตอนต่างๆ ก็จะแบ่งได้เป็นประมาณนี้ค่ะ
1.เก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็ก+เตรียมเอกสาร+ทดสอบจิตวิทยา
ขั้นตอนนี้ค่อนข้างจะยุ่งยากและจุกจิกนิดนึงค่ะ เพราะว่ามีเอกสารที่ต้องเตรียมเยอะมาก โดยเฉพาะการเก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็ก เพราะว่าออแพร์คือพี่เลี้ยงเด็ก เพราะฉะนั้นผู้สมัครก็จะต้องมีประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กมาก่อน โดยการเก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็กจะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือชั่วโมงทางการกับชั่วโมงไม่เป็นทางการ ชั่วโมงทางการคือการเก็บชั่วโมงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กเช่น โรงเรียนอนุบาล สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือบ้านเด็กสงเคราะห์เป็นต้นค่ะ ส่วนชั่วโมงไม่เป็นทางการก็อย่างเช่นการเป็นพี่เลี้ยงเด็กรับจ้างตามบ้าน หรือใครเป็นติวเตอร์สอนเด็กก็เอามาใช้ได้เหมือนกันค่ะ
โดยแต่ละเอเจนซี่ก็จะมีการกำหนดชั่วโมงทางการที่แตกต่างกันออกไปค่ะ โดยของทาง ENGENIUS จะกำหนดขั้นต่ำของชั่วโมงทางการอยู่ที่ 200 ชั่วโมงค่ะ
พอได้ชั่วโมงการทำงานมาแล้ว เราก็จะต้องเตรียมเอกสารประจำตัวต่างๆให้เรียบร้อยตามที่เอเจนซี่บอก ที่สำคัญใครไม่มีใบขับขี่จะต้องไปเรียนแล้วสอบใบขับขี่ให้ผ่านก่อนนะคะ เพราะว่าออแพร์จะต้องมีใบขับขี่ทุกคนค่ะ
ในส่วนของการเตรียมเอกสาร เอเจนซี่จะเป็นคนคอยตรวจทานให้ค่ะว่าถูกต้องมั้ย ขาดตรงไหนบ้าง เมื่อเอกสารเราพร้อมเรียบร้อยแล้ว ทางเอเจนซี่ที่ไทยก็ทำการอัปโหลดส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับทางเอเจนซี่ที่อเมริกาเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของเราอีกที ถ้าทางอเมริกาให้ผ่าน เราก็สามารถออนไลน์โปรไฟล์เพื่อเลือกหาโฮสต์แฟมิลี่ได้เลยค่ะ
2.ออนไลน์โปรไฟล์ หาโฮสต์แฟมิลี่
ขั้นตอนการออนไลน์ก็เป็นอีกขั้นตอนนึงที่เรียกได้ว่าเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยค่ะ ระยะเวลาในการออนไลน์ของออแพร์แต่ละคนกว่าจะได้โฮสต์แฟมิลี่ก็ไม่เท่ากันนะคะ บางคนก็เร็วมาก สองสามวันก็มีโฮสต์มาคุยด้วย บางคนอาจต้อวรอหลักเดือน ครึ่งปี หรือเป็นปีเลยก็มีเหมือนกัน ทริคสำหรับใครที่อยากจะแมทช์เร็วๆ (แมทช์คือการที่เราและโฮสต์แฟมิลี่ตกลงกันว่าจะมาเป็นครอบครัวเดียวกันและทำงานด้วยกันนั่นเองค่ะ) คือการเตรียมโปรไฟล์ + วิดีโอที่พรีเซ้นตัวเราให้ดี ให้เป็นธรรมชาติและทำให้เค้าเห็นว่าเรารักเด็ก สามารถดูแลลูกเค้าได้ค่ะ อบากของเราเองก็ใช้เวลาออนไลน์ไปเกือยชบสองเดือนเลยค่ะกว่าจะได้แมทช์กับโฮสต์
3.ขอวีซ่าก่อนบิน
จะบอกว่าการจะเป็นออแพร์นี่ไม่ง่ายเลยนะคะ มีเรื่องให้ลุ้นตลอด พอเราได้โฮสต์แล้ว ไม่ได้แปลว่าเราจะสามารถบินไปอเมริกาได้ทันทีนะคะ เราจะต้องไปสัมภาษณ์วีซ่าก่อน ซึ่งขั้นตอนนี้บอกเลยว่าการมีเอเจนซี่ดีๆ ช่วยได้เยอะเลยค่ะ เพราะว่าเราจะต้องกรอกฟอร์มของทางกงสุลก่อนจะไปสัมภาษณ์ ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะเราจะต้องกรอกให้ถูกต้องและละเอียด ถ้าใครสมัครกับทาง ENGENIUS ทางเอเจนซี่จะมีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลค่ะว่าตรงไหนต้องกรอกอะไร เพราะข้อมูลในฟอร์มเป็นภาษาอังกฤษหมดเลยค่ะ หลังจากนั้นก็จะมีคนคอยช่วยเช็คค่ะว่าถูกต้องมั้ยก่อนกดส่งและทำการนัดวันสัมภาษณ์
ก่อนจะไปสัมภาษณ์จะมีพี่ๆ จากทาง ENGENIUS โทรมาซักซ้อมให้ค่ะ ว่าท่านทูตน่าจะถามอะไรบ้าง แล้วคำตอบที่เราตอบควรเพิ่มเติมหรือแก้ไขตรงไหนบ้าง ของเราได้สัมภาษณ์ที่เชียงใหม่ค่ะ รอบเดียวผ่านเลย ก่อนเราจะไปสัมภาษณ์ เราเองก็เตรียมคำตอบไปเยอะมากค่ะเพราะเห็นรีวิวมาว่าผ่านยาก+โหด มีหลายคนไม่ผ่านสัมภาษณ์รอบแรกเยอะ ก็เลยแอบกลัว แต่พอถึงเวลาจริงๆ ท่านทูตถามเราแค่คำถามเดียวเองค่ะว่าทำไมอยากเป็นออแพร์ แล้วก็ให้ผ่านเลย ตรงนี้แอบคิดว่าเป็นเพราะเรากรอกเอกสารของทางสถานทูตไปละเอียดมาก เลยผ่านง่าย ซึ่งที่บอกว่าการมีเอเจนซี่สำคัญก็ตรงนี้เลยค่ะ เพราะว่าพี่เจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำอยู่ตลอดตอนกรอกข้อมูล
4.เตรียมตัวบิน
พอวีซ่าผ่าน ทุกอย่างผ่านก็เหลือแค่บินเท่านั้นเลยค่ะ ทางเอเจนซี่ก็จะเป็นคนแจ้งว่าเราจะได้บินเมื่อไหร่ ของเราประมาณสองอาทิตย์หลังได้วีซ่าเราก็ได้บินเลยค่ะ เรียกได้ว่าไม่นานเกินรอ
สรุประยะเวลาทั้งหมดที่เราใช้ตั้งแต่เริ่มหาข้อมูล เตรียมตัวเก็บชั่วโมงต่างๆ จนถึงบิน ก็ใช้เวลาไปประมาณ 7-8 เดือนค่ะ (บางคนอาจจะเร็วหรือช้ากว่านี้ขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวเลยค่ะ)
ค่าใช้จ่าย
มาถึงในส่วนที่เราคิดว่าหลายคนอาจจะอยากรู้แล้วนะคะว่าจะเป็นออแพร์ทั้งทีนี่มันต้องใช้เงินเท่าไหร่กันนะ
ค่าใช้จ่ายของเราหลัก ๆ เป็นประมาณนี้เลยค่ะ
1.ค่าสมัครกับทางเอเจนซี่ 5,000 บาท
2.ค่าโครงการ 25,000 บาท
3.ค่าวีซ่า 9,000 บาท
แต่ค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆก็มีอีกเยอะเหมือนกันค่ะ ยกตัวอย่างเช่นค่าตั๋วบินไปกลับตอนไปสัมภาษณ์วีซ่า เป็นต้นค่ะ ใครที่จะสมัครก็อย่าลืมเผื่อเงินตรงส่วนนี้กันไว้ด้วยนะคะ
ชีวิตการเป็นออแพร์ที่อเมริกา
อันนี้มาถึงส่วนที่บอกเลยว่าบันเทิงมากค่ะทุกคน เพราะตอนที่เรามาถึง มันยังเป็นหน้าหนาวของที่นี่อยู่เลยค่ะ แล้วสาวไทยคนนี้เค้าทนหนาวไม่ค่อยได้เลยค่ะ ชีวิตช่วงแรกเลยค่อนข้างที่จะลำบากพอสมควร ตื่นเช้ามาเสลดเป็นเลือดทุกวันเลย5555555 บ้านที่เรามาอยู่เค้ามีลูกชายสองคนค่ะ คนโตอายุสามขวบ ส่วนคนน้องเพิ่งเกิดก่อนเรามาถึงได้ประมาณ 1 อาทิตย์เองค่ะ แต่ว่าแม่น้องให้เราดูแลเฉพาะพี่คนโตค่ะ
ในพาร์ทของการทำงาน เราทำงานหกวันค่ะ วันละประมาณ 7 ชั่วโมง จริงๆก็แอบคิดว่างานหนักเหมือนกันนะเนี่ย แต่คิดว่ามาเอาประสบการณ์ + ฝึกภาษาก็ค่อยหายเหนื่อยได้นิดนึงค่ะ งานในแต่ละวันของเราก็จะเกี่ยวกับการดูแลน้องค่ะ เล่นกับน้อง หาข้าวให้น้องกิน พาน้องไปเดินเล่น ดูแลเรื่องเสื้อผ้าของน้อง เก็บของเล่น พาน้องเตรียมตัวเข้านอน
งานจิปาถะอย่างอื่นในบ้านเราไม่จำเป็นต้องทำนะคะ เพราะหน้าที่ออแพร์คือดูแลเด็กเท่านั้นเลยค่ะ (แต่ทางเราก็มีการช่วยทำบ้าง เพราะเราก็อาศัยบ้านเค้าอยู่ มันก็เกรงใจหน่อย เลยช่วยหยิบกวาดบ้างตามอารมณ์ ซึ่งโฮสต์เราเองก็ใจดีมาก ไม่มีปัญหาอะไรเรื่องนี้เลยค่ะ)
พอถึงช่วงวันหยุดเราก็สามารถไปไหนก็ได้เลยค่ะ อย่างเราเวลาช่วงวันหยุดก็จะชอบไปเดินเล่นแถวบ้าน เพราะในหมู่บ้านมีสวนใหญ่ๆให้เดินเล่น บาวทีถ้าว่างมาก+ไม่ขี้เกียจ เราก็จะไปสวนสัตว์+สวนน้ำ เพราะว่าไม่ไกลจากบ้าน
แต่การมาอยู่ที่นี่เองก็มีเรื่องหลายอย่างที่เราต้องปรับตัวโดยเฉพาะเรื่องการกิน จริงๆเรามาอยู่อเมริกาได้สี่เดือนพอดีเลยค่ะ แต่หาของถูกปากได้ยากมากกกกกกกกกกก เป็นเรื่องเดียวที่แอบเศร้าเลยค่ะ
จริงๆมีอีกหลายเรื่องมากๆที่อยากเล่า เพราะมันมีเรื่องราวมากมายจริงๆเลยค่ะ สำหรับใครที่อยากรู้เรื่องอะไรเพิ่มเติมสามารถถามกันเข้ามาได้นะคะ ถ้าว่างจะเข้ามาตอบค่ะ เจอกันใหม่ค่ะ
เรียนจบแล้วไม่รู้จะไปไหนทำอะไร มาลองเป็นออแพร์ออใจที่เมกามั้ยจ๊ะพี่จ๋า
หลายคนอาจจะงงว่า เอ๊ะ ออแพร์นี่มันคืออะไรนะ เป็นงานประเภทไหนไม่เคยจะได้ยินชื่อมาก่อน
ตอนแรกเราเองก็คิดแบบนี้เหมือนกันเลยค่ะ เพราะงั้นวันนี้เราก็จะมารีวิวตั้งแต่ต้นเลยค่ะ ว่าออแพร์คืออะไร ถ้าสนใจต้องทำยังไงต่อ ต้องสมัครที่ไหน สมัครแล้วมาใช้ชีวิตจริงๆเป็นยังไง รวมถึงทริคต่างๆที่ช่วยป้องกันไม่ให้เราถูกหลอกด้วยค่ะ
ออแพร์คืออะไร
ออแพร์ หรือ AU PAIR ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายที่สุดคือพี่เลี้ยงเด็กที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับโฮสต์แฟมิลี่เลยค่ะ จริงๆแล้วมีหลายประเทศเลยนะคะที่เปิดโอกาสให้คนต่างชาติสามารถเข้าไปทำงานเป็นออแพร์ได้ แต่กระทู้นี้เราจะพูดถึงเฉพาะออแพร์ในประเทศอเมริกาเท่านั้นนะคะ เพราะว่าเราเองก็กำลังเป็นออแพร์อยู่ที่อเมริกาเลยค่ะ
โดยโครงการนี้จะเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวโฮสต์แฟมิลี่ชาวอเมริกันเพื่อเรียนรู้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเป็นเวลา 1 ปีด้วยวีซ่า J1 ค่ะ
ออแพร์อเมริกาจะต้องทำงานสัปดาห์ละไม่เกิน 45 ชั่วโมง โดยจะได้รับค่าตอบแทนอาทิตย์ละ 195 ดอลล่าร์ ฟรีอาหารและฟรีที่พักเพราะโฮสต์จะต้องจัดหาห้องนอนและห้องน้ำส่วนตัวให้เราค่ะ
ขั้นตอนการสมัครเป็นออแพร์
สำหรับใครที่สนใจอยากลองหาประสบการณ์ อยากลองใช้ชีวิตในอเมริกาเป็นเวลา 1 ปี แต่มีงบน้อย โครงการออแพร์ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจนะคะ ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการสมัครเป็นออแพร์คือการหาข้อมูลโครงการและการเลือกเอเจนซี่ค่ะ ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปสามารถค้นหาในกูเกิ้ลได้เลยนะคะ สำหรับเอเจนซี่เองก็มีให้เลือกมากมายเหมือนกัน ส่วนเราเลือกใช้บริการของทาง ENGENIUS ค่ะ (แอบกระซิบว่าทางโครงการมีทุนให้ด้วยนะคะ อย่างของเราก็ได้รับทุน 50% ก็ประหยัดงบไปได้เยอะ ใครสนใจก็สามารถสอบถามทางเพจได้เลยนะคะ เจ้าหน้าที่ใจดีตอบไวค่ะ) จะบอกว่าการเลือกเอเจนซี่สำคัญมากค่ะ เพราะว่าเค้าจะเป็นคนให้ข้อมูลว่าเราต้องทำอะไรบ้าง เตรียมเอกสารอะไรบ้างและเป็นคนประสานงานให้เราตั้งแต่ต้นจนเรามาถึงประเทศอเมริกาเลยค่ะ
พอเลือกเอเจนซี่ได้ ขั้นตอนต่างๆ ก็จะแบ่งได้เป็นประมาณนี้ค่ะ
1.เก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็ก+เตรียมเอกสาร+ทดสอบจิตวิทยา
ขั้นตอนนี้ค่อนข้างจะยุ่งยากและจุกจิกนิดนึงค่ะ เพราะว่ามีเอกสารที่ต้องเตรียมเยอะมาก โดยเฉพาะการเก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็ก เพราะว่าออแพร์คือพี่เลี้ยงเด็ก เพราะฉะนั้นผู้สมัครก็จะต้องมีประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กมาก่อน โดยการเก็บชั่วโมงเลี้ยงเด็กจะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือชั่วโมงทางการกับชั่วโมงไม่เป็นทางการ ชั่วโมงทางการคือการเก็บชั่วโมงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กเช่น โรงเรียนอนุบาล สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือบ้านเด็กสงเคราะห์เป็นต้นค่ะ ส่วนชั่วโมงไม่เป็นทางการก็อย่างเช่นการเป็นพี่เลี้ยงเด็กรับจ้างตามบ้าน หรือใครเป็นติวเตอร์สอนเด็กก็เอามาใช้ได้เหมือนกันค่ะ
โดยแต่ละเอเจนซี่ก็จะมีการกำหนดชั่วโมงทางการที่แตกต่างกันออกไปค่ะ โดยของทาง ENGENIUS จะกำหนดขั้นต่ำของชั่วโมงทางการอยู่ที่ 200 ชั่วโมงค่ะ
พอได้ชั่วโมงการทำงานมาแล้ว เราก็จะต้องเตรียมเอกสารประจำตัวต่างๆให้เรียบร้อยตามที่เอเจนซี่บอก ที่สำคัญใครไม่มีใบขับขี่จะต้องไปเรียนแล้วสอบใบขับขี่ให้ผ่านก่อนนะคะ เพราะว่าออแพร์จะต้องมีใบขับขี่ทุกคนค่ะ
ในส่วนของการเตรียมเอกสาร เอเจนซี่จะเป็นคนคอยตรวจทานให้ค่ะว่าถูกต้องมั้ย ขาดตรงไหนบ้าง เมื่อเอกสารเราพร้อมเรียบร้อยแล้ว ทางเอเจนซี่ที่ไทยก็ทำการอัปโหลดส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับทางเอเจนซี่ที่อเมริกาเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของเราอีกที ถ้าทางอเมริกาให้ผ่าน เราก็สามารถออนไลน์โปรไฟล์เพื่อเลือกหาโฮสต์แฟมิลี่ได้เลยค่ะ
2.ออนไลน์โปรไฟล์ หาโฮสต์แฟมิลี่
ขั้นตอนการออนไลน์ก็เป็นอีกขั้นตอนนึงที่เรียกได้ว่าเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยค่ะ ระยะเวลาในการออนไลน์ของออแพร์แต่ละคนกว่าจะได้โฮสต์แฟมิลี่ก็ไม่เท่ากันนะคะ บางคนก็เร็วมาก สองสามวันก็มีโฮสต์มาคุยด้วย บางคนอาจต้อวรอหลักเดือน ครึ่งปี หรือเป็นปีเลยก็มีเหมือนกัน ทริคสำหรับใครที่อยากจะแมทช์เร็วๆ (แมทช์คือการที่เราและโฮสต์แฟมิลี่ตกลงกันว่าจะมาเป็นครอบครัวเดียวกันและทำงานด้วยกันนั่นเองค่ะ) คือการเตรียมโปรไฟล์ + วิดีโอที่พรีเซ้นตัวเราให้ดี ให้เป็นธรรมชาติและทำให้เค้าเห็นว่าเรารักเด็ก สามารถดูแลลูกเค้าได้ค่ะ อบากของเราเองก็ใช้เวลาออนไลน์ไปเกือยชบสองเดือนเลยค่ะกว่าจะได้แมทช์กับโฮสต์
3.ขอวีซ่าก่อนบิน
จะบอกว่าการจะเป็นออแพร์นี่ไม่ง่ายเลยนะคะ มีเรื่องให้ลุ้นตลอด พอเราได้โฮสต์แล้ว ไม่ได้แปลว่าเราจะสามารถบินไปอเมริกาได้ทันทีนะคะ เราจะต้องไปสัมภาษณ์วีซ่าก่อน ซึ่งขั้นตอนนี้บอกเลยว่าการมีเอเจนซี่ดีๆ ช่วยได้เยอะเลยค่ะ เพราะว่าเราจะต้องกรอกฟอร์มของทางกงสุลก่อนจะไปสัมภาษณ์ ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะเราจะต้องกรอกให้ถูกต้องและละเอียด ถ้าใครสมัครกับทาง ENGENIUS ทางเอเจนซี่จะมีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลค่ะว่าตรงไหนต้องกรอกอะไร เพราะข้อมูลในฟอร์มเป็นภาษาอังกฤษหมดเลยค่ะ หลังจากนั้นก็จะมีคนคอยช่วยเช็คค่ะว่าถูกต้องมั้ยก่อนกดส่งและทำการนัดวันสัมภาษณ์
ก่อนจะไปสัมภาษณ์จะมีพี่ๆ จากทาง ENGENIUS โทรมาซักซ้อมให้ค่ะ ว่าท่านทูตน่าจะถามอะไรบ้าง แล้วคำตอบที่เราตอบควรเพิ่มเติมหรือแก้ไขตรงไหนบ้าง ของเราได้สัมภาษณ์ที่เชียงใหม่ค่ะ รอบเดียวผ่านเลย ก่อนเราจะไปสัมภาษณ์ เราเองก็เตรียมคำตอบไปเยอะมากค่ะเพราะเห็นรีวิวมาว่าผ่านยาก+โหด มีหลายคนไม่ผ่านสัมภาษณ์รอบแรกเยอะ ก็เลยแอบกลัว แต่พอถึงเวลาจริงๆ ท่านทูตถามเราแค่คำถามเดียวเองค่ะว่าทำไมอยากเป็นออแพร์ แล้วก็ให้ผ่านเลย ตรงนี้แอบคิดว่าเป็นเพราะเรากรอกเอกสารของทางสถานทูตไปละเอียดมาก เลยผ่านง่าย ซึ่งที่บอกว่าการมีเอเจนซี่สำคัญก็ตรงนี้เลยค่ะ เพราะว่าพี่เจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำอยู่ตลอดตอนกรอกข้อมูล
4.เตรียมตัวบิน
พอวีซ่าผ่าน ทุกอย่างผ่านก็เหลือแค่บินเท่านั้นเลยค่ะ ทางเอเจนซี่ก็จะเป็นคนแจ้งว่าเราจะได้บินเมื่อไหร่ ของเราประมาณสองอาทิตย์หลังได้วีซ่าเราก็ได้บินเลยค่ะ เรียกได้ว่าไม่นานเกินรอ
สรุประยะเวลาทั้งหมดที่เราใช้ตั้งแต่เริ่มหาข้อมูล เตรียมตัวเก็บชั่วโมงต่างๆ จนถึงบิน ก็ใช้เวลาไปประมาณ 7-8 เดือนค่ะ (บางคนอาจจะเร็วหรือช้ากว่านี้ขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวเลยค่ะ)
ค่าใช้จ่าย
มาถึงในส่วนที่เราคิดว่าหลายคนอาจจะอยากรู้แล้วนะคะว่าจะเป็นออแพร์ทั้งทีนี่มันต้องใช้เงินเท่าไหร่กันนะ
ค่าใช้จ่ายของเราหลัก ๆ เป็นประมาณนี้เลยค่ะ
1.ค่าสมัครกับทางเอเจนซี่ 5,000 บาท
2.ค่าโครงการ 25,000 บาท
3.ค่าวีซ่า 9,000 บาท
แต่ค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆก็มีอีกเยอะเหมือนกันค่ะ ยกตัวอย่างเช่นค่าตั๋วบินไปกลับตอนไปสัมภาษณ์วีซ่า เป็นต้นค่ะ ใครที่จะสมัครก็อย่าลืมเผื่อเงินตรงส่วนนี้กันไว้ด้วยนะคะ
ชีวิตการเป็นออแพร์ที่อเมริกา
อันนี้มาถึงส่วนที่บอกเลยว่าบันเทิงมากค่ะทุกคน เพราะตอนที่เรามาถึง มันยังเป็นหน้าหนาวของที่นี่อยู่เลยค่ะ แล้วสาวไทยคนนี้เค้าทนหนาวไม่ค่อยได้เลยค่ะ ชีวิตช่วงแรกเลยค่อนข้างที่จะลำบากพอสมควร ตื่นเช้ามาเสลดเป็นเลือดทุกวันเลย5555555 บ้านที่เรามาอยู่เค้ามีลูกชายสองคนค่ะ คนโตอายุสามขวบ ส่วนคนน้องเพิ่งเกิดก่อนเรามาถึงได้ประมาณ 1 อาทิตย์เองค่ะ แต่ว่าแม่น้องให้เราดูแลเฉพาะพี่คนโตค่ะ
ในพาร์ทของการทำงาน เราทำงานหกวันค่ะ วันละประมาณ 7 ชั่วโมง จริงๆก็แอบคิดว่างานหนักเหมือนกันนะเนี่ย แต่คิดว่ามาเอาประสบการณ์ + ฝึกภาษาก็ค่อยหายเหนื่อยได้นิดนึงค่ะ งานในแต่ละวันของเราก็จะเกี่ยวกับการดูแลน้องค่ะ เล่นกับน้อง หาข้าวให้น้องกิน พาน้องไปเดินเล่น ดูแลเรื่องเสื้อผ้าของน้อง เก็บของเล่น พาน้องเตรียมตัวเข้านอน
งานจิปาถะอย่างอื่นในบ้านเราไม่จำเป็นต้องทำนะคะ เพราะหน้าที่ออแพร์คือดูแลเด็กเท่านั้นเลยค่ะ (แต่ทางเราก็มีการช่วยทำบ้าง เพราะเราก็อาศัยบ้านเค้าอยู่ มันก็เกรงใจหน่อย เลยช่วยหยิบกวาดบ้างตามอารมณ์ ซึ่งโฮสต์เราเองก็ใจดีมาก ไม่มีปัญหาอะไรเรื่องนี้เลยค่ะ)
พอถึงช่วงวันหยุดเราก็สามารถไปไหนก็ได้เลยค่ะ อย่างเราเวลาช่วงวันหยุดก็จะชอบไปเดินเล่นแถวบ้าน เพราะในหมู่บ้านมีสวนใหญ่ๆให้เดินเล่น บาวทีถ้าว่างมาก+ไม่ขี้เกียจ เราก็จะไปสวนสัตว์+สวนน้ำ เพราะว่าไม่ไกลจากบ้าน
แต่การมาอยู่ที่นี่เองก็มีเรื่องหลายอย่างที่เราต้องปรับตัวโดยเฉพาะเรื่องการกิน จริงๆเรามาอยู่อเมริกาได้สี่เดือนพอดีเลยค่ะ แต่หาของถูกปากได้ยากมากกกกกกกกกกก เป็นเรื่องเดียวที่แอบเศร้าเลยค่ะ
จริงๆมีอีกหลายเรื่องมากๆที่อยากเล่า เพราะมันมีเรื่องราวมากมายจริงๆเลยค่ะ สำหรับใครที่อยากรู้เรื่องอะไรเพิ่มเติมสามารถถามกันเข้ามาได้นะคะ ถ้าว่างจะเข้ามาตอบค่ะ เจอกันใหม่ค่ะ