เมื่อไม่กี่วันก่อนมีเพื่อนๆ วัยเกษียณในกลุ่มไลน์ ส่งกระทู้พันทิปอันหนึ่งมาให้อ่าน พูดถึงสวนสนุก Happyland ในอดีต
ถามว่ามีใครจำได้บ้างไหม เมื่อได้อ่านดูและเห็นรูปถ่ายเก่าๆ ก็รู้สึกย้อนนึกไปถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยพาลูกๆ ไปเที่ยว
แต่ไม่ได้พาเขาไปเที่ยวที่ Happyland แบบกระทู้นั้นหรอก
แต่ก็อดคิดถึงตอนลูกๆ ยังเด็กไม่ได้ ก็เลยอยากจะเล่าดูบ้าง เผื่อลูกๆ จะมีโอกาสได้มาอ่าน
2 วันก่อนมีจังหวะ ก็เลยไปรื้อค้นห้องเก็บของอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ไม่ได้รื้อมานานตั้งแต่เกษียณอายุราชการ 4 ปี มาแล้ว
ได้ขนของสัมภาระกลับบ้านจากกรุงเทพฯ ก็มาอยู่บ้านลพบุรี จริงๆแล้วก็อยู่ลพบุรีมาตั้งแต่เริ่มรับราชการที่
กองพยาบาลศูนย์สงครามพิเศษปี 2520 แล้วล่ะ มาเมื่อปี 2549 ก็ย้ายไปกรุงเทพฯ อยู่ 10 ปี จนเกษียณ
มีสัมภาระกลับมาด้วยมากพอสมควร พอมีโอกาสก็จะคอยมาจัดวางใหม่ ผสมกับของติดบ้านเดิมด้วย จัดไปเรื่อยๆ เป็นระยะๆ
ผมไปพบแฟ้มอัลบั้มรูปภาพเก่า สมัยลูก 2 คน อ๊อคและแอ็คยังเล็กๆ อยู่ และพากันไปเที่ยวหลายครั้ง
ส่วนใหญ่มักจะพาไปชายทะเล ทั้งด้านตะวันออก เช่น วังแก้ว แหลมสิงห์ หาดแม่รำพึง ส่วนพัทยา บางแสน ได้แต่แวะผ่านไป
ไม่ได้พักค้างคืนเพราะคนเยอะเกินไป หลายครั้งจะเป็นด้านทางใต้ เช่น ชะอำ สวนสน หัวหิน ที่มีรูปในแฟ้มก็เป็นที่หาดปึกเตียน เพชรบุรี
ช่วงนั้นผมรับราชการเป็นนายแพทย์ใหญ่ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษที่จังหวัดลพบุรี รูปในอัลบั้มนี้ก็นานประมาณ 30 ปีแล้ว
นึกรายละเอียดไม่ได้หมด แต่ก็ยังจำบรรยากาศได้ดี
ตอนนั้นบ้านเราใช้รถ Pick Up ตอนเดียว ใส่หลังคากระบะท้าย มีหน้าต่างด้วย เปิดรับแอร์ธรรมชาติ
เวลาไปเที่ยวมักจะมีเพื่อนบ้านที่สนิทกัน หรือไม่ก็ลูกน้องที่ทำงานร่วมไปด้วยเสมอ นั่งท้ายได้ 6-7 คน
พูดคุยกันสนุกสนาน เด็กๆ จะสดชื่น ตื่นเต้นกันมาก รถก็ขับได้ ไม่เร็วนัก ค่อยๆไป คงเนื่องจากสมรรถนะของรถ
และเส้นทางก็มักจะเป็น 2 เลนสวนกันเป็นส่วนใหญ่ ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ถนนหนทางกว้าง 4-6 เลน มีเกาะกลางถนน
แต่เหตุผลที่สำคัญก็คงจะเป็นเรื่องของความปลอดภัยนั่นแหละ เรียกว่าขับกินลมกันจนอิ่มท้องไปเลย
และนี่เลยทำให้แม่บ้านขึ้นรถทีไรพักเดียวก็จะหลับไปเลย จนบางครั้งทำให้รู้สึกว่าเราขับรถไปคนเดียวหรือนี่
ปัจจุบันก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่ เคยถามว่า “จะไม่คุยอะไรกับเราบ้างเหรอ” เธอกลับตอบให้เราภูมิใจ ชื่นใจ เหมือนกันว่า
“พ่อขับรถดี ไว้ใจ สบายใจ เลยหลับได้สบาย ถ้าคนอื่นขับ จะไม่กล้านอน กลัว” เป็นงั้นไป
สำหรับบรรยากาศสองข้างทาง ก็เปลี่ยนแปลงไปมากเลย สมัยนั้นสองข้างทางเป็นทุ่งนาโล่ง เขตหมู่บ้านก็ห่างๆกัน
พัทยา บางแสน ตึกรามบ้านช่องก็ไม่แน่นขนัดอย่างทุกวันนี้ การจราจรก็โล่งสะดวกสบาย ไม่เหมือนทุกวันนี้เลย
โดยเฉพาะผู้คน ทุกวันนี้มากมายเหลือเกินทำให้ไม่ค่อยจะชอบไปเท่าไหร่
บ้านเราชอบจะไปเที่ยวชายทะเลมากกว่าภูเขา โดยเฉพาะแอ็ค ลูกสาวคนเล็ก จะชอบมาก ยังจำภาพที่เขาเล่นน้ำทะเล
เล่นทรายอยู่ชายทะเลทั้งวัน ตัวดำเมียมเลย เรากลัวเขาจะไม่สบาย แต่เขาก็ไม่เป็นอะไร เขาแข็งแรงดี
ที่หาดปึกเตียน จังหวัดเพชรบุรี จะมีรูปปั้นนางผีเสื้อสมุทรยืนเรียกพระอภัยมณีที่นั่งเป่าขลุ่ยอยู่ชายทะเล
ก็เลยได้โอกาสเล่าเรื่องพระอภัยมณีให้เด็กๆฟังด้วย เด็กๆก็ตื่นเต้นสนใจกันใหญ่
ลูกสาวคนเล็กชอบถ่ายรูป คงจะได้จากแม่มา ตรงกันข้ามกับพี่ชาย
รูปนี้ดูจากท่าทางแล้วก็คงจะอยากเป็นนางเงือกคู่กับพระอภัยมณีข้างหลังนั่น
สองพี่น้องครับ ห่างกัน 9 ปี เจ้าลูกสาวชอบโดนหลอกว่าเก็บมาเลี้ยง ร้องไห้ใหญ่
นางผีเสื้อสมุทร
จำได้ว่ามีครั้งหน่ึ่งให้ลูกๆ ไปถ่ายรูปกับนางผีเสื้อสมุทร แล้วลูกสาวโดนหินหรือเปลือกหอยแถวนั้นบาดเท้า
คงจะแสบน่าดูทีเดียว โดนน้ำทะเลเค็มๆ
จำได้ว่าทั้งอ๊อคและแอ็ค หรือจะว่าไปก็เด็กๆ นั่นแหละ เขามีพลังเหลือเฟือจริงๆ
ตกเย็น ล้อมวง กินกุ้ง หอย ปู ปลา ปิ้งย่าง กันอย่างเอร็ดอร่อย กินหอยแมลงภู่ เป็นกะละมังเลย
ตอนนอนก็หลับสนิทเลย สะสมพลังเต็มที่ไว้วันใหม่ได้ลงเล่นที่ชายทะเลอีก
มาย้อนนึกดูแล้ว ชีวิตวัยเด็กช่างน่าอิจฉาจริงๆ ชีวิตพ่อแม่ก็ต้องการเพียงให้ลูกๆ
เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สู้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีคุณภาพเท่านั้นเอง
นี่ก็ไปเที่ยวทะเลกันอีก ไปเที่ยวกันตั้งแต่เล็กเลย ลูกๆ ชอบมาก ตัวดำเมียมเลยครับ
นี่รูปตอนหนุ่มๆ สาวๆ ครับ สมัยผมเป็นนายแพทย์ใหญ่ที่ลพบุรี ส่วนภรรยาผมนี่ก็เป็นพลร่มหญิงเลยนะครับ
ก็ไปเจอเค้าตอนไปฝึกทหารที่ลพบุรีนั่นแหละครับ ก็รักเลย เจ้าลูกชายไม่ค่อยชอบถ่ายรูป หน้าบึ้งตึงมาก
ตอนนี้ก็เป็นหมอใหญ่เหมือนกัน ส่วนลูกสาวคนเล็กก็ชอบถ่ายรูปเหมือนเดิม
ส่วนรูปนี้มีสี่คนนะครับ หาอีกคนเจอไหมครับ
จะว่าไปจริงๆแล้ว ดูเหมือนตัวผมเองก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนเสียเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะติดภาระหน้าที่การงาน
ยิ่งตำแหน่งสูงขึ้น ก็ดูเหมือนว่าเราจะไม่ค่อยได้ไปไหน จะมีก็แต่ไปดูงานต่างจังหวัดหรือต่างประเทศบ้าง
หรือได้ไปเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ที่มีคนรู้จักมาชวนไปบ้างนานๆ ครั้ง
ตอนนี้ตัวผมเองก็เกษียณแล้ว ก็ดูเหมือนจะเริ่มมีโอกาส ได้ท่องเที่ยวมากขึ้น ก็เที่ยวกับพรรคพวกที่เกษียณด้วยกันนั่นแหละ
แต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวกันแบบทั้งครอบครัวเหมือนแต่ก่อนด้วยกันเสียที ส่วนหน่ึ่งก็เป็นเพราะลูกๆ ทั้งสองนั้นติดภาระหน้าที่
จะลางานนานๆ ก็ไม่สะดวก ยิ่งเจ้าลูกชายคนโต เป็นคุณหมอจะลายาวๆ ห่างคนไข้ก็เป็นกังวล
อีกส่วนก็คงเป็นเพราะลูกทั้งสองไม่ยอมเรียนขับรถ เราก็ได้แต่พร่ำบอกให้เขาไปเรียนแล้วพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวบ้าง ใกล้ๆก็ได้
เราก็รอเหมือนกันว่าวันไหนลูกๆ จะยอมไปเรียนกัน
วันนี้ก็ขอเล่าเพียงเท่านี้นะครับ ถ้าผมนึกอะไรออกอีก ถึงที่อื่นๆ ที่พาลูกๆ ไปเที่ยวกัน
จะมาเล่าให้ฟังกันอีกนะครับ ต้องๆค่อยคิดหน่อย ตามภาษาคนแก่วัยเกษียณครับ
สวัสดีครับ
รีวิวพาลูกๆเที่ยวทะเล 30 ปีที่แล้ว
ถามว่ามีใครจำได้บ้างไหม เมื่อได้อ่านดูและเห็นรูปถ่ายเก่าๆ ก็รู้สึกย้อนนึกไปถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยพาลูกๆ ไปเที่ยว
แต่ไม่ได้พาเขาไปเที่ยวที่ Happyland แบบกระทู้นั้นหรอก
แต่ก็อดคิดถึงตอนลูกๆ ยังเด็กไม่ได้ ก็เลยอยากจะเล่าดูบ้าง เผื่อลูกๆ จะมีโอกาสได้มาอ่าน
2 วันก่อนมีจังหวะ ก็เลยไปรื้อค้นห้องเก็บของอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ไม่ได้รื้อมานานตั้งแต่เกษียณอายุราชการ 4 ปี มาแล้ว
ได้ขนของสัมภาระกลับบ้านจากกรุงเทพฯ ก็มาอยู่บ้านลพบุรี จริงๆแล้วก็อยู่ลพบุรีมาตั้งแต่เริ่มรับราชการที่
กองพยาบาลศูนย์สงครามพิเศษปี 2520 แล้วล่ะ มาเมื่อปี 2549 ก็ย้ายไปกรุงเทพฯ อยู่ 10 ปี จนเกษียณ
มีสัมภาระกลับมาด้วยมากพอสมควร พอมีโอกาสก็จะคอยมาจัดวางใหม่ ผสมกับของติดบ้านเดิมด้วย จัดไปเรื่อยๆ เป็นระยะๆ
ผมไปพบแฟ้มอัลบั้มรูปภาพเก่า สมัยลูก 2 คน อ๊อคและแอ็คยังเล็กๆ อยู่ และพากันไปเที่ยวหลายครั้ง
ส่วนใหญ่มักจะพาไปชายทะเล ทั้งด้านตะวันออก เช่น วังแก้ว แหลมสิงห์ หาดแม่รำพึง ส่วนพัทยา บางแสน ได้แต่แวะผ่านไป
ไม่ได้พักค้างคืนเพราะคนเยอะเกินไป หลายครั้งจะเป็นด้านทางใต้ เช่น ชะอำ สวนสน หัวหิน ที่มีรูปในแฟ้มก็เป็นที่หาดปึกเตียน เพชรบุรี
ช่วงนั้นผมรับราชการเป็นนายแพทย์ใหญ่ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษที่จังหวัดลพบุรี รูปในอัลบั้มนี้ก็นานประมาณ 30 ปีแล้ว
นึกรายละเอียดไม่ได้หมด แต่ก็ยังจำบรรยากาศได้ดี
ตอนนั้นบ้านเราใช้รถ Pick Up ตอนเดียว ใส่หลังคากระบะท้าย มีหน้าต่างด้วย เปิดรับแอร์ธรรมชาติ
เวลาไปเที่ยวมักจะมีเพื่อนบ้านที่สนิทกัน หรือไม่ก็ลูกน้องที่ทำงานร่วมไปด้วยเสมอ นั่งท้ายได้ 6-7 คน
พูดคุยกันสนุกสนาน เด็กๆ จะสดชื่น ตื่นเต้นกันมาก รถก็ขับได้ ไม่เร็วนัก ค่อยๆไป คงเนื่องจากสมรรถนะของรถ
และเส้นทางก็มักจะเป็น 2 เลนสวนกันเป็นส่วนใหญ่ ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ถนนหนทางกว้าง 4-6 เลน มีเกาะกลางถนน
แต่เหตุผลที่สำคัญก็คงจะเป็นเรื่องของความปลอดภัยนั่นแหละ เรียกว่าขับกินลมกันจนอิ่มท้องไปเลย
และนี่เลยทำให้แม่บ้านขึ้นรถทีไรพักเดียวก็จะหลับไปเลย จนบางครั้งทำให้รู้สึกว่าเราขับรถไปคนเดียวหรือนี่
ปัจจุบันก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่ เคยถามว่า “จะไม่คุยอะไรกับเราบ้างเหรอ” เธอกลับตอบให้เราภูมิใจ ชื่นใจ เหมือนกันว่า
“พ่อขับรถดี ไว้ใจ สบายใจ เลยหลับได้สบาย ถ้าคนอื่นขับ จะไม่กล้านอน กลัว” เป็นงั้นไป
สำหรับบรรยากาศสองข้างทาง ก็เปลี่ยนแปลงไปมากเลย สมัยนั้นสองข้างทางเป็นทุ่งนาโล่ง เขตหมู่บ้านก็ห่างๆกัน
พัทยา บางแสน ตึกรามบ้านช่องก็ไม่แน่นขนัดอย่างทุกวันนี้ การจราจรก็โล่งสะดวกสบาย ไม่เหมือนทุกวันนี้เลย
โดยเฉพาะผู้คน ทุกวันนี้มากมายเหลือเกินทำให้ไม่ค่อยจะชอบไปเท่าไหร่
บ้านเราชอบจะไปเที่ยวชายทะเลมากกว่าภูเขา โดยเฉพาะแอ็ค ลูกสาวคนเล็ก จะชอบมาก ยังจำภาพที่เขาเล่นน้ำทะเล
เล่นทรายอยู่ชายทะเลทั้งวัน ตัวดำเมียมเลย เรากลัวเขาจะไม่สบาย แต่เขาก็ไม่เป็นอะไร เขาแข็งแรงดี
ที่หาดปึกเตียน จังหวัดเพชรบุรี จะมีรูปปั้นนางผีเสื้อสมุทรยืนเรียกพระอภัยมณีที่นั่งเป่าขลุ่ยอยู่ชายทะเล
ก็เลยได้โอกาสเล่าเรื่องพระอภัยมณีให้เด็กๆฟังด้วย เด็กๆก็ตื่นเต้นสนใจกันใหญ่
ลูกสาวคนเล็กชอบถ่ายรูป คงจะได้จากแม่มา ตรงกันข้ามกับพี่ชาย
รูปนี้ดูจากท่าทางแล้วก็คงจะอยากเป็นนางเงือกคู่กับพระอภัยมณีข้างหลังนั่น
สองพี่น้องครับ ห่างกัน 9 ปี เจ้าลูกสาวชอบโดนหลอกว่าเก็บมาเลี้ยง ร้องไห้ใหญ่
นางผีเสื้อสมุทร
จำได้ว่ามีครั้งหน่ึ่งให้ลูกๆ ไปถ่ายรูปกับนางผีเสื้อสมุทร แล้วลูกสาวโดนหินหรือเปลือกหอยแถวนั้นบาดเท้า
คงจะแสบน่าดูทีเดียว โดนน้ำทะเลเค็มๆ
จำได้ว่าทั้งอ๊อคและแอ็ค หรือจะว่าไปก็เด็กๆ นั่นแหละ เขามีพลังเหลือเฟือจริงๆ
ตกเย็น ล้อมวง กินกุ้ง หอย ปู ปลา ปิ้งย่าง กันอย่างเอร็ดอร่อย กินหอยแมลงภู่ เป็นกะละมังเลย
ตอนนอนก็หลับสนิทเลย สะสมพลังเต็มที่ไว้วันใหม่ได้ลงเล่นที่ชายทะเลอีก
มาย้อนนึกดูแล้ว ชีวิตวัยเด็กช่างน่าอิจฉาจริงๆ ชีวิตพ่อแม่ก็ต้องการเพียงให้ลูกๆ
เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สู้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีคุณภาพเท่านั้นเอง
นี่ก็ไปเที่ยวทะเลกันอีก ไปเที่ยวกันตั้งแต่เล็กเลย ลูกๆ ชอบมาก ตัวดำเมียมเลยครับ
นี่รูปตอนหนุ่มๆ สาวๆ ครับ สมัยผมเป็นนายแพทย์ใหญ่ที่ลพบุรี ส่วนภรรยาผมนี่ก็เป็นพลร่มหญิงเลยนะครับ
ก็ไปเจอเค้าตอนไปฝึกทหารที่ลพบุรีนั่นแหละครับ ก็รักเลย เจ้าลูกชายไม่ค่อยชอบถ่ายรูป หน้าบึ้งตึงมาก
ตอนนี้ก็เป็นหมอใหญ่เหมือนกัน ส่วนลูกสาวคนเล็กก็ชอบถ่ายรูปเหมือนเดิม
ส่วนรูปนี้มีสี่คนนะครับ หาอีกคนเจอไหมครับ
จะว่าไปจริงๆแล้ว ดูเหมือนตัวผมเองก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนเสียเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะติดภาระหน้าที่การงาน
ยิ่งตำแหน่งสูงขึ้น ก็ดูเหมือนว่าเราจะไม่ค่อยได้ไปไหน จะมีก็แต่ไปดูงานต่างจังหวัดหรือต่างประเทศบ้าง
หรือได้ไปเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ที่มีคนรู้จักมาชวนไปบ้างนานๆ ครั้ง
ตอนนี้ตัวผมเองก็เกษียณแล้ว ก็ดูเหมือนจะเริ่มมีโอกาส ได้ท่องเที่ยวมากขึ้น ก็เที่ยวกับพรรคพวกที่เกษียณด้วยกันนั่นแหละ
แต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวกันแบบทั้งครอบครัวเหมือนแต่ก่อนด้วยกันเสียที ส่วนหน่ึ่งก็เป็นเพราะลูกๆ ทั้งสองนั้นติดภาระหน้าที่
จะลางานนานๆ ก็ไม่สะดวก ยิ่งเจ้าลูกชายคนโต เป็นคุณหมอจะลายาวๆ ห่างคนไข้ก็เป็นกังวล
อีกส่วนก็คงเป็นเพราะลูกทั้งสองไม่ยอมเรียนขับรถ เราก็ได้แต่พร่ำบอกให้เขาไปเรียนแล้วพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวบ้าง ใกล้ๆก็ได้
เราก็รอเหมือนกันว่าวันไหนลูกๆ จะยอมไปเรียนกัน
วันนี้ก็ขอเล่าเพียงเท่านี้นะครับ ถ้าผมนึกอะไรออกอีก ถึงที่อื่นๆ ที่พาลูกๆ ไปเที่ยวกัน
จะมาเล่าให้ฟังกันอีกนะครับ ต้องๆค่อยคิดหน่อย ตามภาษาคนแก่วัยเกษียณครับ
สวัสดีครับ