คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
1. ที่คุณกลัวคือ กลัวแบงค์อนุมัติให้พ่อกู้ ซึ่งไม่มีใครตอบคุณได้เรื่องนี้ นอกจากแบงค์
เพราะฉะนั้น ให้คุณโทร.หาแบงค์ที่จะกู้เลยครับ คุยกับฝ่ายสินเชื่อ
ถามตรงๆ ว่า จะกู้ผ่านหรือเปล่า
ถ้าไม่ผ่าน ก็โล่งไป
ถ้าผ่าน ก็ถามไปตรงๆ เหมือนกันว่า ทำยังไงถึงจะไม่ผ่าน เดี๋ยวแบงค์จะแนะนำเอง
ทั้งหมดนี้ อย่าให้อารู้ล่ะ
2. สมมติกู้บ้านไม่ได้แล้ว คาดว่าอาจะตามมารังควานต่อแน่
เพราะฉะนั้น คุณควรเตรียมรับมือ ด้วยการทำให้ทรัพย์สินทั้งหมดของพ่อ "มีเจ้าของ"
คือเขียนบัญชีขึ้นมา แจกแจงให้หมดว่า เงินทั้งในปัจจุบันและอนาคตของพ่อ จะถูกใช้ไปในเรื่องไหนบ้าง
จริงมั่งโม้มั่งก็ว่าไป
หรืออาจจะเพิ่มภาระแบบที่มีประโยชน์ก็ได้
เช่น เอาเงินไปซื้อประกันชีวิต ซื้อที่ดิน ฯลฯ
พออาจะมารบกวนเรื่องเงิน
ก็เอาบัญชีนี้ขึ้นมาอธิบายให้เค้าฟัง
ลองดูว่าปฏิกิริยาของอาจะเป็นไง
เพราะฉะนั้น ให้คุณโทร.หาแบงค์ที่จะกู้เลยครับ คุยกับฝ่ายสินเชื่อ
ถามตรงๆ ว่า จะกู้ผ่านหรือเปล่า
ถ้าไม่ผ่าน ก็โล่งไป
ถ้าผ่าน ก็ถามไปตรงๆ เหมือนกันว่า ทำยังไงถึงจะไม่ผ่าน เดี๋ยวแบงค์จะแนะนำเอง
ทั้งหมดนี้ อย่าให้อารู้ล่ะ
2. สมมติกู้บ้านไม่ได้แล้ว คาดว่าอาจะตามมารังควานต่อแน่
เพราะฉะนั้น คุณควรเตรียมรับมือ ด้วยการทำให้ทรัพย์สินทั้งหมดของพ่อ "มีเจ้าของ"
คือเขียนบัญชีขึ้นมา แจกแจงให้หมดว่า เงินทั้งในปัจจุบันและอนาคตของพ่อ จะถูกใช้ไปในเรื่องไหนบ้าง
จริงมั่งโม้มั่งก็ว่าไป
หรืออาจจะเพิ่มภาระแบบที่มีประโยชน์ก็ได้
เช่น เอาเงินไปซื้อประกันชีวิต ซื้อที่ดิน ฯลฯ
พออาจะมารบกวนเรื่องเงิน
ก็เอาบัญชีนี้ขึ้นมาอธิบายให้เค้าฟัง
ลองดูว่าปฏิกิริยาของอาจะเป็นไง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ถ้าคุณ : กู้ให้เขา คุณเสียทั้งญาติ เสียทั้งเงิน ดีไม่ดีเสียเครดิต (ถ้าเขาเบี้ยว)
กับ
ถ้าคุณ : ไม่กู้ให้เขา คุณเสียแต่ญาติ ไม่เสียเงิน ไม่เสียเครดิต
โบราณท่านว่า
๑. เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด
๒. เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอตาย (กรณีนี้)
ต่อให้เขามาบีบน้ำตาร้องไห้แค่ไหน ครวญครางนอนเกลือกกลิ้นหน้าบ้าน ๓ วัน ๗ วัน ถ้าคุณไม่ยอม คุณก็ไม่ต้องเสียใจภายหลัง อยากตกนรกทั้งเป็นล่มจมกันทั้งบ้าน เพราะญาติคนเดียว หรือยอมตัดญาติคนเดียว แล้วเอาชีวิตครอบครัวให้รอด
บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจคนแบบคุณ ว่าทำไมถึงใจอ่อน เป็นผม ๆ ตัดญาติเลย
กับ
ถ้าคุณ : ไม่กู้ให้เขา คุณเสียแต่ญาติ ไม่เสียเงิน ไม่เสียเครดิต
โบราณท่านว่า
๑. เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด
๒. เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอตาย (กรณีนี้)
ต่อให้เขามาบีบน้ำตาร้องไห้แค่ไหน ครวญครางนอนเกลือกกลิ้นหน้าบ้าน ๓ วัน ๗ วัน ถ้าคุณไม่ยอม คุณก็ไม่ต้องเสียใจภายหลัง อยากตกนรกทั้งเป็นล่มจมกันทั้งบ้าน เพราะญาติคนเดียว หรือยอมตัดญาติคนเดียว แล้วเอาชีวิตครอบครัวให้รอด
บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจคนแบบคุณ ว่าทำไมถึงใจอ่อน เป็นผม ๆ ตัดญาติเลย
ความคิดเห็นที่ 31
Log in มาตอบกระทู้นี้โดยเฉพาะ จากความรู้สึกของลูกคนนึง เราเหมือนคุณทุกอย่าง น้องของพ่อระเห็ดจากบ้านนอกไปอยู่กรุงเทพ ไปๆมาๆ ติดแบล็คลิส+ล้มละลาย ทุกสิ่งอย่าง หนีหนี้จากกรุงเทพกลับมาบ้านนอก มาอยู่บ้านแม่ นางก็ไม่วายอยากสร้างนู่นนี่นั่น คงอายชาวบ้านชาวช่องที่ต้องกลับมาบ้านนอก อยากโชว์คนอื่นว่ามีตังค์งี้ อยากทำบ้าน ต่อบ้าน แต่ด้วยความที่ไม่มีเงิน บวกกับนางกู้ธนาคารเองไม่ได้ ก็มาขอให้พ่อเรากู้ให้ เหมือนที่คุณเล่ามาเลย พอแม่เรารู้เรื่อง แม่เราไม่พอใจมาก เพราะทั้งเราทั้งน้องเรา กำลังต่อปริญญาตรี แม่เราทะเลาะกับพ่อหลายครั้งมาก แต่ด้วยพอเราเป็นคนไม่ฟังใคร บวกกับรักแม่มาก เพราะน้องของพ่อเราไปบอกให้แม่มาช่วยพูด ตอนนั้นพ่อเราคงไม่ได้คิดอะไร แค่อยากช่วยน้องที่พ่อเรามองว่าคือครอบครัว จนพ่อเราต้องไปกู้ให้ ตอนแรกไปคุยกับผู้จัดการธนาคารเค้าจะไม่ทำเรื่องให้กู้ เพราะเค้าไม่เห็นด้วย แต่ไปอิท่าไหนไม่รู้ ไปอีกทีวันผู้จัดการคนนั้นไม่อยู่ กลายเป็นว่าได้กู้เฉย หนี้ประมาณเกือบล้าน นางก็สบายใจได้ทำบ้านของนาง พ่อเรายอมหยุดงานทุกสิ่งอย่างไปช่วยนางทำบ้าน ค่าแรงอะไรไม่ได้สักบาท มิหนำซ้ำพอนางหมุนเงินไม่ทัน (ตรงนี้เราไม่เข้าใจว่าธนาคารให้เงินมายังไง) นางก็มายืมพ่อเราอีก เป็นหมื่น ทั้งๆที่เงินนั้นแม่จะเก็บไว้ส่งให้พวกเราเรียนหนังสือ นางบอกยืมก่อนเดียวจะคืน ไปๆมาๆ ทำบ้านเสร็จ แม่ของพ่อก็เสีย กลายเป็นพ่อต้องรับผิดชอบเงินทุกอย่าง พอหลังจากเสร็จงานศพทุกอย่าง อีนางน้องของพ่อ ด้วยความที่ไม่มีงานระจำเป็นหลักแหล่ง ทำให้นางไม่มีเงินส่งธนาคาร นางเลยแก้ปัญหาด้วยการหนีหนี้ เก็บของทุกอย่างหนีไปจังหวัดอื่น (นิสัยถาวรเดิมๆ) ทิ้งให้พ่อเราต้องรับมือกับหนี้สินที่เกิดจากคนที่พ่อหวังดี ธนาคารมาบ้านเราบ่อยมาก มาทวงเงิน มาบอกว่าถ้าไม่ส่งจะยึดที่ยึดบ้านที่เราอยู่ แม่เราเครียดมาก ร้องไห้ทุกวัน เหมือนช่วงนั้นเป็นช่วงแย่ที่สุดในชีวิต แม่เราไม่คุยกับพ่อเป็นอาทิตย์ พ่อเราก็เครียดพุดแต่ว่าอยากตายๆ จะได้ไม่ต้องให้ที่บ้านเดือดร้อน แม่เราเครียดจนต้องเข้าวัดอยู่เป็นอาทิตย์ พอแม่กลับมาบ้าน ได้เข้าใจในธรรมเหมือนแม่เราจะเริ่มทำใจได้ แม่เริ่มรับมือกับปัญหา แม่เราพูดแค่ว่า เสียที่ เสียบ้าน ยังหาทางเอามันกลับมาได้ แต่ถ้าเสียคนไปแล้วไม่มีทางเอากลับมาได้ จนวันนี้เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น บ้านหลังต้นเหตุมีคนมาซื้อ และจะผ่อนธนาคารเอง ส่วนบ้านเราหมดเงินไปหลายบาทมากระหว่างรอคนมาซื้อก็ต้องผ่อนหนี้เอง เงินที่เก็บไว้ให้พวกเราเรียนไม่มีเหลือสักบาท เราต้องดรอปเรียนหางานทำเพื่อจะได้กลับไปเรียนใหม่ พ่อเราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากเหตุการณ์นี้ เราก็เช่นกัน
อยากฝากให้เจ้าของกระทู้และคนอื่นๆได้คิด โลกนี้มันอยู่ยาก ขนาดคนที่โตมาด้วยกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน อดด้วยกัน อิ่มด้วยกัน ยังหักหลังกันได้ เรื่องเงินเรื่องทอง แม้จะเล็กน้อย ก็อย่าไว้ใจใครเลย เราอยากให้เจ้าของกระทู้สู้ๆ อย่าให้พ่อทำเรื่องกู้ให้ได้เด็ดขาด ถึงพ่อจะโกรธ จะเกลียด แต่สักวันพ่อเจ้าของกระทู้จะเข้าใจเอง ยอมให้คนอื่นมองว่าเราก้าวก่าย ว่าเราไร้น้ำใจ ดีกว่าเราต้องมาchipหายเพราพความมีน้ำใจเลย
อยากฝากให้เจ้าของกระทู้และคนอื่นๆได้คิด โลกนี้มันอยู่ยาก ขนาดคนที่โตมาด้วยกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน อดด้วยกัน อิ่มด้วยกัน ยังหักหลังกันได้ เรื่องเงินเรื่องทอง แม้จะเล็กน้อย ก็อย่าไว้ใจใครเลย เราอยากให้เจ้าของกระทู้สู้ๆ อย่าให้พ่อทำเรื่องกู้ให้ได้เด็ดขาด ถึงพ่อจะโกรธ จะเกลียด แต่สักวันพ่อเจ้าของกระทู้จะเข้าใจเอง ยอมให้คนอื่นมองว่าเราก้าวก่าย ว่าเราไร้น้ำใจ ดีกว่าเราต้องมาchipหายเพราพความมีน้ำใจเลย
แสดงความคิดเห็น
ไม่อยากให้พ่อแม่กู้เงินให้ญาติ ส่งหนังสือคัดค้านการกู้ไปที่ธนาคารได้มั้ยคะ
เราคิดว่าเรื่องมันจะจบลงที่เราไม่กู้ให้ แต่เค้าไม่ยอม ขนาดพ่อบอกว่าธนาคารเค้ามีเงื่อนไขว่าอายุงานสองปีขึ้น แล้วเราเองก็อยากเก็บไว้เผื่อต้องกูให้น้องเรียน เค้าก็ไม่ยอม แล้วก็ว่าพ่อเราว่าเป็นคนเดียวในบรรดาพี่น้องที่ไม่เคยยื่นมือมาช่วยเลย
เราเกลียดประโยคนี้มาก หนี้สินที่เกิดขึ้นมานั่นก็เพราะตัวเค้าทำตัวเองทั้งนั้น เราไม่รู้รายละเอียดมากนักว่าหนี้เค้ามาจากไหน แต่มีเรื่องนึงที่เรารู้คือเค้ากู้เงินซื้อรถให้ลูกชาย ที่ตอนแรกลูกบอกว่าจะผ่อนเอง แต่สุดท้ายเค้าก็ต้องผ่อน รวมถึงหนี้บ้านที้ค้ากู้มาต่อเติม
ใจคอเค้าทำด้วยอะไร พ่อแม่เราก็ไม่ได้ตัวเปล่า มีภาระทั้งนั้น ทีนี้พอเราไม่ยอมกู้ให้ เค้าก็เลยจะให้พ่อกู้ร่วมกับแม่เรา
ภายนอก อาจจะดูว่าครอบครัวเราไม่ได้ลำบากอะไรนัก แต่คือจริงๆแล้วเราช่วยกันประหยัดค่ะ เรามีน้องที่กำลังเรียนมหาลัยสองคน คนเล็กกำลังจะเข้าปีหนึ่งปีหน้า พ่อเป็นข้าราชการธรรมดา แม่ก็เป็นข้าราชการเหมือนกันแต่เออร์ลี่มาเกือบสองปีแล้ว ส่วนเราก็เพิ่งทำงานครบปีไปไม่กี่เดือน
ตอนนี้แม่เราเครียด เราก็กังวล เราไม่อยากคุยกับพ่อเลย ใจนึงเราก็เข้าใจพ่อนะ แต่เราก็อดคิดว่าถ้าครอบครัวเราเดือดร้อนใครจะช่วยเราได้ ถึงแม่จะบอกว่าพ่อเองก็กู้ไม่ผ่านแล้วเพราะตัวพ่อเองก็มีหนี้สินไม่น้อย ถ้าผ่านอย่างดีก็อาจจะไม่เท่าไหร่ ส่วนแม่เองก็รับบำนาญแถมผ่อนบ้านเดือนละเกือบหมื่น แต่เราต้องคิดเผื่อไว้ก่อนในกรณีที่ถ้าเกิดมันผ่านขึ้นมา ครอบครัวเราจะเป็นยังไง เพราะอาคนเล็ก(คนละคนกับที่ขอให้ช่วยกู้)บอกว่าจะเซ็นต์เอกสารให้ยืนยันให้ว่สแม่มีรายได้นอกเดือนหมื่นห้าจากการเป็นผช.ผจก.รีสอร์ท ซึ่งความจริงแล้วแม่เราไม่ได้ไปทำส่วนนั้นเลยแม้แต่น้อย
ที่พ่อยอมทำเรื่องเพราะพ่อเสียใจกับสิ่งที่เค้าพูดมา อยากทำให้จบๆ เค้าจะได้เห็นว่าไม่ใช่ไม่ช่วย แต่มันไม่ผ่านจริงๆ พ่อเองก็มีภาระหนัก
กรณีที่กู้ผ่าน มันต้องจ่ายเดือนละสองหมื่นห้าเลย แล้วงี้น้องเราที่รอเงินเดือนจากพ่อแม่เราจะทำไง ใครพอจะมีคำแนะนำ ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ ตอนนี้บรรยากาศในบ้านเราตึงเครียดมาก
------
อัพเดทล่าสุดที่คห.#72นะคะ