เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) กล่าวถึงกรณที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)รับพิจารณาศึกษาข้อเสนอแก้ไขร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองว่า ถือว่าทำกันเป็นกระบวนการโดยไม่ต้องการให้โรดแมปเดินไปตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ประกาศต่อประชาคมโลกเอาไว้ เพราะอยู่ๆนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. กับ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เครือข่ายประชาชนเพื่อการปฏิรูปก็ยื่นขอแก้ไขกฏหมายพรรคการเมือง โดยมีสนช.บางคนแอ่นอกรับลูก ทั้งๆที่กระบวนการนี้จบไปตั้งแต่ขั้นตอนการยกร่างแล้ว ทำไมถึงไม่ต่อสู้คัดค้านเรื่องนี้ตั้งแต่แรก มาพูดตอนนี้เพื่อให้กระบวนการล่าช้าออกไป เพราะอะไร

“ที่ผ่านมาพรรคการเมืองได้เดินหน้าขานรับและผลักดันให้โรดแมปเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งๆที่ก็รู้ดีว่า กระบวนการต่างๆในกฏหมายพรรคการเมืองมีสิ่งที่มิชอบไม่ถูกต้องอยู่หลายเรื่อง ทำไมไม่ช่วยกันขานรับเจตนารมย์นี้ อะไรที่ทำให้โรดแมปเลื่อนก็ควรไต่ตรองให้หนัก วันนี้ทุกฝ่ายคาดหวังกับการคืนอำนาจให้กับประชาชน สหภาพยุโรป หรืออียู ยอมปลดล็อกให้กับไทยก็เพราะคำมั่นสัญญานายกฯ จึงอยากให้ฝ่ายที่รวมตัวเคลื่อนไหวอยู่ได้สังวอน และตระหนักไว้ว่า อย่าชักใบให้เรือเสีย อย่าให้นายกฯถูกสังคมโลกตราหน้าว่า เป็นคนพูดแล้วทำไม่ได้” นายสมศักดิ์ กล่าว

เมื่อถามถึงข้อเสนอของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมาที่เสนอแก้รัฐธรรมนูญให้ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง และมีแต่ ส.ส.เขตจำนวน 400 ว่า นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คิดว่า การทำให้การเมืองไทยกลับไปยุคอนารยะอีกมันเป็นอันตราย เพราะกำลังจะเปิดช่องและเปิดโอกาสให้มีการทำลายภาพพจน์ของนักการเมืองง่ายมากยิ่งขึ้น ทุกวันนี้นักการเมืองยอมเจ็บด้วยการยอมรับกระบวนการปฏิรูป ถูกจำกัดบทบาทมีควบคุมตรวจสอบก็ทำได้ง่ายขึ้นล้วนแล้ว เป็นการยอมกรีดเลือดตัวเองเพื่อต้องการกอบกู้ภาพลักษณ์ของนักการเมือง ดังนั้น อย่าได้ฉุดและเหนี่ยวรั้งและฉุดให้กงล้อเหล่านี้ถอยหลังกลับไปอีกเลย กรณี ส.ส.ไม่สังกัดพรรคมีบทเรียนที่สังคมรับรู้อยู่แล้วว่า เป็นการเปิดช่องให้บุคคลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเข้ามาสู่อำนาจมากขึ้น