ร้อยโทหญิงสุณิสา ทิวากรดำรง หรือ “หมวดเจี๊ยบ” พร้อมด้วยนายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความ ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้แจ้งความให้ดำเนินคดีฐานกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 เนื่องจากการโพสต์เฟสบุ๊ควิจารณ์รัฐบาล และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

ร้อยโทหญิงสุณิสา กล่าวยืนยันว่า สิ่งที่ทำเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ได้เป็นการใส่ร้าย หรือโจมตีใครเป็นการส่วนตัว แต่เป็นการทำไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และคนไทยทุกคนก็มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลได้ เพราะจะเป็นการช่วยตรวจการใช้อำนาจ ซึ่งความจริงแล้วรัฐบาลควรจะรับฟังความเห็นของประชาชนเพื่อนำไปแก้ปัญหา

ร้อยโทหญิงสุณิสา กล่าวต่อว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนคนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน เป็นสิทธิมนุษยชน รัฐบาลควรที่จะรับฟัง ไม่ใช่ใช้อำนาจไปดำเนินคดีกับคนเห็นต่าง เพราะการแสดงความเห็น ถือว่าเป็นรากฐานสำคัญในการปฏิรูปการเมือง

ส่วนที่มีผู้แทนทางการทูต เข้ามาร่วมสังเกตุการณ์นั้น ยืนยันว่า ไม่ได้มาแทรกแซงคดี แต่เป็นการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ ดังนั้นหากประเทศไทย ต้องการมีพื้นที่ในเวทีโลก จะต้องปฏิบัติกติกาสากล ปกป้องสิทธิมนุษยชน ตามที่ไทยประกาศให้สิทธิมนุษยชนเป็นวาระแห่งชาติ

ทั้งนี้ร้อยโทหญิงสุณิสา ยังตั้งข้อสังเกตว่า การแจ้งข้อกล่าวหาที่มีโทษจำคุกรวมถึง 42 ปี เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาที่มีแรงจูงใจทางการเมือง

ด้านนายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ระบุว่า การแจ้งข้อกล่าวหากับร้อยโทหญิงสุณิสา อาจจะเป็นข้อหาที่หนักเกินจริงกว่าพฤติการ โดยเฉพาะมาตรา 116 จึงฝากไปยังพนักงานสอบสวนว่า อย่าตกเป็นเครื่องมือของรัฐบาล แต่ถ้าเป็นเครื่องมือของรัฐบาง ก็ต้องมีการดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน ของ ปอท.

นอกจากนี้นายนรินท์พงศ์ ยังระบุว่า ไม่ได้หนักใจกับคดีดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาก็สู้กับ คสช. มาทุกเรื่อง แต่มีเรื่องหนักใจที่อำนาจรัฐยังควบคุมทุกอย่างอยู่

สำหรับการเดินทางเจ้ารับทราบข้อกล่าวหาครั้งนี้ มีผู้แทนทางการทูตของสหภาพยุโรป สหรัฐ สหราชอาณาจักร อดีตรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ในพรรคเพื่อไทย เข้าร่วมสังเกตการณ์ และประชาชน เดินทางมาให้กำลังใจ