เรื่องเล่าเก่าแก่ เมื่อหลายสิบปีก่อน มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ คนที่นั่น มีอาชีพทำไร่ทำสวนซะส่วนใหญ่และแล้วจนวันหนึ่งมีชายแปลกหน้ามาจากรุงเทพ มาซื้อที่ดินจากคนในหมู่บ้านคนหนึ่ง ที่หวังเอาเงินไปเสี่ยงโชคในเมืองกรุง ชายแปลกหน้าผู้นั้นก็เข้ามาปลูกบ้านทิ้งไว้แล้วหลังจากบ้านสร้างเสร็จเค้าก็หายตัวไป
หลังจากวันที่มาดูบ้านครั้งสุดท้าย ผ่านมาได้เกือบเดือน ทางบ้านเริ่มเห็นท่าไม่ดี
เพราะเค้าขาดการติดต่อไปนานมาก
น้องชายผู้ซึ่งเป็นตำตรวจชักสงสัย เลยตัดสินใจขอให้ผู้ใหญ่ช่วยย้ายเค้า มาประจำการที่อำเถอที่พี่ชายได้หายตัวไปเพื่อหวังจะตามหาพี่ของเค้า เมื่อมาอยู่ได้ซักพักเค้าก็เริ่มสืบหาเบาะแส สิ่งที่พบจากแฟ้มบันทึกประจำวันคือมีคนมาแจ้งเรื่องคนหายทุกเดือน เดือนล่ะสองถึงสามราย เค้าถามเพื่อนร่วมงานได้ความว่า ส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างถิ่นและพวกนักเลงแถวนั้นแต่ไม่ว่าจะสืบยังไงก็ไม่เคยจับคนร้ายได้ซักที เค้าอยากหาข้อมูลเพิ่มจึงไปยังบ้านหลังที่พี่ชายหายตัวไปพร้อมกับเพื่อนที่เป็นตำรวจด้วยกัน เพื่อนเค้าเล่าว่าหมู่บ้าน ที่จะไปเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่ใครๆก็อยากได้ที่ตรงนั้นเพราะดินที่นั่นปลูกอะไรก็ขึ้นปลูกอะไรก็งามได้ราคาดี แต่แย่ตรงที่คนแถวนั่น ไม่ชอบสุงสิงกับใครคงเพราะหวงที่ดินมากหล่ะมั้ง กลัวคนจะมาล่อซื้อที่ดินตัวเอง
เมื่อไปถึง ก็พบกับชาวบ้านที่น่าตาดูแล้ว ไม่ค่อยจะเป็นมิตรนัก เมื่อถึงที่หมายเวลาประมานสี่โมงเย็น เค้าเดินเข้ามาในตัวบ้าน เป็นบ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆ บ้านมีแต่ฝุ่นและหยากไหย้เต็มไปหมด ข้างในนั้นมืดมากสวิตช์ไฟก็ไม่ทำงาน
เมื่อสำรวจรอบๆ เค้าก็พบอะไรบางอย่างที่ตรงกลางห้อง บนพื้น มี รอยคล้ายๆรอยเลือดแห้งๆ เค้าคิดขึ้นมาทันทีว่า ต้องเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับพี่ชายแน่ๆ ทันใดนั้นก็มีของแข็งฟาดลงที่ท้ายทอยเข้าอย่างจังจนเค้าสลบไป .......
เวลาผ่านไปเค้าก็คืนสติลืมตาขึ้นมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืด เค้าเริ่มตั้งสติก็ พบว่าตัวเค้าถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ในที่แคบๆแทบขยับตัวไม่ได้ รอบๆเป็นน้ำสูงถึงคอหอยและอึดอัดแทบไม่มีอากาศหายใจเค้าคงถูกโยนใส่ถังอะไรซักอย่าง กลิ่นในนั้นเหม็นเน่ามาก แล้วคล้ายมีอะไรลอยไปมาในถังด้วยแต่โชคดีที่เค้าเอามีดพกอันเล็กๆติดตัวมาด้วย จึงพยายามสบัดตัวแรงๆให้มีดตกออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วใช้มือที่ถูกมัดควานหา จากนั้นก็พยายามจะใช้มีดค่อยๆตัดเชือกที่มันขาออก เค้าต้องนั่งท่าคุกเข่าเพื่อนให้ปลายมีดไปถึงเชือกที่มัดขา พอลงไปก็ต้องกลั้นหายใจในน้ำเน่า การแก้มัดเป็นไปอย่างทุลักทุเล แต่แล้วก็สำเร็จ เค้าค่อยๆแง้มฝาถังออกมาช้าๆ มองไปรอบๆให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แล้วก็โผล่พลวดออกมา เค้ามองลงมาในถังที่เค้าแช่อยู่ภาพที่เห็นทำเอาถึงกับอาเจียนออกมาในทันที เพราะในถังมีแต่เลือดน้ำหนองซากศพที่เน่าเปื่อยและบรรดาหนอนแมลงวันน่าขยะแขยง เค้ารีบออกมาจากถังทันทีแล้วก็เริ่มตั้งสติมองไปรอบๆ พบว่าที่นี่คือใต้ถุนบ้านของใครซักคน ข้างนอกมืดมากตอนนี้คงจะดึกมากแล้วเค้าคงสลบไปหลายชั่วโมง แต่เวลานี้สิ่งที่ควรทำคือ ออกมาจากที่นั่น แต่นึกได้ว่า แล้วเพื่อนที่มาด้วยกันหล่ะ
เค้าเปิดถังอีกถังข้างกัน พบเพื่อนนอนสลบอยู่เค้าแบกเพื่อนออกมา โชคดีที่ถังไม่ใหญ่มาก ไม่งั้นเค้าทั้งสอง คงจมน้ำเลือดน้ำหนองตายแน่ๆ แล้วเค้าก็ รีบตัดเชือกที่มัดเพื่อนเค้าแล้วแบกกลับไปที่รถ ไม่รอช้าออกรถทันที เค้าขับตรงไปที่โรงพักตอนนั้นเวลาประมานเที่ยงคืน ซักพักเพื่อนเค้ารู้สึกตัวก็อาเจียนออกมาทันที ร้องโวยวายลั่นรถ แล้ว เค้าก็เล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟังระหว่างขับรถ พอถึงโรงพักเพื่อนร่วมงานเห็นสภาพทั้งคู่ตัวเปื้อนเลือดเหม็นกลิ่นศพเน่าทั้งตัวก็อ้าปากค้างเป็นแถบ เค้าจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง
เช้าวันต่อมาตำรวจยกกำลังไปจับกุมและค้นหมู่บ้านก็พบว่าเกือบทุกบ้านมีถังหมักศพทุกบ้านเป็นเรื่องน่าสยอง เล่าลือกันไปทุกบางทุกคุ้มว่าหมู่บ้านนี้ฆ่าคนไปทำปุ๋ย จากนั้นก็จับ ผู้ก่อเหตุฆากรรมมาได้ยี่สิบสี่คน หลังสอบปากคำก็ได้ความว่า
เมื่อก่อนที่ดินที่นี่ย่ำแย่มากปลูกอะไน่ก็ไม่โต จนวันหนึ่งมีหมอเขมรเอารูปปั้นรูปนึงมาทิ้งไว้บอกว่าเอาเลือดและเครื่องในไก่หรือหมูบูชาเทวรูปองค์นี้โดนเทใส่พื้นดินแล้วจะช่วยให้พืชผลงอกงาม เมื่อทำตาม ก็เป็นดั่งหมอเขมรว่า ทุกคนต่างดีใจ แต่แล้วก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น เทวรูปนั้นรูปร่างแปลกไปท้องของเทวรูปนั้นโตขึ้นเรื่อยๆ แล้วจูๆเด็กในหมู่บ้านก็ตายอย่างประหลาดถูกควักไส้พุงออกไปหมด คนในหมู่บ้านจึงคิดว่าไก่ตัวเดียวคงไม่พอจึง เพิ่มเป็นสิบตัวแต่ว่าก็ยังมีเด็กตายอยู่จนเด็กในหมู่บ้านถูกฆ่าหมด
ก็ถึงทีผู้ใหญ่ทุกคนจึงคิดว่าเทวรูปคงชอบเนื้อมนุษย์มากกว่า เพื่อรักษาชีวิตพวกเค้าจึงลอบฆ่าคนมาเป็นอาหารให้เทวรูปอาทิตย์ล่ะคน จากนั้นก็ไม่มีใครตายอีก เมื่อได้ฟังดังนั้นก็ยากที่จะเชื่อจึงกักขังชาวบ้านไว้ที่โรงพักแล้วเอาศพที่พอจะหลงเหลือรูปลักษณ์ให้พอจำได้ว่าเป็นใครให้ญาติมารับ ส่วนที่ไม่มีญาติก็ส่งให้วัดไปทำพิธีเผาผ่านมาจากนั้นก็ส่งเรื่องไปที่ศาลและเรือนจำประจำจังหวัดแต่สมัยนั้นการสื่อสารค่อนข้างช้าจึงใช้เวลานานผ่านมาได้อาทิตย์กว่าก็เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น กลางดึกคืนนั้น ตำรวจสามนายกำลังอยู่เวร ก็ปกติดี จนเวลาประมานตีสาม เค้าได้ยินเสียงผู้ต้องหา คือคนในหมู่บ้านทั้งยี่สิบกว่าคนโวยวายบอกว่ามันกำลังจะมา ผีเทวรูปมันกำลังจะมาปล่อยพวกเราไปเถอะ
นายตำรวจ ผู้นั้นที่อยู่เวรก็คือน้องชาย ของคนที่โดนชาวบ้านฆ่าตาย ด้วยความแค้นจึงขู่ว่า ฆ่าพี่ชายกูยังมีหน้าให้กูปล่อย มันจะมากินใช่มั้ย ดีเลยจะได้เปิดประตูต้อนรับมัน มาเจอพวกแต่ชายแก่ผู้หนึ่งพูดว่า เทวรูปผีตัวนี้มันกินไม่เลือกหรอกน่ะ จากนั้นไฟก็ดับพรึบลงพร้อมเสียงกรีดร้องอย่างทรมานดังขึ้น ตำรวจหนุ่มไม่รอช้ารีบวิ่งไปดูเเต่เพื่อนที่อยู่เวรด้วยกันก็เข้ามาก่อน น่าตาตื่นพูดจาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นกลัวบอกว่า รีบหนีเร็วมันมาแล้ว เค้าถามกลับหนีอะไรแล้วจ่าอีกคนหล่ะเพื่อนตอบกลับมา จ่าตายแล้วจ่าโดนมันกินรีบหนีเร็วทั้งคู่วิ่งออกมา ทิ้งให้ชาวบ้านในห้องขังที่ได้ยินดังนั้น ร้องไห้โอดครวญด้วยความกลัว
ทั้งคู่วิ่งลงมาถึงห้องรับแจ้งความด้านหน้าแต่ต้องชะงัก เพราะเสียงคล้ายคนกำลังกินอะไรอย่างมูมมามดังแจ๊บๆ เค้าพิงตัวกับฝนังแล้วค่อยๆยื่นหน้าไปดูภาพที่เห็นทำเอาแทบใจวาย มีร่างอ้วนตัวทำทมิฬกำลังควักไส้พุงจ่ามากินอย่างมีความสุข พร้อมเสียงหัวเราะแห้งๆชวนขนลุก
ทั้งคู่ตัดสินใจขึ้นไปหลบบนชั้นสอง เค้าคิดว่าจะหลบที่ห้องพักชั้นสอง จนกว่าจะเช้าเสียงของชาวบ้าน ร้องโอดครวญดังอย่างต่อเนื่อง จนกะทั่ง กลายเป็นเสียงกรีดร้องอย่างทรมาน ทั้งสองนั่งจ้องประตูตาไม่กระพริบ ในใจก็คิดไปต่างๆนาๆ ว่าถ้ามันเข้ามาจะทำยังไงดี แต่ก็ทำๆด้แค่จ้องมองตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
และแล้ว เสียงก็เงียบไปจนเค้าทั้งสองคิดว่า เทวรูปผีนั่นคงกินทุกคนแล้วจากไปแล้ว เพื่อนเค้าเดินไปเปิดประตู แต่ทั้งคู่ต้องตกใจสุดขีดในชีวิต เมื่อสิ่งที่รออยู่หน้าประตูคือร่างอ้วนดำทมิฬนัยตาสีแดงกำลังสะแหยะยิ้มอย่างสุดสยอง ในปากมีเขี้ยวซี่เล็กๆเรียงราย พร้อมคราบเลือดสดๆ มันยื่นมือไปข้างหน้า แล้วพุ่งเข้าหาเพื่อนเค้าที่ยืนแข็งทื่ออยู่ มือทะลุเข้าไปในท้อง พร้อมเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม ชวนสยอง
นายตำตรวจหนุ่มสติแตกได้แต่นั่งมองดูเพื่อนกำลังถูกควักไส้ออกมากิน ต่อหน้าต่อตาเสียงกินดังแจ๊บๆน่าขนลุกซ้ำ เจ้าเทวรูปนั่นยังหันหน้ามามองเค้าพร้อมยิ้มให้ในขณะที่ไส้ยังคาปาก ราวกับจะบอกว่าเค้าคือรายต่อไปเค้าสติแตกด้วยความกลัวสุดขีดร่างกายอ่อนล้าขยับไม่ไหว ได้แต่ร้องโวยวายแต่แล้วผีตัวนั้น จู่ก็นิ่งไปแล้วก็รีบ วิ่งหนีหายไป เวลาผ่านไปซักพักแสงหนึ่งลอดมาจากหน้าต่าง มันคือแสงของพระอาทิตย์ตำรวจหนุ่มหมดแรงสลบไป
ตื่นมาอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาลพร้อมกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนนึง เค้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง มันฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่สุดท้ายก็ต้องเชื่อ เพราะศพที่โรงพักตายในสภาพถูกควักเครื่องในเหมือนกันหมด จน ทางผู้ใหญ่ได้เชิญผู้มีวิชาอาคมมาจัดการเค้าบอกว่า คงทำลายมันไม่ได้เพราะมันกินวิญญานคนจนมีพลังแกร่งกล้า ถึงในตอนกลางวันมันจะเหมือนรูปปั้นธรรมดาก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็สะกดวิญญานมันไว้ได้ แต่ห้ามให้มนุษย์เข้าใกล้มันเด็ดขาดไม่งั้น ความหิวในตัวมันจะปลุกมันให้ตื่น
ตำรวจนายหนึ่ง อาสาเก็บมันไว้ในที่ดินรกร้างของวงตระกูลเค้าเอง เทวรูปถูกฝังไว้ที่นั่นนานหลายสิบปีจนมีคนมาขอซื้อที่ตรงนั้น ลูกหลานผู้ไม่รู้เรื่องราวจึงขายที่ตรงนั้นไป จากนี้ก็ ได้แต่ขอให้คนที่ซื้อที่ไปไม่ไปเจอมันเข้า เพราะเมื่อใดที่มันได้สัมผัสเนื้อหนังมนุษย์ความหิวของมันจะถูกปลุกให้ตื่น!!!!!
เทวรูปกินคน2
หลังจากวันที่มาดูบ้านครั้งสุดท้าย ผ่านมาได้เกือบเดือน ทางบ้านเริ่มเห็นท่าไม่ดี
เพราะเค้าขาดการติดต่อไปนานมาก
น้องชายผู้ซึ่งเป็นตำตรวจชักสงสัย เลยตัดสินใจขอให้ผู้ใหญ่ช่วยย้ายเค้า มาประจำการที่อำเถอที่พี่ชายได้หายตัวไปเพื่อหวังจะตามหาพี่ของเค้า เมื่อมาอยู่ได้ซักพักเค้าก็เริ่มสืบหาเบาะแส สิ่งที่พบจากแฟ้มบันทึกประจำวันคือมีคนมาแจ้งเรื่องคนหายทุกเดือน เดือนล่ะสองถึงสามราย เค้าถามเพื่อนร่วมงานได้ความว่า ส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างถิ่นและพวกนักเลงแถวนั้นแต่ไม่ว่าจะสืบยังไงก็ไม่เคยจับคนร้ายได้ซักที เค้าอยากหาข้อมูลเพิ่มจึงไปยังบ้านหลังที่พี่ชายหายตัวไปพร้อมกับเพื่อนที่เป็นตำรวจด้วยกัน เพื่อนเค้าเล่าว่าหมู่บ้าน ที่จะไปเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่ใครๆก็อยากได้ที่ตรงนั้นเพราะดินที่นั่นปลูกอะไรก็ขึ้นปลูกอะไรก็งามได้ราคาดี แต่แย่ตรงที่คนแถวนั่น ไม่ชอบสุงสิงกับใครคงเพราะหวงที่ดินมากหล่ะมั้ง กลัวคนจะมาล่อซื้อที่ดินตัวเอง
เมื่อไปถึง ก็พบกับชาวบ้านที่น่าตาดูแล้ว ไม่ค่อยจะเป็นมิตรนัก เมื่อถึงที่หมายเวลาประมานสี่โมงเย็น เค้าเดินเข้ามาในตัวบ้าน เป็นบ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆ บ้านมีแต่ฝุ่นและหยากไหย้เต็มไปหมด ข้างในนั้นมืดมากสวิตช์ไฟก็ไม่ทำงาน
เมื่อสำรวจรอบๆ เค้าก็พบอะไรบางอย่างที่ตรงกลางห้อง บนพื้น มี รอยคล้ายๆรอยเลือดแห้งๆ เค้าคิดขึ้นมาทันทีว่า ต้องเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับพี่ชายแน่ๆ ทันใดนั้นก็มีของแข็งฟาดลงที่ท้ายทอยเข้าอย่างจังจนเค้าสลบไป .......
เวลาผ่านไปเค้าก็คืนสติลืมตาขึ้นมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืด เค้าเริ่มตั้งสติก็ พบว่าตัวเค้าถูกมัดมือมัดเท้าอยู่ในที่แคบๆแทบขยับตัวไม่ได้ รอบๆเป็นน้ำสูงถึงคอหอยและอึดอัดแทบไม่มีอากาศหายใจเค้าคงถูกโยนใส่ถังอะไรซักอย่าง กลิ่นในนั้นเหม็นเน่ามาก แล้วคล้ายมีอะไรลอยไปมาในถังด้วยแต่โชคดีที่เค้าเอามีดพกอันเล็กๆติดตัวมาด้วย จึงพยายามสบัดตัวแรงๆให้มีดตกออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วใช้มือที่ถูกมัดควานหา จากนั้นก็พยายามจะใช้มีดค่อยๆตัดเชือกที่มันขาออก เค้าต้องนั่งท่าคุกเข่าเพื่อนให้ปลายมีดไปถึงเชือกที่มัดขา พอลงไปก็ต้องกลั้นหายใจในน้ำเน่า การแก้มัดเป็นไปอย่างทุลักทุเล แต่แล้วก็สำเร็จ เค้าค่อยๆแง้มฝาถังออกมาช้าๆ มองไปรอบๆให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แล้วก็โผล่พลวดออกมา เค้ามองลงมาในถังที่เค้าแช่อยู่ภาพที่เห็นทำเอาถึงกับอาเจียนออกมาในทันที เพราะในถังมีแต่เลือดน้ำหนองซากศพที่เน่าเปื่อยและบรรดาหนอนแมลงวันน่าขยะแขยง เค้ารีบออกมาจากถังทันทีแล้วก็เริ่มตั้งสติมองไปรอบๆ พบว่าที่นี่คือใต้ถุนบ้านของใครซักคน ข้างนอกมืดมากตอนนี้คงจะดึกมากแล้วเค้าคงสลบไปหลายชั่วโมง แต่เวลานี้สิ่งที่ควรทำคือ ออกมาจากที่นั่น แต่นึกได้ว่า แล้วเพื่อนที่มาด้วยกันหล่ะ
เค้าเปิดถังอีกถังข้างกัน พบเพื่อนนอนสลบอยู่เค้าแบกเพื่อนออกมา โชคดีที่ถังไม่ใหญ่มาก ไม่งั้นเค้าทั้งสอง คงจมน้ำเลือดน้ำหนองตายแน่ๆ แล้วเค้าก็ รีบตัดเชือกที่มัดเพื่อนเค้าแล้วแบกกลับไปที่รถ ไม่รอช้าออกรถทันที เค้าขับตรงไปที่โรงพักตอนนั้นเวลาประมานเที่ยงคืน ซักพักเพื่อนเค้ารู้สึกตัวก็อาเจียนออกมาทันที ร้องโวยวายลั่นรถ แล้ว เค้าก็เล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟังระหว่างขับรถ พอถึงโรงพักเพื่อนร่วมงานเห็นสภาพทั้งคู่ตัวเปื้อนเลือดเหม็นกลิ่นศพเน่าทั้งตัวก็อ้าปากค้างเป็นแถบ เค้าจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง
เช้าวันต่อมาตำรวจยกกำลังไปจับกุมและค้นหมู่บ้านก็พบว่าเกือบทุกบ้านมีถังหมักศพทุกบ้านเป็นเรื่องน่าสยอง เล่าลือกันไปทุกบางทุกคุ้มว่าหมู่บ้านนี้ฆ่าคนไปทำปุ๋ย จากนั้นก็จับ ผู้ก่อเหตุฆากรรมมาได้ยี่สิบสี่คน หลังสอบปากคำก็ได้ความว่า
เมื่อก่อนที่ดินที่นี่ย่ำแย่มากปลูกอะไน่ก็ไม่โต จนวันหนึ่งมีหมอเขมรเอารูปปั้นรูปนึงมาทิ้งไว้บอกว่าเอาเลือดและเครื่องในไก่หรือหมูบูชาเทวรูปองค์นี้โดนเทใส่พื้นดินแล้วจะช่วยให้พืชผลงอกงาม เมื่อทำตาม ก็เป็นดั่งหมอเขมรว่า ทุกคนต่างดีใจ แต่แล้วก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น เทวรูปนั้นรูปร่างแปลกไปท้องของเทวรูปนั้นโตขึ้นเรื่อยๆ แล้วจูๆเด็กในหมู่บ้านก็ตายอย่างประหลาดถูกควักไส้พุงออกไปหมด คนในหมู่บ้านจึงคิดว่าไก่ตัวเดียวคงไม่พอจึง เพิ่มเป็นสิบตัวแต่ว่าก็ยังมีเด็กตายอยู่จนเด็กในหมู่บ้านถูกฆ่าหมด
ก็ถึงทีผู้ใหญ่ทุกคนจึงคิดว่าเทวรูปคงชอบเนื้อมนุษย์มากกว่า เพื่อรักษาชีวิตพวกเค้าจึงลอบฆ่าคนมาเป็นอาหารให้เทวรูปอาทิตย์ล่ะคน จากนั้นก็ไม่มีใครตายอีก เมื่อได้ฟังดังนั้นก็ยากที่จะเชื่อจึงกักขังชาวบ้านไว้ที่โรงพักแล้วเอาศพที่พอจะหลงเหลือรูปลักษณ์ให้พอจำได้ว่าเป็นใครให้ญาติมารับ ส่วนที่ไม่มีญาติก็ส่งให้วัดไปทำพิธีเผาผ่านมาจากนั้นก็ส่งเรื่องไปที่ศาลและเรือนจำประจำจังหวัดแต่สมัยนั้นการสื่อสารค่อนข้างช้าจึงใช้เวลานานผ่านมาได้อาทิตย์กว่าก็เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น กลางดึกคืนนั้น ตำรวจสามนายกำลังอยู่เวร ก็ปกติดี จนเวลาประมานตีสาม เค้าได้ยินเสียงผู้ต้องหา คือคนในหมู่บ้านทั้งยี่สิบกว่าคนโวยวายบอกว่ามันกำลังจะมา ผีเทวรูปมันกำลังจะมาปล่อยพวกเราไปเถอะ
นายตำรวจ ผู้นั้นที่อยู่เวรก็คือน้องชาย ของคนที่โดนชาวบ้านฆ่าตาย ด้วยความแค้นจึงขู่ว่า ฆ่าพี่ชายกูยังมีหน้าให้กูปล่อย มันจะมากินใช่มั้ย ดีเลยจะได้เปิดประตูต้อนรับมัน มาเจอพวกแต่ชายแก่ผู้หนึ่งพูดว่า เทวรูปผีตัวนี้มันกินไม่เลือกหรอกน่ะ จากนั้นไฟก็ดับพรึบลงพร้อมเสียงกรีดร้องอย่างทรมานดังขึ้น ตำรวจหนุ่มไม่รอช้ารีบวิ่งไปดูเเต่เพื่อนที่อยู่เวรด้วยกันก็เข้ามาก่อน น่าตาตื่นพูดจาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นกลัวบอกว่า รีบหนีเร็วมันมาแล้ว เค้าถามกลับหนีอะไรแล้วจ่าอีกคนหล่ะเพื่อนตอบกลับมา จ่าตายแล้วจ่าโดนมันกินรีบหนีเร็วทั้งคู่วิ่งออกมา ทิ้งให้ชาวบ้านในห้องขังที่ได้ยินดังนั้น ร้องไห้โอดครวญด้วยความกลัว
ทั้งคู่วิ่งลงมาถึงห้องรับแจ้งความด้านหน้าแต่ต้องชะงัก เพราะเสียงคล้ายคนกำลังกินอะไรอย่างมูมมามดังแจ๊บๆ เค้าพิงตัวกับฝนังแล้วค่อยๆยื่นหน้าไปดูภาพที่เห็นทำเอาแทบใจวาย มีร่างอ้วนตัวทำทมิฬกำลังควักไส้พุงจ่ามากินอย่างมีความสุข พร้อมเสียงหัวเราะแห้งๆชวนขนลุก
ทั้งคู่ตัดสินใจขึ้นไปหลบบนชั้นสอง เค้าคิดว่าจะหลบที่ห้องพักชั้นสอง จนกว่าจะเช้าเสียงของชาวบ้าน ร้องโอดครวญดังอย่างต่อเนื่อง จนกะทั่ง กลายเป็นเสียงกรีดร้องอย่างทรมาน ทั้งสองนั่งจ้องประตูตาไม่กระพริบ ในใจก็คิดไปต่างๆนาๆ ว่าถ้ามันเข้ามาจะทำยังไงดี แต่ก็ทำๆด้แค่จ้องมองตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
และแล้ว เสียงก็เงียบไปจนเค้าทั้งสองคิดว่า เทวรูปผีนั่นคงกินทุกคนแล้วจากไปแล้ว เพื่อนเค้าเดินไปเปิดประตู แต่ทั้งคู่ต้องตกใจสุดขีดในชีวิต เมื่อสิ่งที่รออยู่หน้าประตูคือร่างอ้วนดำทมิฬนัยตาสีแดงกำลังสะแหยะยิ้มอย่างสุดสยอง ในปากมีเขี้ยวซี่เล็กๆเรียงราย พร้อมคราบเลือดสดๆ มันยื่นมือไปข้างหน้า แล้วพุ่งเข้าหาเพื่อนเค้าที่ยืนแข็งทื่ออยู่ มือทะลุเข้าไปในท้อง พร้อมเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม ชวนสยอง
นายตำตรวจหนุ่มสติแตกได้แต่นั่งมองดูเพื่อนกำลังถูกควักไส้ออกมากิน ต่อหน้าต่อตาเสียงกินดังแจ๊บๆน่าขนลุกซ้ำ เจ้าเทวรูปนั่นยังหันหน้ามามองเค้าพร้อมยิ้มให้ในขณะที่ไส้ยังคาปาก ราวกับจะบอกว่าเค้าคือรายต่อไปเค้าสติแตกด้วยความกลัวสุดขีดร่างกายอ่อนล้าขยับไม่ไหว ได้แต่ร้องโวยวายแต่แล้วผีตัวนั้น จู่ก็นิ่งไปแล้วก็รีบ วิ่งหนีหายไป เวลาผ่านไปซักพักแสงหนึ่งลอดมาจากหน้าต่าง มันคือแสงของพระอาทิตย์ตำรวจหนุ่มหมดแรงสลบไป
ตื่นมาอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาลพร้อมกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนนึง เค้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง มันฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่สุดท้ายก็ต้องเชื่อ เพราะศพที่โรงพักตายในสภาพถูกควักเครื่องในเหมือนกันหมด จน ทางผู้ใหญ่ได้เชิญผู้มีวิชาอาคมมาจัดการเค้าบอกว่า คงทำลายมันไม่ได้เพราะมันกินวิญญานคนจนมีพลังแกร่งกล้า ถึงในตอนกลางวันมันจะเหมือนรูปปั้นธรรมดาก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็สะกดวิญญานมันไว้ได้ แต่ห้ามให้มนุษย์เข้าใกล้มันเด็ดขาดไม่งั้น ความหิวในตัวมันจะปลุกมันให้ตื่น
ตำรวจนายหนึ่ง อาสาเก็บมันไว้ในที่ดินรกร้างของวงตระกูลเค้าเอง เทวรูปถูกฝังไว้ที่นั่นนานหลายสิบปีจนมีคนมาขอซื้อที่ตรงนั้น ลูกหลานผู้ไม่รู้เรื่องราวจึงขายที่ตรงนั้นไป จากนี้ก็ ได้แต่ขอให้คนที่ซื้อที่ไปไม่ไปเจอมันเข้า เพราะเมื่อใดที่มันได้สัมผัสเนื้อหนังมนุษย์ความหิวของมันจะถูกปลุกให้ตื่น!!!!!