⚡️💦⚡️ หลงกาล Episode-10 ตอน "JFK" ⚡️💦⚡️

กระทู้คำถาม


ถนนเอล์ม เดลลีย์พลาซา เมืองดัลลัส เท็กซัส สหรัฐอเมริกา ตุลาคม 1963

กัปตันวันชนะและลูกน้องทั้ง 4 พักอยู่ในโรงแรมที่ใกล้เคียงอาณาบริเวณที่เกิดเหตุลอบสังหารซึ่งจะเกิดขึ้นใน 1 เดือนข้างหน้า...

ทั้ง 5 คนกำลังเดินสำรวจดูบริเวณนั้น จากภาคพื้นดิน และในมือกัปตันถือแผนที่ของบริเวณนั้นไว้ และมาร์ค 3 จุดอันตรายที่มีการส่งกระสุนสังหาร คือ ตึกเก็บหนังสือโรงเรียนเท็กซัสซึ่งลี ฮาร์วี ออสวอลด์ จะขึ้นไป และอีกสองจุดด้านนอกคือเนินหญ้าซึ่งเป็นจุดที่อยู่ด้านหน้าและจะอยู่ใกล้ขบวนรถ JFK เวลาที่เคลื่อนผ่านมาถึงมากที่สุด จะห่างเพียงประมาณ 75 ฟุตเท่านั้น

"จากข้อมูลทั้งหลายที่รวบรวมมา..." กัปตันกล่าวขณะยืนถือคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต "ในวันที่ 22 เดือนหน้า พวกเรา 4 คนให้อยู่บริเวณเนินหญ้าแถบนี้ ดักรอใครก็ตามที่จะมา ส่วนผมจะขึ้นไปบนชั้น 6 ของตึกเก็บหนังสือโน้น เพื่อควบคุมนายออสวอลด์"

"งานนี้ไม่น่ายากนะคะกัปตัน" สาวจอยกล่าว

"ก็ถ้าเราเจอบุคคลผู้ต้องสงสัยแล้วจัดการก่อนได้ ก็จะไม่มีปัญหา เซฟ JFK ได้ เหมือนที่เคยเซฟลินคอล์น"

"ตอนเซฟลินคอล์น ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเหมือนกันนะครับ" แซมเอ่ยรื้อฟื้นความจำ "ดังนั้น ผมว่า คราวนี้ก็อาจจะมีอะไรที่เราคาดไม่ถึงสอดแทรกขัดขวางพวกเราอีกก็ได้"

"ต้องระวังตัวกันด้วยครับทุกคน โดยเฉพาะเวลาที่พวกเราแยกกัน" กัปตันกล่าวย้ำ แล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู

"จะค่ำแล้ว พวกเรากลับเข้าโรงแรมกันเถอะ แล้วค่อยไปคุยกันต่อ"

"กัปตันคะ"

"ว่าไงครับ คุณเล็ก"

"JFK เคยกล่าวคำปราศัย พูดถึงพวกสมาคมลับ ที่นิวยอร์ค เมื่อสองปีก่อน มีบันทึกคำปราศัยไว้ด้วยนะคะ"

"สมาคมลับ ?" กัปตันทำหน้าฉงน

"ค่ะ เป็นสมาคมลับซึ่งมีมานานแล้ว และมีอิทธิพลแทรกซึ่มไปทุกวงการ การสังหาร JFK มีผู้คนบางส่วนเชื่อว่าเพราะเขาไปพูดถึงองค์กรหรือสมาคมลับในลักษณะเหมือนขู่จะเปิดโปง"

"ยังมีอักกระแสหนึ่งนะคุณเล็ก" เอกกล่าวบ้าง "กระแสนี้จะเกิดเร็วๆนี้ด้วย!"

"เรื่องอะไรคะ ?"

"JFK จะส่งคำสั่งไปยังหัวหน้าซีไอเอ วันที่ 12 พฤศจิกายน ให้เปิดเผยความลับเรื่องยูเอฟโอ!"

"แล้วหลังจากนั้น แค่ 10 วัน เขาก็ถูกลอบยิง" กัปตันกล่าวต่อให้

"ใช่ค่ะ"

"เรื่องนี้ก็อาจเป็๋นไปได้ แต่ในแง่ที่เกี่ยวข้องกับซีไอเอ อาจมีเรื่องอะไรอย่างอื่นอีก แต่ที่ผมสนใจตอนนี้คือ เรื่องเกี่ยวกับสมาคมลับ"

"อ๋อ...ค่ะ"

"เอาไว้ไปถึงโรงแรม กลับเข้าห้องแล้ว เอาข้อมูลเรื่องนี้มาให้ผมดูหน่อย เปิดเทปบันทึกคำปราศัยของ JFK ฟังกันด้วย"

"โอเคค่ะ กัปตัน"

ทั้ง 5 คน เดินกลับโรงแรม...

โดยหารู้ไม่ว่า ความเคลื่อนไหวของพวกตน ถูกจับตามองโดยใครคนหนึ่งเข้าให้แล้ว!

ใครคนนั้น เดินตามคนทั้ง 5 ไปห่างๆ จนพวกเขาขึ้นไปบนห้อง เขาจึงไปที่เคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ พูดคุยกับพนักงานอยู่ครู่หนึ่ง จดบันทึกอะไรบางอย่างลงสมุดพก แล้วเดินไปใช้โทรศัพท์ ยกหูขึ้นรอครู่หนึ่ง แล้วเริ่มพูดกับคนปลายทาง

"เหยี่ยวดำ มีอะไรหรือ ?"

"มีครับ มีคน 5 คน ชายสาม หญิงสอง ไม่ใช่คนอเมริกัน น่าจะเป็นชาวเอเชีย ปรากฏตัวบริเวณพื้นที่ที่กำหนด"

"เป็นนักท่องเที่ยวธรรมดากระมัง ?"

"ผมว่า ไม่น่าจะใช่ครับ ท่านอาจารย์! "

"ทำไมล่ะ ?"

"ผู้ชายคนหนึ่ง ท่าทางเหมือนเป็นหัวหน้า มองไปรอบๆบริเวณ และมองไปที่ตึกเก็บหนังสือด้วย นักท่องเที่ยวธรรมดา ไม่น่าจะมาสนใจที่ตรงนั้นครับ"

"อืม...." เสียงจากปลายสายนิ่งไปชั่วครู่ "จับตาดูพวกเขาไว้ ถ้าพวกเขากลับไปยังพื้นที่ที่กำหนดอีก หาทางกำจัดเสียให้หมด! ก่อนวันที่ 22 เดือนหน้า!!"

"ได้ครับผม"

"เดี๋ยวก่อนนะ..."

"ครับ ?"

"ฉันเปลี่ยนใจแล้ว พยายามจับเป็นให้ได้ อย่างน้อย 1 คน จับมาได้หมดทุกคนเลยยิ่งดี! จะได้คาดคั้นหาคำตอบว่า ใครส่งพวกเขามา"

"ได้ครับผม...แล้วถ้าพวกเขาต่อสู้ล่ะครับ ?"

"อย่างนั้นก็ฆ่า! แต่ต้องเหลือไว้อย่างน้อยหนึ่งคน อ้อ ขอแนะนำให้จับผู้หญิง น่าจะง่ายกว่า แล้วเอามาเป็นข้อต่อรอง หลอกล่อให้คนที่เหลือหลงกลมาให้เราจับ"

"รับทราบครับผม"

"มีอะไรคืบหน้า รายงานมาทันที เลิกกัน"

"ครับผม!"

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ที่โรงแรม ในห้องของกัปตัน...

สาวเล็ก นำคลิปวีดิโอบันทึกการปราศัยของ JFK ซึ่งบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตในระบบดิจิตอล แปลงสัญญาณเป็นอะนาล็อก แล้วต่อสายเชื่อมต่อเข้ากับทีวีขาวดำของโรงแรม จากนั้นจึงเปิดทีวี ทุกคนจึงได้ดูและฟังการปราศัยของ JFK ซึ่งปราศัย ณ โรงแรม วัลดอฟ อัสโตเรีย กรุงนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 27 เมษายน 1961 ไปด้วยกัน

"ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลายครับ

คำพูดที่เป็นความลับนั้น ไม่สมควรจะมีอยู่ในประเทศที่มีอิสรภาพ และเป็นสังคมเปิด

ในฐานะที่เราเป็นประชาชน และตามประวัติศาสตร์แล้ว เราเป็นปฏิปักษ์ต่อสมาคมลับ รวมทั้งการดำเนินการที่เป็นความลับ ซึ่งเราเชื่อกันว่ามันมีอยู่นานแล้ว

นั่นเป็นสิ่งที่เป็นภัยมากเกินไป และผมเคยต้องการปกปิดข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องไว้เป็นความลับ

สิ่งที่ผมกล่าวอ้างมา เพื่อจะชี้แจงให้เห็นว่า

แม้จนทุกวันนี้ ศัตรูซึ่งเป็นภัยคุกคามนั้น ใกล้ชิดกับสมาคมลับ โดยการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ และไม่สมเหตุสมผล

แม้จนทุกวันนี้ การรับประกันว่าประเทศจะอยู่รอดได้ ต้องรับธรรมเนียมปฏิบัติเหล่านั้น ควบคู่ไปกับการดำรงอยู่ของประเทศ

และมันเป็นภัยร้ายแรงมาก

การเปิดเผย เป็นเรื่องจำเป็น เพื่อเพิ่มการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น


มันจะได้รับการขยายความอย่างชัดเจน หากคุณต้องการรู้รายละเอียดด้านการเซ็นเซอร์ การตรวจสอบสื่อต่างๆ

และการปกปิดข้อมูลบางสิ่งนั้น ผมมิได้มุ่งหมายว่า สิ่งเหล่านั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของผมเอง และไม่มีพนักงานเจ้าหน้าที่ในหน่วยบริหารของผมดำเนินการ ไม่ว่าความสำคัญจะสูงหรือต่ำเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นด้านพลเรือนหรือทางทหาร

นี่จะบ่งบอกเจตนารมณ์ของผมในคืนนี้ ในการอนุญาตให้ตรวจสอบและตัดข้อมูลข่าวสารออก การระงับการเข้าถึงข้อมูล เพื่อที่จะปิดบังความผิดพลาดของพวกเรา รวมทั้งการระงับข้อมูลในหนังสือพิมพ์

ข้อเท็จจริงต่างๆ เขาให้รู้ เพียงที่ควรรู้

เราทุกคนต่อต้านกันทั่วโลก ซึ่งการสมรู้ร่วมคิดที่อำมหิต อันเกิดจากความโลภมาก เพื่อจะขยายอำนาจของผู้มีอิทธิพล แทรกซึมเข้าไป แทนการรุกราน

ค่อยๆบ่อนทำลาย แทนที่จะเลือกตั้ง

พยายามบังคับขู่เข็ญ แทนที่จะให้อิสรภาพในการเลือก

ใช้การรบแบบกองโจร แทนที่จะรบแบบกองทหาร

นี่คือระบบที่ถูกออกแบบขึ้นมา ใช้มนุษย์และแหล่งทรัพยากร เพื่อสร้างระบบที่แน่นหนาและมีประสิทธิภาพสูง

นั่นยังรวมทั้งทางทหาร การเจรจาต่อรอง การสืบราชการลับ ระบบเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ ความร่วมมือทางการเมือง

ได้มีการวางแผนปกปิดมันไว้ ไม่ประกาศให้ผู้ใดรับทราบ

ความผิดพลาดเหล่าน้ั้นได้ถูกลืม ไม่มีหัวข้อข่าวเหล่านั้นในข่าว ปิดต้นตอของข่าวเงียบสนิท ไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อสอบสวน ไม่มีข่าวลือถูกตีพิมพ์ ไม่มีความลับใดถูกเปิดเผย

ประธานาธิบดีไม่สมควรกลัวการพิจารณาจากประชาชน

จากการพิจารณา ทำให้เข้าใจ และจากการได้ทำความเข้าใจ ทำให้ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง


ที่กล่าวมานั้น มีความจำเป็น

ผมไม่ขอให้หนังสือพิมพ์มานับสนุนคณะผู้บริหารแต่อย่างใด

แต่ผมขอให้พวกคุณช่วยเหลือ ซึ่งเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่ ให้ความรู้ และแจ้งเตือนประชาชนชาวอเมริกา

ตอนนี้ ผมได้เปิดเผยความลับแล้วนะครับ !

สำหรับประชาชนคนอื่น เมื่อไรก็ตามที่ประชาชนรับทราบข้อมูลอย่างเต็มที่ ว่าฝ่ายบริหารนี้มีเจตนาจะเป็นผู้ก่อการร้าย

มีชายคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างจะไม่กลายเป็นความผิด ยกเว้นว่าคุณจะปฏิเสธการแก้ไขให้ถูกต้อง

เราตั้งใจอย่างเต็มที่ ที่จะยอมรับความผิดพลาดเหล่านั้น

และเราหวังให้คุณพาพวกเขาออกไป เมื่อเราปล่อยพวกเขาไป โดยไม่ต้องต่อต้านปะทะคารม หรือวิจารณ์ใดๆ

ไม่มีคณะบริหารใดหรือประเทศไหนประสบความสำเร็จ และไม่มีสาธารณรัฐไหนดำรงอยู่ได้

นี่คือเหตุผลว่า ทำไม ผู้ที่เขียนกฏหมาย จึงได้กล่าวหาว่าเป็นอาชญากรรม หากประชาชนคนใดขัดขืนหรือโต้แย้ง
"



จบคำปราศัยซึ่งมีเลศนัยนั้น ทุกคนในห้องก็นิ่งเงียบไปชั่วครู่

"เปิดซ้ำอีกรอบหนึ่งสิครับ" กัปตันเอ่ยขึ้น

"ค่ะ กัปตัน" สาวเล็กตอบรับ แล้วแตะที่คำว่า REPLAY บนจอคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตอีกครั้ง

แล้วทุกคนก็ดูและฟังคำปราศัยนั้นอีกรอบ โดยเฉพาะกัปตัน ตั้งใจฟังเป็นพิเศษ

ครั้นฟังจบแล้ว จึงกล่าวสรุป

"สรุปแล้ว เขาตั้งใจจะเปิดเผยสมาคมลับ แถมยังกระตุ้นให้สื่อมวลชนอย่างหนังสือพิมพ์ร่วมด้วย"

"อย่างนี้ก็สอดคล้องกับการที่เขาส่งหนังสือถึงซีไอเอ ให้เปิดเผยข้อมูลความลับ 10 วัน ก่อนโดนลอบยิง" แซมกล่าวเสริม

"ใช่ครับแซม เพียงแต่เรื่องที่ส่งไปบอกซีไอเอ เป็นคนละเรื่องกับเรื่องนี้เท่านั้น"

"แค่เรื่องยูเอฟโอ ซีไอเอก็ไม่ยอมให้เปิดเผยแน่นอนอยู่แล้ว ตั้งแต่มีเรื่องจานบินตกที่รอสเวลล์" สาวจอยหยิบยกเรื่องตัวอย่าง "แล้วเฉพาะเรื่องยูเอฟโอนี่ ก็มีสมาคมลับที่เกี่ยวข้องด้วย ก็เข้าข่ายการปราศัยของ JFK นี่เหมือนกัน"

"สมาคมอะไรครับ ?" เอกถาม

"มาเจสติก 12 ค่ะ ก่อตั้งโดยประธานาธิบดี แฮรี่ ทรูแมน เมื่อวันที่ 24 กันยายน ปี 1947 สมาชิกและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการมี 12 คน และเป็นบุคคลระดับสูงของทางการสหรัฐหลายคน  มีทั้งนายทหารชั้นสูง และพวกด็อกเตอร์ นักวิทยาศาสตร์ นักฟิสิกส์ นักบิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินและอวกาศ ทีแรกสมาคมนี้ขึ้นตรงต่อตัวประะธานาธิบดีโดยตรง เพราะผู้ก่อตั้งคือตัวประธานาธิบดีเอง โดยมีหน่วยงานใหญ่สองหน่วยงานที่สำคัญคือ เอฟบีไอ และซีไอเอ เป็นกำลังเสริม แต่เมื่อเวลาผ่านไป อำนาจของซีไอเอก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุผล เพื่อความมั่นคงของชาติ ซีไอเอจึงมีอำนาจมากๆ มากกว่าประธานาธิบดีด้วยซ้ำ เพราะบางที หรือหลายทีก็ไม่รู้ มีปฏิบัติการลับที่เรียกว่า ABOVE TOP SECRET ซึ่งแม้แต่ประธานาธิบดีก็ไม่รู้เรื่อง!"

"โอ้...เพราะอย่างนี้ละมั้ง JFK ถึงมีความคิดจะยุบทิ้ง!"

"ก็คงงั้นค่ะ กัปตัน"

"แฮรี่ ทรูแมน นึกยังไงถึงตั้งสมาคมนี้ขึ้นมาครับ ?" แซมถาม

"ก็...คือช่วงเวลานั้น เริ่มมีคนเห็๋นยูเอฟโอมากขึ้นเรื่อยๆ อะค่ะ แต่เรื่องสำคัญที่ทำให้ประธานาธิบดีทรูแมนก่อตั้งมาเจสติก 12 ก็คือ การตกของจานบินที่รอสเวลล์ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปี 1947 สองเดือน ก่อนหน้าการสถาปนามาเจสติก 12 ประธานาธิบดีทรูแมนแกหวั่นกลัวว่ามนุษย์ต่างดาวอาจจะมายึดครองโลก ตามข้อมูลเค้าว่างั้น ก็เลยรวบรวมบุคคลสำคัญแล้วก่อตั้งมาเจสติกขึ้นมา"

"แต่พอก่อตั้งแล้ว เรื่องราวข้อมูลต่างๆที่สำคัญ ก็ปกปิดเป็นความลับ"  สาวเล็กกล่าวเสริม "อย่างเรื่องจานบินที่ตกที่รอสเวลล์ ทีแรกเป็นข่าวครึกโครม แต่ตอนหลังไปๆมาๆ บิดเบือนข่าวว่าเป็นบัลลูนตรวจสภาพอากาศซะงั้น แล้วก็สั่งพวกทหารและคนที่เกี่ยวข้องให้ปิดปากเงียบไม่ให้เปิดเผย หลังๆ เวลามีเหตุการณ์ใครพบยูเอฟโอ มีบุคคลลึกลับตามไปหาคนที่เจอถึงบ้าน ข่มขู่ไม่ให้เล่าให้ใครฟัง อย่างนี้ก็มี"

"แปลว่า เราได้ 1 สมาคมแล้ว คือ มาเจสติก 12" กัปตันกล่าวสรุป

"ใช่ค่ะ กัปตัน แต่ยังมีสมาคมอื่นอีก ซึ่งอาจจะมีอำนาจและอิทธิพลเหนือขึ้นไปอีก! ซึ่งคงจะเป็นสมาคมที่ JFK กล่าวถึงในการปราศัยว่าเป็นอันตราย"

" สมาคมไหนอีกครับ ?"

" อิลลูมินาติ ซึ่งส่งอิทธิพลก่อให้เกิดสมาคม ฟรีเมสัน ในภายหลังค่ะ อิลลูมินาติ เป็นสมาคมลับซึ่งมีมานานมากแล้ว และสิ่งที่คนในสมาคมนี้ชำนาญเป็นพิเศษคืออะไร รู้ไหมคะ ?"

"อะไรครับ ?"

"การลอบสังหาร!!"

"พระเจ้า..." กัปตันครางออกมาจากลำคอ "แล้วมันเกิดขึ้นมาตอนไหน ยังไง ?"

"อิลลูมินาติ เป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ซึ่งตั้งขึ้นมาอย่างลับๆ เพราะพวกตนถูกพวกคริสตจักรตามล่าด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็นลัทธิบูชาซาตาน"

(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่