สวัสดีค่ะ ดิชั้นรู้สึกว่าตัวเองกำลังไม่มีพลัง ไม่มีจุดหมาย ไม่รู้ชอบอะไร และไม่รู้ว่าไม่ชอบอะไร ดิชั้นขอเล่าชีวิตของดิชั้นให้ฟังนะคะ
อย่าเพิ่งคิดว่าดิชั้นเป็นโรคจิต 55
ดิชั้นอายุ 29 ปี ปัจจุบันก็เป็นมนุษย์เงินเดือนปกติค่ะ ตั้งแต่อายุ 18 ดิชั้นเป็นเด็ก ตจว. สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เขามักบอกว่าเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทยได้ค่ะ ดิชั้นสอบได้คณะวิทยาศาสตร์ค่ะ ตอนเรียน ดิชั้นก็ได้สอนพิเศษไปด้วย ที่สอนไม่ใช่เพราะว่าอยากสอนนะคะ แต่เป็นเพราะเห็นเพื่อนสอนดิชั้นก็เลยอยากสอนบ้างเพราะอยากได้เงินไปเดินซื้อของที่สยาม ทั้งๆที่ที่บ้านดิชั้นก็ไม่ได้จนนะคะ มีฐานะดี แต่ดิชั้นมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ดิชั้นมีเงินเดือนที่สูงมาถึงทุกวันนี้ คือ ดิชั้นเป็นคนที่ชอบเอาชนะค่ะ ชอบเอาชนะทุกอย่าง เอาชนะทุกคนที่ไม่ชอบ และเอาชนะตัวเอง
ดิชั้นสอนพิเศษเยอะมาก เพียงเพราะคู่แข่งสอน เราก็ต้องสอนให้ได้มากกว่า ช่วงนั้นดิชั้นทำทุกอย่างเพื่อได้เงิน สอนครบ 7 วัน เวลาว่างก็ไปทำงานที่สำนักงานนิสิตได้ชั่วโมงละ 50 บาทอีก ยิ่งช่วงปิดเทอมเด็กเป็นช่วงโกยรายได้ของติวเตอร์มาก ดิชั้นไปสอนตามบ้านไกลถึงสมุทรสาครดิชั้นก็ไป ไปหมดค่ะ สอนจนไม่มีเวลาใช้เงิน จนพบว่าเรียนจบปี 4 ดิชั้นมีเงินในบัญชีประมาณ 3 แสนค่ะ แต่ไม่ได้ให้พ่อแม่เลยและพ่อแม่ก็ไม่เคยทราบว่าดิชั้นทำงานหนักขนาดนี้ รู้แต่ว่าสอนพิเศษก็แค่นั้น ดิชั้นเรียนจบแค่เกรด 2 ปลายๆค่ะ คู่แข่งคนนั้นก็เช่นเดียวกัน
เข้าสู่วัยทำงาน ดิชั้นหางานตั้งแต่เทอมสองของปีสี่ สมัครทุกที่ jobsdb jobthai ฝากประวัติกับทุก job เดิน walk in ก็หลายที่ จนดิชั้นได้งานที่แรกเงินเดือน 15000 เป๊ะค่ะ เป็นงานโรงงาน ทำงานจันทร์ถึงเสาร์ มีโอทีต่างหาก งานไม่ได้หนักมาก ทำไปได้ 2 ปี ดิชั้นตัดสินใจลาออกเพื่อเรียน ป.โท การตลาด ต่อค่ะ ควบคู่กับเปลี่ยนงานไปที่ที่สองทันที
ที่ทำงานที่สอง ตำแหน่งขึ้น เงินเดือนเริ่มที่ 19500 ไม่มีโอที งานโรงงาน ทำงานจันทร์ถึงเสาร์ งานเรื่อยๆมีหนักบ้างไม่หนักบ้างแต่ที่หนักคือ เรียนโทค่ะ เพราะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เรียนเสาร์ อาทิตย์ วันเสาร์เริ่ม 5 โมงถึง 3 ทุ่ม อาทิตย์เรียนทั้งวันเหนื่อยมากค่ะ เดินทางไกล งานกลุ่มเยอะมากมาย สุดท้าย คว้าอันดับหนึ่งของรุ่นด้วยเกรดเฉลี่ย 3.90 การตลาดมาได้ค่ะถามว่าตอนนั้นชอบการตลาดมั๊ย ก็ไม่ได้ถึงกับชอบ แต่ก็ไม่รู้จะเรียนอะไรแล้ว อยากเรียนด้านสายบริหารบ้าง คิดแค่นั้นเองค่ะ
เมื่อจบปริญญาโท ทำงานที่ที่สองไปซักพัก รวม 2 ปีกว่า ลาออกค่ะ อัพเงิน ไปทำอีกโรงงาน ทำงานจันทร์ถึงศุกร์แต่เงินเดือนเริ่มที่ 40000 บาท ตอนนั้นก็ไม่คิดว่าจะได้ขนาดนี้ ขึ้นมาเกือบ 100% แต่ต้องแลกมากับการทำงาน ตจว. ค่ะเพราะโรงงานอยู่ ตจว. ต้องอยู่ไกลครอบครัว แต่เสาร์อาทิตย์ก็นั่งรถตู้กลับ กทม. ได้ ดิชั้นเป็นคนติดห้าง ติดความเจริญค่ะเลยอยู่ที่นี่ได้แค่ปีนิดๆ ดิชั้นลาออกค่ะ เพราะอยากอยู่ กทม.
มาที่ที่อยู่ปัจจุบัน ดิชั้นได้งานทำสายงานด้านการตลาด ซึงดิชั้นไม่เคยทำมาก่อน แต่ต้องอาศัยทักษะวิทยาศาตร์ที่ดิชั้นเรียนมาค่ะดิชั้นเลยเสมือนเป็น Specialist กลายๆ ทำให้เงินเดือนดิชั้นพุ่งมา start ที่ 65,000 บาทถ้วนค่ะ ทำงานสามเดือนแรก ดิชั้นหางานใหม่ทุกวันเลยค่ะเพราะงานที่นี่เครียดมากมาย เครียดทั้งคนและงาน ด่ากันกลางออฟฟิส ทำให้อับอาย ทุกคนโดนหมด ตอนแรกๆตกใจมากแต่ตอนนี้ชินค่ะ 55 แต่ดิชั้นก็ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ มีความแรงได้ปะทะบ้างพอเป็นกระสัย เป็นอรรถรสค่ะ แต่สุดท้ายที่นี่ดูที่ผลงานจริงๆและประกอบกับดิชั้นได้เจ้านายดีค่ะ ดูผลงานเท่านั้น ทำให้เมื่อดิชั้นทำงานครบ 1 ปี เจ้านายเรียกดิชั้นไปคุยเป็นการส่วนตัวและปรับเงินให้ดิชั้น จบอยู่ที่ 75000 บาทค่ะ แต่ปีหน้าดิชั้นจะไม่ได้ปรับนะคะ เพราะถือว่าปรับไปแล้ว (เยอะด้วย) ปกติที่นี่ปรับ3-8% ค่ะ แต่ถ้าโดนเด่นมาก สามารถปรับได้ตั้งแต่ 10-200% ค่ะ หรือขึ้นตำแหน่งไปเลยก็มีมาแล้วหลายคน
พออ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนอาจกำลังคิดว่า ดิชั้นน่าจะมีความสุขใช่มั๊ยคะ ตอยเลยค่ะว่า ไม่เลยค่ะ ดิชั้นกินเงินเดือนเกินครึ่งแสนมาตั้งแต่อายุ 27 28 ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ทำงานสายเดียวกันแต่ดิชั้นไม่มีความสุขค่ะ ตอนนี้ดิชั้นปรับตัวกับที่นี่ได้แล้ว งานก็หนักเป็นช่วงๆ ช่วงที่ไม่มีงานเลยโครตน่าเบื่อวันๆนั่งเล่นเฟส เล่นไอจี แต่ถ้าช่วงหนักมากๆ ช่วงยุ่งมากๆ ก็ข้ามคืนกันเลยก็มีมาแล้วค่ะ
ดิชั้นรู้สึกเบื่อ เสาร์ อาทิตย์ ก็นอนตื่นบ่ายสองบ่ายสาม ตื่นแล้วก็กิน กินแล้วก็นอน นั่นแหละค่ะ วนๆอยู่อย่างนี้มาเป็นปีดิชั้นน้ำหนักเพิ่มมา 20 kg ค่ะ!! ใช่ค่ะ 20 kg เพียงในระยะเวลา 1 ปี เพราะดิชั้นกินบุฟเฟ่ต์ทุกวัน จริงค่ะ ทุกวัน หรือไม่ก็เป็นอาหารในห้างตลอดค่ะ ดิชั้นหมดเงินไปกับการกินเดือนละหลักหลายหมื่น แต่ดิชั้นเป็นคนไม่ชอบซื้อเสื้อผ้านะคะไม่ชอบซื้อของอะไรเลย ทำให้เสื้อผ้าก็ใช้ของเก่าๆ แต่งตัวก็ธรรมดาค่ะ ไม่ติดแบรนด์เนมอะไรเลย
ช่วง 4 เดือนก่อน ดิชั้นได้มีโอกาสอ่านหนังสือของคุณโจ มณฑานีค่ะ เป็นกูรูด้านการเงิน ดิชั้นเลยเริ่มลงทุนด้านกองทุนรวมเริ่มที่ LTF RMF นั่นแหละ เพราะดิชั้นจะเอาลดหย่อนภาษีค่ะ ซื้อเต็มวง 15% เลยค่ะ และเริ่มออมหุ้น CIMB และเริ่มเรียนรู้เรื่องการลงทุนหุ้นโดยการไปเปิดพอร์ตของแบงค์ต่างๆ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เล่นนะคะแต่เปิดพอร์ตไปแล้ว กำลังงงๆอยู่ค่ะ 55 แต่ DCA เริ่มไปแล้ว ตอนนี้มีเงินในทุกพอร์ตก็ราวๆเกือบ 7 หลักแล้วค่ะ 60% ไปอยู่ในสหกรณ์ของแม่ เป็นสหกรณ์ราชการปันผล 7-8% ต่อปีค่ะ
มาตอนสุดท้าย ที่เล่ามาทั้งหมด ดิชั้นยังไม่รู้เลยค่ะว่าจะจบยังไง ดิชั้นเหงา เบื่อ ดิชั้นไม่รู้ว่าดิชั้นชอบอะไร เพราะทุกวันไปทำงานดิชั้นเฉยๆมากๆเคยคิดอยากไปบวช อยากไปนั่งกรรมฐาน แต่ก็ไม่เคยไปเลย ดิชั้นมีเพื่อนสนิทแค่ 3 คน แต่มีแฟนกันหมดดิชั้นไม่มีแฟนค่ะ ไม่ได้สวยมาก ตอนนี้อ้วนด้วย ดิชั้นรู้สึกไม่มีพลัง ไม่มีแรงบันดาลใจในการทำอะไรเลย เสาร์ อาทิตย์ดิชั้นสามารถนอนอยู่บนเตียงแล้วเล่นมือถือได้เป็นวันๆค่ะ ดิชั้นเบื่อค่ะ
ใครเป็นเหมือนดิชั้นบ้างคะ ดิชั้นควรแก้ไขปัญหานี้ยังไงดีคะ ดิชั้นกลัวเป็นโรคจิตค่ะ และกลัวว่าอีกหน่อยจะเป็นโรคซึมเศร้าค่ะหรือใครพอจะแนะนำงานเสริมที่ทำเสาร์ อาทิตย์ ทำแล้วได้เพื่อนใหม่ๆ หรืออะไรที่สนุกๆก็ได้ค่ะ ไม่ต้องได้เงินก็ได้ค่ะอาจเป็นงานเพื่อสังคม หรืออะไรก็ได้ ดิชั้นก็อยากทำบุญบ้างค่ะ
ปล. ดิชั้นโสด อวบ ขาว ไม่มีแฟน ไม่มีหนี้ ไม่มีรถ ไม่มีคอนโด เช่าหออยู่ และไม่คิดจะซื้อรถ ไม่คิดจะซื้อคอนโด เพราะอีกหน่อยจะกลับบ้านไปดูแลพ่อแม่ค่ะ พ่อแม่ก็ลงมาเยี่ยมบ้าง ทุกเดือนมีเงินออมเดือนละหลักหลายหมื่นกระจายตามการลงทุนต่างๆที่กำลังศึกษา แต่ไม่มีจุดหมายเลย อยู่ไปวันๆ ออมเงินก็เก็บไปเดือนๆเพราะไม่รู้จะเอาไปทำอะไร อาจเอาไว้ใช้ตอนแก่ค่ะ
หาตัวเองไม่เจอ เงินเดือนเกินครึ่งแสน แต่อยู่แบบไม่มีพลัง
อย่าเพิ่งคิดว่าดิชั้นเป็นโรคจิต 55
ดิชั้นอายุ 29 ปี ปัจจุบันก็เป็นมนุษย์เงินเดือนปกติค่ะ ตั้งแต่อายุ 18 ดิชั้นเป็นเด็ก ตจว. สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เขามักบอกว่าเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทยได้ค่ะ ดิชั้นสอบได้คณะวิทยาศาสตร์ค่ะ ตอนเรียน ดิชั้นก็ได้สอนพิเศษไปด้วย ที่สอนไม่ใช่เพราะว่าอยากสอนนะคะ แต่เป็นเพราะเห็นเพื่อนสอนดิชั้นก็เลยอยากสอนบ้างเพราะอยากได้เงินไปเดินซื้อของที่สยาม ทั้งๆที่ที่บ้านดิชั้นก็ไม่ได้จนนะคะ มีฐานะดี แต่ดิชั้นมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ดิชั้นมีเงินเดือนที่สูงมาถึงทุกวันนี้ คือ ดิชั้นเป็นคนที่ชอบเอาชนะค่ะ ชอบเอาชนะทุกอย่าง เอาชนะทุกคนที่ไม่ชอบ และเอาชนะตัวเอง
ดิชั้นสอนพิเศษเยอะมาก เพียงเพราะคู่แข่งสอน เราก็ต้องสอนให้ได้มากกว่า ช่วงนั้นดิชั้นทำทุกอย่างเพื่อได้เงิน สอนครบ 7 วัน เวลาว่างก็ไปทำงานที่สำนักงานนิสิตได้ชั่วโมงละ 50 บาทอีก ยิ่งช่วงปิดเทอมเด็กเป็นช่วงโกยรายได้ของติวเตอร์มาก ดิชั้นไปสอนตามบ้านไกลถึงสมุทรสาครดิชั้นก็ไป ไปหมดค่ะ สอนจนไม่มีเวลาใช้เงิน จนพบว่าเรียนจบปี 4 ดิชั้นมีเงินในบัญชีประมาณ 3 แสนค่ะ แต่ไม่ได้ให้พ่อแม่เลยและพ่อแม่ก็ไม่เคยทราบว่าดิชั้นทำงานหนักขนาดนี้ รู้แต่ว่าสอนพิเศษก็แค่นั้น ดิชั้นเรียนจบแค่เกรด 2 ปลายๆค่ะ คู่แข่งคนนั้นก็เช่นเดียวกัน
เข้าสู่วัยทำงาน ดิชั้นหางานตั้งแต่เทอมสองของปีสี่ สมัครทุกที่ jobsdb jobthai ฝากประวัติกับทุก job เดิน walk in ก็หลายที่ จนดิชั้นได้งานที่แรกเงินเดือน 15000 เป๊ะค่ะ เป็นงานโรงงาน ทำงานจันทร์ถึงเสาร์ มีโอทีต่างหาก งานไม่ได้หนักมาก ทำไปได้ 2 ปี ดิชั้นตัดสินใจลาออกเพื่อเรียน ป.โท การตลาด ต่อค่ะ ควบคู่กับเปลี่ยนงานไปที่ที่สองทันที
ที่ทำงานที่สอง ตำแหน่งขึ้น เงินเดือนเริ่มที่ 19500 ไม่มีโอที งานโรงงาน ทำงานจันทร์ถึงเสาร์ งานเรื่อยๆมีหนักบ้างไม่หนักบ้างแต่ที่หนักคือ เรียนโทค่ะ เพราะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เรียนเสาร์ อาทิตย์ วันเสาร์เริ่ม 5 โมงถึง 3 ทุ่ม อาทิตย์เรียนทั้งวันเหนื่อยมากค่ะ เดินทางไกล งานกลุ่มเยอะมากมาย สุดท้าย คว้าอันดับหนึ่งของรุ่นด้วยเกรดเฉลี่ย 3.90 การตลาดมาได้ค่ะถามว่าตอนนั้นชอบการตลาดมั๊ย ก็ไม่ได้ถึงกับชอบ แต่ก็ไม่รู้จะเรียนอะไรแล้ว อยากเรียนด้านสายบริหารบ้าง คิดแค่นั้นเองค่ะ
เมื่อจบปริญญาโท ทำงานที่ที่สองไปซักพัก รวม 2 ปีกว่า ลาออกค่ะ อัพเงิน ไปทำอีกโรงงาน ทำงานจันทร์ถึงศุกร์แต่เงินเดือนเริ่มที่ 40000 บาท ตอนนั้นก็ไม่คิดว่าจะได้ขนาดนี้ ขึ้นมาเกือบ 100% แต่ต้องแลกมากับการทำงาน ตจว. ค่ะเพราะโรงงานอยู่ ตจว. ต้องอยู่ไกลครอบครัว แต่เสาร์อาทิตย์ก็นั่งรถตู้กลับ กทม. ได้ ดิชั้นเป็นคนติดห้าง ติดความเจริญค่ะเลยอยู่ที่นี่ได้แค่ปีนิดๆ ดิชั้นลาออกค่ะ เพราะอยากอยู่ กทม.
มาที่ที่อยู่ปัจจุบัน ดิชั้นได้งานทำสายงานด้านการตลาด ซึงดิชั้นไม่เคยทำมาก่อน แต่ต้องอาศัยทักษะวิทยาศาตร์ที่ดิชั้นเรียนมาค่ะดิชั้นเลยเสมือนเป็น Specialist กลายๆ ทำให้เงินเดือนดิชั้นพุ่งมา start ที่ 65,000 บาทถ้วนค่ะ ทำงานสามเดือนแรก ดิชั้นหางานใหม่ทุกวันเลยค่ะเพราะงานที่นี่เครียดมากมาย เครียดทั้งคนและงาน ด่ากันกลางออฟฟิส ทำให้อับอาย ทุกคนโดนหมด ตอนแรกๆตกใจมากแต่ตอนนี้ชินค่ะ 55 แต่ดิชั้นก็ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ มีความแรงได้ปะทะบ้างพอเป็นกระสัย เป็นอรรถรสค่ะ แต่สุดท้ายที่นี่ดูที่ผลงานจริงๆและประกอบกับดิชั้นได้เจ้านายดีค่ะ ดูผลงานเท่านั้น ทำให้เมื่อดิชั้นทำงานครบ 1 ปี เจ้านายเรียกดิชั้นไปคุยเป็นการส่วนตัวและปรับเงินให้ดิชั้น จบอยู่ที่ 75000 บาทค่ะ แต่ปีหน้าดิชั้นจะไม่ได้ปรับนะคะ เพราะถือว่าปรับไปแล้ว (เยอะด้วย) ปกติที่นี่ปรับ3-8% ค่ะ แต่ถ้าโดนเด่นมาก สามารถปรับได้ตั้งแต่ 10-200% ค่ะ หรือขึ้นตำแหน่งไปเลยก็มีมาแล้วหลายคน
พออ่านมาถึงตรงนี้ ทุกคนอาจกำลังคิดว่า ดิชั้นน่าจะมีความสุขใช่มั๊ยคะ ตอยเลยค่ะว่า ไม่เลยค่ะ ดิชั้นกินเงินเดือนเกินครึ่งแสนมาตั้งแต่อายุ 27 28 ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ทำงานสายเดียวกันแต่ดิชั้นไม่มีความสุขค่ะ ตอนนี้ดิชั้นปรับตัวกับที่นี่ได้แล้ว งานก็หนักเป็นช่วงๆ ช่วงที่ไม่มีงานเลยโครตน่าเบื่อวันๆนั่งเล่นเฟส เล่นไอจี แต่ถ้าช่วงหนักมากๆ ช่วงยุ่งมากๆ ก็ข้ามคืนกันเลยก็มีมาแล้วค่ะ
ดิชั้นรู้สึกเบื่อ เสาร์ อาทิตย์ ก็นอนตื่นบ่ายสองบ่ายสาม ตื่นแล้วก็กิน กินแล้วก็นอน นั่นแหละค่ะ วนๆอยู่อย่างนี้มาเป็นปีดิชั้นน้ำหนักเพิ่มมา 20 kg ค่ะ!! ใช่ค่ะ 20 kg เพียงในระยะเวลา 1 ปี เพราะดิชั้นกินบุฟเฟ่ต์ทุกวัน จริงค่ะ ทุกวัน หรือไม่ก็เป็นอาหารในห้างตลอดค่ะ ดิชั้นหมดเงินไปกับการกินเดือนละหลักหลายหมื่น แต่ดิชั้นเป็นคนไม่ชอบซื้อเสื้อผ้านะคะไม่ชอบซื้อของอะไรเลย ทำให้เสื้อผ้าก็ใช้ของเก่าๆ แต่งตัวก็ธรรมดาค่ะ ไม่ติดแบรนด์เนมอะไรเลย
ช่วง 4 เดือนก่อน ดิชั้นได้มีโอกาสอ่านหนังสือของคุณโจ มณฑานีค่ะ เป็นกูรูด้านการเงิน ดิชั้นเลยเริ่มลงทุนด้านกองทุนรวมเริ่มที่ LTF RMF นั่นแหละ เพราะดิชั้นจะเอาลดหย่อนภาษีค่ะ ซื้อเต็มวง 15% เลยค่ะ และเริ่มออมหุ้น CIMB และเริ่มเรียนรู้เรื่องการลงทุนหุ้นโดยการไปเปิดพอร์ตของแบงค์ต่างๆ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เล่นนะคะแต่เปิดพอร์ตไปแล้ว กำลังงงๆอยู่ค่ะ 55 แต่ DCA เริ่มไปแล้ว ตอนนี้มีเงินในทุกพอร์ตก็ราวๆเกือบ 7 หลักแล้วค่ะ 60% ไปอยู่ในสหกรณ์ของแม่ เป็นสหกรณ์ราชการปันผล 7-8% ต่อปีค่ะ
มาตอนสุดท้าย ที่เล่ามาทั้งหมด ดิชั้นยังไม่รู้เลยค่ะว่าจะจบยังไง ดิชั้นเหงา เบื่อ ดิชั้นไม่รู้ว่าดิชั้นชอบอะไร เพราะทุกวันไปทำงานดิชั้นเฉยๆมากๆเคยคิดอยากไปบวช อยากไปนั่งกรรมฐาน แต่ก็ไม่เคยไปเลย ดิชั้นมีเพื่อนสนิทแค่ 3 คน แต่มีแฟนกันหมดดิชั้นไม่มีแฟนค่ะ ไม่ได้สวยมาก ตอนนี้อ้วนด้วย ดิชั้นรู้สึกไม่มีพลัง ไม่มีแรงบันดาลใจในการทำอะไรเลย เสาร์ อาทิตย์ดิชั้นสามารถนอนอยู่บนเตียงแล้วเล่นมือถือได้เป็นวันๆค่ะ ดิชั้นเบื่อค่ะ
ใครเป็นเหมือนดิชั้นบ้างคะ ดิชั้นควรแก้ไขปัญหานี้ยังไงดีคะ ดิชั้นกลัวเป็นโรคจิตค่ะ และกลัวว่าอีกหน่อยจะเป็นโรคซึมเศร้าค่ะหรือใครพอจะแนะนำงานเสริมที่ทำเสาร์ อาทิตย์ ทำแล้วได้เพื่อนใหม่ๆ หรืออะไรที่สนุกๆก็ได้ค่ะ ไม่ต้องได้เงินก็ได้ค่ะอาจเป็นงานเพื่อสังคม หรืออะไรก็ได้ ดิชั้นก็อยากทำบุญบ้างค่ะ
ปล. ดิชั้นโสด อวบ ขาว ไม่มีแฟน ไม่มีหนี้ ไม่มีรถ ไม่มีคอนโด เช่าหออยู่ และไม่คิดจะซื้อรถ ไม่คิดจะซื้อคอนโด เพราะอีกหน่อยจะกลับบ้านไปดูแลพ่อแม่ค่ะ พ่อแม่ก็ลงมาเยี่ยมบ้าง ทุกเดือนมีเงินออมเดือนละหลักหลายหมื่นกระจายตามการลงทุนต่างๆที่กำลังศึกษา แต่ไม่มีจุดหมายเลย อยู่ไปวันๆ ออมเงินก็เก็บไปเดือนๆเพราะไม่รู้จะเอาไปทำอะไร อาจเอาไว้ใช้ตอนแก่ค่ะ