ขอเกริ่นก่อนเลยว่า จกขท.เป็นชะนีอายุ24ผ่านการมีแฟนมาแล้ว 1 คนถ้วนๆ (คบแค่ประมานเดือนกว่าก็เลิก)
แล้วก็ใช้ชีวิตโสดมาตลอด โสดแบบไม่คุยกับใคร ไม่ชอบใคร ไม่สนใจความรักเชิงชู้สาวเลยมา6ปีแล้ว
เราสามารถไปกินข้าวคนเดียว เดินห้างคนเดียว ช้อปปิ้งคนเดียว ดูหนังคนเดียวไปเที่ยวต่างจังหวัดคนเดียวได้ชิลๆ แต่ถีบเรือเป็ดคนเดียวไม่ได้นะ กลัวตกน้ำว่ายน้ำไม่เป็น 555
ที่มาตั้งกระทู้วันนี้ก็ไม่ได้อะไรหรอก ว่าง
ไม่ช่ายยยยย เผอิญว่าวันนี้มีน้องๆในแก๊งค์ทักมาถามเราว่า "อินเลิฟใช่มั้ย แอบไปมีผัวใช่มั้ย" เพียงเพราะเราโพสต์เพลงรัก หื๊มมมมมมมม ทักกันมาถึง2คนในเวลาไล่เลี่ยกัน ไอ้เราก็แปลกใจ นี่เหมือนคนมีความรักขนาดนั้นเลยหรอ และพอมานึกดูดีๆที่ผ่านมา มีคนทักแบบนี้เยอะเหมือนกันเนอะ
เราเชื่อผู้หญิงส่วนใหญ่เคยโดนพ่อแม่สั่งสอนว่า 'อย่ารีบมีแฟนนะต้องเรียนให้จบก่อน เดี๋ยวพอมีงานมีการทำงาน ผู้ชายดี ๆ ก็จะตามมาเอง'
ส่วนตัวเรานี่ถูกเลี้ยงมาให้ดูแลคนอื่น ใช่ค่ะ ดูแลคนอื่น มันคือข้ามผ่านการดูแลตัวเองได้มาแล้ว ตั้งแต่ประถมเราถูกสอนให้ทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆเช่น กวาดขยะ ตอน ป.2 เราต้องล้างกล่องข้าวและซักถุงนร.ของตัวเองทุกวัน โตมาหน่อยป.5 ทุกเสาร์เราจะต้องตื่นมากวาดบ้าน ถูบ้านก่อนถึงจะดูการ์ตูนช่อง 7ได้ หลังจากนั้นก็ต้องซักเสื้อผ้าของตัวเอง ซึ่งพอซักได้เสื้อผ้าตัวเองได้ แม่ก็สอนให้ซักเสื้อผ้าชุดทำงานของพ่อด้วย สักประมาณม.1 เราก็รีดชุดทำงานให้พ่อได้แล้ว แม่ก็สบายไป 555
ตอนเด็กๆนี่พ่อแม่ค่อนข้างเข้มงวดนะ ไม่เคยได้ไปเที่ยวกับเพื่อน นอนบ้านเพื่อนนี่ฝันไปเลย ตื่นเช้าไปรร.เลิกเรียนกลับบ้านไม่เกิน5 โมง เสาร์-อาทิตย์เรียนพิเศษ โชคดีที่เราก็ไม่ค่อยชอบเที่ยว ไม่ชอบอากาศร้อนอยู่แล้ว มีความสุขกับการได้นอนเล่นกับหมากะแมวที่บ้านมากกว่าเลยไม่ได้เก็บกดอะไร
จุดเปลี่ยนก็ตอนเรียนจบม.6นี่แหละ ก็มาเรียนที่กรุงเทพฯคนเดียว เป็นการมากรุงเทพครั้งแรกของเรา และเป็นการใช้ชีวิตคนเดียวครั้งแรกของเรา และพ่อแม่ก็ปล่อยเลย ไม่มากะเกณฑ์บังคับอะไรทั้งนั้น ทำให้รู้สึกขอบคุณพ่อแม่มากที่สอนให้เราดูแลตัวเองได้ เพราะอยู่ได้สบายมากแค่มีอิสระมากขึ้นแค่นั้นแต่ไลฟ์สไตล์ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากก็ยังไม่ชอบเที่ยวเหมือนเดิม
ในส่วนของชีวิตมหาลัย "ไหนแม่บอกว่าเรียนจบแล้วผชดีจะตามมาไง เนี้ย!แค่เข้ามหาลัยก้ไม่มีใครโสดเป็นเพื่อนหนุแล้วแม่ จะเหลือไปถึงหนูตอนมีงานทำแล้วหรอ!!"
แต่กระนั้นด้วยความที่ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องพึ่งพาใครมาตลอดทำให้เราโอเคกับการใช้ชีวิตคนเดียวจริงๆ ยิ่งตอนมีแฟนยิ่งรู้เลย มันทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าคนเป็นแฟนกันต้องทำตัวยังไง กลายเป็นว่าเราดันอึดอัดกับแฟนตัวเองซะงั้น แต่ที่เลิกกันไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้นะถึงจะมีส่วนก็เถอะ แต่จริงๆคือเราทนสงครามประสาทของพี่สาวแฟนไม่ไหวจริงๆ บวกกับความอึดอัดของตัวเองที่มีอยู่ก่อนแล้วก็เลยตัดสินใจบอกเลิกทั้งที่ยังรักเค้าอยู่ สุดท้ายร้องไห้อยู่เป็นปี จนกระทั่งเค้ามีคนใหม่นั่นแหละถึงคิดได้ว่า เค้าก็ดำเนินชีวิตของเค้าต่อไปแล้วๆเราล่ะมัวแต่ทำอะไรอยู่ หรือไม่เราก็แค่ผญคนนึงที่อาจจะไม่เหมาะกับการมีแฟนก็ได้ ตั้งแต่นั้นก็ทำใจได้ แล้วก็เริ่มใช้ชีวิตของตัวเอง ทำเพื่อตัวเองมากขึ้น ทำในสิ่งที่อยากทำ ลดเงื่อนไขในชีวิตลงบ้าง บอกตัวเองไว้ว่า แกจะมานั่งเสียดายว่าทำไมตอนนั้นไม่ทำตอนที่ยังมีโอกาสไม่ได้นะเว้ย
ตอนนี้ชีวิตก็ปกติดีมีเพื่อนเยอะมากทั้งผญ ผช สุขบ้าง เฉยๆบ้างแต่ก็ไม่ได้ทุกข์ใจอะไร(ยกเว้นเรื่องเงิน55555) รู้สึกว่าตัวเองสนุกกับงาน วันหยุดนอนเกลือกกลิ้งบ้าง ไม่ก็ไปเดินห้างซื้อพวกเครื่องปรุงหรือวัตถุดิบแปลกๆมาทำกับข้าวกินที่บ้าน เบื่อๆก็ดูหนัง ดูซีรีส์ เล่นกับหมาในซอย บางทีก็เหงานะ คิดถึงความรู้สึกวูบวาบเหมือนตอนมีแฟนเหมือนกัน แต่คิดอีกที อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่านะ 555
เราว่าผู้หญิงที่น่าอิจฉา(นอกจากผญที่มีสามีดีๆอะนะ) คือ ผู้หญิงโสดที่มีความสุขได้เหมือนมีคนความรักนี่แหละ ก็แล้วแต่ทัศนคติของแต่ละคนอะเนอะ
ปล.คนใกล้ตัวเรามักจะโสดเหมือนกันแทบทั้งหมด ไม่รู้เพราะเราหรือมันนกของมันเอง 555
ปล.1 นอกจากเรื่องเงินที่เป็นทุกข์ คือการต้องทนคำพูดที่ว่า "เมื่อไหร่จะมีแฟน/อยู่ยังไงถึงไม่มีแฟน" ของบรรดาลุงๆป้าและเพื่อนตัวเองนี่แหละ ลำไยมาก ขนาดแม่ยังพูดเลยว่า "มีงานทำแล้วก็มีแฟนได้แล้วนะแม่อนุญาต" แม๊!!!!











##สำหรับคนที่บอกว่า คนมีความสุขจริงๆเค้าไม่ตั้งกระทู้บอกว่าตัวเองมีความสุขหรอก คืออยากรู้ว่า คนมีความสุขนี่ตั้งกระทู้เรื่องอะไรได้บ้างคะ (เดี๋ยวก็หาว่ากวนทีอีก) ก็บอกไปแล้วไงว่าว่าง ไม่มีอะไรทำ พอดีว่ามันมีเหตุการณ์ที่เพื่อนทักเรื่องนี้เยอะก็เลยเลือกประเด็นเรื่องนี้ไง ขอเขียนเรื่องนี้ได้มั้ยล่ะ เดี๋ยวกระทู้หน้าจะเขียนเรื่องอื่น
##ส่วนเรื่องว่า คบกับแฟนเดือนเดียวทำไมร้องไห้เป็นปี เราเป็นเพื่อนกันมาก่อนจะคบกัน +สงครามประสาทที่เกิดขึ้นนั้นค่อนข้างรุนแรงและกระทบกับกลุ่มเพื่อนหลายคนและความรู้สึกเราพังหนักมาก เรื่องเซนซิธีฟเรื่องเพื่อนมาก เรื่องมันยาวช่างมันเถอะเดี๋ยวว่างๆมาทำเป็นสั้นให้ดู ล้อเล่นนะ
##เราไม่ได้บอกว่ามีแฟนมันไม่ดีหรือเป็นโสดโอเคกว่านะ คนรอบตัวเราใครเหงานี่ก็สนับสนุนให้มันมีแฟนนะ ช่วยหาช่วยกันกรองให้เพื่อนด้วยซ้ำ แถมโปรโมชั่น ชงยับ ชงกันเข้มมากเหมือนเพื่อนหิวกาแฟ แต่เเพราะเราเขียนไม่ดีมั้งหลายคนเลยตีความไปเป็นอย่างอื่น ขอโทษด้วยนะคะ ยิ่งเห็นหลายเม้นต์ในFBคุณจะเห็นว่า ผญเยอะมากเป็นแบบเรา อย่างน้อยๆก็ขอให้เรื่องของเราได้เป็นกำลังใจให้กับหลายคนๆที่ต้องอยู่คนเดียว ยังไม่เจอคนที่ใช่จริงๆก็ไม่ต้องรีบหรอก ทำตัวเองให้มีความสุขเดี๋ยวโลกก็เหวี่ยงสิ่งดีๆคนดีๆมาให้เราเอง แต่ถ้ารีบจนไปคว้าคนไม่ดีขึ้นมาคนที่ต้องมาทุกข์ทนก็เราคนเดียว เพื่อนจขกท.ก็โดนมาหลายคน
##ใครบอกโสดแล้วไม่เหงามันโกหกค่ะ ยอดมนุษย์เกินไปละแก เหงาค่ะเหงาจริง อิจฉาคนอื่นก็มีบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ตลอดเวลามั้ยล่ะ เรายังมีความฝัน มีงานอดิเรกมีครอบครัว มีสิ่งที่อยากทำ ยังมีเรื่องอื่นให้คิดอีก เลยบรรเทาความเหงาได้บ้าง โชคดีที่จขกท.โฟกัสเรื่องกินเรื่องเที่ยวเป็นหลัก การหาเงินจึงประเด็นสำคัญในความคิดมากกว่า 55555555555555555555555555555555555555555555555555
และขอความกรุณา อย่าเต๊าะเราหลังไมค์ค่ะ เราไม่สะดวก
เป็นผู้หญิงโสดและดูมีความสุข จนเพื่อนคิดว่าแอบมีผัวซะอย่างงั้น
ขอเกริ่นก่อนเลยว่า จกขท.เป็นชะนีอายุ24ผ่านการมีแฟนมาแล้ว 1 คนถ้วนๆ (คบแค่ประมานเดือนกว่าก็เลิก)
แล้วก็ใช้ชีวิตโสดมาตลอด โสดแบบไม่คุยกับใคร ไม่ชอบใคร ไม่สนใจความรักเชิงชู้สาวเลยมา6ปีแล้ว
เราสามารถไปกินข้าวคนเดียว เดินห้างคนเดียว ช้อปปิ้งคนเดียว ดูหนังคนเดียวไปเที่ยวต่างจังหวัดคนเดียวได้ชิลๆ แต่ถีบเรือเป็ดคนเดียวไม่ได้นะ กลัวตกน้ำว่ายน้ำไม่เป็น 555
ที่มาตั้งกระทู้วันนี้ก็ไม่ได้อะไรหรอก ว่าง
ไม่ช่ายยยยย เผอิญว่าวันนี้มีน้องๆในแก๊งค์ทักมาถามเราว่า "อินเลิฟใช่มั้ย แอบไปมีผัวใช่มั้ย" เพียงเพราะเราโพสต์เพลงรัก หื๊มมมมมมมม ทักกันมาถึง2คนในเวลาไล่เลี่ยกัน ไอ้เราก็แปลกใจ นี่เหมือนคนมีความรักขนาดนั้นเลยหรอ และพอมานึกดูดีๆที่ผ่านมา มีคนทักแบบนี้เยอะเหมือนกันเนอะ
เราเชื่อผู้หญิงส่วนใหญ่เคยโดนพ่อแม่สั่งสอนว่า 'อย่ารีบมีแฟนนะต้องเรียนให้จบก่อน เดี๋ยวพอมีงานมีการทำงาน ผู้ชายดี ๆ ก็จะตามมาเอง'
ส่วนตัวเรานี่ถูกเลี้ยงมาให้ดูแลคนอื่น ใช่ค่ะ ดูแลคนอื่น มันคือข้ามผ่านการดูแลตัวเองได้มาแล้ว ตั้งแต่ประถมเราถูกสอนให้ทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆเช่น กวาดขยะ ตอน ป.2 เราต้องล้างกล่องข้าวและซักถุงนร.ของตัวเองทุกวัน โตมาหน่อยป.5 ทุกเสาร์เราจะต้องตื่นมากวาดบ้าน ถูบ้านก่อนถึงจะดูการ์ตูนช่อง 7ได้ หลังจากนั้นก็ต้องซักเสื้อผ้าของตัวเอง ซึ่งพอซักได้เสื้อผ้าตัวเองได้ แม่ก็สอนให้ซักเสื้อผ้าชุดทำงานของพ่อด้วย สักประมาณม.1 เราก็รีดชุดทำงานให้พ่อได้แล้ว แม่ก็สบายไป 555
ตอนเด็กๆนี่พ่อแม่ค่อนข้างเข้มงวดนะ ไม่เคยได้ไปเที่ยวกับเพื่อน นอนบ้านเพื่อนนี่ฝันไปเลย ตื่นเช้าไปรร.เลิกเรียนกลับบ้านไม่เกิน5 โมง เสาร์-อาทิตย์เรียนพิเศษ โชคดีที่เราก็ไม่ค่อยชอบเที่ยว ไม่ชอบอากาศร้อนอยู่แล้ว มีความสุขกับการได้นอนเล่นกับหมากะแมวที่บ้านมากกว่าเลยไม่ได้เก็บกดอะไร
จุดเปลี่ยนก็ตอนเรียนจบม.6นี่แหละ ก็มาเรียนที่กรุงเทพฯคนเดียว เป็นการมากรุงเทพครั้งแรกของเรา และเป็นการใช้ชีวิตคนเดียวครั้งแรกของเรา และพ่อแม่ก็ปล่อยเลย ไม่มากะเกณฑ์บังคับอะไรทั้งนั้น ทำให้รู้สึกขอบคุณพ่อแม่มากที่สอนให้เราดูแลตัวเองได้ เพราะอยู่ได้สบายมากแค่มีอิสระมากขึ้นแค่นั้นแต่ไลฟ์สไตล์ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากก็ยังไม่ชอบเที่ยวเหมือนเดิม
ในส่วนของชีวิตมหาลัย "ไหนแม่บอกว่าเรียนจบแล้วผชดีจะตามมาไง เนี้ย!แค่เข้ามหาลัยก้ไม่มีใครโสดเป็นเพื่อนหนุแล้วแม่ จะเหลือไปถึงหนูตอนมีงานทำแล้วหรอ!!"
แต่กระนั้นด้วยความที่ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องพึ่งพาใครมาตลอดทำให้เราโอเคกับการใช้ชีวิตคนเดียวจริงๆ ยิ่งตอนมีแฟนยิ่งรู้เลย มันทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าคนเป็นแฟนกันต้องทำตัวยังไง กลายเป็นว่าเราดันอึดอัดกับแฟนตัวเองซะงั้น แต่ที่เลิกกันไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้นะถึงจะมีส่วนก็เถอะ แต่จริงๆคือเราทนสงครามประสาทของพี่สาวแฟนไม่ไหวจริงๆ บวกกับความอึดอัดของตัวเองที่มีอยู่ก่อนแล้วก็เลยตัดสินใจบอกเลิกทั้งที่ยังรักเค้าอยู่ สุดท้ายร้องไห้อยู่เป็นปี จนกระทั่งเค้ามีคนใหม่นั่นแหละถึงคิดได้ว่า เค้าก็ดำเนินชีวิตของเค้าต่อไปแล้วๆเราล่ะมัวแต่ทำอะไรอยู่ หรือไม่เราก็แค่ผญคนนึงที่อาจจะไม่เหมาะกับการมีแฟนก็ได้ ตั้งแต่นั้นก็ทำใจได้ แล้วก็เริ่มใช้ชีวิตของตัวเอง ทำเพื่อตัวเองมากขึ้น ทำในสิ่งที่อยากทำ ลดเงื่อนไขในชีวิตลงบ้าง บอกตัวเองไว้ว่า แกจะมานั่งเสียดายว่าทำไมตอนนั้นไม่ทำตอนที่ยังมีโอกาสไม่ได้นะเว้ย
ตอนนี้ชีวิตก็ปกติดีมีเพื่อนเยอะมากทั้งผญ ผช สุขบ้าง เฉยๆบ้างแต่ก็ไม่ได้ทุกข์ใจอะไร(ยกเว้นเรื่องเงิน55555) รู้สึกว่าตัวเองสนุกกับงาน วันหยุดนอนเกลือกกลิ้งบ้าง ไม่ก็ไปเดินห้างซื้อพวกเครื่องปรุงหรือวัตถุดิบแปลกๆมาทำกับข้าวกินที่บ้าน เบื่อๆก็ดูหนัง ดูซีรีส์ เล่นกับหมาในซอย บางทีก็เหงานะ คิดถึงความรู้สึกวูบวาบเหมือนตอนมีแฟนเหมือนกัน แต่คิดอีกที อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่านะ 555
เราว่าผู้หญิงที่น่าอิจฉา(นอกจากผญที่มีสามีดีๆอะนะ) คือ ผู้หญิงโสดที่มีความสุขได้เหมือนมีคนความรักนี่แหละ ก็แล้วแต่ทัศนคติของแต่ละคนอะเนอะ
ปล.คนใกล้ตัวเรามักจะโสดเหมือนกันแทบทั้งหมด ไม่รู้เพราะเราหรือมันนกของมันเอง 555
ปล.1 นอกจากเรื่องเงินที่เป็นทุกข์ คือการต้องทนคำพูดที่ว่า "เมื่อไหร่จะมีแฟน/อยู่ยังไงถึงไม่มีแฟน" ของบรรดาลุงๆป้าและเพื่อนตัวเองนี่แหละ ลำไยมาก ขนาดแม่ยังพูดเลยว่า "มีงานทำแล้วก็มีแฟนได้แล้วนะแม่อนุญาต" แม๊!!!!
##สำหรับคนที่บอกว่า คนมีความสุขจริงๆเค้าไม่ตั้งกระทู้บอกว่าตัวเองมีความสุขหรอก คืออยากรู้ว่า คนมีความสุขนี่ตั้งกระทู้เรื่องอะไรได้บ้างคะ (เดี๋ยวก็หาว่ากวนทีอีก) ก็บอกไปแล้วไงว่าว่าง ไม่มีอะไรทำ พอดีว่ามันมีเหตุการณ์ที่เพื่อนทักเรื่องนี้เยอะก็เลยเลือกประเด็นเรื่องนี้ไง ขอเขียนเรื่องนี้ได้มั้ยล่ะ เดี๋ยวกระทู้หน้าจะเขียนเรื่องอื่น
##ส่วนเรื่องว่า คบกับแฟนเดือนเดียวทำไมร้องไห้เป็นปี เราเป็นเพื่อนกันมาก่อนจะคบกัน +สงครามประสาทที่เกิดขึ้นนั้นค่อนข้างรุนแรงและกระทบกับกลุ่มเพื่อนหลายคนและความรู้สึกเราพังหนักมาก เรื่องเซนซิธีฟเรื่องเพื่อนมาก เรื่องมันยาวช่างมันเถอะเดี๋ยวว่างๆมาทำเป็นสั้นให้ดู ล้อเล่นนะ
##เราไม่ได้บอกว่ามีแฟนมันไม่ดีหรือเป็นโสดโอเคกว่านะ คนรอบตัวเราใครเหงานี่ก็สนับสนุนให้มันมีแฟนนะ ช่วยหาช่วยกันกรองให้เพื่อนด้วยซ้ำ แถมโปรโมชั่น ชงยับ ชงกันเข้มมากเหมือนเพื่อนหิวกาแฟ แต่เเพราะเราเขียนไม่ดีมั้งหลายคนเลยตีความไปเป็นอย่างอื่น ขอโทษด้วยนะคะ ยิ่งเห็นหลายเม้นต์ในFBคุณจะเห็นว่า ผญเยอะมากเป็นแบบเรา อย่างน้อยๆก็ขอให้เรื่องของเราได้เป็นกำลังใจให้กับหลายคนๆที่ต้องอยู่คนเดียว ยังไม่เจอคนที่ใช่จริงๆก็ไม่ต้องรีบหรอก ทำตัวเองให้มีความสุขเดี๋ยวโลกก็เหวี่ยงสิ่งดีๆคนดีๆมาให้เราเอง แต่ถ้ารีบจนไปคว้าคนไม่ดีขึ้นมาคนที่ต้องมาทุกข์ทนก็เราคนเดียว เพื่อนจขกท.ก็โดนมาหลายคน
##ใครบอกโสดแล้วไม่เหงามันโกหกค่ะ ยอดมนุษย์เกินไปละแก เหงาค่ะเหงาจริง อิจฉาคนอื่นก็มีบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ตลอดเวลามั้ยล่ะ เรายังมีความฝัน มีงานอดิเรกมีครอบครัว มีสิ่งที่อยากทำ ยังมีเรื่องอื่นให้คิดอีก เลยบรรเทาความเหงาได้บ้าง โชคดีที่จขกท.โฟกัสเรื่องกินเรื่องเที่ยวเป็นหลัก การหาเงินจึงประเด็นสำคัญในความคิดมากกว่า 55555555555555555555555555555555555555555555555555
และขอความกรุณา อย่าเต๊าะเราหลังไมค์ค่ะ เราไม่สะดวก