เมกะเทรนด์ตัวใหญ่ She-conomy ไม่ใช่แค่เรื่องลมปากอีกต่อไปครับ
ผู้หญิงจะเป็นกลไกสำคัญที่จะพัฒนาเศรษฐกิจอย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากที่ผมได้ทำการศึกษาพฤติกรรมของสาวไทยมากว่า 10 ปี
ต้องบอกว่าเรื่องนี้จริงๆแล้วมันน่าเหลือเชื่อมากๆ
เพราะอัตรามวลรวมการบริโภคของ สาวไทย 1 คนหนึ่ง เท่ากับผู้ชาย 20 คนรวมกัน!!
ทำให้ผมนี่ปิ๊งไอเดียเลยว่าหากว่าใครอยากจะรวยในยุคดิจิตอลที่การแข่งขันสูงลิบขนาดนี้
คุณต้องถอดรหัสพฤติกรรมของผู้หญิงที่มีความซับซ้อนนี้ให้ได้ แค่คุณจับทางได้เมื่อไรนะ คุณเอ้ยยย!! รวยไม่รู้ตัว
ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ
หากผู้ชายอย่างเราอยากได้รองเท้าแตะสักคู่ อาจจะเดินไปหน้าปากซอยซื้อรองเท้าช้างดาว 49 บาทมาใส่จบกระบวนการสนองนี้ด
เงิน 49 บาทหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ อย่างฝืดๆ
ขณะที่สาวๆอาจจะต้องไปเดินห้างหารองเท้าแตะแบรนด์ดีๆ ใส่สบายๆ สีน่ารักๆ
แม้ว่าจะแค่ตั้งใจไปซื้อรองเท้าแตะ แต่หากไปเจอเทศกาลรองเท้าโคตะระเซลล์ลดกระหน่ำชาตินี้ยันชาติหน้า
หากถ้าเจอแบรนด์ที่ตัวเองถูกใจแปะป้ายเซลล์แดงๆยั่วใจแล้วละก็ ไม่วายเธอจะต้องสอยมาสักคู่สองคู่อย่างแน่นอน
และไม่เพียงเท่านี้ครับ! หากรองเท้าที่ถูกใจไม่มีเบอร์ที่พอดีกับเธอ เธอก็จะสามารถพรรณาถึงเหตุผลในการซื้อได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เช่นหากตรีนเธอเบอร์ 37 แต่รองเท้ามีเบอร์ 36 เธอก็จะบอกว่าใส่ๆไปเดี๋ยวมันก็ยืดขยายได้เอง แต่ถ้ามันมีแต่เบอร์38 เธอก็จะบอกว่าเดี๋ยวใส่ๆไปมันก็หดเอง ตรูงงมากๆครับ นี่มันหนังจระเข้ หนังงูเหลือมมหรืออะไรกันแน่
พูดเรื่องเสื้อผ้า ผู้ชายจะซื้อใหม่ก็ต่อเมื่อสีเสื้อถูกแดดมันเลียจนไม่รู้จะให้มันไปซีดตรงไหน
แต่ผู้หญิงจะซื้อใหม่ทันทีไม่ว่าจะมีงานวัด งานเทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ งานเก็บหอยครอง เทศกาลวิ่งควายอะไรก็แล้วแต่ เหตุเพราะเธอบอกว่างานก่อนใส่ชุดนี้ไปแล้ว เค้าไม่ใส่ซ้ำกัน ( ใครมันจะจำได้ฟระ! )
เครื่องสำอางค์ประทินผิวทั้งหลายนี่ยิ่งขับเศรษฐกิจพรวดๆเลยครับ
เพราะเธอซื้อมาไม่เคยใช้หมด ทาได้สองปื๊ดแล้วก็ซื้อตัวใหม่ ก็เลิกแล้วก็ไปหาตัวใหม่มาทาอีก วนเวียนกันไป ไม่ว่าท่านไปบ้านไหนก็แล้วแต่จะเห็น หน้าโต๊ะเครื่องแป้งสาวๆเต็มไปด้วย กระป๋อง กระปุก หลอดครีมนั่นนี่ ที่เหลือค่อนหลอดเสมอๆ สามารถส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลานเหลน ทากันได้ต่อไปยัน 7 ชั่วอายุคน สีทาเล็บหลากหลายสีสัน นับสิบขวดที่ใช้ไม่เคยหมดจนแห้งคาขวด มีทั้งชมพู ชมพูอ่อน ชมพูอ๊อนอ่อน มันต่างกันตรงไหน!!
เรื่องอาการการกินนี่ยิ่งใช่เลยครับ เธออาจจะสั่งอาหารมาสิบอย่าง แต่กินอย่างละคำเท่านั้น จากนั้นบุรุษผู้มีกะเพาะเหล็กอย่างเราๆต้องเป็นผู้รับผิดชอบส่วนที่เหลืออย่างพะอืดพะอม
นี่แค่ตัวอย่างพื้นๆเบๆครับ แต่จะเห็นได้ว่าดัชนีการบริโภคของผู้หญิงสูงกว่าผู้ชายมหาศาล
แต่ทว่าน่าแปลกใจ ความมั่งคั่งของสาวๆไม่เคยลดลง แต่กลับเป็นชายไทยที่กระเป๋าแฟบๆ หน้าหมองๆ คล้ำๆ ดูไม่ค่อยมีกะตังค์ ...
ต้องไปศึกษาต่อว่าทำไม (อิอิ)
ไม่เกิน 5 ปีจากนี้ ผู้หญิงจะเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ก้าวหน้า พรวดๆ SET ทะลุ 2500 ตามที่นักวิเคราะห์บอก
ผู้หญิงจะเป็นกลไกสำคัญที่จะพัฒนาเศรษฐกิจอย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากที่ผมได้ทำการศึกษาพฤติกรรมของสาวไทยมากว่า 10 ปี
ต้องบอกว่าเรื่องนี้จริงๆแล้วมันน่าเหลือเชื่อมากๆ
เพราะอัตรามวลรวมการบริโภคของ สาวไทย 1 คนหนึ่ง เท่ากับผู้ชาย 20 คนรวมกัน!!
ทำให้ผมนี่ปิ๊งไอเดียเลยว่าหากว่าใครอยากจะรวยในยุคดิจิตอลที่การแข่งขันสูงลิบขนาดนี้
คุณต้องถอดรหัสพฤติกรรมของผู้หญิงที่มีความซับซ้อนนี้ให้ได้ แค่คุณจับทางได้เมื่อไรนะ คุณเอ้ยยย!! รวยไม่รู้ตัว
ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆ
หากผู้ชายอย่างเราอยากได้รองเท้าแตะสักคู่ อาจจะเดินไปหน้าปากซอยซื้อรองเท้าช้างดาว 49 บาทมาใส่จบกระบวนการสนองนี้ด
เงิน 49 บาทหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ อย่างฝืดๆ
ขณะที่สาวๆอาจจะต้องไปเดินห้างหารองเท้าแตะแบรนด์ดีๆ ใส่สบายๆ สีน่ารักๆ
แม้ว่าจะแค่ตั้งใจไปซื้อรองเท้าแตะ แต่หากไปเจอเทศกาลรองเท้าโคตะระเซลล์ลดกระหน่ำชาตินี้ยันชาติหน้า
หากถ้าเจอแบรนด์ที่ตัวเองถูกใจแปะป้ายเซลล์แดงๆยั่วใจแล้วละก็ ไม่วายเธอจะต้องสอยมาสักคู่สองคู่อย่างแน่นอน
และไม่เพียงเท่านี้ครับ! หากรองเท้าที่ถูกใจไม่มีเบอร์ที่พอดีกับเธอ เธอก็จะสามารถพรรณาถึงเหตุผลในการซื้อได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เช่นหากตรีนเธอเบอร์ 37 แต่รองเท้ามีเบอร์ 36 เธอก็จะบอกว่าใส่ๆไปเดี๋ยวมันก็ยืดขยายได้เอง แต่ถ้ามันมีแต่เบอร์38 เธอก็จะบอกว่าเดี๋ยวใส่ๆไปมันก็หดเอง ตรูงงมากๆครับ นี่มันหนังจระเข้ หนังงูเหลือมมหรืออะไรกันแน่
พูดเรื่องเสื้อผ้า ผู้ชายจะซื้อใหม่ก็ต่อเมื่อสีเสื้อถูกแดดมันเลียจนไม่รู้จะให้มันไปซีดตรงไหน
แต่ผู้หญิงจะซื้อใหม่ทันทีไม่ว่าจะมีงานวัด งานเทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ งานเก็บหอยครอง เทศกาลวิ่งควายอะไรก็แล้วแต่ เหตุเพราะเธอบอกว่างานก่อนใส่ชุดนี้ไปแล้ว เค้าไม่ใส่ซ้ำกัน ( ใครมันจะจำได้ฟระ! )
เครื่องสำอางค์ประทินผิวทั้งหลายนี่ยิ่งขับเศรษฐกิจพรวดๆเลยครับ
เพราะเธอซื้อมาไม่เคยใช้หมด ทาได้สองปื๊ดแล้วก็ซื้อตัวใหม่ ก็เลิกแล้วก็ไปหาตัวใหม่มาทาอีก วนเวียนกันไป ไม่ว่าท่านไปบ้านไหนก็แล้วแต่จะเห็น หน้าโต๊ะเครื่องแป้งสาวๆเต็มไปด้วย กระป๋อง กระปุก หลอดครีมนั่นนี่ ที่เหลือค่อนหลอดเสมอๆ สามารถส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลานเหลน ทากันได้ต่อไปยัน 7 ชั่วอายุคน สีทาเล็บหลากหลายสีสัน นับสิบขวดที่ใช้ไม่เคยหมดจนแห้งคาขวด มีทั้งชมพู ชมพูอ่อน ชมพูอ๊อนอ่อน มันต่างกันตรงไหน!!
เรื่องอาการการกินนี่ยิ่งใช่เลยครับ เธออาจจะสั่งอาหารมาสิบอย่าง แต่กินอย่างละคำเท่านั้น จากนั้นบุรุษผู้มีกะเพาะเหล็กอย่างเราๆต้องเป็นผู้รับผิดชอบส่วนที่เหลืออย่างพะอืดพะอม
นี่แค่ตัวอย่างพื้นๆเบๆครับ แต่จะเห็นได้ว่าดัชนีการบริโภคของผู้หญิงสูงกว่าผู้ชายมหาศาล
แต่ทว่าน่าแปลกใจ ความมั่งคั่งของสาวๆไม่เคยลดลง แต่กลับเป็นชายไทยที่กระเป๋าแฟบๆ หน้าหมองๆ คล้ำๆ ดูไม่ค่อยมีกะตังค์ ...
ต้องไปศึกษาต่อว่าทำไม (อิอิ)