รีวิวสอบ IELTS เพิ่ม Writing จาก 6.5 ไป 7.5 ในหนึ่งเดือน (อ่านเองค่ะ)

สวัสดีค่ะ

การสอบ IELTS รอบนี้เป็นการสอบรอบที่สองของเราค่ะ ถ้าอยากอ่านรายละเอียดเรื่องบรรยากาศการไปสอบ และการเดินทาง เราเขียนไว้ค่อนข้างเยอะในการสอบรอบแรกเมื่อวันที่ 9 September 2017 ค่ะ กระทู้แรกก็มีเรื่องการเตรียมตัวเช่นกันค่ะ เราใช้เวลาเตรียมตัวประมาน2เดือน ได้ Overall 7.5 แต่บาง element ไม่ถึง minimum requirement ของมหาวิทยาลัยที่เราจะสมัคร เราเลยต้องมาสอบรอบสองค่ะ ในกระทู้แรกก็มีการพูดถึงเรื่องการขอตรวจคะแนนใหม่ด้วยนะคะ

กระทู้แรกของเรา ตามลิงค์นี้ไปเลยค่ะ  >>>  https://pantip.com/topic/36904704

รอบนี้เลยจะขอเล่าเรื่องของเทคนิคที่ใช้เพิ่มคะแนน ข้อสอบที่เจอ กับคะแนนที่ได้เลยนะคะ

รอบสองนี้ เราได้ Overall 8.0 (Reading 8.0 Listening 8.5 Speaking 7.5 Writing 7.5 )

จากคราวก่อนเราได้ Reading 8.5 Listening 8.0 Speaking 7.0 Writing 6.5 ค่ะ  
ตอนนั้นปัญหาคือ writing เพราะมหาวิทยาลัยเราต้องการ 7.0 ทุกตัว ยกเว้น reading (เอาแค่ 6.5ค่ะ)

หลังจากคะแนนออก เราก็สมัครสอบใหม่ทันทีค่ะ ตอนนั้นมีเวลาสองเดือนในการเตรียมตัวเพิ่มคะแนน writing แต่เราวุ่นวายมากกับการเขียนใบสมัครมหาวิทยาลัย เลยมีเวลาเตรียมจริงๆแค่ 1 เดือน โดยที่เวลาเกือบทั้งหมด ยกให้ writing เลยค่ะ มาทบทวน reading กับ listening ก่อนไปสอบวันสองวันค่ะ ส่วน speaking ก็ฟัง youtube  IELTS speaking band 9 แค่วันสองวันก่อนไปสอบเช่นกันค่ะ


ขอเล่า เน้น writing ละกันว่าเราดูเว็บไหนบ้าง (ไม่ได้ค่าโฆษณานะคะ อันนี้เราใชแล้วเห็นว่ามีประโยชน์เลยมาแชร์)

1. เว็บหลักที่ใช้เลย คือช่อง Youtube ของ E2IELTS โดยเฉพาะคลิปที่สอนโดย Jay ลองหาในยูทูปได้เลยค่ะ เปิดคลิป เอากระดาษมาหนึ่งแผ่นแล้วเขียนไปพร้อมกัน เขาสอนเป็นขั้นตอนแล้วเขียนไปด้วยกันทีละส่วน นอกจากจะมีตัวอย่างของครูแล้ว พร้อมกันนั้นเราจะได้ฟังคำตอบของนักเรียนที่อยู่ใน live ตอนนั้น พร้อมกัน comment ของครูด้วย อันนี้ช่วยเรามากๆค่ะ

2. IELTS Advantage โดย Chris Pell อันนี้เราไปเจอคอร์สออนไลน์แบบจ่ายเงิน 1 US dollar (ใช่ค่ะ หนึ่งดอลลาร์) แล้วได้เข้ากลุ่มเฟสบุค เป็นคอร์ส 6 วัน มีสามบทเรียน เรียนเขียน Task2 (Double questions) มีสามบทเรียน (intro, body, conclusion) โดยที่เราจะมีการบ้านสามครั้ง เป็นการเขียนแต่ละพาร์ทนี่แหละ แต่ที่ทำให้เรายอมเสียเงินคือ เราจะได้ feedback จากอาจารย์เป็น comment มาด้วยค่ะ

ปัญหาหลักๆที่ทำให้เราพัฒนาการเขียนได้ช้า เพราะไม่มีคนให้ feedback กับเราได้ง่ายเหมือนกับ listening หรือ speaking เราเลยยอมเสียเงินลงคอร์สนี้ไปค่ะ แต่อันนี้เราก็บอกไม่ถูกว่าที่คะแนนเราขึ้น เป็นเพราะการเรียนคอร์สนี้หรือไม่ (อันที่จริง เราว่าหลักๆ เราได้มาจาก jay ค่ะ เพราะเราลงคอร์สนี้ยังไม่ทันจบ เราก็ไปสอบแล้วค่ะ แล้วเราก็ได้ feedback ที่ไม่ได้ improve อะไรเราเท่าไร เดี๋ยวจะโชว์ essay ที่เราเขียนเป็นการบ้านและ feedback ให้ดูนะคะ)

สิ่งที่เราจะจากการเรียนคอร์สนี้คือ เรารู้สึกว่าการพัฒนาจาก Band 7 ขึ้นไป band ที่สูงกว่านั้น ส่วนใหญ่ปัญหาไม่ได้ติดอยู่ที่ grammar แต่มักจะติดเรื่องคำศัพท์ที่ใช้ (ใช้ให้ถูกความหมาย เหมาะสมกับ context) การเลือกสำนวนมาใช้ พวกนี้ต้องอาศัยประสบการณ์การอ่านและเขียนด้วยตัวเองเยอะๆค่ะ การไปลงเรียนคอร์สเพิ่ม เราว่าส่วนใหญ่จะได้พวก structure และวิธีคิด ครูที่สอนคอร์สนี้ เวลาโชว์งานเขียน มักจะเอางานเขียนของ band 7-8 มาให้ดู โดยให้เหตุผลว่า คนระดับประมาณ band 6 อยากได้ 7-8 ก็ต้องดูงาน band 7-8 มากกว่า ดูงาน band 9 ไปก็ไม่สามารถเลียนแบบได้ เพราะระดับการเลือกคำมาเขียนมันต่างกันมากไป ไม่สามารถทำได้ในเวลาสั้นๆ

อีกปัญหาหนึ่งที่คนส่วนใหญ่เจอและถามอาจารย์ก็คือ การทำไม่ทันเวลา ปัญหาบางส่วนอาจไม่ใช่เรื่อง time management ค่ะ แต่ปัญหาคือความสามารถทางภาษาเราไม่พอที่จะทำให้ถ่ายทอดความคิดออกมาเป็นภาษาอังกฤษให้ทันเวลา สิ่งที่ต้องไปฝึกเพิ่มคือการคิดและเขียน ไม่ใช่การไปท่องจำรูปแบบประโยคมาใช้ (อันนี้เปรียบเสมือนคนวิ่งมาราธอนไม่ทัน cut-off time ปัญหาไม่ใช่ time management แต่ปัญหาคือเราซ้อมวิ่งมาไม่พอ ทางแก้คือต้องไปซ้อมมาใหม่ให้วิ่งเก่งขึ้น)

3. เว็บ https://www.ielts-mentor.com/ ค่ะ อันนี้เราเอาไว้หาคำตอบ เวลาฝึกเขียนแล้วนึกไม่ออกจริงๆว่าจะตอบว่าอะไร ตัวอย่างเยอะมาก ก็เอามาปรับๆเอาค่ะ

ต่อไปจะเล่าว่าก่อนสอบเราไปลองทำอะไรมาบ้างนะคะ

อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เราวุ่นกับการเขียนใบสมัครมหาวิทยาลัย เว้นจากการฝึกเขียนมาเดือนนึง เราเลยเริ่มด้วยการไปลองสอบ Mock Test ดูค่ะ เราไปลอง Mock Test ที่แรกกับ wall street ที่งานศึกษาต่อ UK เราได้ writing 6.5 speakiing 7.0 (อีกสองสกิลจำไม่ได้ค่ะ แต่ได้น้อยกว่าที่เคยทำได้เยอะ แต่เราคิดว่าข้อสอบยากไป แล้วก็อีกส่วนนึงคือเราหลับตอนทำข้อสอบด้วยค่ะ เพลียมากจากการทำงานไปด้วย สมัครเรียนไปด้วย)

อีกสี่วันถัดมา เราไปลองทำ mock test กับ BRIT english ที่อาคาร  trendy ค่ะ (เจ้าหน้าที่ดีมากๆ เราไปลองสอบ mini (mock) test ฟรี คนสอบก็คือเจ้าของภาษาที่เป็น examinerด้วย) เราได้คะแนนทุกอย่างเท่าเดิมกับที่เราสอบรอบแรก ยกเว้น writing ที่ได้ 6.0 เพราะวันนั้นเราเขียนไม่ทัน โจทย์ที่เราได้ เราก็ไม่คุ้น ไม่รู้จะ paraphrase ว่าอย่างไร ที่หนักก็คือบาง tips ที่เราได้มาจากการอ่านเว็บ บางเว็บก็ผิด บางอย่างเราก็เอามาใช้ผิดๆโดยที่เราไม่รู้ค่ะ วันนั้นexaminerวงมาให้เรา ว่าเราผิดตรงไหนบ้าง พร้อมกับแก้มาให้ (เราคุยกับคนสอบค่ะ ว่าปัญหาเราหลักๆคือ writing เขาเลยโฟกัส writing มากกว่าส่วนอื่น) เจ้าหน้าที่ที่ BRIT ก็ถ่ายเอกสารให้เราเอามาดูค่ะ เราได้ประโยชน์จากตรงนี้มากๆ เพราะเราไม่เคยได้ feedback จากการเขียนของเรามาก่อน รู้เลยว่าเราเสียคะแนนไปกับอะไรเยอะ เช่น เวลาเขียน เรามักจะเขียนตกๆหล่นๆ เช่น ตก s/ed บางทีกฌ misspelling แบบไม่ตั้งใจ (ปกติจะพิมพ์ พอมาเขียนเลยพลาดง่ายค่ะ) เรารู้ตัวเลยว่าต้องรีบเขียนให้เร็วขึ้นและตรงประเด็น ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีเวลามาตรวจทานตอนสุดท้ายให้ได้ คนสอบเราบอกว่าการพลาดเยอะๆอย่างแกรมม่าผิด สะกดผิด หรือใช้คำผิดความหมายเล็กๆน้อยๆ บางทีก็ลดคะแนนเราลงไปหนึ่ง band เต็มๆได้เลยนะคะ

หลังจากนั้นเราก็กลับมาอ่านหนังสือและฝึกเขียนด้วยเว็บที่เราบอกไปค่ะ ใช้เวลาหลังเลิกงาน ยอมรับว่านอนดึกทุกคืนค่ะ เครียดเหมือนกัน เพราะตั้งใจว่า ถ้ารอบนี้คะแนนไม่ถึงก็จะไม่สมัครมหาวิทยาลัยนี้แล้ว เพลียมาก แต่พอวันใกล้สอบเราก็เริ่มนอนเยอะชึ้นค่ะ ต่อไปขอเล่าถึงวันสอบเลยละกันนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่