[CR] ขอแชร์ประสบการณ์ในการทำเลสิกแบบละเอียดยิบกับคุณหมอตุลยาค่ะ

สวัสดีค่ะเพื่อน วันนี้กลับมาแบบมีสาระสุดๆ โดยจะขอมาบอกเล่าประสบการณ์ในการทำเลสิค
แก้ไขปัญหาสายตาสั้น มาเล่าให้ฟังแบบละเอียดยิบบบบบบค่ะ!!!!!!  

ต้องเกริ่นก่อนว่าเนื่องจากหน่อยนั้นสายตาสั้นมากก่อนทำเลสิคนั้นใส่แว่นมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลาย ประมาณอายุ 15 เนอะ แล้วพอเข้ามหาลัยก็มาเริ่มใส่คอนแทคเลนส์ตอนเรียนปี 2 ก็ใส่มาเรื่อยๆ จนทำงานทุกวันนี้
แต่ไม่เคยมีความคิดที่จะทำเลสิคเลยค่ะ เพราะเราใส่คอนแทคได้ บิ๊กอาย ก็มีค่าสายตาตอบโจทย์เรามาก
ก่อนทำเลสิค สายตาสั้นประมาณ 7.00 – 8.00 ค่ะ ก็ใส่คอนแทคแบบไม่ได้พอดีกับค่าสายตาขนาดนั้น แต่ล่าสุดก่อนที่จะตัดสินใจทำเลสิคก็คือ รู้สึกว่าเดี๋ยวทำไม เราใส่คอนแทคแล้วมองอะไรไม่ปกติ ไม่คมชัด เหมือนแต่ก่อน ก็มีการปรับค่าสายตาของคอนแทคเลนส์ เพิ่มขึ้นจาก 7.00 เป็น 7.50 ก็เพราะคิดว่า สายตาน่าจะสั้นขึ้นเพิ่มขึ้นตามปกติ
แต่ ... พอเปลี่ยนแล้วก็ยังไม่คม ไม่ชัดอยู่ดีค่ะ เลยตัดสินใจเข้าร้านแว่น ไปวัดสายตา เพื่อจะทำการตัดแว่นใหม่ด้วย ปรากฎว่า ... มีสายตาเอียงแถมมาให้ด้วยจ้า ซึ่งมันเป็นอาการที่ทรมานมาก นะคะ สำหรับสายตาเอียง คือ มันจะมองอะไรเบลอๆ มึนๆ งงๆ มาก ทำให้ปวดหัว ชีวิตไม่มีความสุขเลย


ปกติคนสายตาสั้นมองเห็นแบบในภาพตัวอย่างนะคะ คือจะมองภาพแบบใกล้ชัด ไกลไม่ชัด (ดูภาพประกอบนะคะ ภาพนี้หามาจากในเน็ตนะคะ)

ส่วนคนสายตาเอียง จะเป็นแบบตัวอย่างค่ะ คือ ไม่ชัดไปหมดดดด ทั้งใกล้และไกล
ซึ่งหน่อยเป็นแบบนั้นค่ะ TT_______TT #โถ่ชีวิตของดาวววว

ทีนี้พอตัดแว่นมาใหม่ เราก็จะมีอาการยังไม่คุ้นชินกับแว่นตาอันใหม่ ใช่มั้ยคะ ปกติเราใส่คอนแทคเลนส์เวลาออกนอกบ้าน จะใส่แว่นบ้างบางครั้ง หรือเวลาอยู่บ้านเท่านั้น
เพราะมันมีการปรับทั้งสายตาสั้น และสายตาเอียง ซึ่งพอมองมันก็ชัดขึ้น แต่ มันจะมีความไม่ชิน มันยังมีอาการพื้นลอย ปวดกระบอกตา ปวดหัว ซึ่งทางร้านบอกว่าเราต้องฝึกค่ะ ใส่ทุกวัน สักประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งเราก็ต้องทนค่ะ ใส่แว่นหนาเตอะทุกวันๆๆๆๆๆๆ  แถมปกติเราก็จะแต่งหน้าไปทำงาน พอใส่แว่น มันก็ทำให้เกิดความเบื่อ คือ แต่งหน้าไม่สนุกค่ะ ทาตาสวยๆ พอใส่แว่นก็กลายเป็นป้า เราไม่แฮปปี้เลย ถึงขั้น แค่ทาครีม ทากันแดด แล้ว ปัดแป้งฝุ่น ออกจากบ้านเลยค่ะ 55555


แถมเวลาเดินออกจากรถไฟฟ้าจะเจอปัญหาที่คนใส่แว่นเท่านั้นเข้าใจค่ะ #ฝ้าขึ้นเด้ออออออออ


ยังค่ะ ยังไม่สุด เคย ถอดแว่นวางไว้ แล้ว มองไม่เห็นค่ะ ชีวิตที่ไม่มีแว่นเหมือนคนตาบอดจริงๆ
นั่งทับมันเลยจ้า ทับจนขาแว่นเบี้ยว ต้องไปซ่อม พนง. ที่ ร้านถึงกะบอกว่า ลูกค้าอย่าเผลอทับอีกนะคะ รอบนี้ดัดขาไปแล้ว ถ้ารอบหน้าทับอีกเหล็กตรงขาอาจจะหักเลยต้องเสียตังค์เปลี่ยนกรอบนะคะ

ค่ะ TT____TT

แต่เราเจอปัญหาจนท้อใจมาก คือ พื้นลอย ก้าวบันไดต้องเล็งให้ดี บันไดเลื่อนก็จะกะระยะไม่ถูก มันลำบาก เคยหนักสุดคือ เดินริมฟุตบาทป้ายรถเมล์ เกือบร่วงถนน ให้รถทับ อันนี้แหล่ะ คือ สาเหตุที่เราเริ่มศึกษาเรื่องการทำเลสิค แบบจริงจัง
ตั้งกระทู้ถาม ก็ไม่มีคนมาตอบเลย #ร้องไห้ T__T  เลยตัดสินใจค้นเอง เปรียบเทียบเอง ดูรีวิว ดูข้อมูลเองเลยค่ะ
จนไปเจอกระทู้นึงในพันทิพย์เคยมีคนทำรีวิวไว้มีรายละเอียด ราคา และข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์มาก ในการไปค้นหาข้อมูลต่อ
ตอนแรกตั้งงบไว้ 4 – 5 หมื่น ค่ะ แต่พอค้นไปเรื่อยๆ ก็เจอ ข้อมูล ของหลายที่มาก

ทั้ง รพ.กลาง , รพ. เวชธานี , รพ.ตำรวจ ราคาก็ไม่แพง แต่คิวยาวมาก แต่เจอหลายๆ คน ในกระทู้ รีวิว บอกว่า ทำกับพญ. ตุลยา ตั้งศิริพัฒน์ กันเยอะมาก บอกว่าคุณหมอคือ มือทองในเรื่องของการทำเลสิค เลยตัดสินใจเช็ค ดูว่า เจอแฟนเพจของคุณหมอตุลยา ที่มีพี่แอดมินเป็นเลขาคุณหมอ ก็เลยไปสอบถามดู
คุณหมอเข้ารักษาที่ รพ.ไหนบ้างก็เจอพบว่าคุณหมอ รักษาอยู่ 3 ที่ค่ะ
1. Supreme iLasik ตั้งอยู่ ถ.สีลม
2. ท็อปเจริญจักษุ ตั้งอยู่ ถ.แจ้งวัฒนะ
3. โรงพยาบาลปิยะเวท ตั้งอยู่ ถ.พระรามเก้า <<< ซึ่งเราเลือกทำที่นี่ค่ะ เพราะเหตุผลว่า
ที่แรก ราคาแพงเพราะเครื่องมือดีที่สุด แต่เราสู้ราคาไม่ไหวค่ะ และ 2 ที่หลัง ส่วนที่แจ้งวัฒนะ ไกลบ้านเรามากค่ะ เวลาเลือกทำ คำนึงถึงเวลาตอน follow up แผลด้วยนาจา เลยเลือกปิยะเวท นี่หล่ะค่ะ ไม่ไกลมาก มีรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดินเดินทางสะดวก มีรถส่วนตัวขับไม่นานมาก มีทางด่วนวิ่งแป๊บเดียวถึงรพ. ละ

เอาหล่ะค่ะ พอตัดสินใจว่าจะทำที่ปิยะเวท เราก็ทำการเช็คคิวและราคาค่ะ ซึ่งราคาไม่แพงถูกกว่างบประมาณในใจอีกนะยูววววว์
ซึ่งราคานี้ คือ 37,900 บาท รวมค่าตรวจสายตาแบบละเอียด ค่าผ่าตัด ค่ายา และค่าตรวจแผล follow up แบบ 1 วัน / 7 วัน / 1 เดือน / 3 เดือน / 6 เดือน / 1 ปี เรียบร้อยแล้ว ซึ่งบางรพ. นั้น อาจจะมีค่าใช้จ่ายตรงนี้เพิ่มเติมค่ะ

พอนัดคิวแล้ว เราเองได้คิวทำเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ค่ะ ซึ่งระยะในการรอคิวประมาณ 1 เดือนนับจากวันจอง เราจองตอนช่วงปลายๆ เดือนตุลาไว้
ซึ่งระหว่างนี้พอ 1 วันก่อนวันทำเลสิค คุณเจ้าหน้าที่จะโทรมาแจ้ง ว่า วันที่ไปทำให้สระผม อาบน้ำให้เรียบร้อย เลิกใส่คอนแทคเลนส์ก่อนวันทำ 7 วัน (ซึ่งเรางดไปเลยตั้งแต่ไปตัดแว่นมารวมๆ ก็เป็นเดือนพอดีที่ไม่ได้ใส่คอนแทคเลยเพื่อรักษากระจกตาให้สมบูรณ์ที่สุด) งดแต่งหน้า งดฉีดน้ำหอม โรลออน ทุกฉีด เพราะมันจะมีผลกับค่าเลเซอร์ในห้องผ่าตัดค่ะ พาญาติมาด้วย (เราพาแฟนไป) และให้ใส่เสื้อที่มีกระดุมผ่าหน้ามานะคะ เพื่อเวลาที่เรากลับบ้าน เราจะได้ถอดเสื้อง่ายๆ ไม่ไม่โดนแผลที่ตาค่ะ ซึ่งเราทำตามที่เค้าแจ้งเป๊ะๆ ทุกประการ ในวันไปพบหมอค่ะ  ก่อนวันทำเลสิค นี่ถึงกับบนบานศาลกล่าวกับศาลตา-ยาย พระภูมิเจ้าที่ ที่บ้านเลยนะ ว่าขอให้ทำได้ และปลอดภัย 5555555

เอาหล่ะค่ะ เมื่อวันที่หมูต้องขึ้นเขียงก็มาถึง คุณเจ้าหน้าที่นัดเรา 8-9 โมงค่ะให้มาถึง รพ. เมื่อมาถึงรพ. เราก็ต้องทำประวัติคนไข้ใหม่ค่ะ ที่ชั้น 1 และ นำใบส่งตัวขึ้นมายื่นที่ชั้น 6 ค่ะ ด้านหน้าของรพ. เป็นแบบนี้ค่ะ

พอมาถึงเราก็ต้องเริ่มทำการตรวจเช็คสายตาแบบละเอียดก่อนเพื่อให้คุณหมอวิเคราะห์ว่าจะทำได้มั้ย ทำได้หรือเปล่า จะทำได้มั้ย ทำได้หรือเปล่า ชะชะช่า!
ซึ่ง ขั้นตอนก็จะมีประมาณนี้ค่ะ
1.    วัดความดัน , ชั่งน้ำหนัก , วัดส่วนสูง
2.    กรอกประวัติ ค่ะ ว่า อายุเท่าไหร่ อาชีพอะไร : ซึ่ง เราถามก่อนเลย ว่า เราอ่ะทำงานหน้าคอมพ์ตลอด บางทีก็ต้องใช้สมาร์ทโฟนในการทำงานแทน เราจะทำยังไงดี พี่เจ้าหน้าที่ ที่นี่ใจดีทุกคนค่ะ พี่เค้าก็จะให้คำแนะนำว่า เราอ่ะต้องพักผ่อน งดใช้สายตา งดการเล่นมือถือ และคอมพิวเตอร์ สักประมาณ 7 วัน พอจะได้มั้ย เพื่อให้สายตาพักแบบเต็มที่ แล้ว หลังจากนี้ โอกาสที่จะกลับมาสายตาสั้นก็มีนะคะ ในระยะ 5 – 10 ปี เพราะเราอายุยังน้อย อาจจะกลับมาสั้น สัก 100 – 200 ก็น่าจะมี ซึ่งเราโอเค ไม่มีปัญหา ขอแค่ไม่ให้มันแย่กว่าที่เป็นอยู่เรายอม
3.    วัดสายตา , วัดความดันลูกกะตา ซึ่งขั้นตอนนี้ จะมีลมออกมาเป่าปู้ด ที่ตา สะดุ้งโหยงทุกครั้งที่โดนเป่า ซึ่งผลออกมาตอนแรก เราใจเสียมาก เพราะเจ้าหน้าที่แจ้งว่า เราค่าความดันลูกตาสูง อาจจะเสี่ยงต่อการเป็นต้อหินในอนาคต เพราะกรรมพันธ์ในบ้านเรามีอากงเป็นต้อกระจก เรากลัวมากว่าจะทำเลสิคไม่ได้
4.    วัดความโค้งของกระตา วัดความหนาของกระจกตา ซึ่ง โชคดีมากที่ เรากระจกตาหนาประมาณ 560 ซึ่งมันสามารถทำเลสิคได้จ้า สาเหตุเรื่องความดันในลูกตาสูงอาจจะมาเพราะกระจกตาเราหนาก็เป็นได้ ทำแบบ SBK Wave Front  เย้ๆๆๆๆ
5.    พอเจ้าหน้าที่บอกว่าทำเลสิคได้เราก็จะมาเริ่มหยอดยาขยายม่านตาค่ะ ตอนแรกจะแสบๆ ตานิดนึง แล้วเค้าก็จะให้ไปทานข้าว ระหว่างนี้ม่านตาจะขยายต้องมีญาติไปด้วยนะคะ เพราะเราจะมองอะไรไม่ชัดแล้ว สักประมาณ 45 – 60 นาที
6.    พอทานข้าวเสร็จขึ้นมาเช็คดูการขยายของม่านตา ซึ่งเจ้าหน้าที่เช็คของเราแล้ว เค้าก็บอกว่าม่านตาเราขยายน้อยมาก ซึ่งอิน้องก็ตกใจ ว่าจะเป็นอะไรมั้ยคะ แต่เค้าบอกว่า ดีแล้วค่ะ ขยายน้อย เป็นผลดี เวลาที่เราขับรถตอนกลางคืน เราจะได้ไม่มองเห็นไฟเป็นแฉกๆ เยอะ
7.    จากนั้นกลับมาวัดสายตาอีกครั้งค่ะ ว่าหยอดยาขยายม่านตาแล้ว สายตามีเปลี่ยนมั้ย ซึ่งไม่มีเปลี่ยนค่ะ สั้นเท่าเดิมคือ 7.00 และเอียงประมาณ 1.25 ทั้งสองข้าง ซึ่ง อันนั้นงงมาก เพราะตอนไปร้านแว่นเค้าวัดไม่ได้เท่ากับรพ. แต่ช่างมัน เอาที่ รพ. นี่แหล่ะชัวร์สุด
8.    เข้าไปพบคุณหมอกันค่ะ เช็คสายตากันอีกรอบ มีเครื่องส่องตา มองตามแสงไฟที่คุณหมอสั่ง คุณหมอตุลใจดีค่ะ คุณหมอก็บอกว่าโอเค ทำได้ ดีแล้วที่มาทำเร็ว เพราะตอนนี้เส้นเลือดฝอยวิ่งเข้ามาหาลูกกะตาดำเราแล้ว เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า หนูจะไม่ไหวแล้วจ้ะนายจ๋า แต่ถ้าหากในอนาคตสายตาสั้นอีก เราอาจจะต้องมาเช็คกันว่า จะยังเลเซอร์ได้อีกมั้ย #รับทราบค่ะคุณหมอ
พอเช็คทุกอย่างเสร็จ ก็เป็นขั้นตอนของการไปจ่ายตังค์ และรับยาพร้อมอุปกรณ์ค่ะ ถุงใครถุงมัน เลยต้องไปชั้นล่างเพื่อจ่ายตังค์และรับยากันค่ะ


นี่ค่ะใบเสร็จจ่ายเองเจ็บเองนักเลงพอ 5555555

ส่วนถุงยา นั้นจะมีดังนี้ค่ะ
•    สำลีก้อน พร้อมเทปกาวไว้แปะที่ครอบตา ค่ะ
•    น้ำตาเทียม Vislube 1 กล่อง มี 20 อันค่ะ
•    น้ำเกลือขวดเล็กไว้เช็ดตา ซึ่งเราใช้อันนี้เช็ดหน้าด้วยค่ะ
•    ยาพารา แก้ปวด
•    ยาหยอดตาสำหรับฆ่าเชื้อ
•    และยาคลายเครียด หรือยานอนหลับแบบอ่อนค่ะ

ซึ่งพอรับยาเสร็จเราต้องกลับขึ้นมาชั้น 6 เพื่อฟังบรีฟ ขั้นตอนของการดูแลตัวเอง หลังทำเลสิค วิธีการล้างแผล หยอดตา ต่างๆ ค่ะ ซึ่งเราก็เข้าไปฟังพร้อมกับคนอื่นๆ ที่รอคิวทำเลสิคคนอื่นๆ ระหว่างนั้นจะมีพี่ดาว ที่เป็นเลขาคุณหมอ เป็นคนคอยสอน วิธีการเช็ดตา การหยอดตา และตอบคำถามต่างๆ ซึ่งอันนี้ พี่ดาวเจ๋งมาก สามารถตอบทุกคำถาม ที่คนสงสัยได้หมด แม้กระทั่งคำถามจากเจ้าหนูจัมมัยร่วมคลาสบางคน เช่น ทำไมต้องเช็ดตาแบบนี้ ทำไมเช็คแบบเช็ดอายไลเนอร์ไม่ได้
#ก็แผลมันเพิ่งทำเสร็จเช็ดแบบปกติไม่ได้เดี๋ยวน้ำเข้าเดี๋ยวกระจกตาเปิดจ้ะป้า 555555
เอาหล่ะค่ะ จบคลาสเรียนวิธีการใช้ยา การล้างแผล และ วิธีการแปะที่ครอบตาแล้ว เราก็ต้องเซ็นใบยินยอมผ่าตัดค่ะ
แล้วพี่ๆ เค้าก็จะเช็คดูว่า ใครกระจกตาหดกลับมาเป็นปกติแล้วบ้าง ซึ่ง นุ้งหน่อยเป็นคนแรกเลยจ้า หดก่อนเพื่อนนนน 55555 ก็มันไม่ได้ขยายเยอะอ่ะ เลยได้ทำคิวแรกเลย บางคนต้องใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงเลยนะคะ กว่าจะหดกลับเป็นปกติ

ปล. ขออภัยนะคะ พอดีโพสต์เสร็จเลยเพิ่งรู้ว่ารูปบางรูปก็ใหญ่ไป เล็กไป  แง๊ T_T
ชื่อสินค้า:   เลสิค แบบ SBK รพ.ปิยะเวท
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่