ความแตกต่างทางวัฒนธรรมของไทยกับอเมริกา ในเรื่องการทิปหรือการให้ค่าบริการ

ในสมัยตอนที่ผมอยู่ที่ไทยก่อนเดินทางมาศึกษาต่อที่อเมริกานั้น การให้ค่าบริการที่ไทยถือว่าเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ให้ความสำคัญกันมากเท่าไรนัก จะให้หรือไม่ให้ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล คนไทยบางกลุ่มบางคนอาจจะไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เพราะสังคมไม่ได้ถือว่าผิดมารยาทแต่อย่างใด พนักงานที่ให้บริการต่างๆในแต่ละสาขา ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม หรือสถานที่อื่นๆ มีค่าแรงเป็นรายชั่วโมง หรือรายวันรองรับอยู่แล้ว พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้มีรายได้จากค่าบริการเป็นหลัก เพราะฉะนั้นถ้าได้ก็ถือว่าเป็นเงินโบนัสหรือเงินกินเปล่าเพิ่ม หากไม่ได้พวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าเสียอะไร

แต่ทว่าในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น มีระบบในเรื่องนี้ที่แตกต่างกัน พนักงานตามร้านอาหาร โรงแรม สถานบันเทิงและสถานที่อื่นๆที่มีการให้บริการนั้น พวกเขาต่างมีชีวิตส่วนหนึ่งและอาจจะเป็นส่วนหลักที่ขึ้นอยู่กับค่าบริการซึ่งเกิดจากความเต็มใจของลูกค้า ไม่สามารถบังคับกันได้ แต่ส่วนใหญ่พนักงานบริการเหล่านี้มักจะมีฐานเงินเดือนที่น้อยกว่าอาชีพอื่นๆ เพราะนายจ้างถือว่ารายได้หลักของคนเหล่านี้มาจากค่าบริการรายวันของลูกค้าแต่คนหรือแต่ละครอบครัวที่มาใช้บริการ

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นเด็กเสริฟในร้านอาหาร จากการพูดคุยและสัมภาษณ์พนักงาน คุณอาจจะได้แค่ประมาณ 5 เหรียญต่อชั่วโมงการทำงาน แต่คุณจะได้เพื่มจากเงินค่าบริการของลูกค้าที่เข้ามานั่งกินในร้าน สั่งกลับบ้านหรือจากการไปส่งอาหารให้ลูกค้า (food delivery) ซึ่งเมื่อคิดจากรายได้ค่าบริการมาสมทบแล้วนั้นถือว่าคุ้มค่าเหนื่อย บางร้านที่เป็นร้านดัง มีชื่อเสียง มีลูกค้าหนาแน่นเป็นประจำ การที่มีฐานเงินเดือนน้อยไม่ได้กระทบกับเหล่าพนักงานเหล่านั้นเลย เพราะบางคนนั้นมีรายได้รายวันสูงกว่า พนักงงานออฟฟิศ หรือพนักงานในสายอาชีพอื่นๆเสียอีก เนื่องจากเงินค่าบริการที่พวกเขาได้รับนั้นสูงมาก

เขียนมาถึงตรงนี้ ผู้อ่านคงสงสัยว่าค่าบริการ หรือ ทิปส์ (tips) เนี่ยมันเท่าไรกันทำไมฟังถึงดูเป็นเรื่องสำคัญที่พวกเรามองข้ามไปหรือเปล่า ส่วนใหญ่แล้วนั้นตามร้านอาหาร การส่งอาหาร หรือการให้บริการต่างๆ ผู้ให้บริการจะได้รับเงินค่าบริการอยู่ที่ประมาณ (10%-30%) สิบถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ ยกตัวอย่างเช่น ในภัตตาคารแห่งหนึ่ง หากราคารวมทั้งโต๊ะรวมค่าภาษีแล้วตกอยู่ที่ 100 ดอลล่าร์ นั่นหมายความว่าค่าบริการที่คุณจะต้องให้เพิ่มนั้นจะตกอยู่ที่ประมาณ 10-30 ดอลล่าร์ นั่นเอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของการบริการและความประทับใจในการบริการของลูกค้านั่นเอง

อีกตัวอย่างหนึ่งก็เป็นในกรณีที่เคยเป็นข่าวโด่งดังที่สาวไทยทำงานร้านอาหารไทยที่ฮาวายที่ได้รับทิปส์จากคู่รักชาวออสเตรเลีย 400 เหรียญ จากค่าอาหารเพียงแค่ 200 เหรียญ ซึ่งนั่นไม่ใช่แค่คู่รักนั้นถูกใจบริการของเธออย่างเดียว แต่เป็นเพราะคู่รักนั้นถูกใจเรื่องราวสู้ชีวิตของสาวไทยอีกด้วย แต่อย่างน้อยตัวอย่างนี้ก็ทำให้พวกเราเห็นว่าเงินจากค่าบริการนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว เห็นแบบนี้แล้วเริ่มอิจฉาพนักงานบริการที่นี่กันขึ้นมาบ้างไหมครับ ฮ่าๆ


จริงๆถ้าเทียบกังสังคมไทยแล้ว การเป็นพนักงานร้านอาหาร คนไทยอาจจะคิดว่าไม่ใช่อาชีพที่น่าสนใจเท่าไร ยุคสมัยนี้เราอาจจะโฟกัสไปที่เรียนจบสูงๆหางานบริษัทใหญ่ๆทำ แต่สำหรับสังคมคนที่อเมริกานั้นเนื่องจากมีประชากรเป็นจำนวนมาก ทำให้สังคมค่อนข้างจะเปิดเสรีเกี่ยวกับอาชีพต่างๆเยอะขึ้น ยิ่งเป็นอาชีพบริการที่ได้ค่าตอบแทนสูงในแบบที่ยกตัวอย่างมาแล้วล่ะก็ ยิ่งมีการแข่งขันสูงเข้าไปใหญ่ บางร้านอาหาร หรือโรงแรมใหญ่ๆที่ยอดค่าบริการรายวันจะสูงมากเนื่องจากมีลูกค้าและผู้ใช้จำนวนมาก

นอกจากผู้ใหญ่ที่แข่งขันกันทำอาชีพบริการต่างๆให้ดีที่สุดสำหรับลูกค้าเพื่อให้ได้ค่าตอบแทนสูงสุดแล้วนั้น เด็กๆที่ยังอยู่ในวัยเรียนก็มักจะใช้ช่องทางการทำงานในร้านอาหาร ร้านขายของหรือให้บริการต่างๆ ในการเบิกทางไปสู่รายได้เสริมระหว่างเรียนเช่นเดียวกัน ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าเกิดประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ฝ่ายนายจ้างก็มีคนแข่งขันอยากเข้ามาทำงานให้ ฝ่ายลูกจ้างก็ได้รับค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ

เป็นอย่างไรบ้างครับกับเรื่องราวของค่าบริการ หริ ทิปส์ซึ่งที่สหรัฐอเมริกาจะมีแนวทางและวัฒนธรรมในเรื่องนี้แตกต่างกับสังคมไทยค่อนข้างชัดเจน รู้อย่างนี้แล้วล่ะก็ ผมในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ไม่อยากให้ประเทศชาติของเราต้องเสียชื่อเสียงจากการกระทำที่ไม่รู้ ผมจึงขอเป็นกระบอกเสียงและเผยแพร่เรื่องราวให้ชาวไทยอย่างเราๆได้รับรู้ถึงวัฒนธรรมของเขา หากได้มีโอกาสเดินทางมาเที่ยวก็ควรจะทำตัวให้เหมาะสม เหมือนดังสำนวนที่ว่าเข้าเมืองตาหลิ่ว ให้หลิ่วตาตาม หากเรารู้สึกไม่ดี รู้สึกแปลกๆว่าทำไมต้องจ่ายเพิ่ม พวกเขานั้นไม่ได้มาทำอะไรให้เรามากมาย แค่เดินเอาของ เอาอาหารมาส่งนิดหน่อยแล้วก็ยืนคุยกัน เติมน้ำอีกครั้งสองครั้งแล้วก็จบ ขอให้รู้ไว้ว่าภายใต้รอยยิ้มและการทำงานเหล่านั้น พวกเขาต้องทำงานหนักและต่อสู้ดื้นรนกันทุกคนทั้งการแข่งขันภายนอกและภายในที่พวกเราไม่อาจล่วงรู้ได้ เพราะฉะนั้น อย่างน้อยๆถ้าเราไม่สะดวกให้เยอะเท่าที่ฝรั่งคนอื่นๆเขาให้ ก็ไม่เป็นไรแต่เราก็ควรให้เป็นน้ำใจบ้างนิดๆหน่อยๆ ตามสมควร เขาจะได้มาว่าประเทศของพวกเราลับหลังได้

พึ่งหัดตั้งกระทู้แรกๆ หากมีข้อใดผิดพลาด ขอภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ ฝากๆเพื่อนแนะนำ วิจารณ์ได้ครับ ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่