๛ ทำไมเราผู้ปราศจากลูกศรแล้ว จะหลับไม่ได้เล่า ๛

ขอกราบไหว้พระรัตนตรัยด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง

------------------

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
สังยุตตนิกาย สคาถวรรค



๓. สกลิกสูตร
ว่าด้วยสะเก็ดหิน


             [๑๔๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
             สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ มัททกุจฉิ สถานที่พระราชทานอภัย
แก่หมู่เนื้อ เขตกรุงราชคฤห์ สมัยนั้น สะเก็ดหินกระทบพระบาทของพระผู้มีพระภาค

             ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคทรงมีทุกขเวทนาทางพระวรกายที่กล้าแข็งอย่างหนัก
เผ็ดร้อน อันไม่สบายพระทัย ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคมีพระสติสัมปชัญญะ
ทรงอดกลั้นทุกขเวทนานั้นไว้ได้ ไม่ทรงเดือดร้อน

             ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ปูผ้าสังฆาฏิ ๔ ชั้น ทรงสำเร็จสีหไสยา
โดยพระปรัศว์เบื้องขวา ทรงซ้อนพระบาทเหลื่อมพระบาท มีพระสติสัมปชัญญะ

             ครั้งนั้น มารผู้มีบาปเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับแล้วทูลถามพระผู้มี
พระภาคด้วยคาถาว่า
                          ท่านนอนด้วยความซึมเซา
                          หรือมัวเมาคิดกาพย์กลอนอะไรอยู่
                          ประโยชน์ของท่านมีไม่มาก
                          ท่านอยู่ ณ ที่นอนที่นั่งอันสงัดแต่ผู้เดียว
                          ตั้งหน้าแต่จะหลับ ทำไมท่านยังหลับอยู่เล่า

             พระผู้มีพระภาคจึงตรัสตอบว่า
                          เราไม่ได้นอนด้วยความซึมเซา
                          ทั้งมิได้มัวเมาคิดกาพย์กลอนอะไรอยู่หรอก
                          เราบรรลุประโยชน์แล้ว ปราศจากความเศร้าโศก
                          อยู่ ณ ที่นอนที่นั่งอันสงัดแต่ผู้เดียว
                          นอนคำนึงถึงสัตว์ทั้งปวงด้วยความเอ็นดู
                          ลูกศรเสียบอกของชนเหล่าใด
                          ร้อยหทัยให้ลุ่มหลงอยู่ แม้ชนเหล่านั้นในโลกนี้
                          ทั้งๆ ที่มีลูกศรเสียบอกอยู่ ก็ยังหลับได้
                          ทำไมเราผู้ปราศจากลูกศรแล้ว จะหลับไม่ได้เล่า
                          เราเดินไป๑- ก็ไม่หวาดหวั่น ถึงหลับอยู่ก็มิได้กลัวเกรง
                          กลางคืนและกลางวันไม่ทำให้เราเดือดร้อน
                          เราไม่พบเห็นความเสื่อมอะไรๆ ในโลก
                          ฉะนั้น เราจึงนอนคำนึงถึงสัตว์ทั้งปวงด้วยความเอ็นดู

             ครั้งนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์เสียใจว่า “พระผู้มีพระภาคทรงรู้จักเรา พระสุคต
ทรงรู้จักเรา” จึงหายตัวไป ณ ที่นั้นเอง

สกลิกสูตรที่ ๓ จบ

เชิงอรรถ :
๑ เดินไป ในที่นี้หมายถึงเดินไปในทางที่มีราชสีห์เป็นต้น (สํ.ส.อ. ๑/๑๔๙/๑๖๘)


เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๑๕ หน้าที่ ๑๘๙-๑๙๐.
http://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=15&siri=149
อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับหลวง :-
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=15&A=3571&Z=3600
ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=452
ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรไทย :-
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/pali_item_s.php?book=15&item=452&items=3
ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรโรมัน :-
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/roman_item_s.php?book=15&item=452&items=3



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่