สวัสดีครับ บทความนี้อาจจะยาวหน่อยนะครับ แต่อยากจะแชร์เรื่องจริงของผมให้หลายๆ คนที่กำลังหลงผิดในชีวิตด้านมืดได้อ่านเพื่อเตือนสติกันครับ
ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวสั้นๆ ก่อนนะครับ ปัจจุผมอายุ 20 ปีกว่าๆ เป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่จับพลับจับพลูได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพ วันที่เขียนบทความนี้เป็นวันที่ผมพึ่งจะไปตรวจเลือดอีกครั้งที่ "คลีนิคนิรนาม" ใช่แล้วครับ ผมไปตรวจ hiv มาและมันไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่ 4 ในรอบครึ่งปีที่ผ่านมา ถ้าสงสัยว่าผมทำไมถึงตรวจอะไรบ่อยขนาดนี้ ผมจะเล่าด้านมืด (ความเลว) ของผมให้ฟังครับ เผื่อเรื่องราวนี้จะสามารถเตือนใจใครหลายๆ คนที่กำลังดำเนินชีวิตมืดๆ เสี่ยงๆ แบบผมอยู่ได้ครับ
เรื่องราวด้านมืดของผมเริ่มต้นตอนเรียนอยู่ปี 2 ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงได้โหลดโปรแกรม camfrog มาเล่น และได้หลงเข้าไปในห้อง 18+ มันเป็นความแปลกใหม่ ที่ได้เห็นผู้คนมากมายโชว์ร่างกาย ทำเรื่อง 18+ หรือนัดไปมีอะไรกันอย่างเปิดเผย สำหรับผมแรกๆ มันก็เป็นแค่การดูคนอื่นเขาโชว์ เขานัดกัน แต่พอดูมากๆ ก็เริ่มหลงมัวเมาไปด้วย ทำให้ผมใจกล้าหน้าด้านขึ้น ผมเริ่มมีการทักคุยกับคนอื่น เริ่มนัด video sex call กันแบบตัวต่อตัว และลามออกมาโชว์ที่หน้าห้องที่มีคนดูเป็นร้อย (โชว์แค่ตัวไม่เปิดหน้า) จนในที่สุดผมก็ถล่ำลึกเข้าไปในด้านมืดแบบเต็มตัว นั่นคือผมเริ่มนัดมีเซ็กกับคนอื่นเป็นครั้งแรก อ่อผมลืมบอกไปว่าผมเป็นชายรักชายนะครับ จากครั้งที่หนึ่งก็เริ่มเพิ่มเป็นครั้งที่ 2 3 4 ... เวลาประมาณปีกว่าๆ ผมได้นัดทั้งจากใน camfrog, twitter และ blued app มามีอะไรกันรวมแล้วเกือบๆ 20 กว่าคน (เยอะจนจำไม่ค่อยได้) ทั้งที่มีอะไรกันแบบ sex ภายใน (ป้องกันตลอด) และ sex ภายนอก (มือๆ ปากๆ ไม่ได้ป้องกัน) จนเมื่อกลางปีที่ผ่านมาผมเริ่มรู้สึกว่าสุขภาพของตัวเองเริ่มมีอะไรผิดปกติ คือผมมักเหนื่อยง่าย และไม่สบายหลังมี sex ความคิดเกี่ยวกับการติดเชื้อ hiv จึงโผล่เข้ามาในสมอง ผมเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับโรค hiv และการตรวจอย่างละเอียด แต่ยิ่งอ่านยิ่งหาข้อมูลยิ่งทำให้กลัวและจิตตก จนสุขภาพแย่ลงเรื่อยๆ ผมจึงตัดสินใจไปตรวจเลือดครั้งแรกที่คลีนิคนิรนาม (สวนลุม)
ครั้งแรกที่ไปตรวจ มันเป็นความรู้สึกที่หลากหลายครับ จำได้เลยทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น จิตใจไม่อยู่กับตัวเลย ระหว่างไปตรวจภาพต่างๆ ที่เคยไปมั่ว ไปเสี่ยงมามันไหลกลับเข้ามาให้ทบทวนความเลวของตัวเองอีกครั้ง รวมถึงภาพต่างๆ ที่คิดว่าติดเชื้อจะทำยังไง หน้าพ่อแม่พี่น้อง เพื่อน คนรู้จัก พากันลอยมาเต็มไปหมด นาทีนั้นคือมีความคิดสั้นโผล่ขึ้นมาอยู่ตลอด และยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่เมื่อตรวจเสร็จและต้องรอฟังผล วินาทีที่เก้าเท้าเข้าไปในห้องฟังผล บอกเลยครับว่ายังจำได้ดีว่าใจเต้นแรงมาก และด้วยความโชคดี ผลเลือดครั้งนั้น คือ Negative ผมปกติดี ไม่ติดเชื้อ ตอนนั้นถามหมอซ้ำหลายรอบมาก 55555 เพราะไม่อยากเชื่อว่าจะรอด ตอนนั้นโคตรดีใจ และปิดเคสเคลียร์ทุกอย่างไปด้วยคำสัญญากับตัวเองว่าจะไม่กลับไปมั่ว ไม่กลับไปนัดใครอีก แต่แล้วผมก็ผิดสัญญากับตัวเอง
ผ่านไปหลังจากตรวจเลือดครั้งแรก ประมาณ 2 เดือน ผมอกหัก 5555 จึงกลับไปนัดมีอะไรกับคนอื่นเพื่อประชดชีวิตอีกครั้ง ครั้งแรกที่นัดของรอบนี้ เป็นรุ่นน้องในมหาวิทยาลัย (และเป็นแฟนเก่าเพื่อน) (ผมแมร่งโคตรเลว) โดยในครั้งแรกนี้ก็เกิดเรื่องในกังวลเลย คือเหมือนถุงยางจะขาด และน้องมีเลือดออกด้วย แต่ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะเป็นคิดว่าเป็นแฟนเก่าเพื่อนน่าจะปลอดภัย จึงหน้ามืดและนัดคนอื่นต่อไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนผ่านมาถึงคนที่ 3 ของรอบนี้ เรานัดมีอะไรกันผ่าน app blued พอไปถึงห้องเขาด้วยความที่ลืมถามแต่แรกว่าเขาเป็นแบบไหน มารู้ตอนไปถึงห้องแล้วว่าเป็นรุกเหมือนกัน จึงแค่มือๆ ปากๆ กันไป (ตอนแรกคิดว่าปลอดภัย แต่มารู้ทีหลังว่า เซ็กทางปากก็มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้) แต่หลังจากนั้นเพียงวันเดียวผมก็เริ่มเป็นแผลในปากบริเวณเพดานอ่อน ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แผลใหญ่และเจ็บมาก ประกอบกับจิตตกคิดมากว่าจะติด hiv รึป่าว จึงตัดสินใจกลับไปตรวจเลือดที่คลีนิคนิรนามอีกครั้ง (ครั้งที่ 2) แต่ผลเลือดก็ยังปกติดี (แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าผลยังไม่แน่นอนนะ เพราะพึ่งผ่านความเสี่ยงมาแค่อาทิตย์เดียว ถ้าให้ผลแน่ใจและปิดเคสได้ต้องตรวจหลังเสี่ยง 1 เดือน และเขาให้รอฟังผลตรวจแบบ NAT ด้วย ซึ่งเป็นวิธีตรวจที่ตรวจได้หลังเสี่ยงตั้งแต่ 5 วันขึ้นไป แต่ต้องรอ 3 วันหลังตรวจจึงรู้ผล) จึงได้แต่กลับมาจิตตกต่อที่ห้อง หลังจากนั้น 3 วัน ได้โทรไปถามผล NAT ผลเลือดก็ยังปกติดี (โล่งใจขึ้นมานิด)
แต่ๆๆ แผลในปากมันยังไม่หาย ซื้อยามากินก็ไม่หาย ยิ่งไปกว่านั้นเหมือนเชื้อเริ่มลามไปที่คอ ทำให้ในคอมีรอยแดง ต่อมทอมซิลก็เริ่มโตแบบเห็นได้ชัด (อ้าปากส่องไฟดูแทบทั้งวัน) คอก็เจ็บ ลิ้นเป็นฝ้า ตามตัวเหมือนมีตุ่มขึ้น น้ำหนักเริ่มลด รู้สึกอ่อนเพลีย และมีไข้ด้วย (ถ้าไปอ่านตามเน็ตอาการจะเหมือนผู้ติดเชื้อระยะแรก) ตอนนั้นเหมือนตกนรกมาก ป่วยทั้งกายและใจ กลับไปจิตตกอีกครั้ง วนคิดวนหาข้อมูลเกี่ยวกับการติดเชื้อ hiv ทั้งวันทั้งคืน หาอ่านกระทู้ต่างๆ ของผู้ที่ติดเชื้อในพันทิปนี้ และถึงขนาดแอดไลน์ไปคุยปรึกษากับผู้ที่ติดเชื้อจริงๆ (เขาให้คำปรึกษาและให้กำลังใจดีมาก ต้องขอบคุณจริงๆ ครับ) แต่อาการต่างๆ ก็ยังหนักขึ้นเรื่อยๆ จนผ่านไปได้ประมาณ 20 วันหลังเสี่ยง (จากคนล่าสุดที่ มือๆ ปากๆ กัน) ทนไม่ไหว จึงกลับไปตรวจเลือดที่คลีนิคนิรนามอีกครั้ง (ครั้งที่ 3) รอบนี้ตรวจทั้ง hiv และ ซิฟิลิส เพราะอ่านดูเหมือนมีอาการคล้ายซิฟิลิสด้วย ในใจคือคิดว่าติดแน่ๆ แล้ว ตอนนั้นคือพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธ์บนบานสานกล่าวไปทั่ว สุดท้ายผลตรวจออกมา ยังรอด 5555 ผลเลือดปกติดีทุกอย่าง ตอนนั้นเถียงกับหมอนานมาก ว่ามีอาการนู้นนั่นนี่ เหมือนที่ใน Google บอกเลยนะหมอ จะไม่เป็นอไรได้ไง แต่หมอบอกว่าไม่น่าใช่ เพราะถ้ามีอาการก็ตรวจเจอในผลเลือด (โดยตรวจรอบนี้ หมอบอกว่าผลที่ 20 วัน เชื่อได้ถือ 90% แล้วให้สบายใจได้ แต่ถ้าให้แน่ต้องมาตรวจปิดเคสหลัง 30 วัน) จึงสบายใจขึ้น กลับมาลั้นลาอีกครั้ง อาการต่างๆ เริ่มดีขึ้น และผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์ ผมกลับไปนัดคนอื่นอีกแล้วววว 5555 (ไม่หลาบไม่จำ เริ่มเกียจสันดานตัวเองเหมือนกันครับ) โดยคราวนี้มีอะไรกันแค่ภายนอก (ใช้มือ) แต่มีความพิสดารคือใช้เซ็กทอยด์ด้วย
หลังเสร็จกิจ ก็ไม่ได้คิดอะไรในตอนแรก (ใจจริงกังวลนิดๆ) จนเวลาล่วงเลยมาเกือบอาทิตย์ และเป็นเวลาที่เกินเดือนมาหน่อยๆ หลังจากที่มือๆ ปากๆ กับคนที่ 3 ของรอบหลัง ที่ทำให้เกิดแผลในปาก ตอนแรกก็ตั้งใจไปตรวจปิดเคส แต่ขี้เกียจเลยไม่ได้ไป คิดว่าผลไม่น่าเปลี่ยน และคนล่าสุดก็ไม่น่าจะเสี่ยงอะไร จึงไม่ได้กลับไปตรวจ แต่เหมือนมีเวรกรรมหลอกหลอนตัวเอง ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็ชอบวนเวียนคิดว่าตัวเองอาจจะติดเชื้ออยู่ตลอด (เริ่มโรคจิต) เห็นตุ่มเล็กตุ่มน้อย ขึ้นมาตามแขนก็กลัวไปหมด วันนี้ผมผมจึงตัดสินใจกลับไปตรวจปิดเคสอีกครั้ง (ครั้งที่ 4) โดยครั้งนี้ตรวจทั้ง hiv ซิฟิลิส และไวลัสตับอักเสบ (หลังเสี่ยงจากคนที่ทำให้เป็นแผลในปาก 2 เดือนนิดๆ และ 1 เดือนจากคนล่าสุดที่ใช้มือใช้เซ็กทอยด์) กะว่าตรวจรอบนี้ จะเป็นรอบสุดท้ายจริง ไม่เอาอีกแล้ว กลัววววว และสุดท้ายผลตรวจปิดเคสของผมวันนี้ก็ออกมาว่า ปกติดีทุกอย่างงงงงงงง 55555 โคตรดีใจ แต่ก็ยังแอบสงสัยว่า ไอ้อาการต่างๆ ที่ผ่านมามันเป็นเพราะอะไร เดี๋ยวคงต้องไปตรวจสุขภาพแบบปกติซ้ำอีกทีครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสรุปรวมๆ แล้ว เรื่องราวตั้งแต่ตรวจเลือดครั้งแรก จนถึงการตรวจวันนี้ กินเวลาประมาณเกือบ 5 เดือน ในความจริง มันเป็น 5 เดือน ที่ทุกข์ทรมาณมากครับ หลายๆ ช่วงอาจดูเป็นเื่องตลก จนหลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจคิดว่าผมโกหกหรือป่าว แต่ด้วยความสัจจริง ที่ผมเล่ามาเป็นความจริงทั้งหมด และในความจริงนี้ไม่มีอะไรตลกเลย ทุกๆ วันที่ผ่านมา เมื่อไหร่ที่เผลอคิดว่าตัวเองติดเชื้อ hiv มันเป็นความรู้สึกที่กลัวตาย แต่อยากตายจริงๆ เหมือนตกนรกทุกครั้งที่เดินเข้าไปตรวจเลือดและรอฟังผล ดังนั้นผมจึงอยากเตือนสติใครหลายๆ คน ที่อาจจะมีด้านมืดแบบผมอยู่ คือชอบนัดมีอะไรกับคนที่ไม่รู้จัก ถ้าเลิกได้เลิกเถอะครับ ผมก็จะเลิกแล้วเหมือนกัน ความสนุกแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่คุ้มกับชีวิตทั้งชีวิตหลอกครับ แต่ถ้าใครเลิกไม่ได้ ยังชอบโลกมืดๆ นั้นอยู่ ก็อย่าลืมป้องกันทุกครั้งนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการมีเซ็กแบบสอดใส่ หรือการใช้ปากก็ต้องป้องกันครับ สุดท้ายนี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้อีกหลายๆ คนที่ไม่ได้โชคดีรอดพ้นโรคร้ายมาเหมือนผม ให้สู้ต่อไปครับ ผมเชื่อว่าซักวันนึงในอนาคตอันใกล้นี้ ต้องมียาที่สามารถรักษาโรคนี้ได้อย่างแน่นอนครับ
ขอบคุณครับ ใช้ชีวิตอย่างมีสตินะครับทุกคน
[รักสนุก ทุกข์ถนัด 18+] แชร์ประสบการณ์ชีวิตด้านมืด และการตรวจ hiv ถึง 4 ครั้ง ที่คลีนิคนิรนาม
ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวสั้นๆ ก่อนนะครับ ปัจจุผมอายุ 20 ปีกว่าๆ เป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่จับพลับจับพลูได้เข้ามาเรียนในกรุงเทพ วันที่เขียนบทความนี้เป็นวันที่ผมพึ่งจะไปตรวจเลือดอีกครั้งที่ "คลีนิคนิรนาม" ใช่แล้วครับ ผมไปตรวจ hiv มาและมันไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่ 4 ในรอบครึ่งปีที่ผ่านมา ถ้าสงสัยว่าผมทำไมถึงตรวจอะไรบ่อยขนาดนี้ ผมจะเล่าด้านมืด (ความเลว) ของผมให้ฟังครับ เผื่อเรื่องราวนี้จะสามารถเตือนใจใครหลายๆ คนที่กำลังดำเนินชีวิตมืดๆ เสี่ยงๆ แบบผมอยู่ได้ครับ
เรื่องราวด้านมืดของผมเริ่มต้นตอนเรียนอยู่ปี 2 ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงได้โหลดโปรแกรม camfrog มาเล่น และได้หลงเข้าไปในห้อง 18+ มันเป็นความแปลกใหม่ ที่ได้เห็นผู้คนมากมายโชว์ร่างกาย ทำเรื่อง 18+ หรือนัดไปมีอะไรกันอย่างเปิดเผย สำหรับผมแรกๆ มันก็เป็นแค่การดูคนอื่นเขาโชว์ เขานัดกัน แต่พอดูมากๆ ก็เริ่มหลงมัวเมาไปด้วย ทำให้ผมใจกล้าหน้าด้านขึ้น ผมเริ่มมีการทักคุยกับคนอื่น เริ่มนัด video sex call กันแบบตัวต่อตัว และลามออกมาโชว์ที่หน้าห้องที่มีคนดูเป็นร้อย (โชว์แค่ตัวไม่เปิดหน้า) จนในที่สุดผมก็ถล่ำลึกเข้าไปในด้านมืดแบบเต็มตัว นั่นคือผมเริ่มนัดมีเซ็กกับคนอื่นเป็นครั้งแรก อ่อผมลืมบอกไปว่าผมเป็นชายรักชายนะครับ จากครั้งที่หนึ่งก็เริ่มเพิ่มเป็นครั้งที่ 2 3 4 ... เวลาประมาณปีกว่าๆ ผมได้นัดทั้งจากใน camfrog, twitter และ blued app มามีอะไรกันรวมแล้วเกือบๆ 20 กว่าคน (เยอะจนจำไม่ค่อยได้) ทั้งที่มีอะไรกันแบบ sex ภายใน (ป้องกันตลอด) และ sex ภายนอก (มือๆ ปากๆ ไม่ได้ป้องกัน) จนเมื่อกลางปีที่ผ่านมาผมเริ่มรู้สึกว่าสุขภาพของตัวเองเริ่มมีอะไรผิดปกติ คือผมมักเหนื่อยง่าย และไม่สบายหลังมี sex ความคิดเกี่ยวกับการติดเชื้อ hiv จึงโผล่เข้ามาในสมอง ผมเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับโรค hiv และการตรวจอย่างละเอียด แต่ยิ่งอ่านยิ่งหาข้อมูลยิ่งทำให้กลัวและจิตตก จนสุขภาพแย่ลงเรื่อยๆ ผมจึงตัดสินใจไปตรวจเลือดครั้งแรกที่คลีนิคนิรนาม (สวนลุม)
ครั้งแรกที่ไปตรวจ มันเป็นความรู้สึกที่หลากหลายครับ จำได้เลยทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น จิตใจไม่อยู่กับตัวเลย ระหว่างไปตรวจภาพต่างๆ ที่เคยไปมั่ว ไปเสี่ยงมามันไหลกลับเข้ามาให้ทบทวนความเลวของตัวเองอีกครั้ง รวมถึงภาพต่างๆ ที่คิดว่าติดเชื้อจะทำยังไง หน้าพ่อแม่พี่น้อง เพื่อน คนรู้จัก พากันลอยมาเต็มไปหมด นาทีนั้นคือมีความคิดสั้นโผล่ขึ้นมาอยู่ตลอด และยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่เมื่อตรวจเสร็จและต้องรอฟังผล วินาทีที่เก้าเท้าเข้าไปในห้องฟังผล บอกเลยครับว่ายังจำได้ดีว่าใจเต้นแรงมาก และด้วยความโชคดี ผลเลือดครั้งนั้น คือ Negative ผมปกติดี ไม่ติดเชื้อ ตอนนั้นถามหมอซ้ำหลายรอบมาก 55555 เพราะไม่อยากเชื่อว่าจะรอด ตอนนั้นโคตรดีใจ และปิดเคสเคลียร์ทุกอย่างไปด้วยคำสัญญากับตัวเองว่าจะไม่กลับไปมั่ว ไม่กลับไปนัดใครอีก แต่แล้วผมก็ผิดสัญญากับตัวเอง
ผ่านไปหลังจากตรวจเลือดครั้งแรก ประมาณ 2 เดือน ผมอกหัก 5555 จึงกลับไปนัดมีอะไรกับคนอื่นเพื่อประชดชีวิตอีกครั้ง ครั้งแรกที่นัดของรอบนี้ เป็นรุ่นน้องในมหาวิทยาลัย (และเป็นแฟนเก่าเพื่อน) (ผมแมร่งโคตรเลว) โดยในครั้งแรกนี้ก็เกิดเรื่องในกังวลเลย คือเหมือนถุงยางจะขาด และน้องมีเลือดออกด้วย แต่ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะเป็นคิดว่าเป็นแฟนเก่าเพื่อนน่าจะปลอดภัย จึงหน้ามืดและนัดคนอื่นต่อไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนผ่านมาถึงคนที่ 3 ของรอบนี้ เรานัดมีอะไรกันผ่าน app blued พอไปถึงห้องเขาด้วยความที่ลืมถามแต่แรกว่าเขาเป็นแบบไหน มารู้ตอนไปถึงห้องแล้วว่าเป็นรุกเหมือนกัน จึงแค่มือๆ ปากๆ กันไป (ตอนแรกคิดว่าปลอดภัย แต่มารู้ทีหลังว่า เซ็กทางปากก็มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้) แต่หลังจากนั้นเพียงวันเดียวผมก็เริ่มเป็นแผลในปากบริเวณเพดานอ่อน ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แผลใหญ่และเจ็บมาก ประกอบกับจิตตกคิดมากว่าจะติด hiv รึป่าว จึงตัดสินใจกลับไปตรวจเลือดที่คลีนิคนิรนามอีกครั้ง (ครั้งที่ 2) แต่ผลเลือดก็ยังปกติดี (แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าผลยังไม่แน่นอนนะ เพราะพึ่งผ่านความเสี่ยงมาแค่อาทิตย์เดียว ถ้าให้ผลแน่ใจและปิดเคสได้ต้องตรวจหลังเสี่ยง 1 เดือน และเขาให้รอฟังผลตรวจแบบ NAT ด้วย ซึ่งเป็นวิธีตรวจที่ตรวจได้หลังเสี่ยงตั้งแต่ 5 วันขึ้นไป แต่ต้องรอ 3 วันหลังตรวจจึงรู้ผล) จึงได้แต่กลับมาจิตตกต่อที่ห้อง หลังจากนั้น 3 วัน ได้โทรไปถามผล NAT ผลเลือดก็ยังปกติดี (โล่งใจขึ้นมานิด)
แต่ๆๆ แผลในปากมันยังไม่หาย ซื้อยามากินก็ไม่หาย ยิ่งไปกว่านั้นเหมือนเชื้อเริ่มลามไปที่คอ ทำให้ในคอมีรอยแดง ต่อมทอมซิลก็เริ่มโตแบบเห็นได้ชัด (อ้าปากส่องไฟดูแทบทั้งวัน) คอก็เจ็บ ลิ้นเป็นฝ้า ตามตัวเหมือนมีตุ่มขึ้น น้ำหนักเริ่มลด รู้สึกอ่อนเพลีย และมีไข้ด้วย (ถ้าไปอ่านตามเน็ตอาการจะเหมือนผู้ติดเชื้อระยะแรก) ตอนนั้นเหมือนตกนรกมาก ป่วยทั้งกายและใจ กลับไปจิตตกอีกครั้ง วนคิดวนหาข้อมูลเกี่ยวกับการติดเชื้อ hiv ทั้งวันทั้งคืน หาอ่านกระทู้ต่างๆ ของผู้ที่ติดเชื้อในพันทิปนี้ และถึงขนาดแอดไลน์ไปคุยปรึกษากับผู้ที่ติดเชื้อจริงๆ (เขาให้คำปรึกษาและให้กำลังใจดีมาก ต้องขอบคุณจริงๆ ครับ) แต่อาการต่างๆ ก็ยังหนักขึ้นเรื่อยๆ จนผ่านไปได้ประมาณ 20 วันหลังเสี่ยง (จากคนล่าสุดที่ มือๆ ปากๆ กัน) ทนไม่ไหว จึงกลับไปตรวจเลือดที่คลีนิคนิรนามอีกครั้ง (ครั้งที่ 3) รอบนี้ตรวจทั้ง hiv และ ซิฟิลิส เพราะอ่านดูเหมือนมีอาการคล้ายซิฟิลิสด้วย ในใจคือคิดว่าติดแน่ๆ แล้ว ตอนนั้นคือพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธ์บนบานสานกล่าวไปทั่ว สุดท้ายผลตรวจออกมา ยังรอด 5555 ผลเลือดปกติดีทุกอย่าง ตอนนั้นเถียงกับหมอนานมาก ว่ามีอาการนู้นนั่นนี่ เหมือนที่ใน Google บอกเลยนะหมอ จะไม่เป็นอไรได้ไง แต่หมอบอกว่าไม่น่าใช่ เพราะถ้ามีอาการก็ตรวจเจอในผลเลือด (โดยตรวจรอบนี้ หมอบอกว่าผลที่ 20 วัน เชื่อได้ถือ 90% แล้วให้สบายใจได้ แต่ถ้าให้แน่ต้องมาตรวจปิดเคสหลัง 30 วัน) จึงสบายใจขึ้น กลับมาลั้นลาอีกครั้ง อาการต่างๆ เริ่มดีขึ้น และผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์ ผมกลับไปนัดคนอื่นอีกแล้วววว 5555 (ไม่หลาบไม่จำ เริ่มเกียจสันดานตัวเองเหมือนกันครับ) โดยคราวนี้มีอะไรกันแค่ภายนอก (ใช้มือ) แต่มีความพิสดารคือใช้เซ็กทอยด์ด้วย
หลังเสร็จกิจ ก็ไม่ได้คิดอะไรในตอนแรก (ใจจริงกังวลนิดๆ) จนเวลาล่วงเลยมาเกือบอาทิตย์ และเป็นเวลาที่เกินเดือนมาหน่อยๆ หลังจากที่มือๆ ปากๆ กับคนที่ 3 ของรอบหลัง ที่ทำให้เกิดแผลในปาก ตอนแรกก็ตั้งใจไปตรวจปิดเคส แต่ขี้เกียจเลยไม่ได้ไป คิดว่าผลไม่น่าเปลี่ยน และคนล่าสุดก็ไม่น่าจะเสี่ยงอะไร จึงไม่ได้กลับไปตรวจ แต่เหมือนมีเวรกรรมหลอกหลอนตัวเอง ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็ชอบวนเวียนคิดว่าตัวเองอาจจะติดเชื้ออยู่ตลอด (เริ่มโรคจิต) เห็นตุ่มเล็กตุ่มน้อย ขึ้นมาตามแขนก็กลัวไปหมด วันนี้ผมผมจึงตัดสินใจกลับไปตรวจปิดเคสอีกครั้ง (ครั้งที่ 4) โดยครั้งนี้ตรวจทั้ง hiv ซิฟิลิส และไวลัสตับอักเสบ (หลังเสี่ยงจากคนที่ทำให้เป็นแผลในปาก 2 เดือนนิดๆ และ 1 เดือนจากคนล่าสุดที่ใช้มือใช้เซ็กทอยด์) กะว่าตรวจรอบนี้ จะเป็นรอบสุดท้ายจริง ไม่เอาอีกแล้ว กลัววววว และสุดท้ายผลตรวจปิดเคสของผมวันนี้ก็ออกมาว่า ปกติดีทุกอย่างงงงงงงง 55555 โคตรดีใจ แต่ก็ยังแอบสงสัยว่า ไอ้อาการต่างๆ ที่ผ่านมามันเป็นเพราะอะไร เดี๋ยวคงต้องไปตรวจสุขภาพแบบปกติซ้ำอีกทีครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสรุปรวมๆ แล้ว เรื่องราวตั้งแต่ตรวจเลือดครั้งแรก จนถึงการตรวจวันนี้ กินเวลาประมาณเกือบ 5 เดือน ในความจริง มันเป็น 5 เดือน ที่ทุกข์ทรมาณมากครับ หลายๆ ช่วงอาจดูเป็นเื่องตลก จนหลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจคิดว่าผมโกหกหรือป่าว แต่ด้วยความสัจจริง ที่ผมเล่ามาเป็นความจริงทั้งหมด และในความจริงนี้ไม่มีอะไรตลกเลย ทุกๆ วันที่ผ่านมา เมื่อไหร่ที่เผลอคิดว่าตัวเองติดเชื้อ hiv มันเป็นความรู้สึกที่กลัวตาย แต่อยากตายจริงๆ เหมือนตกนรกทุกครั้งที่เดินเข้าไปตรวจเลือดและรอฟังผล ดังนั้นผมจึงอยากเตือนสติใครหลายๆ คน ที่อาจจะมีด้านมืดแบบผมอยู่ คือชอบนัดมีอะไรกับคนที่ไม่รู้จัก ถ้าเลิกได้เลิกเถอะครับ ผมก็จะเลิกแล้วเหมือนกัน ความสนุกแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่คุ้มกับชีวิตทั้งชีวิตหลอกครับ แต่ถ้าใครเลิกไม่ได้ ยังชอบโลกมืดๆ นั้นอยู่ ก็อย่าลืมป้องกันทุกครั้งนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการมีเซ็กแบบสอดใส่ หรือการใช้ปากก็ต้องป้องกันครับ สุดท้ายนี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้อีกหลายๆ คนที่ไม่ได้โชคดีรอดพ้นโรคร้ายมาเหมือนผม ให้สู้ต่อไปครับ ผมเชื่อว่าซักวันนึงในอนาคตอันใกล้นี้ ต้องมียาที่สามารถรักษาโรคนี้ได้อย่างแน่นอนครับ