มาถึงประมาณครึ่งทางแล้วครับสำหรับถุงมือนักเขียนรอบชิงชนะเลิศ
เรื่องที่ 6 นี้ ชื่อเรื่องเห็นแล้วก็ดูเหมือนจะแหวกแนวต่างไปจาก 5 เรื่องที่ผ่านมา แล้วหมาสองตัวมาเจอกัน จะเป็นอย่างไร ?
หมาจริงหรือหมายถึงใครอย่างไร ตามหาคำตอบกันเลยครับ


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กริ๊ง~
“ครับๆ”
กริ๊ง กริ๊ง~
“คร้าบ รอแปบฯ”
“โฮ่งๆ!“
กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!
“โว้ย! อะไรกันนักกันหนา รอแปบนึงไม่ได้เหรอไงวะ!!”
ผลัวะ!
ธนา หนุ่มเพิ่งโสดวัยสามสิบกลางๆ ผลักประตูบ้านออกมาอย่างฉุนเฉียว แต่แล้วก็ชะงักกึกด้วยความสงสัย บุคคลที่อยู่อีกฟากของรั้วเหล็กคือหญิงสาวเพื่อนบ้านที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ได้ไม่นาน เกียรติศัพท์เรื่องความสวยนั้นเขาได้ยินมาสักพักแล้ว ได้รู้ก็วันนี้เองว่ามันเป็นเรื่องจริง
“มีอะไรครับ” ธนาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าเดิม เขานึกเขินที่ตัวเองรีบออกมาจนลืมใส่เสื้อ มีเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว
อีกฝ่ายสูดหายใจ ก่อนจะยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะพี่”
“เอ่อ...สวัสดีครับ” ธนารับไหว้ แอบเกร็งเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าหญิงสาวไม่ค่อยเป็นมิตรนัก “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า มากดกริ่งแต่เช้าเลย มีอะไรในบ้านเสียเหรอ” ธนาเป็นหนึ่งในผู้ชายไม่กี่คนของซอยนี้ แถมยังทำงานอยู่โรงงานเฟอร์นิเจอร์อีก ไม่แปลกหากข้าวของบ้านใครมีปัญหาแล้วจะมาหาเขา
“ไม่ใช่หรอกค่ะ” เธอมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “รบกวนไปใส่เสื้อก่อนได้ไหมคะ หนูมีอะไรจะให้ดู”
ธนารับคำ ก่อนจะหันหลัง เตรียมกลับเข้าไปในบ้าน
“โฮ่งๆๆ!!” จังหวะนั้นเอง หมาในบ้านเขาก็วิ่งไปที่รั้วแล้วเริ่มเห่าใส่คนแปลกหน้า
“ไอ้ป๊อด!” เจ้าของบ้านดุ “เข้ากรงเลยไป...แหะๆ ขอโทษนะ หมาพี่มันเห่าเก่งไปหน่อย”
ธนาสังเกตเห็นสายตาของหญิงสาวฉายแววเคียดแค้นขึ้นมาเมื่อมองมายังป๊อด แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก รีบพาเจ้าหมาไปใส่กรง ก่อนที่ตัวเองจะเข้าบ้านไปแต่งตัว
“น้องชื่อฟ้าใช่ไหม” ธนาถามขณะเดินออกมาที่รั้วอีกครั้ง
อีกฝ่ายเลิกคิ้ว “รู้ได้ไงคะ”
“อ๋อ น้าจี๊ดคนขายส้มตำแกเคยเล่าให้ฟังน่ะ ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ เห็นว่าไปกินร้านน้าแกบ่อยนี่ ผมสนิทกับแกน่ะ แกใจดี ตำอร่อยด้วย” เขาพยายามชวนคุย “มีเรื่องด่วนหรือเปล่า จะคุยกันตรงนี้เหรอ”
“เข้าไปนั่งคุยข้างในได้ไหมคะ” หญิงสาวชี้ไปยังโต๊ะหินอ่อนในสวน
เจ้าของบ้านกระพริบตาปริบๆ ด้วยความสงสัย แต่ก็ยอมเปิดประตูให้เข้าโดยดี “เชิญครับๆ พี่จับหมาใส่กรงไว้แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
“จับไปทำลูกชิ้นเลยจะดีกว่านะคะ”
ธนาจ้องหน้าอีกฝ่าย “หืม...หมายความว่ายังไงครับ”
ฟ้าเดินกระแทกเท้าไปนั่งที่ม้าหินตามคำเชิญโดยไม่รอธนา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดภาพภาพหนึ่ง เมื่อธนาเดินตามไปนั่งจึงยื่นให้ดู
“หมาพี่มันมากัดหมาหนูค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงเหมือนพยายามสะกดความโกรธ
“พี่จะรับผิดชอบยังไงคะ”
ธนามองรูปพุดเดิ้ลขนาดประมาณขวดน้ำอัดลมในสภาพปางตาย ขนสีขาวมีรอยเลือดแต้มเป็นจุดๆ ตามขาและลำคอมีรอยกัดจนเนื้อแหว่ง ตาข้างหนึ่งถลนออกจากเบ้าดูน่ากลัว
“เอ่อ...น้องครับ ไอ้ป๊อดมันเห่าเก่งก็จริง แต่มันไม่กัดขนาดนี้หรอก สภาพขนาดนี้น่าจะโดนหมาที่อื่นรุมกัดมากกว่า” ธนาหัวเราะกลบเกลื่อน “น้องเห็นกับตาเหรอว่าหมาพี่ทำ” เขาพยายามปัดความรับผิดชอบ ให้ประเมินดูแล้ว ถ้าต้องจ่ายค่ารักษาให้อีกฝ่ายก็คงหลายหมื่น นี่เพิ่งจะกลางเดือน แถมเขายังติดหนี้คนอื่นตั้งหลายพัน ไม่เพิ่มรายจ่ายให้ตัวเองจะดีกว่า
ฟ้าไม่ตอบ แต่เอื้อมนิ้วมากดเปิดโฟลเดอร์วิดีโอในมือถือ เธอกดเล่นคลิปที่น่าจะมาจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้าน แล้วปล่อยให้ธนาดูมันด้วยตนเอง
ภาพที่ปรากฏคือระหว่างที่เจ้าพุดเดิ้ลตัวน้อยกำลังเดินเล่นหน้ารั้วบ้าน ไอ้ป๊อดก็เดินเข้ามาใกล้ มันดมฟุดฟิดที่ก้นของเจ้าตัวเล็ก เกิดการขู่ใส่กัน แล้วหมาตัวใหญ่ก็พุ่งเข้าตะครุบเจ้าพุดเดิ้ล ทั้งกระชากทั้งสะบัดจนเลือดสาดเป็นทาง ถ้าพุดเดิ้ลพยายามหนี ป๊อดก็จะกัดส่วนอื่นแทน ในวิดีโอไม่มีเสียง แต่คนดูก็สัมผัสถึงความเจ็บปวดและเสียงร้องของฝ่ายถูกกระทำได้เป็นอย่างดี
ภาพแห่งความโหดร้ายนั้นดำเนินต่อไปสักพัก รั้วบ้านก็เปิดออก ฟ้าในชุดคลุมอาบน้ำวิ่งออกมาอย่างลุกลี้ลุกลน มองซ้ายมองขวาแล้วฉวยท่อพีวีซีผอมแห้งที่ตกอยู่บนพื้นถนนขึ้นมาตีหมาใหญ่อย่างเก้ๆ กังๆ แต่มันก็ยังไม่ยอมหยุด จนคนที่ผ่านไปมาแถวนั้นต้องช่วยกันไล่ ป๊อดถึงได้วิ่งหนีไป
ภาพดำเนินต่อ ฟ้าก้าวเข้าไปหาพุดเดิ้ลน้อยของตน ก้มมองมันนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นแล้วหันไปเรียกใครสักคนในบ้าน ชายที่เหมือนจะเป็นแฟนหนุ่มของเธอวิ่งเหยาะๆ ออกมาพร้อมสีหน้าตกใจ ทั้งคู่ปลอบกันอยู่สักพักก่อนจะช่วยกันพาร่างหมาตัวน้อยกลับเข้าบ้าน
“เอ่อ...” ธนาอ้ำอึ้งเมื่อคลิปจบลง เมื่อเช้าเขาเป็นคนเปิดประตูให้ป๊อดออกไปทำธุระส่วนตัวเอง เจ้าหมาใหญ่เป็นมิตรกับคนเสมอเขาจึงไม่กังวลอะไร ลืมนึกไปเลยว่าเพิ่งมีเพื่อนบ้านมาใหม่พร้อมกับหมาอีกตัว “พี่ขอโทษละกันครับน้อง เอาเป็นว่าค่ารักษาหมาน้องพี่จะทยอยจ่ายแล้วกันนะ ตอนนี้พี่ไม่มีเงิน...”
“ไม่ต้อง” ฟ้าตัดบทเสียงเย็น
“หมิงหมิงตายไปแล้ว แฟนหนูกำลังฝังอยู่”
ชายหนุ่มเบิกตาโพลง หัวใจแทบหยุดเต้น “...หา?”
“ตอนสตาร์ทรถจะพาไปคลินิกมันก็หยุดหายใจแล้ว” ฟ้าจ้องธนาเขม็งเหมือนจะฆ่าเขาให้ตายตามหมาเธอไป “พี่เลี้ยงหมายังไงให้มันเลวได้ขนาดนี้ ไม่คิดถึงใจคนอื่นบ้างเลยเหรอว่าการที่เขาเสียลูกไปมันรู้สึกยังไง บางแก้วตัวใหญ่ขนาดนี้มันต้องจับใส่กรง ไม่ก็จับใส่ตะกร้อหรือเปล่าพี่ พี่ปล่อยปละละเลยมันขนาดนี้ไม่กลัวมันไปกัดใครตายเข้าเหรอ!” หญิงสาวร่ายรัว แถมยังยกนิ้วชี้หน้าชายหนุ่ม ทำเอาเขาเริ่มฉุนขึ้นมาหน่อยๆ
ธนายกมือห้าม “ใจเย็นๆ ก่อนน้อง คือ...พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้จะพูดยังไงจริงๆ แต่พี่ขอโทษ”
“ขอโทษแล้วหมาหนูมันจะฟื้นขึ้นมาไหม!!” ฟ้าเริ่มเสียงดัง
“เอ่อ...คืออย่างนี้นะครับ คือ...ไอ้ป๊อดปกติมันเป็นมิตรกับคนมาก แต่ไม่ค่อยถูกกับหมาด้วยกันสักเท่าไหร่ พี่ปล่อยมันไปขี้ไปเยี่ยวเองทุกเช้าก็ไม่เคยมีปัญหานะ น้องนั่นล่ะ หมาตัวเล็กแค่นั้นปล่อยมาเดินเพ่นพ่านได้ไง ซอยนี้คนผ่านไปผ่านมาเยอะไม่กลัวโดนลักเหรอ ไหนจะรถชนอีก” ธนาสวนกลับด้วยน้ำเสียงใจเย็น เขาไม่คิดว่านี่เป็นความผิดของหมาตนฝ่ายเดียว
ฟ้าผงะเล็กน้อย “...หนูก็ดูมันอยู่ไง พอโดนกัดถึงได้ออกมาช่วยได้” เธอแย้ง พลางกระพริบตาถี่ขึ้นขณะใช้ความคิด “พี่จะบอกว่าเป็นความผิดหนูเหรอ ก็เห็นๆ อยู่ว่าหมาพี่น่ะ มันเข้ามาหาเรื่องหมาหนูก่อน แล้วเป็นหมาตัวใหญ่ด้วย หมาหนูจะไปสู้ไหวได้ไง”
“ใครหาเรื่องใครก่อน? น้องฟังภาษาหมาออกเหรอครับ บางทีไอ้หมิงหมิงหมาน้องมันอาจจะท้าทายหมาพี่ก่อนก็ได้” ธนาหัวเราะเบาๆ ดูท่าศึกนี้จะตลกกว่าที่คิด
“หมามันพูดไม่ได้ค่ะพี่ มันไม่ได้ท้าทายกันแบบคนหรอก หนูก็ไม่ได้จะโทษแต่หมา ความผิดมันอยู่ที่คน...ถ้าพี่ไม่ละเลยหมาตัวเอง หมาหนูมันจะตายไหม แล้วเมื่อกี้หนูมายืนหน้ารั้วมันก็เห่าแล้ว เห็นชัดเลยว่าไม่มีมารยาท”
ธนาหัวเราะพรืด “ฮ่าๆๆ น้องครับ เอาเรื่องแรกนะ...คือพี่บอกไปแล้วไง ว่าพี่ปล่อยหมาตัวเองไปเที่ยวเล่นประจำอยู่แล้ว มันไม่เคยกัดใครสักหน่อย เพราะฉะนั้นพี่ไม่ผิดครับ ว่าแต่น้องเถอะ บอกว่าตัวเองดูหมาอยู่ แล้วทำไมปล่อยหมาโดนฟัดอยู่ตั้งนานกว่าจะออกมาจากบ้านได้ล่ะ” เขาถาม แอบสะใจที่เห็นอีกฝ่ายเม้มปากอย่างพยายามสะกดกลั้น “อีกอย่างคือธรรมชาติของหมามันต้องเห่าครับน้อง หมาบ้านไหนมีคนมายืนหน้ารั้วแล้วไม่เห่าก็เลี้ยงเสียข้าวสุกแล้ว ไอ้ป๊อดมันไม่ได้จะกัดสักหน่อย”
“TOR แหล” ฟ้าพูดเสียงเบา แต่ก็คนฟังก็ได้ยินชัดเจน
ธนาเลิกคิ้ว
“อะไรนะครับ” เขาถามอย่างไม่เชื่อหู
“เปล่าค่า...น..หนูแค่ว่าหนูไม่เชื่อ” ฟ้าแกล้งทำเป็นพูดตะกุกตะกัก แต่ด้วยสีหน้าแววตานั้นธนามั่นใจว่าเธอกำลังด่าเขาเต็มๆ
“แล้วตกลงน้องจะเอายังไงกันแน่ พี่เสนอเงินให้ก็บอกว่าไม่ต้องแล้ว จะมาด่าอย่างเดียวเหรอ” ธนาวกกลับมาเรื่องเดิม
เธอยืดตัวตรง “พี่จะจ่ายให้หนูเท่าไหร่”
“อ้าว ไหนบอกไม่ต้องแล้วไง” ชายหนุ่มหัวเราะกลบเกลื่อน นึกโทษตัวเองที่กลับมาพูดเรื่องเงิน ทั้งๆ ที่กำลังจนอยู่
“เอา จะได้จบๆ” ฟ้าพูดเสียงห้วน
“สี่หมื่น”
“เฮ้ย!!” ธนาอ้าปากค้าง “ค่าอะไรตั้งสี่หมื่น!”
ฟ้ายิ้มหวาน “หนูซื้อหมามาสองหมื่นห้า อีกหมื่นห้าเป็นค่าทำขวัญ”
“หมาบ้าอะไรตั้งสองหมื่นห้า! ตัวจิ๋วแค่นั้น!!”
“โง่! พุดเดิ้ลพันธุ์แท้เขาขายกันแพงจะตาย นี่หนูอุตส่าห์หาฟาร์มถูกๆ จากในเน็ตได้ ไม่งั้นพี่จ่ายแพงกว่านี้อีก”
“เอ็งว่าใครโง่น้อง! ไอ้หมาตัวแค่นั้นมันพุดเดิ้ลทอย ไม่ใช่พุดเดิ้ลแท้ เขาขายกันไม่กี่พันเอง มากสุดก็หมื่นต้นๆ พุดเดิ้ลแท้ๆ ตัวมันใหญ่กว่านี้ แล้วเขาขายกันเป็นแสน อย่ามาหลอกพี่!”
ปัง!
ฟ้าผุดลุกขึ้น
“ไม่รู้ก็ไม่ต้องทำเป็นอวดฉลาดสิวะ เป็นแค่ลูกจ้างโรงงาน ทำมาเป็นรู้ดีได้ไง!”
“เอ๊า! แล้วจะทำไมล่ะ เป็นลูกจ้างโรงงานก็มีความรู้ได้เว้ย อย่ามาดูถูกข้า ระดับผู้ช่วยผู้จัดการเดือนนึงได้เงินมากกว่าเอ็งได้จากพ่อแม่อีกมั้ง” ธนาลุกขึ้นบ้าง ไฟแห่งความโกรธถูกจุดขึ้นมาทันทีที่มีคนมาแตะเรื่องอาชีพการงาน
“รู้ได้ไง พ่อหนูให้เดือนละตั้งหมื่นห้า แถมค่าน้ำค่าไฟให้อีกตั้งห้าพัน ได้มากกว่าพี่แน่ๆ แล้วถ้าพี่มีตังค์จริงก็จ่ายมาดิ” ฟ้าท้าทาย
“แล้วอย่ามาขึ้นข้าขึ้นเอ็งกับหนูนะ...สันดานเสีย” หญิงสาวกอดอก
“เอ็งด่าข้าโง่ก่อนไหมล่ะ ใครกันแน่สันดานเสีย” ธนาสวนกลับ
“ข้าให้แค่ห้าพัน จ่ายพรุ่งนี้ ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา!” ชายหนุ่มบอกเสียงเด็ดขาด
“ไม่พอ! ก็หนูซื้อหมิงหมิงมาสองหมื่นห้าจริงๆ ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวให้ดูตอนแชทคุยกับแม่ค้าเลยก็ได้” ฟ้าหยิบมือถือขึ้นมาไสลด์หน้าจอ
ธนาถอนหายใจ
“ไม่ต้อง…สมองน้อยอย่างเอ็งข้าเชื่อว่าโดนหลอกขายมา เอาไปแค่นั้นล่ะ ขาดทุนก็เรื่องของเอ็ง ไม่ใช่ความผิดข้า” ชายหนุ่มกอดอกบ้าง
“มีการศึกษาซะเปล่า กะอีแค่หาข้อมูลเรื่องซื้อหมาก็ทำไม่ได้ เสียชื่อม.ดังๆ หมด” เขามองไปยังริสแบนด์สีครีมที่มีชื่อสถาบันศึกษาโด่งดังดังแห่งหนึ่งบนข้อมืออีกฝ่าย
“ทำไม มหา’ลัยหนูมันทำไม” ฟ้าดูฉุนขึ้นมา
“อย่างน้อยมหา’ลัยหนูก็ไม่ได้มีเรื่องชกต่อยฆ่ากันแทบทุกวันเหมือนที่พี่เรียนแล้วกัน” เธอพยักพเยิดมาทางแหวนรุ่นที่สลักอักษรย่อโรงเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งบนนิ้วของธนา
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่เราคุยกัน” ธนาหรี่ตา ไฟที่เพิ่งจะมอดลงได้ไม่นานเริ่มโหมกระพืออีกครั้ง
“ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไร เห็นพี่พูดถึงมหา’ลัยหนูก่อนนี่” ฟ้าเอ่ยเสียงสูง ก่อนจะทำท่าเหมือนคุยกับตัวเอง “จบแค่อาชีวะ ทำงานโรงงาน หน้าก็แย่ แล้วยังทำตัวไร้ความรับผิดชอบอีก
มิน่า คนในซอยเขาถึงเมาท์ว่าโดนเมียทิ้ง หึ”
“มันจะมากไปแล้วนะอีนี่!!” ธนาสติขาดผึง กระโจนเข้าไปบีบแขนฟ้าไว้
“เมียทิ้งแล้วเกี่ยวอะไรกับเอ็ง! อีปากหมา! อีสันดาน! อีxxx!!!”
ฟ้ากรีดร้อง
“ปล่อย! ก็คนเขาพูดกันทั่วว่าพี่ไปติดเด็กเสิร์ฟร้านคาราโอเกะเมียเลยทิ้งไง! อีผู้ชายชั่ว!!”
(มีต่อครับ)
💧💦💦 [ถุงมือนักเขียน - FINAL] เรื่องที่ 6 "เมื่อหมา 2 ตัวมาเจอกัน" โดย "ถุงมือเหวินเซิง" 💦💦💧
มาถึงประมาณครึ่งทางแล้วครับสำหรับถุงมือนักเขียนรอบชิงชนะเลิศ
เรื่องที่ 6 นี้ ชื่อเรื่องเห็นแล้วก็ดูเหมือนจะแหวกแนวต่างไปจาก 5 เรื่องที่ผ่านมา แล้วหมาสองตัวมาเจอกัน จะเป็นอย่างไร ?
หมาจริงหรือหมายถึงใครอย่างไร ตามหาคำตอบกันเลยครับ
กริ๊ง~
“ครับๆ”
กริ๊ง กริ๊ง~
“คร้าบ รอแปบฯ”
“โฮ่งๆ!“
กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!
“โว้ย! อะไรกันนักกันหนา รอแปบนึงไม่ได้เหรอไงวะ!!”
ผลัวะ!
ธนา หนุ่มเพิ่งโสดวัยสามสิบกลางๆ ผลักประตูบ้านออกมาอย่างฉุนเฉียว แต่แล้วก็ชะงักกึกด้วยความสงสัย บุคคลที่อยู่อีกฟากของรั้วเหล็กคือหญิงสาวเพื่อนบ้านที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ได้ไม่นาน เกียรติศัพท์เรื่องความสวยนั้นเขาได้ยินมาสักพักแล้ว ได้รู้ก็วันนี้เองว่ามันเป็นเรื่องจริง
“มีอะไรครับ” ธนาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าเดิม เขานึกเขินที่ตัวเองรีบออกมาจนลืมใส่เสื้อ มีเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว
อีกฝ่ายสูดหายใจ ก่อนจะยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะพี่”
“เอ่อ...สวัสดีครับ” ธนารับไหว้ แอบเกร็งเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าหญิงสาวไม่ค่อยเป็นมิตรนัก “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า มากดกริ่งแต่เช้าเลย มีอะไรในบ้านเสียเหรอ” ธนาเป็นหนึ่งในผู้ชายไม่กี่คนของซอยนี้ แถมยังทำงานอยู่โรงงานเฟอร์นิเจอร์อีก ไม่แปลกหากข้าวของบ้านใครมีปัญหาแล้วจะมาหาเขา
“ไม่ใช่หรอกค่ะ” เธอมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า “รบกวนไปใส่เสื้อก่อนได้ไหมคะ หนูมีอะไรจะให้ดู”
ธนารับคำ ก่อนจะหันหลัง เตรียมกลับเข้าไปในบ้าน
“โฮ่งๆๆ!!” จังหวะนั้นเอง หมาในบ้านเขาก็วิ่งไปที่รั้วแล้วเริ่มเห่าใส่คนแปลกหน้า
“ไอ้ป๊อด!” เจ้าของบ้านดุ “เข้ากรงเลยไป...แหะๆ ขอโทษนะ หมาพี่มันเห่าเก่งไปหน่อย”
ธนาสังเกตเห็นสายตาของหญิงสาวฉายแววเคียดแค้นขึ้นมาเมื่อมองมายังป๊อด แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก รีบพาเจ้าหมาไปใส่กรง ก่อนที่ตัวเองจะเข้าบ้านไปแต่งตัว
“น้องชื่อฟ้าใช่ไหม” ธนาถามขณะเดินออกมาที่รั้วอีกครั้ง
อีกฝ่ายเลิกคิ้ว “รู้ได้ไงคะ”
“อ๋อ น้าจี๊ดคนขายส้มตำแกเคยเล่าให้ฟังน่ะ ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ เห็นว่าไปกินร้านน้าแกบ่อยนี่ ผมสนิทกับแกน่ะ แกใจดี ตำอร่อยด้วย” เขาพยายามชวนคุย “มีเรื่องด่วนหรือเปล่า จะคุยกันตรงนี้เหรอ”
“เข้าไปนั่งคุยข้างในได้ไหมคะ” หญิงสาวชี้ไปยังโต๊ะหินอ่อนในสวน
เจ้าของบ้านกระพริบตาปริบๆ ด้วยความสงสัย แต่ก็ยอมเปิดประตูให้เข้าโดยดี “เชิญครับๆ พี่จับหมาใส่กรงไว้แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
“จับไปทำลูกชิ้นเลยจะดีกว่านะคะ”
ธนาจ้องหน้าอีกฝ่าย “หืม...หมายความว่ายังไงครับ”
ฟ้าเดินกระแทกเท้าไปนั่งที่ม้าหินตามคำเชิญโดยไม่รอธนา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเปิดภาพภาพหนึ่ง เมื่อธนาเดินตามไปนั่งจึงยื่นให้ดู
“หมาพี่มันมากัดหมาหนูค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงเหมือนพยายามสะกดความโกรธ “พี่จะรับผิดชอบยังไงคะ”
ธนามองรูปพุดเดิ้ลขนาดประมาณขวดน้ำอัดลมในสภาพปางตาย ขนสีขาวมีรอยเลือดแต้มเป็นจุดๆ ตามขาและลำคอมีรอยกัดจนเนื้อแหว่ง ตาข้างหนึ่งถลนออกจากเบ้าดูน่ากลัว
“เอ่อ...น้องครับ ไอ้ป๊อดมันเห่าเก่งก็จริง แต่มันไม่กัดขนาดนี้หรอก สภาพขนาดนี้น่าจะโดนหมาที่อื่นรุมกัดมากกว่า” ธนาหัวเราะกลบเกลื่อน “น้องเห็นกับตาเหรอว่าหมาพี่ทำ” เขาพยายามปัดความรับผิดชอบ ให้ประเมินดูแล้ว ถ้าต้องจ่ายค่ารักษาให้อีกฝ่ายก็คงหลายหมื่น นี่เพิ่งจะกลางเดือน แถมเขายังติดหนี้คนอื่นตั้งหลายพัน ไม่เพิ่มรายจ่ายให้ตัวเองจะดีกว่า
ฟ้าไม่ตอบ แต่เอื้อมนิ้วมากดเปิดโฟลเดอร์วิดีโอในมือถือ เธอกดเล่นคลิปที่น่าจะมาจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้าน แล้วปล่อยให้ธนาดูมันด้วยตนเอง
ภาพที่ปรากฏคือระหว่างที่เจ้าพุดเดิ้ลตัวน้อยกำลังเดินเล่นหน้ารั้วบ้าน ไอ้ป๊อดก็เดินเข้ามาใกล้ มันดมฟุดฟิดที่ก้นของเจ้าตัวเล็ก เกิดการขู่ใส่กัน แล้วหมาตัวใหญ่ก็พุ่งเข้าตะครุบเจ้าพุดเดิ้ล ทั้งกระชากทั้งสะบัดจนเลือดสาดเป็นทาง ถ้าพุดเดิ้ลพยายามหนี ป๊อดก็จะกัดส่วนอื่นแทน ในวิดีโอไม่มีเสียง แต่คนดูก็สัมผัสถึงความเจ็บปวดและเสียงร้องของฝ่ายถูกกระทำได้เป็นอย่างดี
ภาพแห่งความโหดร้ายนั้นดำเนินต่อไปสักพัก รั้วบ้านก็เปิดออก ฟ้าในชุดคลุมอาบน้ำวิ่งออกมาอย่างลุกลี้ลุกลน มองซ้ายมองขวาแล้วฉวยท่อพีวีซีผอมแห้งที่ตกอยู่บนพื้นถนนขึ้นมาตีหมาใหญ่อย่างเก้ๆ กังๆ แต่มันก็ยังไม่ยอมหยุด จนคนที่ผ่านไปมาแถวนั้นต้องช่วยกันไล่ ป๊อดถึงได้วิ่งหนีไป
ภาพดำเนินต่อ ฟ้าก้าวเข้าไปหาพุดเดิ้ลน้อยของตน ก้มมองมันนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นแล้วหันไปเรียกใครสักคนในบ้าน ชายที่เหมือนจะเป็นแฟนหนุ่มของเธอวิ่งเหยาะๆ ออกมาพร้อมสีหน้าตกใจ ทั้งคู่ปลอบกันอยู่สักพักก่อนจะช่วยกันพาร่างหมาตัวน้อยกลับเข้าบ้าน
“เอ่อ...” ธนาอ้ำอึ้งเมื่อคลิปจบลง เมื่อเช้าเขาเป็นคนเปิดประตูให้ป๊อดออกไปทำธุระส่วนตัวเอง เจ้าหมาใหญ่เป็นมิตรกับคนเสมอเขาจึงไม่กังวลอะไร ลืมนึกไปเลยว่าเพิ่งมีเพื่อนบ้านมาใหม่พร้อมกับหมาอีกตัว “พี่ขอโทษละกันครับน้อง เอาเป็นว่าค่ารักษาหมาน้องพี่จะทยอยจ่ายแล้วกันนะ ตอนนี้พี่ไม่มีเงิน...”
“ไม่ต้อง” ฟ้าตัดบทเสียงเย็น “หมิงหมิงตายไปแล้ว แฟนหนูกำลังฝังอยู่”
ชายหนุ่มเบิกตาโพลง หัวใจแทบหยุดเต้น “...หา?”
“ตอนสตาร์ทรถจะพาไปคลินิกมันก็หยุดหายใจแล้ว” ฟ้าจ้องธนาเขม็งเหมือนจะฆ่าเขาให้ตายตามหมาเธอไป “พี่เลี้ยงหมายังไงให้มันเลวได้ขนาดนี้ ไม่คิดถึงใจคนอื่นบ้างเลยเหรอว่าการที่เขาเสียลูกไปมันรู้สึกยังไง บางแก้วตัวใหญ่ขนาดนี้มันต้องจับใส่กรง ไม่ก็จับใส่ตะกร้อหรือเปล่าพี่ พี่ปล่อยปละละเลยมันขนาดนี้ไม่กลัวมันไปกัดใครตายเข้าเหรอ!” หญิงสาวร่ายรัว แถมยังยกนิ้วชี้หน้าชายหนุ่ม ทำเอาเขาเริ่มฉุนขึ้นมาหน่อยๆ
ธนายกมือห้าม “ใจเย็นๆ ก่อนน้อง คือ...พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้จะพูดยังไงจริงๆ แต่พี่ขอโทษ”
“ขอโทษแล้วหมาหนูมันจะฟื้นขึ้นมาไหม!!” ฟ้าเริ่มเสียงดัง
“เอ่อ...คืออย่างนี้นะครับ คือ...ไอ้ป๊อดปกติมันเป็นมิตรกับคนมาก แต่ไม่ค่อยถูกกับหมาด้วยกันสักเท่าไหร่ พี่ปล่อยมันไปขี้ไปเยี่ยวเองทุกเช้าก็ไม่เคยมีปัญหานะ น้องนั่นล่ะ หมาตัวเล็กแค่นั้นปล่อยมาเดินเพ่นพ่านได้ไง ซอยนี้คนผ่านไปผ่านมาเยอะไม่กลัวโดนลักเหรอ ไหนจะรถชนอีก” ธนาสวนกลับด้วยน้ำเสียงใจเย็น เขาไม่คิดว่านี่เป็นความผิดของหมาตนฝ่ายเดียว
ฟ้าผงะเล็กน้อย “...หนูก็ดูมันอยู่ไง พอโดนกัดถึงได้ออกมาช่วยได้” เธอแย้ง พลางกระพริบตาถี่ขึ้นขณะใช้ความคิด “พี่จะบอกว่าเป็นความผิดหนูเหรอ ก็เห็นๆ อยู่ว่าหมาพี่น่ะ มันเข้ามาหาเรื่องหมาหนูก่อน แล้วเป็นหมาตัวใหญ่ด้วย หมาหนูจะไปสู้ไหวได้ไง”
“ใครหาเรื่องใครก่อน? น้องฟังภาษาหมาออกเหรอครับ บางทีไอ้หมิงหมิงหมาน้องมันอาจจะท้าทายหมาพี่ก่อนก็ได้” ธนาหัวเราะเบาๆ ดูท่าศึกนี้จะตลกกว่าที่คิด
“หมามันพูดไม่ได้ค่ะพี่ มันไม่ได้ท้าทายกันแบบคนหรอก หนูก็ไม่ได้จะโทษแต่หมา ความผิดมันอยู่ที่คน...ถ้าพี่ไม่ละเลยหมาตัวเอง หมาหนูมันจะตายไหม แล้วเมื่อกี้หนูมายืนหน้ารั้วมันก็เห่าแล้ว เห็นชัดเลยว่าไม่มีมารยาท”
ธนาหัวเราะพรืด “ฮ่าๆๆ น้องครับ เอาเรื่องแรกนะ...คือพี่บอกไปแล้วไง ว่าพี่ปล่อยหมาตัวเองไปเที่ยวเล่นประจำอยู่แล้ว มันไม่เคยกัดใครสักหน่อย เพราะฉะนั้นพี่ไม่ผิดครับ ว่าแต่น้องเถอะ บอกว่าตัวเองดูหมาอยู่ แล้วทำไมปล่อยหมาโดนฟัดอยู่ตั้งนานกว่าจะออกมาจากบ้านได้ล่ะ” เขาถาม แอบสะใจที่เห็นอีกฝ่ายเม้มปากอย่างพยายามสะกดกลั้น “อีกอย่างคือธรรมชาติของหมามันต้องเห่าครับน้อง หมาบ้านไหนมีคนมายืนหน้ารั้วแล้วไม่เห่าก็เลี้ยงเสียข้าวสุกแล้ว ไอ้ป๊อดมันไม่ได้จะกัดสักหน่อย”
“TOR แหล” ฟ้าพูดเสียงเบา แต่ก็คนฟังก็ได้ยินชัดเจน
ธนาเลิกคิ้ว “อะไรนะครับ” เขาถามอย่างไม่เชื่อหู
“เปล่าค่า...น..หนูแค่ว่าหนูไม่เชื่อ” ฟ้าแกล้งทำเป็นพูดตะกุกตะกัก แต่ด้วยสีหน้าแววตานั้นธนามั่นใจว่าเธอกำลังด่าเขาเต็มๆ
“แล้วตกลงน้องจะเอายังไงกันแน่ พี่เสนอเงินให้ก็บอกว่าไม่ต้องแล้ว จะมาด่าอย่างเดียวเหรอ” ธนาวกกลับมาเรื่องเดิม
เธอยืดตัวตรง “พี่จะจ่ายให้หนูเท่าไหร่”
“อ้าว ไหนบอกไม่ต้องแล้วไง” ชายหนุ่มหัวเราะกลบเกลื่อน นึกโทษตัวเองที่กลับมาพูดเรื่องเงิน ทั้งๆ ที่กำลังจนอยู่
“เอา จะได้จบๆ” ฟ้าพูดเสียงห้วน “สี่หมื่น”
“เฮ้ย!!” ธนาอ้าปากค้าง “ค่าอะไรตั้งสี่หมื่น!”
ฟ้ายิ้มหวาน “หนูซื้อหมามาสองหมื่นห้า อีกหมื่นห้าเป็นค่าทำขวัญ”
“หมาบ้าอะไรตั้งสองหมื่นห้า! ตัวจิ๋วแค่นั้น!!”
“โง่! พุดเดิ้ลพันธุ์แท้เขาขายกันแพงจะตาย นี่หนูอุตส่าห์หาฟาร์มถูกๆ จากในเน็ตได้ ไม่งั้นพี่จ่ายแพงกว่านี้อีก”
“เอ็งว่าใครโง่น้อง! ไอ้หมาตัวแค่นั้นมันพุดเดิ้ลทอย ไม่ใช่พุดเดิ้ลแท้ เขาขายกันไม่กี่พันเอง มากสุดก็หมื่นต้นๆ พุดเดิ้ลแท้ๆ ตัวมันใหญ่กว่านี้ แล้วเขาขายกันเป็นแสน อย่ามาหลอกพี่!”
ปัง!
ฟ้าผุดลุกขึ้น “ไม่รู้ก็ไม่ต้องทำเป็นอวดฉลาดสิวะ เป็นแค่ลูกจ้างโรงงาน ทำมาเป็นรู้ดีได้ไง!”
“เอ๊า! แล้วจะทำไมล่ะ เป็นลูกจ้างโรงงานก็มีความรู้ได้เว้ย อย่ามาดูถูกข้า ระดับผู้ช่วยผู้จัดการเดือนนึงได้เงินมากกว่าเอ็งได้จากพ่อแม่อีกมั้ง” ธนาลุกขึ้นบ้าง ไฟแห่งความโกรธถูกจุดขึ้นมาทันทีที่มีคนมาแตะเรื่องอาชีพการงาน
“รู้ได้ไง พ่อหนูให้เดือนละตั้งหมื่นห้า แถมค่าน้ำค่าไฟให้อีกตั้งห้าพัน ได้มากกว่าพี่แน่ๆ แล้วถ้าพี่มีตังค์จริงก็จ่ายมาดิ” ฟ้าท้าทาย “แล้วอย่ามาขึ้นข้าขึ้นเอ็งกับหนูนะ...สันดานเสีย” หญิงสาวกอดอก
“เอ็งด่าข้าโง่ก่อนไหมล่ะ ใครกันแน่สันดานเสีย” ธนาสวนกลับ “ข้าให้แค่ห้าพัน จ่ายพรุ่งนี้ ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา!” ชายหนุ่มบอกเสียงเด็ดขาด
“ไม่พอ! ก็หนูซื้อหมิงหมิงมาสองหมื่นห้าจริงๆ ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวให้ดูตอนแชทคุยกับแม่ค้าเลยก็ได้” ฟ้าหยิบมือถือขึ้นมาไสลด์หน้าจอ
ธนาถอนหายใจ “ไม่ต้อง…สมองน้อยอย่างเอ็งข้าเชื่อว่าโดนหลอกขายมา เอาไปแค่นั้นล่ะ ขาดทุนก็เรื่องของเอ็ง ไม่ใช่ความผิดข้า” ชายหนุ่มกอดอกบ้าง “มีการศึกษาซะเปล่า กะอีแค่หาข้อมูลเรื่องซื้อหมาก็ทำไม่ได้ เสียชื่อม.ดังๆ หมด” เขามองไปยังริสแบนด์สีครีมที่มีชื่อสถาบันศึกษาโด่งดังดังแห่งหนึ่งบนข้อมืออีกฝ่าย
“ทำไม มหา’ลัยหนูมันทำไม” ฟ้าดูฉุนขึ้นมา “อย่างน้อยมหา’ลัยหนูก็ไม่ได้มีเรื่องชกต่อยฆ่ากันแทบทุกวันเหมือนที่พี่เรียนแล้วกัน” เธอพยักพเยิดมาทางแหวนรุ่นที่สลักอักษรย่อโรงเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งบนนิ้วของธนา
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่เราคุยกัน” ธนาหรี่ตา ไฟที่เพิ่งจะมอดลงได้ไม่นานเริ่มโหมกระพืออีกครั้ง
“ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไร เห็นพี่พูดถึงมหา’ลัยหนูก่อนนี่” ฟ้าเอ่ยเสียงสูง ก่อนจะทำท่าเหมือนคุยกับตัวเอง “จบแค่อาชีวะ ทำงานโรงงาน หน้าก็แย่ แล้วยังทำตัวไร้ความรับผิดชอบอีก มิน่า คนในซอยเขาถึงเมาท์ว่าโดนเมียทิ้ง หึ”
“มันจะมากไปแล้วนะอีนี่!!” ธนาสติขาดผึง กระโจนเข้าไปบีบแขนฟ้าไว้ “เมียทิ้งแล้วเกี่ยวอะไรกับเอ็ง! อีปากหมา! อีสันดาน! อีxxx!!!”
ฟ้ากรีดร้อง “ปล่อย! ก็คนเขาพูดกันทั่วว่าพี่ไปติดเด็กเสิร์ฟร้านคาราโอเกะเมียเลยทิ้งไง! อีผู้ชายชั่ว!!”
(มีต่อครับ)