ก่อนอื่นจขกท.ขอออกตัวก่อนว่าอาจจะเขียนได้ไม่ดีมากนัก เพราะห่างหายจากงานเขียนมานานพอสมควร ต้องขออภัยทุกคนไว้ล่วงหน้าด้วยค่ะ
เข้าเรื่องนะคะ จขกท. แต่งงานกับสามีซึ่งมีอายุน้อยกว่าจขกท. 7 ปี มาได้ประมาณ 1 ปีเศษ ก่อนหน้านั้นคบกันมาร่วม 2 ปี รวมแต่งงานด้วยก็ถือว่าใช้ชีวิตเรียนรู้กันประมาณ 3 ปีกว่าๆๆ
สามีจขกท. เกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยถือว่าฐานะปานกลาง พ่อกับแม่ของสามีแยกทางกันและเค้าโตมากับย่า
จขกท. เกิดมาในครอบครัวที่มีพ่อแม่พร้อม (แต่ตอนนี้ท่านทางสองจากไปแล้วค่ะ ก่อนที่เราสองคนจะแต่งงานค่ะ) ไม่ร่ำรวยเช่นกัน แต่พอมีฐานะกว่าสามีนิดๆ หน่อยๆ ซึ่งตรงนี้ จขกท.ไม่ได้คิดมากและไม่ซีเรียสอะไรเลยในการที่จะคบหากับเค้า เพราะจขกท.เรียนจบและกลับมาทำธุรกิจส่วนตัวที่บ้านและยินดีที่จะให้สามีมาช่วยทำงานที่บ้านอยู่แล้วค่ะ .ซึ่งเค้าก็มาช่วยงานที่บ้านและทำงานด้วยกันก่อนแต่งงานด้วยซ้ำไปค่ะ
แต่....หลังจากแต่งงานมาได้เกือบปีค่ะ
การปฏิบัติตัวและการทำงานของสามีก็แปรผันไปเรื่อยๆ จากที่เคยตื่นเช้ามาทำงาน กลายเป็นตื่นสาย จากที่ไม่เคยอารณ์เสียกลายเป็นคนฉุนเฉียว กลายเป็นคนไม่แคร์งานไม่ใส่ใจงานที่ทางเราต้องทำอยู่ทุกๆ วัน จากที่เคยใส่ใจเราไม่พูดจาหยาบคาย กลับกลายป็นตรงข้าม ซึ่งการเปลี่ยนไปของสามีหลายๆ จุดตรงนี้ ทำให้เกิดการทะเลาะกันหลายครั้งหลายครา ถึงขั้นชวนไปหย่ากันก็มีค่ะ และเกือบทุกครั้งที่ทะเลาะกันสามีก็มักจะทิ้งจขกท.ไปเสมอค่ะ ส่วนจะไปไหนหรือจะไปทำอะไรจขกท.ก็ไม่เคยถามและเจ็บปวดทุกครั้งที่เค้าทิ้งไปค่ะ แต่พอเค้ากลับมา จขกท.ก็ให้โอกาสเค้าทุกครั้งในการเริ่มต้นกันใหม่กับชีวิตคู่ของเรา
และจุดเกิดเหตุก็มีอยู่ว่า วันนึง จขกท. ออกไปซื้อของข้างนอกค่ะ ให้เค้าอยู่บ้านซึ่งจขกท.ก้็ไม่ได้ไปนานค่ะ ประมาณ 20 นาที พอกลับมาก็เจอฝูงชนเต็มหน้าบ้านเลยค่ะ สืบสาวราวเรื่องก็พอจะทราบว่า สามีของจขกท. ไปชกต่อยกับลูกค้าของเราค่ะ....แล้วก็เป็นเช่นเดิมค่ะ พอเกิดเรื่องอะไรขึ้น เค้าก็่หนีไปค่ะ แม้ครั้งนี้จะไม่ใช่เป็นการมีปากเสียงกับจขกท. เค้าก็ไปค่ะ ทิ้งจขกท.ไปอีกแล้ว
แต่การไปครั้งนี้มีแจกพอตค่ะ ก็คือสามีของจขกท. ได้ลืมมือถือไว้ที่บ้านค่ะ ได้โอกาสของเรา จขกท.ก็เปิดดูข้อความที่เค้าแชทกับเพื่อนๆค่ะ (ซึ่งปกติเค้าจะหวงมือถือมาก ไม่เคยให้แตะ) แล้วก็ได้เจอข้อความที่เค้า "สั่งยา" กับเพื่อนค่ะ ข้อความก็จะเป็นประมาณว่า จำนวนกี่เม็ด โอนตังรึยัง สดมั้ย ทำนองนี้ค่ะ
รอบนี้เค้าไปไม่นานค่ะ กลับมาในคืนนั้น จขกท. ก็บอกเค้าไปเลยตรงๆ ว่า
เจอข้อความที่เค้าคุยกับเพื่อนเกี่ยวกับเรื่องยา ซึ่งในตอนแรกๆ ที่ถามเค้า เค้าก็ไม่ยอมรับค่ะ แต่พอคุยไปคุยมา (คุยกันดีๆ ค่ะ ไม่ใช้อารมณ์) เค้าก็ยอมรับและขอโทษจขกท. พร้อมทั้งขอโอกาส (ครั้งที่ 1) ในการเลิกและเริ่มต้นกันใหม่
จนเวลาผ่านไปร่วม 2 เดือน ดูเหมือนสถานการณ์จะดีขึ้นบ้าง (แต่บอกตรงๆ เลยค่ะว่าใจของจขกท.เองยังไม่ได้มั่นใจ 100% ว่าเค้าเลิก ) แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะ
ตื่นมาในเช้าวันหนึ่ง จขกท.เจออุปกรณ์การเสพยาของสามีอยู่หน้าห้องน้ำค่ะ เพราะคืนนั้นนอนกันคนละบ้านค่ะ (จขกท.มีบ้านอยู่ 2 หลัง ค่ะ สลับกันนอน บางคืนมีการนอนกันแยกบ้านค่ะ สามีนอนหลังนึง จขกท.นอนหลังนึง )
ซึ่งการเจอครั้งนี้เค้าก็แก้ตัวและสงสัยมากว่ามันเป็นของใครนะ และปฏิเสธอย่างสุดตัวว่าไม่ใช่ของเค้า และ จขกท.ก็ให้โอกาสเค้าอีกค่ะ (ครั้งที่ 2)
จนเวลาผ่านไปไม่ถึงเดือนค่ะ ดูเหมือนสถานการณ์จะดีขึ้นอีกค่ะ แต่ไม่ค่ะ ไม่ใช่อย่างที่คิด เหตุการณ์คล้ายๆ เดิมค่ะ จขกท.ออกไปซื้อของข้างนอกประมาณ ครึ่ง ชม. พอกลับมาก็มีส่ิงดลจิตดลใจให้ไปเปิดถังขยะในห้องน้ำดูค่ะ ตอนนั้นไม่ก็ไม่รู้ว่าไปเปิดทำไม ซึ่งก็ทำให้เจอคำตอบนั่นก็คือ
ถุงบรรจุยาค่ะ ซึ่ง จขกท.ก็ไม่รู้หรอกนะคะว่ามันเป็นถุงบรรจุสิ่งเหล่านั้น เพียงแต่มันมีคราบสีของยาเสพติดชนิดนั้นติดอยู่กับถุงบ้าง พอให้คาดเดาได้ไม่ยาก บวกกับไปคาดคั้นและถามเค้า เ
ค้าก็ยอมรับ....และจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จขกท.ก็พูดกับเค้าดีๆ และบอกให้เค้ากลับไปอยู่บ้าน และขอเลิกกับเค้าเลยค่ะ แต่ก็อีกค่ะเค้าก็ขอโทษและขอโอกาส (ครั้งที่ 3)
จนเวลาผ่านไปอีกค่ะไม่ถึงเดือน วันนั้น จขกท. ออกไปบ้านยายค่ะ ไปร่วมชั่วโมงค่ะ พอกลับมา จขกท.ก็เดินเข้าห้องนอนค่ะ
เดินเข้าไปปุ๊บเจออุปกรณ์การเสพอยู่ 2 ชิ้นค่ะ พอถามเค้า เค้าก็อ้างอีกค่ะว่าเป็นของB (นามสมมติ) ยืนยันว่าไม่ได้เป็นของเค้าค่ะ แต่ครั้งนี้ จขกท. เหนื่อยค่ะ เลยบอกไปกับเค้าว่า จขกท.จะไปคุยกับ B (นามสมมติ) ว่ามาเสพยาในบ้านเราได้ยังไง ซึ่งสามีของจขกท.ก็ขวางจขกท.ไว้ และพูดขึ้นมาว่า อย่าไปถามเลย เค้าจะไปเอง...
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่จขกท.คิดว่าเป็นการยอมรับว่าอุปกรณ์นั้นเป็นของสามีจขกท. เอง...รึเปล่า
ซึ่งครั้งนี้จขกท. คิดว่าโอกาสที่ให้เค้าไปคงหมดแล้ว เลยขอโอกาสให้ตัวเองบ้างในการที่จะลองเรียนรู้การใช้ชีวิตลำพัง (อีกครั้งหนึ่ง)
ซึ่งการมาเขียนในครั้งนี้เป็นการขอกำลังใจและความคิดเห็นว่าสิ่งที่จขกท.ทำลงไปถูกต้องและเหมาะสมแล้วใช่มั้ยคะ
ปรึกษา หารือ แชร์ประสบการณ์ ขอความเห็น สามีติดยา... T.T กับโอกาสที่หมดแล้ว
เข้าเรื่องนะคะ จขกท. แต่งงานกับสามีซึ่งมีอายุน้อยกว่าจขกท. 7 ปี มาได้ประมาณ 1 ปีเศษ ก่อนหน้านั้นคบกันมาร่วม 2 ปี รวมแต่งงานด้วยก็ถือว่าใช้ชีวิตเรียนรู้กันประมาณ 3 ปีกว่าๆๆ
สามีจขกท. เกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยถือว่าฐานะปานกลาง พ่อกับแม่ของสามีแยกทางกันและเค้าโตมากับย่า
จขกท. เกิดมาในครอบครัวที่มีพ่อแม่พร้อม (แต่ตอนนี้ท่านทางสองจากไปแล้วค่ะ ก่อนที่เราสองคนจะแต่งงานค่ะ) ไม่ร่ำรวยเช่นกัน แต่พอมีฐานะกว่าสามีนิดๆ หน่อยๆ ซึ่งตรงนี้ จขกท.ไม่ได้คิดมากและไม่ซีเรียสอะไรเลยในการที่จะคบหากับเค้า เพราะจขกท.เรียนจบและกลับมาทำธุรกิจส่วนตัวที่บ้านและยินดีที่จะให้สามีมาช่วยทำงานที่บ้านอยู่แล้วค่ะ .ซึ่งเค้าก็มาช่วยงานที่บ้านและทำงานด้วยกันก่อนแต่งงานด้วยซ้ำไปค่ะ
แต่....หลังจากแต่งงานมาได้เกือบปีค่ะ การปฏิบัติตัวและการทำงานของสามีก็แปรผันไปเรื่อยๆ จากที่เคยตื่นเช้ามาทำงาน กลายเป็นตื่นสาย จากที่ไม่เคยอารณ์เสียกลายเป็นคนฉุนเฉียว กลายเป็นคนไม่แคร์งานไม่ใส่ใจงานที่ทางเราต้องทำอยู่ทุกๆ วัน จากที่เคยใส่ใจเราไม่พูดจาหยาบคาย กลับกลายป็นตรงข้าม ซึ่งการเปลี่ยนไปของสามีหลายๆ จุดตรงนี้ ทำให้เกิดการทะเลาะกันหลายครั้งหลายครา ถึงขั้นชวนไปหย่ากันก็มีค่ะ และเกือบทุกครั้งที่ทะเลาะกันสามีก็มักจะทิ้งจขกท.ไปเสมอค่ะ ส่วนจะไปไหนหรือจะไปทำอะไรจขกท.ก็ไม่เคยถามและเจ็บปวดทุกครั้งที่เค้าทิ้งไปค่ะ แต่พอเค้ากลับมา จขกท.ก็ให้โอกาสเค้าทุกครั้งในการเริ่มต้นกันใหม่กับชีวิตคู่ของเรา
และจุดเกิดเหตุก็มีอยู่ว่า วันนึง จขกท. ออกไปซื้อของข้างนอกค่ะ ให้เค้าอยู่บ้านซึ่งจขกท.ก้็ไม่ได้ไปนานค่ะ ประมาณ 20 นาที พอกลับมาก็เจอฝูงชนเต็มหน้าบ้านเลยค่ะ สืบสาวราวเรื่องก็พอจะทราบว่า สามีของจขกท. ไปชกต่อยกับลูกค้าของเราค่ะ....แล้วก็เป็นเช่นเดิมค่ะ พอเกิดเรื่องอะไรขึ้น เค้าก็่หนีไปค่ะ แม้ครั้งนี้จะไม่ใช่เป็นการมีปากเสียงกับจขกท. เค้าก็ไปค่ะ ทิ้งจขกท.ไปอีกแล้ว
แต่การไปครั้งนี้มีแจกพอตค่ะ ก็คือสามีของจขกท. ได้ลืมมือถือไว้ที่บ้านค่ะ ได้โอกาสของเรา จขกท.ก็เปิดดูข้อความที่เค้าแชทกับเพื่อนๆค่ะ (ซึ่งปกติเค้าจะหวงมือถือมาก ไม่เคยให้แตะ) แล้วก็ได้เจอข้อความที่เค้า "สั่งยา" กับเพื่อนค่ะ ข้อความก็จะเป็นประมาณว่า จำนวนกี่เม็ด โอนตังรึยัง สดมั้ย ทำนองนี้ค่ะ
รอบนี้เค้าไปไม่นานค่ะ กลับมาในคืนนั้น จขกท. ก็บอกเค้าไปเลยตรงๆ ว่า เจอข้อความที่เค้าคุยกับเพื่อนเกี่ยวกับเรื่องยา ซึ่งในตอนแรกๆ ที่ถามเค้า เค้าก็ไม่ยอมรับค่ะ แต่พอคุยไปคุยมา (คุยกันดีๆ ค่ะ ไม่ใช้อารมณ์) เค้าก็ยอมรับและขอโทษจขกท. พร้อมทั้งขอโอกาส (ครั้งที่ 1) ในการเลิกและเริ่มต้นกันใหม่
จนเวลาผ่านไปร่วม 2 เดือน ดูเหมือนสถานการณ์จะดีขึ้นบ้าง (แต่บอกตรงๆ เลยค่ะว่าใจของจขกท.เองยังไม่ได้มั่นใจ 100% ว่าเค้าเลิก ) แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะตื่นมาในเช้าวันหนึ่ง จขกท.เจออุปกรณ์การเสพยาของสามีอยู่หน้าห้องน้ำค่ะ เพราะคืนนั้นนอนกันคนละบ้านค่ะ (จขกท.มีบ้านอยู่ 2 หลัง ค่ะ สลับกันนอน บางคืนมีการนอนกันแยกบ้านค่ะ สามีนอนหลังนึง จขกท.นอนหลังนึง ) ซึ่งการเจอครั้งนี้เค้าก็แก้ตัวและสงสัยมากว่ามันเป็นของใครนะ และปฏิเสธอย่างสุดตัวว่าไม่ใช่ของเค้า และ จขกท.ก็ให้โอกาสเค้าอีกค่ะ (ครั้งที่ 2)
จนเวลาผ่านไปไม่ถึงเดือนค่ะ ดูเหมือนสถานการณ์จะดีขึ้นอีกค่ะ แต่ไม่ค่ะ ไม่ใช่อย่างที่คิด เหตุการณ์คล้ายๆ เดิมค่ะ จขกท.ออกไปซื้อของข้างนอกประมาณ ครึ่ง ชม. พอกลับมาก็มีส่ิงดลจิตดลใจให้ไปเปิดถังขยะในห้องน้ำดูค่ะ ตอนนั้นไม่ก็ไม่รู้ว่าไปเปิดทำไม ซึ่งก็ทำให้เจอคำตอบนั่นก็คือ ถุงบรรจุยาค่ะ ซึ่ง จขกท.ก็ไม่รู้หรอกนะคะว่ามันเป็นถุงบรรจุสิ่งเหล่านั้น เพียงแต่มันมีคราบสีของยาเสพติดชนิดนั้นติดอยู่กับถุงบ้าง พอให้คาดเดาได้ไม่ยาก บวกกับไปคาดคั้นและถามเค้า เค้าก็ยอมรับ....และจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จขกท.ก็พูดกับเค้าดีๆ และบอกให้เค้ากลับไปอยู่บ้าน และขอเลิกกับเค้าเลยค่ะ แต่ก็อีกค่ะเค้าก็ขอโทษและขอโอกาส (ครั้งที่ 3)
จนเวลาผ่านไปอีกค่ะไม่ถึงเดือน วันนั้น จขกท. ออกไปบ้านยายค่ะ ไปร่วมชั่วโมงค่ะ พอกลับมา จขกท.ก็เดินเข้าห้องนอนค่ะ
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่จขกท.คิดว่าเป็นการยอมรับว่าอุปกรณ์นั้นเป็นของสามีจขกท. เอง...รึเปล่า
ซึ่งครั้งนี้จขกท. คิดว่าโอกาสที่ให้เค้าไปคงหมดแล้ว เลยขอโอกาสให้ตัวเองบ้างในการที่จะลองเรียนรู้การใช้ชีวิตลำพัง (อีกครั้งหนึ่ง)
ซึ่งการมาเขียนในครั้งนี้เป็นการขอกำลังใจและความคิดเห็นว่าสิ่งที่จขกท.ทำลงไปถูกต้องและเหมาะสมแล้วใช่มั้ยคะ