ความสามารถภาษาอังกฤษเป็นเรื่องดีนะ แต่คนไทยไม่น้อยยังเข้าใจผิดว่านี่คือความ "โคตรพิเศษ" อยู่

จริงๆ ผมเป็นคนนึงที่จบภาษามา B.A. in English และก็ชอบและสนุกกับสิ่งที่เรียนมาตลอด ว่างไม่ได้ต้องหาอ่านหรือเขียนอะไรภาษาอังกฤษ แต่เราก็อิจฉาเพื่อนๆ หรือคนอื่นๆ ที่เรียนด้านอื่นเหมือนกัน เพราะมีหลายคนที่ไม่ได้เรียนภาษา แต่เก่งอังกฤษม๊าาาากกก ดีไม่ดีคะแนนโทอิคมากกว่าคนจบอังกฤษอีก

ก็ตามสังคมไทยนะ หลายๆ ตอนไปเรียนมหาลัยก็ยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองชอบหรือรักอะไร ก็ตามเพื่อนบ้าง ตามพ่อแม่บอกบ้าง สุดท้ายเลยมีหลายคนที่เรียนแค่ได้เรียนจริงๆ คือจบมาก็ไม่ได้มีความรู้ด้านนั้นๆ เท่าไหร่เลย เพื่อนผมบางคนที่จบอิ๊งค์ (Eng) มาด้วยกันก็ภาษาค่อนข้างไม่ค่อยดีก็มี เราก็จบๆ กันมาด้วยอาศัยการเกาะกลุ่มอยู่กับเพื่อนด้วยนั่นล่ะนะ

เมื่อตอนผมจบมาสัก 4 ปีมั้ง ได้ไปสอบโทอิคครั้งแรกเพราะที่ทำงานบังคับ (เพื่อเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น) ก็เลยได้ลองไปสอบ เค้าเอาแค่ 550 ซึ่งเรามองว่าไม่เยอะก็เลยไปสอบงั้นๆ เลย เห็นเพื่อนซี้ในกลุ่มสอบครั้งแรกก็ได้หลัก 700 เลย เราก็ว่าไม่น้อยกว่านั้นหรอก ปรากฏว่าได้มา 910 (โม้หน่อย 55) ก็เออ งงๆ แต่ก็ดีแหะ

คือ พวกเรากันเอง ก็พอใจในสิ่งที่ชอบและเรียนกันมา กับงานที่ทำ และเงินเดือนที่ได้รับ และความสามารถที่พอมี

แต่ ในชีวิตทำงานในกรุงเทพฯจริงๆ ผมเชื่อว่าหลายๆ จะพบว่ามีคนเยอะมาาาาาากกกกกกก ที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี หรือดีมาก มันเกร่อจนบางทียังรู้สึกน้อยใจตัวเอง คือรู้ตัวเองเลยว่าพวกเราไม่ใช่พวกวิศวกร, หมอ ฯลฯ อะไรระดับนั้น งานแต่ละอย่างจะมี 1. ความรู้เฉพาะทาง (การบิน, โรงแรม, logistics, financial, banking, purchasing ฯลฯ) และ 2. ภาษา ซึ่งถ้ามีแต่ภาษาเพียวๆ นี่ทำอะไรไม่ได้เลย เค้าสอนเราข้อ 1. เพื่อให้เราใช้ความรู้ตัวเองใน ข้อ 2. เอาไปทำงานแค่นั้นเอง

แต่คนวงนอกๆ บางทีก็เข้าใจเราผิดเยอะ

ที่เคยเจอคือ จะมีคนชอบสุ่มเปิดเพลงฝรั่งอะไรก็ได้สักเพลงมาดื้อๆ แล้วให้เราฟังแล้วแปลให้ฟังเดี๋ยวนั้น ซึ่งผมบอกเลยว่าไม่ได้ตลอด ได้บ้าง หรือบางเพลงก็ได้หมด มันแล้วแต่หลายๆ อย่าง สำเนียง ความเร็ว ฯลฯ แปลคำก่อนหน้าได้แล้วจะอ้าปากบอก ก็ต้องคิดคำที่กำลังร้องอีก โอ้ย ปวดหัว เสียเวลาเมา! เราไม่ใช่วุ้นแปลภาษานะเฟ้ย

อีกอันคือ คิดว่าเราจะเข้าใจคำอะไรก็ตาม "ทุกคำ" ที่เป็นภาษาอังกฤษ โดยไม่แยกว่ามันคือเรื่องทั่วไป หรือวิชาการ ศัพท์เทคนิค ฯลฯ จู่ๆ เคยมีเพื่อนให้ถอดเทปและแปลไฟล์ Malaria Pathophysiology (พยาธิสรีรวิทยาของเชื้อมาลาเรีย) ยาวประมาณ 17 นาที ผมนี่อึ้งเลย เพราะแทบจะทุกๆ สิบวินาที ที่ต้อง pause แล้วกูเกิ้ลศัพท์เทคนิคทางการแพทย์ ซึ่งมันจะไม่ใช่อะไรพื้นๆ แบบ book = หนังสือ เราคนแปลก็ต้องเข้าใจด้วยว่าสิ่งนั้นคืออะไร

รวมๆ แล้วใช้เวลาไปครึ่งวันเลยได้มั้ง แต่เพื่อนกันนะ ก็ไม่ได้คิดเงินอยู่แล้ว แต่ก็ยังสงสัยว่าเพื่อนมันรู้จะไหมหนอว่าถ้าทำแบบคิดเงินเค้าจะคิดกันกี่บาท?


ที่พีคสุด

คุยกับคนรุ่นพ่อแม่ที่พอมีอายุแล้ว เค้าเห็นเราคุยกับฝรั่งรู้เรื่อง พูดภาษาอังกฤษได้ ก็ถามเงินเดือนเรา เราก็ตอบกว้างๆ ไปว่าพวกๆ เรารับกันกันประมาณ 25-35k นี่แหละ เค้าก็แบบ โห พวกคุณต้องได้เงินเดือนระดับแสนกันแล้วนะ เงินเดือนที่ว่ามานี่แค่พวก ปวช.-ปวส. นะ ผมล่ะอึ้งไปเลย ยังว่า ลุ้งงงง ไปหาจากไหนครับเนี่ย ให้ในกรุงเทพฯยังหายากเลยนะเงินเดือนระดับแสน นั่นไม่เจ้าของกิจการก็ระดับผู้บริหารแล้ว แล้วปวช.ปวส.เงินเดือน 2-3 หมื่นนี่ลุงไปได้ยินที่ไหนมานะ เราก็ยังคิดในใจ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร


จริงๆ อายุเริ่มเยอะละ ทำงานมาชักหลายปี มันกลายเป็นความชิน ชอบ ง่าย คุ้นเคย มากกว่าการไล่ตามฝันแบบสมัยจบใหม่ๆ แล้วนะ นึกไม่ออกแล้วว่าความฝันคืออะไร รู้แต่ว่าเราทำสิ่งที่เราทำได้ และทำได้ค่อนค้างดี และผลตอบแทนมันก็โอเค

แต่สายงาน ภาษาอังกฤษ ก็ดูจะเป็นสายงานที่ถูกเข้าใจผิดมากที่สุดสาขาหนึ่งกระมัง = =
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่