Rainy day in Kyoto
เคยมั้ย...ไปเที่ยวแล้วไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้
เคยมั้ย...ไปเที่ยวแล้วหลงทาง ขนาดเดินตามแผนที่ก็ยังหลง
เคยมั้ย...ไปเที่ยวแล้วเถียงกัน ไม่ได้ดั่งใจ หงุดหงิด ความคิดเห็นไม่ตรงกัน
แล้วเคยมั้ย...เมื่อเวลาผ่านไป เราจะหยิบเอาเรื่องราวเหล่านั้นมาพูดคุย แล้วหัวเราะไปด้วยกัน
**ทุกประสบการณ์คือสิ่งมีค่า อย่าปล่อยเวลาผ่านไปเฉยๆ เก็บกระเป๋า แล้วออกเดินทาง GO GO GO**
Day1 : Osaka --> Kuromon Market - Osaka Castle - Dotonbori
https://pantip.com/topic/37086215
Day2 : Osaka --> Universal Studio Japan
https://pantip.com/topic/37104748
Day3 : Kyoto --> Fushimi Inari - Uji - Kinkakuji
Day4 : Kobe+Arima --> Kobe - Arima Onsen
Day5 : Hakone --> Gora
Day6 : Hakone --> Owakudani - Lake Ashi
Day7 : Tokyo --> Tsukiji Market - Yokohama
Day8 : Tokyo --> Shinjuku - Harajuku - Meiji Shrine - Shibuya
Day9 : Tokyo --> Sensoji Temple - Narita Temple
เริ่มต้นเช้าวันที่ 3 ด้วยสายฝนอีกเช่นเคย
ตั้งแต่เหยียบญี่ปุ่นวันแรก จนถึงวันนี้ ยังไม่เจอแดด ไม่ฝนตก ท้องฟ้าก็จะอึมครึม
รูปถ่ายมีน้อยมาก เพราะฝนตกตลอด กระทู้นี้จึงเป็นเล่าเรื่องราวที่เราเจอค่ะ
แพลนทั้งหมดของวันนี้คือ วัดฟูชิมิ อินาริ เมืองอูจิ วัดทอง และกิออน
วันนี้เป็นวันแรกที่เราเริ่มใช้ JR Pass
เรานั่งรถไฟของ JR ไปที่ shin-Osaka เพื่อเปลี่ยนไปนั่ง shinkansen
ใช้เวลา 14 นาที ถึง Kyoto แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Nara Line ไปยังสถานี Inari
ออกจากขบวนรถไฟมา หน้าก็ปะทะกับลมที่ค่อนข้างแรง
หยิบเสื้อกันฝนออกมาใส่แทบไม่ทัน ฝนตกหนักมาก
เราเลยตัดสินใจไปกินข้าวข้าวหน้าปลาไหลกันก่อน เพื่อรอฝนซา
อิ่มกันแล้ว ฝนก็ยังไม่ซา เลยเดินฝ่าฝนเข้าวัดกันเลย
ระหว่างทางคือเดินลำบากมาก เพราะทุกคนกางร่ม
ทางเดินเป็นทางลาดขึ้น จึงมีน้ำฝนไหลลงมา รองเท้าชุ่มช่ำเชียว
ล้างมือและขึ้นไปไหวขอพรกันด้วยความทุลักทุเล
กลุ่มเราก็เดินตามฝูงชนเข้าไปที่ทางเดินเสาโทริอิ อันเลื่องชื่อ
เดินไปจนสุดบันไดทางขึ้น แล้วมันก็สุดแค่นั้นจริงๆ
คนจำนวนมากยืนออกันอยู่ เพราะไม่สามารถเดินเข้าในทางเดินเสาโทริอิได้
แน่นมากจริงๆ แถมทุกคนยังถือร่ม ยิ่งเพิ่มความเบียดเสียดไปกันใหญ่
ยืนรออยู่พักใหญ่ ก็ไม่มีวี่แววว่าแถวจะขยับ ผู้คนที่ยือรอก็เริ่มโวยวายกันมากขึ้น
เราจึงตัดสินใจถอยทัพ เอาเวลาไปเที่ยวที่ต่อไปดีกว่า
ได้เห็นแค่โคนเสาแดง เสียใจ
เมืองต่อไปที่เราจะไปคือ Uji ที่ขึ้นเชื่อเรื่องชาเขียว
ขึ้นรถไฟสายเดิม นั่งไป 25 นาที ก็ถึงเมืองชาเขียวกันแล้ว

และเช่นเคยค่ะ เราแวะเข้าร้านของกินเพื่อหลบฝน
บรรยากาศของร้านนี้เป็นสไตล์ญี่ปุ่นโมเดิร์น
ครึ่งหนึ่งของร้านจะขายพวกผงชาเขียว และขนมที่ทำจากชาเขียว
ส่วนอีกครึ่ง เป็นโซนขายขนมและเครื่องดื่มชาเขียว

เป็นเซทไอศกรีมชาเขียวและน้ำชา
ไอศกรีมอร่อยมาก หอมเข้มข้น
น้ำชาที่มาในเซท หอมชาอ่อนๆ อร่อยค่ะ

เซ็ทนี้เป็นชาเขียวสูตรเข้มข้น ที่เค้าจะนั่งชงให้เราเห็นเลยค่ะ
เสริฟคู่กับขนมไส้ถั่วแดง

หอมชาเขียว แต่ขมมากกกกกก
ขนมโมจิ ถั๋วแดงในชาเขียว (ไม่อร่อย)
ช้อปกันเต็มสองมือ ฝนก็ตกหนักอีกครั้ง ยังไม่ทันได้ชื่นชมบรรยากาศริมแม่น้ำเลย สู้ฝนไม่ไหวจนต้องกลับ

เมือง Uji เป็นเมืองเล็กๆที่มีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นเต็มเปี่ยม
เมืองและผู้คนน่ารักมาก แนะนำสำหรับใครที่อยากสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นแบบ มินิมอล
เมืองนี้ตอบโจทย์ค่ะ มาร์คไว้ว่าต้องกลับมาแก้ตัวอีกรอบ ชอบมากจริงๆ
ออกจาก Uji โดยการนั่งรถไฟย้อนกลับมาที่สถานีเกียวโต
นั่ง JR Sagano Line ลงสถานี Emmachi แล้วนั่งรถบัสต่อไปวัดทอง
แต่ปรากฏว่าเรานั่งรถไฟเลยมา 1 สถานี ปรึกษากับเพื่อนว่าเอาไงดี
เปิดแผนที่ดูระยะทาง คือไม่สามารถเดินไปได้ หรือจะนั่งรถไฟย้อนกลับไป
ก็คิดว่าวิกฤตแน่ กว่าจะได้ขึ้นรถบัส คงเปียกซก
เลยสรุปกันว่าจะนั่งแท็กซี่ไป แยกกัน 2 คัน

นั่งประมาณ 10 นาที โดนค่าแท็กซี่ไป 1100 เยน
ซื้อบัตรเดินเข้าวัดทอง ก็ไม่ต่างจากวัดฟูชิมิ อินาริเมื่อเช้าเลย
เดินไหลไปพร้อมกับฝูงชนและดงร่ม

พอถึงบริเวณจุดชมปราสาท เข้าไปถ่ายรูป แชะ สองแชะ แล้วเดินออกเลยค่ะ
ตอนนั้นคือไม่มีฟิลลิ่งจะชื่นชมอะไรทั้งนั้น เซ็งกันทั้งกลุ่ม

ตรงทางเดินออกจากมีซุ้มขายเครื่องราง เรากับเพื่อนก็เข้าไปเลือกซื้อ จริงๆอยากได้ตุ๊กตาไล่ฝน
แล้วความวุ่นวายก็เกิดขึ้น
.
.
เมื่อมีผู้ชายชาวจีนสองคน เดินเข้ามาเลือกเครื่องรางฝั่งเดียวกับเรา
ตรงซุ้มจะมีป้ายเขียนติดไว้อย่างชัดเจนว่า ให้หุบร่มก่อนเข้ามาเลือกเครื่องราง
ชายคนแรก หุบร่มแล้วฝากเพื่อนไว้ ก่อนเข้ามา ยืนเลือกได้ซักพัก
ชายคนที่สองก็ชะโงกตัวเข้ามาพร้อมกับร่ม คนขายจึงเตือนให้เค้าหุบร่ม
สงครามก็บังเกิด ชายคนที่สองโต้เถียงกับคนขายว่า
’ฉันแค่ชะโงกเข้ามาดูไม่ได้เข้ามาทั้งตัว ของๆคุณก็ไม่ได้เปียกนิ’
ฝั่งคนขายก็บอกว่า
‘มีป้ายบอกไว้แล้ว คุณต้องทำตาม หากไม่ทำตาม เราจะไม่ขายของให้คุณ’
แต่เค้าไม่ยอม เรื่องเริ่มลุกลามไปยันเชื้อชาติ
‘ฉันเป็นคนจีนใช่มั้ย คุณถึงไม่ต้อนรับ’
ชายคนแรกพอเพื่อนตัวเองเริ่มด่าทั้งจีนทั้งอังกฤษ เค้าก็ช่วยเพื่อนเถียงกับคนขาย
จังหวะนั้นคือเสียงดังมาก คนคนเริ่มมามุงดู เพื่อนเราที่ยืนอยู่ข้างๆเลยหันไปพูดกับคนจีนว่า
‘คุณตะโกนเข้าหูผม ช่วยเบาเสียงลงหน่อย’
เพื่อนผู้หญิงของเราอีกคนก็ช่วยพูดให้เค้าหยุด เค้าเลยทำท่าจะเข้ามาหาเรื่องเพื่อนเรา
แล้วพูดแค่คำเดิมๆ
‘เพราะฉันเป็นคนจีนใช่มั้ย พวกคุณถึงรังเกียจ’
เพื่อนในกลุ่มเราที่พูดจีนได้ เดินมาถึงพอดี เลยช่วยกันห้ามแล้วอธิบายว่าเพราะเค้าไม่ทำตามกฎ
คนขายถึงไม่ขายของให้ เค้าเลยเดินหัวเสียออกไป ได้ยินเสียงด่าดังตลอดทางเลยค่ะ
พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ เลยอยากฝากถึงคนไทยที่ไปเที่ยวว่า
เราควรเคารพกฎ กติกา รวมไปถึงมารยาททางสังคมของประเทศที่เราจะไป
อย่าเอาชื่อเสียงของประเทศ ไปทำลายเพราะอารมณ์ชั่ววูบเลย
หากเราเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี ทุกที่ก็พร้อมจะต้อนรับเราค่ะ
กลับมาเรื่องของเราต่อ
พอเดินออกจากวัดทองมาก็เรียกแท็กซี่กลับไปที่ Emmachi
ฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เลยปรึกษากันว่ากิออนคงต้องยกเลิก
กลับไปหาอะไรกินที่โอซาก้าเหมือนเดิมค่ะ
แพลนวันนี้คือพังมาก แต่อย่างน้อยเรายังได้ไปเมือง Uji
บรรยากาศดีๆ เมื่องน่ารักๆ ขนมอร่อย ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจได้บ้าง
ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เอาใหม่
เราจะไปจัดหนักเนื้อโกเบกัน
เอารูปออเดิร์ฟมาเรียกน้ำย่อยก่อน บายจ้า
[CR] Fail Day in Kyoto เฟลซ้ำ เฟลซ้อน แต่ยังซ่อนรอยยิ้ม ^^
Day1 : Osaka --> Kuromon Market - Osaka Castle - Dotonbori
https://pantip.com/topic/37086215
Day2 : Osaka --> Universal Studio Japan
https://pantip.com/topic/37104748
Day3 : Kyoto --> Fushimi Inari - Uji - Kinkakuji
Day4 : Kobe+Arima --> Kobe - Arima Onsen
Day5 : Hakone --> Gora
Day6 : Hakone --> Owakudani - Lake Ashi
Day7 : Tokyo --> Tsukiji Market - Yokohama
Day8 : Tokyo --> Shinjuku - Harajuku - Meiji Shrine - Shibuya
Day9 : Tokyo --> Sensoji Temple - Narita Temple
เริ่มต้นเช้าวันที่ 3 ด้วยสายฝนอีกเช่นเคย
ตั้งแต่เหยียบญี่ปุ่นวันแรก จนถึงวันนี้ ยังไม่เจอแดด ไม่ฝนตก ท้องฟ้าก็จะอึมครึม
รูปถ่ายมีน้อยมาก เพราะฝนตกตลอด กระทู้นี้จึงเป็นเล่าเรื่องราวที่เราเจอค่ะ
แพลนทั้งหมดของวันนี้คือ วัดฟูชิมิ อินาริ เมืองอูจิ วัดทอง และกิออน
วันนี้เป็นวันแรกที่เราเริ่มใช้ JR Pass
เรานั่งรถไฟของ JR ไปที่ shin-Osaka เพื่อเปลี่ยนไปนั่ง shinkansen
ใช้เวลา 14 นาที ถึง Kyoto แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Nara Line ไปยังสถานี Inari
ออกจากขบวนรถไฟมา หน้าก็ปะทะกับลมที่ค่อนข้างแรง
หยิบเสื้อกันฝนออกมาใส่แทบไม่ทัน ฝนตกหนักมาก
เราเลยตัดสินใจไปกินข้าวข้าวหน้าปลาไหลกันก่อน เพื่อรอฝนซา
อิ่มกันแล้ว ฝนก็ยังไม่ซา เลยเดินฝ่าฝนเข้าวัดกันเลย
ระหว่างทางคือเดินลำบากมาก เพราะทุกคนกางร่ม
ทางเดินเป็นทางลาดขึ้น จึงมีน้ำฝนไหลลงมา รองเท้าชุ่มช่ำเชียว
ล้างมือและขึ้นไปไหวขอพรกันด้วยความทุลักทุเล
กลุ่มเราก็เดินตามฝูงชนเข้าไปที่ทางเดินเสาโทริอิ อันเลื่องชื่อ
เดินไปจนสุดบันไดทางขึ้น แล้วมันก็สุดแค่นั้นจริงๆ
คนจำนวนมากยืนออกันอยู่ เพราะไม่สามารถเดินเข้าในทางเดินเสาโทริอิได้
แน่นมากจริงๆ แถมทุกคนยังถือร่ม ยิ่งเพิ่มความเบียดเสียดไปกันใหญ่
ยืนรออยู่พักใหญ่ ก็ไม่มีวี่แววว่าแถวจะขยับ ผู้คนที่ยือรอก็เริ่มโวยวายกันมากขึ้น
เราจึงตัดสินใจถอยทัพ เอาเวลาไปเที่ยวที่ต่อไปดีกว่า
ได้เห็นแค่โคนเสาแดง เสียใจ
เมืองต่อไปที่เราจะไปคือ Uji ที่ขึ้นเชื่อเรื่องชาเขียว
ขึ้นรถไฟสายเดิม นั่งไป 25 นาที ก็ถึงเมืองชาเขียวกันแล้ว
และเช่นเคยค่ะ เราแวะเข้าร้านของกินเพื่อหลบฝน
บรรยากาศของร้านนี้เป็นสไตล์ญี่ปุ่นโมเดิร์น
ครึ่งหนึ่งของร้านจะขายพวกผงชาเขียว และขนมที่ทำจากชาเขียว
ส่วนอีกครึ่ง เป็นโซนขายขนมและเครื่องดื่มชาเขียว
เป็นเซทไอศกรีมชาเขียวและน้ำชา
ไอศกรีมอร่อยมาก หอมเข้มข้น
น้ำชาที่มาในเซท หอมชาอ่อนๆ อร่อยค่ะ
เซ็ทนี้เป็นชาเขียวสูตรเข้มข้น ที่เค้าจะนั่งชงให้เราเห็นเลยค่ะ
เสริฟคู่กับขนมไส้ถั่วแดง
หอมชาเขียว แต่ขมมากกกกกก
ขนมโมจิ ถั๋วแดงในชาเขียว (ไม่อร่อย)
ช้อปกันเต็มสองมือ ฝนก็ตกหนักอีกครั้ง ยังไม่ทันได้ชื่นชมบรรยากาศริมแม่น้ำเลย สู้ฝนไม่ไหวจนต้องกลับ
เมือง Uji เป็นเมืองเล็กๆที่มีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่นเต็มเปี่ยม
เมืองและผู้คนน่ารักมาก แนะนำสำหรับใครที่อยากสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นแบบ มินิมอล
เมืองนี้ตอบโจทย์ค่ะ มาร์คไว้ว่าต้องกลับมาแก้ตัวอีกรอบ ชอบมากจริงๆ
ออกจาก Uji โดยการนั่งรถไฟย้อนกลับมาที่สถานีเกียวโต
นั่ง JR Sagano Line ลงสถานี Emmachi แล้วนั่งรถบัสต่อไปวัดทอง
แต่ปรากฏว่าเรานั่งรถไฟเลยมา 1 สถานี ปรึกษากับเพื่อนว่าเอาไงดี
เปิดแผนที่ดูระยะทาง คือไม่สามารถเดินไปได้ หรือจะนั่งรถไฟย้อนกลับไป
ก็คิดว่าวิกฤตแน่ กว่าจะได้ขึ้นรถบัส คงเปียกซก
เลยสรุปกันว่าจะนั่งแท็กซี่ไป แยกกัน 2 คัน
นั่งประมาณ 10 นาที โดนค่าแท็กซี่ไป 1100 เยน
ซื้อบัตรเดินเข้าวัดทอง ก็ไม่ต่างจากวัดฟูชิมิ อินาริเมื่อเช้าเลย
เดินไหลไปพร้อมกับฝูงชนและดงร่ม
พอถึงบริเวณจุดชมปราสาท เข้าไปถ่ายรูป แชะ สองแชะ แล้วเดินออกเลยค่ะ
ตอนนั้นคือไม่มีฟิลลิ่งจะชื่นชมอะไรทั้งนั้น เซ็งกันทั้งกลุ่ม
ตรงทางเดินออกจากมีซุ้มขายเครื่องราง เรากับเพื่อนก็เข้าไปเลือกซื้อ จริงๆอยากได้ตุ๊กตาไล่ฝน
แล้วความวุ่นวายก็เกิดขึ้น
.
.
เมื่อมีผู้ชายชาวจีนสองคน เดินเข้ามาเลือกเครื่องรางฝั่งเดียวกับเรา
ตรงซุ้มจะมีป้ายเขียนติดไว้อย่างชัดเจนว่า ให้หุบร่มก่อนเข้ามาเลือกเครื่องราง
ชายคนแรก หุบร่มแล้วฝากเพื่อนไว้ ก่อนเข้ามา ยืนเลือกได้ซักพัก
ชายคนที่สองก็ชะโงกตัวเข้ามาพร้อมกับร่ม คนขายจึงเตือนให้เค้าหุบร่ม
สงครามก็บังเกิด ชายคนที่สองโต้เถียงกับคนขายว่า
’ฉันแค่ชะโงกเข้ามาดูไม่ได้เข้ามาทั้งตัว ของๆคุณก็ไม่ได้เปียกนิ’
ฝั่งคนขายก็บอกว่า
‘มีป้ายบอกไว้แล้ว คุณต้องทำตาม หากไม่ทำตาม เราจะไม่ขายของให้คุณ’
แต่เค้าไม่ยอม เรื่องเริ่มลุกลามไปยันเชื้อชาติ
‘ฉันเป็นคนจีนใช่มั้ย คุณถึงไม่ต้อนรับ’
ชายคนแรกพอเพื่อนตัวเองเริ่มด่าทั้งจีนทั้งอังกฤษ เค้าก็ช่วยเพื่อนเถียงกับคนขาย
จังหวะนั้นคือเสียงดังมาก คนคนเริ่มมามุงดู เพื่อนเราที่ยืนอยู่ข้างๆเลยหันไปพูดกับคนจีนว่า
‘คุณตะโกนเข้าหูผม ช่วยเบาเสียงลงหน่อย’
เพื่อนผู้หญิงของเราอีกคนก็ช่วยพูดให้เค้าหยุด เค้าเลยทำท่าจะเข้ามาหาเรื่องเพื่อนเรา
แล้วพูดแค่คำเดิมๆ
‘เพราะฉันเป็นคนจีนใช่มั้ย พวกคุณถึงรังเกียจ’
เพื่อนในกลุ่มเราที่พูดจีนได้ เดินมาถึงพอดี เลยช่วยกันห้ามแล้วอธิบายว่าเพราะเค้าไม่ทำตามกฎ
คนขายถึงไม่ขายของให้ เค้าเลยเดินหัวเสียออกไป ได้ยินเสียงด่าดังตลอดทางเลยค่ะ
พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ เลยอยากฝากถึงคนไทยที่ไปเที่ยวว่า
เราควรเคารพกฎ กติกา รวมไปถึงมารยาททางสังคมของประเทศที่เราจะไป
อย่าเอาชื่อเสียงของประเทศ ไปทำลายเพราะอารมณ์ชั่ววูบเลย
หากเราเป็นนักท่องเที่ยวที่ดี ทุกที่ก็พร้อมจะต้อนรับเราค่ะ
กลับมาเรื่องของเราต่อ
พอเดินออกจากวัดทองมาก็เรียกแท็กซี่กลับไปที่ Emmachi
ฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เลยปรึกษากันว่ากิออนคงต้องยกเลิก
กลับไปหาอะไรกินที่โอซาก้าเหมือนเดิมค่ะ
แพลนวันนี้คือพังมาก แต่อย่างน้อยเรายังได้ไปเมือง Uji
บรรยากาศดีๆ เมื่องน่ารักๆ ขนมอร่อย ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจได้บ้าง
ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เอาใหม่
เราจะไปจัดหนักเนื้อโกเบกัน
เอารูปออเดิร์ฟมาเรียกน้ำย่อยก่อน บายจ้า