
ฮัลลโหลลลลลล!!! (ลากเสียงยาว) กลับจากญี่ปุ่นมาได้ 2 สัปดาห์แล้ว
แต่ยังอาลัยอาวรณ์ จะไปอีก จะไปอีก เลยต้องมานั่งเขียนกระทู้ให้คลายความคิดถึง
เป็นการเดินทาง 9 วัน 9 คืน ที่ได้...
สนุกเฮฮากับเพื่อนฝูง
ตื่นเต้นกับการขึ้นรถไฟผิดขบวน
ผจญภัยกับพายุไต้ฝุ่นLan
ประทับใจทุกความเป็นญี่ปุ่น ประเทศที่ครั้งเดียวไม่เคยพอ
ประโยชน์และสาระนั้นไม่มี แค่อยากแชร์ฟิลลิ่งดีๆ มาแบ่งปันกันค่ะ
Day1 : Osaka --> Kuromon Market - Osaka Castle - Dotonbori
Day2 : Osaka --> Universal Studio Japan
Day3 : Kyoto --> Fushimi Inari - Uji - Kinkakuji
Day4 : Kobe+Arima --> Kobe - Arima Onsen
Day5 : Hakone --> Gora
Day6 : Hakone --> Owakudani - Lake Ashi
Day7 : Tokyo --> Tsukiji Market - Yokohama
Day8 : Tokyo --> Shinjuku - Harajuku - Meiji Shrine - Shibuya
Day9 : Tokyo --> Sensoji Temple - Narita Temple
ครั้งแรกของการเขียนรีวิวในพันทิปและเป็นการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองครั้งแรกของเรากับกลุ่มเพื่อน
อย่าได้ถามวิธีการเดินทางแต่อย่างใด ใช้อากู๋เอาตัวรอดไปวันๆ
เรามีสมาชิกร่วมทริปทั้งหมด 6 คน เดินทางจากไทย 4 คน
มาจากออสเตรเลียอีก 2 วางแผนเที่ยวกันเกือบปี (นานมากกกก)
ที่พักจองแล้วยกเลิกประมาณ 38 ล้านรอบ กว่าจะลงตัว เพลีย!!!
ข้อมูลก่อนออกเดินทาง หาจากในพันทิปเป็นส่วนใหญ่ ซื้อหนังสือมา2 เล่ม กับตามเพจต่างๆในเฟซบุ๊ค
ขอบคุณเจ้าของรีวิวต่างๆเจ้าค่ะ หากเอ่ยนาม 3 วันคงไม่จบ
จึงได้แพลนที่วางไว้มั่วๆประมาณนี้
ซึ่งมันเป็นหนังคนละม้วนกับตอนเที่ยวจริ๊งงง
แม่เจ้า!!!!! ตัดทิ้งกันสะบั้นหั่นแหลก ชีวิตจริงไม่ง่ายดั่งในรีวิวนะคะคุ๊ณณณ
Start…การเดินทาง เราตัดสินใจเลือกบินกับ Singapore Air
ค่าตั๋วคนละ 13,400 บาท ถึงจะบินอ้อมและต้องต่อเครื่องที่สิงคโปร์
แต่พอบวกกับบริการอื่นๆที่สายการบินให้ มันก็อยู่ในจุดที่เรารับได้
ยิ่งเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า SQ เป็นสายการบินที่บริการเลิศ
ติดอันดับต้นๆของโลกมาโดยตลอด เราจึงมาลองนั่งให้เป็นบุญตูด 555
ส่วนเพื่อนที่บินจากออสเตรเลีย 2 คน บินกับ Singapore Air เหมือนกัน
เพราะสู้ราคาบินตรงไม่ไหว โดนกันไปคนละประมาณ 23,500 บาท
มาเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์แล้วนั่งลำเดียวกับเราเข้าญี่ปุ่นค่ะ
มาถึงสนามบินก็จัดการหาเคาเตอร์เช็คอินเลยค่ะ อยู่โซน K มั้ง ถ้าจำไม่ผิด
เดินเข้าไปถามก็จะมีพนักงานของการบินไทยให้บริการอยู่
ทำเรื่องโหลดกระเป๋าเสร็จก็จะได้ตั๋วมาคนละ 2 ใบ ห้ามหายโดยเด็ดขาด เรื่องมันจะยาว
ถึงเวลาเครื่องออก ก็ Take off กันไป ที่นั่งกว้าง นั่งสบาย หรือขาเราสั้นก็ไม่รู้นะ
สัญญาณรัดเข็มขัดดับ อาหารก็พร้อมเสริฟ
ของเราเป็น Seafood รสชาติไม่แย่นะ แต่ไม่ถึงกับอร่อย
แย่งชิมของคนอื่นด้วย มันบดอร่อยดี
ตามด้วยสารพัดน้ำเลยค่ะ (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้) น้ำผลไม้ ไวน์ เบียร์ มีหมด คือดี
กินอิ่ม งีบไปได้แปปนึง นักบินประกาศ landing เพื่อเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ค่ะ
เป็นโชคดีที่เราได้ลง Terminal 3 เป็น Terminal เดียวกับเครื่องที่ต้องต่อ
รอเปลี่ยนเครื่อง 1 ชม.เวลาเหลือๆ ไปแลก voucher ฟรีซิคะ
ขอบคุณรีวิวจากพันทิปอีกครั้ง ที่ทำให้ได้ voucher กันมาคนละ 20 เหรียญ

cr.ยืมรูปจาก Google
แต่เอาเข้าจริง 20 เหรียญ ซื้ออะไรแทบไม่ได้เลย
ทางเลือกสุดท้ายคือจิ๊กของแฟนมาอีกใบ
แล้วสอย Cleansing water ของ Bioderma มาในราคา 39.89 เหรียญ
ไม่มีการทองเงินนะจ๊ะ โปรดใช้ให้คุ้มค่าที่สุด
เจอสาวๆจากออส หัวส้มกับหมวกแดงแล้ว เดินทางต่อได้
บินอีก 6 ชม.กว่าๆ ก็หลับๆตื่นๆจนได้เวลาอาหารเช้า
ผ่าน ตม.และศุลกากร แบบสบายๆ พูดแค่ Hello คำเดียวแล้วปล่อยผ่านเลย
เราพักแถวนัมบะ ออกจากสนามบินเลยเลือกตั๋ว Yokoso Osaka Ticket
ส่วน JR จะใช้วันที่ 21-27 ดังนั้นสองวันแรก ต้องซื้อตั๋วรายเที่ยวเอา
จากที่ดูพยากรณ์อากาศมา คือวันนี้ฝนตกแบบ Shower ทั้งวัน
ฝ่าทั้งลมทั้งฝน และอากาศที่หนาวกว่าที่คิด มาจนถึงที่พัก “Khaosan World Namba”
เป็นHostel ที่เจ้าของเป็นคนไทย และที่พักตอบโจทย์เราทุกอย่าง เราพักที่นี่ 4 คืน ทั้งหมด 25,500 บ.
ห้องพักเป็นห้องครอบครัว 6 คน เป็นเตียง 2 ชั้น มีห้องอาบน้ำส่วนตัว ห้องเล็กแต่ สะอาดและสะดวกสบายดี
ห้องส้วมใช้รวมด้านนอก แยกชั้นชาย หญิง
ที่พักห่างจากสถานีนัมบะและป้ายกูลิโกะ 500 ม.
เราไปถึงก่อนเวลาเช็คอิน จึงฝากกระเป๋าไว้แล้วออกไปข้าวเที่ยงกินที่ ตลาดปลาคุโรมง
โฮสเทลมีร่มให้เรายืม ไม่ต้องซื้อ คือดี
เดินกับแบบ งง งง จนมาเจอถนนเส้นหนึ่ง(คิดว่าน่าจะเป็นชินไซบาชิรึเปล่า) มีร้านอาหารเยอะมาก
และคณะของเราก็มิอาจต้านทานแรงดึงดูด
จึงพ่ายแพ้ให้กับร้านซูชิสายพานร้านหนึ่ง
มีข้อตกลงกันก่อนเข้าร้านว่า "กินเบาๆรองท้องนะ เรายังต้องไปตลาดปลา"
คำแรกเข้าปาก “หืมมมมมมมม อร่อยยยยย”
ซูชิอร่อยทุกอย่าง ละมุนนุ่มลิ้นไปอีก รสชาติข้าวปั้นกำลังดี ปลาสดมาก
โอโทโร่นี้ละลายในปาก ดีงามพระรามแปดมากค่ะคุณ
ไวปานสายฟ้าฟาด ฟาดดดเรียบบบ!!!
จ่ายค่าเสียหายกันไป เฉลี่ยคนละประมาณ 2,000 เยน
มื้อนี้ แฮปปี้กันถ้วนหน้า
เดินออกมาจากร้านไม่เกิน 100 ม. ตามมาด้วยของไก่ทอดและทาโกยากิ
ล้างปากด้วยน้ำอะไรไม่รู้ รู้แค่ไม่อร่อย 55
จากร้านซูชิ เราเดินตรงมาเรื่อยๆตามอากู๋
ในที่สุด แท่น แตร แดร๊ “ตลาดคุโรมง”
ที่...เงียบมาก ตลาดวายแล้วเหรอ?? ไหนริวิวบอกปิด 5 โมง หืม!!!
แต่ก็ยังมีของขายนะคะ คิดว่าตลาดน่าจะครึกครื้นช่วงเช้า
ตอนแรกตั้งใจจะมาจัดหนักที่นี้ ดีนะที่ตัดสินใจกินซูชิก่อน เลยได้ของกินจุบจิบๆ เล็กน้อย??
ไข่หอยเม่น หวานมากกก ><
เมล่อนฉ่ำสุดๆ
อิ่มจากตลาดปลา ก็ไปต่อกันที่ปราสาทโอซาก้า ใช้ บัตร Osaka 1 day pass
คือกลุ่มนี้ไม่อินกับสถานที่แต่อย่างใด ใจมันคอยแต่จะแวะร้านระหว่างทางอยู่เรื่อย
เป็นอันว่าถ่ายรูปเสร็จก็นั่งรถไฟกลับมาที่ ดงทงบุริ ดินแดน Land to eat ของเรา
เป้าหมายคือ Ichiran ramen
เรามาถึงตอน 5 โมงเย็น พนักงานก็พาไปกดสั่งอาหาร
กดไปกดมา เพื่อนเราหมดไป 3,000 กว่าเยน ฮัลโหลลลลล!!! \\O.O//
แต่ที่ดีงามคือไม่ต้องรอคิว เรียนเชิญขึ้นชั้น 3 โลดดดด
เพื่อนนี้ฟินมากกก ชมแล้วชมอีก
ความรู้สึกเรา คือมันอร่อยนะ แต่ไม่ได้เว่อร์วังขนาดนั้น (ชิมหมดทั้ง 6 ชาม)
ตบด้วยของหวานเล็กน้อย
ตอนนี้แน่นท้องมาก ท้องจะแตก
เลยตัดสินใจเดินเอื่อยๆกลับที่พักไปนอนเอาแรงไว้เที่ยวพรุ่งนี้ต่อ
ก่อนถึงที่พักก็แวะซื้อน้ำเปล่าที่ Family Mart
กลับออกมาทำไมหิ้วกันคนละถุงสองถุง ไหนใครท้องจะแตก
ฮัลโหลลลล โฮเด้งนั้นท่านได้แต่ใดมา -__-
ไอติมโมจิ อร่อยสุดในสามโลก เราไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมไม่เคยกิน
ใครยังไม่เคยลอง แนะนำขั้นสุด
จบวันแรกกันแบบท้องแตกของจริง
ปล.การลงเครื่องมาแล้วเที่ยวเลยนั้น สาหัสมากจีๆ
แล้วจะมาต่อนะฮะ ^^
[CR] Review เที่ยวไป กินไป Slow Life อิน Japan l Osaka – Kyoto – Kobe – Arima – Hokone – Tokyo – Narita
ฮัลลโหลลลลลล!!! (ลากเสียงยาว) กลับจากญี่ปุ่นมาได้ 2 สัปดาห์แล้ว
แต่ยังอาลัยอาวรณ์ จะไปอีก จะไปอีก เลยต้องมานั่งเขียนกระทู้ให้คลายความคิดถึง
เป็นการเดินทาง 9 วัน 9 คืน ที่ได้...
สนุกเฮฮากับเพื่อนฝูง
ตื่นเต้นกับการขึ้นรถไฟผิดขบวน
ผจญภัยกับพายุไต้ฝุ่นLan
ประทับใจทุกความเป็นญี่ปุ่น ประเทศที่ครั้งเดียวไม่เคยพอ
ประโยชน์และสาระนั้นไม่มี แค่อยากแชร์ฟิลลิ่งดีๆ มาแบ่งปันกันค่ะ
Day1 : Osaka --> Kuromon Market - Osaka Castle - Dotonbori
Day2 : Osaka --> Universal Studio Japan
Day3 : Kyoto --> Fushimi Inari - Uji - Kinkakuji
Day4 : Kobe+Arima --> Kobe - Arima Onsen
Day5 : Hakone --> Gora
Day6 : Hakone --> Owakudani - Lake Ashi
Day7 : Tokyo --> Tsukiji Market - Yokohama
Day8 : Tokyo --> Shinjuku - Harajuku - Meiji Shrine - Shibuya
Day9 : Tokyo --> Sensoji Temple - Narita Temple
ครั้งแรกของการเขียนรีวิวในพันทิปและเป็นการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองครั้งแรกของเรากับกลุ่มเพื่อน
อย่าได้ถามวิธีการเดินทางแต่อย่างใด ใช้อากู๋เอาตัวรอดไปวันๆ
เรามีสมาชิกร่วมทริปทั้งหมด 6 คน เดินทางจากไทย 4 คน
มาจากออสเตรเลียอีก 2 วางแผนเที่ยวกันเกือบปี (นานมากกกก)
ที่พักจองแล้วยกเลิกประมาณ 38 ล้านรอบ กว่าจะลงตัว เพลีย!!!
ข้อมูลก่อนออกเดินทาง หาจากในพันทิปเป็นส่วนใหญ่ ซื้อหนังสือมา2 เล่ม กับตามเพจต่างๆในเฟซบุ๊ค
ขอบคุณเจ้าของรีวิวต่างๆเจ้าค่ะ หากเอ่ยนาม 3 วันคงไม่จบ
จึงได้แพลนที่วางไว้มั่วๆประมาณนี้
ซึ่งมันเป็นหนังคนละม้วนกับตอนเที่ยวจริ๊งงง
แม่เจ้า!!!!! ตัดทิ้งกันสะบั้นหั่นแหลก ชีวิตจริงไม่ง่ายดั่งในรีวิวนะคะคุ๊ณณณ
Start…การเดินทาง เราตัดสินใจเลือกบินกับ Singapore Air
ค่าตั๋วคนละ 13,400 บาท ถึงจะบินอ้อมและต้องต่อเครื่องที่สิงคโปร์
แต่พอบวกกับบริการอื่นๆที่สายการบินให้ มันก็อยู่ในจุดที่เรารับได้
ยิ่งเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า SQ เป็นสายการบินที่บริการเลิศ
ติดอันดับต้นๆของโลกมาโดยตลอด เราจึงมาลองนั่งให้เป็นบุญตูด 555
ส่วนเพื่อนที่บินจากออสเตรเลีย 2 คน บินกับ Singapore Air เหมือนกัน
เพราะสู้ราคาบินตรงไม่ไหว โดนกันไปคนละประมาณ 23,500 บาท
มาเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์แล้วนั่งลำเดียวกับเราเข้าญี่ปุ่นค่ะ
มาถึงสนามบินก็จัดการหาเคาเตอร์เช็คอินเลยค่ะ อยู่โซน K มั้ง ถ้าจำไม่ผิด
เดินเข้าไปถามก็จะมีพนักงานของการบินไทยให้บริการอยู่
ทำเรื่องโหลดกระเป๋าเสร็จก็จะได้ตั๋วมาคนละ 2 ใบ ห้ามหายโดยเด็ดขาด เรื่องมันจะยาว
ถึงเวลาเครื่องออก ก็ Take off กันไป ที่นั่งกว้าง นั่งสบาย หรือขาเราสั้นก็ไม่รู้นะ
สัญญาณรัดเข็มขัดดับ อาหารก็พร้อมเสริฟ
ของเราเป็น Seafood รสชาติไม่แย่นะ แต่ไม่ถึงกับอร่อย
แย่งชิมของคนอื่นด้วย มันบดอร่อยดี
ตามด้วยสารพัดน้ำเลยค่ะ (ไม่ได้ถ่ายรูปไว้) น้ำผลไม้ ไวน์ เบียร์ มีหมด คือดี
กินอิ่ม งีบไปได้แปปนึง นักบินประกาศ landing เพื่อเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ค่ะ
เป็นโชคดีที่เราได้ลง Terminal 3 เป็น Terminal เดียวกับเครื่องที่ต้องต่อ
รอเปลี่ยนเครื่อง 1 ชม.เวลาเหลือๆ ไปแลก voucher ฟรีซิคะ
ขอบคุณรีวิวจากพันทิปอีกครั้ง ที่ทำให้ได้ voucher กันมาคนละ 20 เหรียญ
แต่เอาเข้าจริง 20 เหรียญ ซื้ออะไรแทบไม่ได้เลย
ทางเลือกสุดท้ายคือจิ๊กของแฟนมาอีกใบ
แล้วสอย Cleansing water ของ Bioderma มาในราคา 39.89 เหรียญ
ไม่มีการทองเงินนะจ๊ะ โปรดใช้ให้คุ้มค่าที่สุด
เจอสาวๆจากออส หัวส้มกับหมวกแดงแล้ว เดินทางต่อได้
บินอีก 6 ชม.กว่าๆ ก็หลับๆตื่นๆจนได้เวลาอาหารเช้า
ผ่าน ตม.และศุลกากร แบบสบายๆ พูดแค่ Hello คำเดียวแล้วปล่อยผ่านเลย
เราพักแถวนัมบะ ออกจากสนามบินเลยเลือกตั๋ว Yokoso Osaka Ticket
ส่วน JR จะใช้วันที่ 21-27 ดังนั้นสองวันแรก ต้องซื้อตั๋วรายเที่ยวเอา
จากที่ดูพยากรณ์อากาศมา คือวันนี้ฝนตกแบบ Shower ทั้งวัน
ฝ่าทั้งลมทั้งฝน และอากาศที่หนาวกว่าที่คิด มาจนถึงที่พัก “Khaosan World Namba”
เป็นHostel ที่เจ้าของเป็นคนไทย และที่พักตอบโจทย์เราทุกอย่าง เราพักที่นี่ 4 คืน ทั้งหมด 25,500 บ.
ห้องพักเป็นห้องครอบครัว 6 คน เป็นเตียง 2 ชั้น มีห้องอาบน้ำส่วนตัว ห้องเล็กแต่ สะอาดและสะดวกสบายดี
ห้องส้วมใช้รวมด้านนอก แยกชั้นชาย หญิง
ที่พักห่างจากสถานีนัมบะและป้ายกูลิโกะ 500 ม.
เราไปถึงก่อนเวลาเช็คอิน จึงฝากกระเป๋าไว้แล้วออกไปข้าวเที่ยงกินที่ ตลาดปลาคุโรมง
โฮสเทลมีร่มให้เรายืม ไม่ต้องซื้อ คือดี
เดินกับแบบ งง งง จนมาเจอถนนเส้นหนึ่ง(คิดว่าน่าจะเป็นชินไซบาชิรึเปล่า) มีร้านอาหารเยอะมาก
และคณะของเราก็มิอาจต้านทานแรงดึงดูด
จึงพ่ายแพ้ให้กับร้านซูชิสายพานร้านหนึ่ง
มีข้อตกลงกันก่อนเข้าร้านว่า "กินเบาๆรองท้องนะ เรายังต้องไปตลาดปลา"
คำแรกเข้าปาก “หืมมมมมมมม อร่อยยยยย”
ซูชิอร่อยทุกอย่าง ละมุนนุ่มลิ้นไปอีก รสชาติข้าวปั้นกำลังดี ปลาสดมาก
โอโทโร่นี้ละลายในปาก ดีงามพระรามแปดมากค่ะคุณ
ไวปานสายฟ้าฟาด ฟาดดดเรียบบบ!!!
จ่ายค่าเสียหายกันไป เฉลี่ยคนละประมาณ 2,000 เยน
มื้อนี้ แฮปปี้กันถ้วนหน้า
เดินออกมาจากร้านไม่เกิน 100 ม. ตามมาด้วยของไก่ทอดและทาโกยากิ
ล้างปากด้วยน้ำอะไรไม่รู้ รู้แค่ไม่อร่อย 55
จากร้านซูชิ เราเดินตรงมาเรื่อยๆตามอากู๋
ในที่สุด แท่น แตร แดร๊ “ตลาดคุโรมง”
ที่...เงียบมาก ตลาดวายแล้วเหรอ?? ไหนริวิวบอกปิด 5 โมง หืม!!!
แต่ก็ยังมีของขายนะคะ คิดว่าตลาดน่าจะครึกครื้นช่วงเช้า
ตอนแรกตั้งใจจะมาจัดหนักที่นี้ ดีนะที่ตัดสินใจกินซูชิก่อน เลยได้ของกินจุบจิบๆ เล็กน้อย??
ไข่หอยเม่น หวานมากกก ><
เมล่อนฉ่ำสุดๆ
อิ่มจากตลาดปลา ก็ไปต่อกันที่ปราสาทโอซาก้า ใช้ บัตร Osaka 1 day pass
คือกลุ่มนี้ไม่อินกับสถานที่แต่อย่างใด ใจมันคอยแต่จะแวะร้านระหว่างทางอยู่เรื่อย
เป็นอันว่าถ่ายรูปเสร็จก็นั่งรถไฟกลับมาที่ ดงทงบุริ ดินแดน Land to eat ของเรา
เป้าหมายคือ Ichiran ramen
เรามาถึงตอน 5 โมงเย็น พนักงานก็พาไปกดสั่งอาหาร
กดไปกดมา เพื่อนเราหมดไป 3,000 กว่าเยน ฮัลโหลลลลล!!! \\O.O//
แต่ที่ดีงามคือไม่ต้องรอคิว เรียนเชิญขึ้นชั้น 3 โลดดดด
เพื่อนนี้ฟินมากกก ชมแล้วชมอีก
ความรู้สึกเรา คือมันอร่อยนะ แต่ไม่ได้เว่อร์วังขนาดนั้น (ชิมหมดทั้ง 6 ชาม)
ตบด้วยของหวานเล็กน้อย
ตอนนี้แน่นท้องมาก ท้องจะแตก
เลยตัดสินใจเดินเอื่อยๆกลับที่พักไปนอนเอาแรงไว้เที่ยวพรุ่งนี้ต่อ
ก่อนถึงที่พักก็แวะซื้อน้ำเปล่าที่ Family Mart
กลับออกมาทำไมหิ้วกันคนละถุงสองถุง ไหนใครท้องจะแตก
ฮัลโหลลลล โฮเด้งนั้นท่านได้แต่ใดมา -__-
ไอติมโมจิ อร่อยสุดในสามโลก เราไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมไม่เคยกิน
ใครยังไม่เคยลอง แนะนำขั้นสุด
จบวันแรกกันแบบท้องแตกของจริง
ปล.การลงเครื่องมาแล้วเที่ยวเลยนั้น สาหัสมากจีๆ
แล้วจะมาต่อนะฮะ ^^