โรคอัลไซเมอร์พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นโรคที่ทำลายความสามารถของหน่วยความจำ และการทำงานอื่นๆ ที่สำคัญทางสมอง
เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยสูญเสียความทรงจำ มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจนไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ดังนั้นหัวใจ
สำคัญของการดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่บ้าน คือการเตรียมบ้านให้ปลอดภัยเนื่องจากผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะมีความจำแย่ลงไปเรื่อยๆ ในระยะ
ที่โรคเริ่มลุกลาม ซึ่งจะมีอาการตัดสินใจผิดพลาด การเดิน การเคลื่อนไหวและการทรงตัวจะแย่ลง อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้ป่วยเอง
หรือผู้อื่นได้ ผู้ดูแลจึงควรที่จะเตรียมการป้องกันอันตรายหรืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นรวมทั้งปรับปรุงสถานที่ และสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน
เพื่อให้ผู้ป่วยอยู่ได้อย่างเป็นสุขและปลอดภัย
ภายในตัวบ้าน
1. จดรายชื่อเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน และที่อยู่ผู้ติดต่อได้ไว้ใกล้โทรศัพท์ทุกเครื่องในบ้าน
2. ติดตั้งสัญญาณเตือนภัยจากควันไฟ (smoke alarms) ไว้ใกล้ห้องนอนและห้องครัวทุกห้อง และหมั่นตรวจสอบให้อุปกรณ์
อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
3. เก็บของมีคม ของหนักหรือของที่แตกง่าย และของที่มีขนาดเล็กพอที่จะหยิบของเข้าปากได้ เพื่อป้องกันการเกิดบาดแผล
ได้รับบาดเจ็บสำลักลงคอหรืออุบัติเหตุอื่น
4. ติดตั้งกุญแจล็อคที่ประตูทุกบานที่จะเปิดออกข้างนอกบ้านได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเดินออกนอกบ้านตามลำพัง รวมทั้งเก็บ
กุญแจล็อคต่างๆ ให้พ้นมือผู้ป่วย
5. เก็บสายไฟให้เรียบร้อยหรือเดินสายไฟใหม่ เพื่อป้องกันการสะดุดหกล้ม และติดที่ป้องกันปลั๊กไฟที่ไม่ได้ใช้ เพื่อป้องกัน
อุบัติเหตุไฟช็อต
6. จัดเครื่องเรียนไม่ให้เกะกะขวางทาง เพื่อให้เดินได้สะดวก
7. ติดตั้งดวงไฟกลางคืนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนกลางดึก รวมทั้งเปิดไฟทางเดินบันไดให้สว่างและทำราวบันได
ให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการหกล้ม
8. จัดแสงสว่างในแต่ละห้องให้เพียงพอ
9. เก็บยาและสารเคมีต่างๆ ให้เป็นที่ เพื่อป้องกันผู้ป่วยหยิบรับประทานเอง
ห้องนอน
1. หลีกเลี่ยงการใช้พรมเช็ดเท้า ควรปูพรมเต็มพื้นที่แทน เพื่อป้องกันการลื่นหกล้ม
2. จัดวางสิ่งของและเครื่องเรือนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย จัดวางเฉพาะสิ่งของที่จำเป็นและสิ่งที่ผู้ป่วยคุ้นเคย
3. ติดตั้งอินเตอร์คอม (Intercom) เพื่อเตือนให้ผู้ดูแลทราบกรณีได้ยินเสียงผิดปกติ เช่น เสียงผู้ป่วยล้มลง หรือผู้ป่วยร้องขอความ
ช่วยเหลือซึ่งอุปกรณ์นี้ควรติดตั้งในห้องน้ำเช่นกัน
4. ประตูห้องนอน (รวมทั้งห้องนอน) ควรเป็นชนิดที่เปิดล็อคได้จากทั้งด้านนอกและด้านใน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วย
ปิดขังตัวเองอยู่ในห้องโดยไม่มีใครรู้
ห้องครัว
1. เก็บอุปกรณ์ของมีคม ของแตกง่าย สารเคมีต่างๆ ให้พ้นมือและพ้นสายตาผู้ป่วย โดยเก็บในตู้ล็อคให้เรียบร้อย
2. เตาแก๊สหุงต้ม ควรถอดลูกบิดเปิด-ปิดแก๊ส หรือติดตั้งวาล็วปิด-เปิดแก๊สให้พ้นมือและพ้นสายตาผู้ป่วย เก็บไม้ขีดไฟให้ดี
ป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยจุดเตาได้ง่าย
3. เก็บของตกแต่ง เช่น ผลไม้ หรือผักปลอมที่ทำเลียนแบบเหมือนจริง ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเข้าใจผิดและกลืนลงคอไป
4. ถ้าจำเป็นอาจติดกุญแจล็อคเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเข้าไปในครัว
ห้องน้ำ
1. ควรวางแผ่นยางกันลื่นที่พื้นห้องน้ำและในอ่างอาบน้ำ
2. ควรติดตั้งราวจับหรือราวเกาะที่ฝาผนังให้ผู้ป่วยในที่อาบน้ำ และควรจัดหาเก้าอี้พิเศษสำหรับอาบน้ำ เพื่อให้ผู้ป่วยอาบน้ำ
ด้วยตนเองได้สะดวกและง่ายต่อการดูแล จัดแสงสว่างในห้องน้ำให้เพียงพอ
3. อุปกรณ์เครื่องทำน้ำอุ่น ควรมีระบบติดตั้งอุณหภูมิที่ต้องการให้เครื่องตัดอุณหภูมิ เพื่อป้องกันน้ำร้อนลวก
** กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง หรือช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ควรซื้อเก้าอี้สุขาเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย เมื่อมีการเตรียม
ความพร้อมที่ดีก็จะช่วยให้ท่านดูแลผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นบุคคลที่ท่านรัก ได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขค่ะ
ดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่บ้าน ไม่ยากอย่างที่คิด
เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยสูญเสียความทรงจำ มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจนไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ดังนั้นหัวใจ
สำคัญของการดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่บ้าน คือการเตรียมบ้านให้ปลอดภัยเนื่องจากผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะมีความจำแย่ลงไปเรื่อยๆ ในระยะ
ที่โรคเริ่มลุกลาม ซึ่งจะมีอาการตัดสินใจผิดพลาด การเดิน การเคลื่อนไหวและการทรงตัวจะแย่ลง อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้ป่วยเอง
หรือผู้อื่นได้ ผู้ดูแลจึงควรที่จะเตรียมการป้องกันอันตรายหรืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นรวมทั้งปรับปรุงสถานที่ และสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน
เพื่อให้ผู้ป่วยอยู่ได้อย่างเป็นสุขและปลอดภัย
ภายในตัวบ้าน
1. จดรายชื่อเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน และที่อยู่ผู้ติดต่อได้ไว้ใกล้โทรศัพท์ทุกเครื่องในบ้าน
2. ติดตั้งสัญญาณเตือนภัยจากควันไฟ (smoke alarms) ไว้ใกล้ห้องนอนและห้องครัวทุกห้อง และหมั่นตรวจสอบให้อุปกรณ์
อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
3. เก็บของมีคม ของหนักหรือของที่แตกง่าย และของที่มีขนาดเล็กพอที่จะหยิบของเข้าปากได้ เพื่อป้องกันการเกิดบาดแผล
ได้รับบาดเจ็บสำลักลงคอหรืออุบัติเหตุอื่น
4. ติดตั้งกุญแจล็อคที่ประตูทุกบานที่จะเปิดออกข้างนอกบ้านได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเดินออกนอกบ้านตามลำพัง รวมทั้งเก็บ
กุญแจล็อคต่างๆ ให้พ้นมือผู้ป่วย
5. เก็บสายไฟให้เรียบร้อยหรือเดินสายไฟใหม่ เพื่อป้องกันการสะดุดหกล้ม และติดที่ป้องกันปลั๊กไฟที่ไม่ได้ใช้ เพื่อป้องกัน
อุบัติเหตุไฟช็อต
6. จัดเครื่องเรียนไม่ให้เกะกะขวางทาง เพื่อให้เดินได้สะดวก
7. ติดตั้งดวงไฟกลางคืนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสับสนกลางดึก รวมทั้งเปิดไฟทางเดินบันไดให้สว่างและทำราวบันได
ให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการหกล้ม
8. จัดแสงสว่างในแต่ละห้องให้เพียงพอ
9. เก็บยาและสารเคมีต่างๆ ให้เป็นที่ เพื่อป้องกันผู้ป่วยหยิบรับประทานเอง
ห้องนอน
1. หลีกเลี่ยงการใช้พรมเช็ดเท้า ควรปูพรมเต็มพื้นที่แทน เพื่อป้องกันการลื่นหกล้ม
2. จัดวางสิ่งของและเครื่องเรือนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย จัดวางเฉพาะสิ่งของที่จำเป็นและสิ่งที่ผู้ป่วยคุ้นเคย
3. ติดตั้งอินเตอร์คอม (Intercom) เพื่อเตือนให้ผู้ดูแลทราบกรณีได้ยินเสียงผิดปกติ เช่น เสียงผู้ป่วยล้มลง หรือผู้ป่วยร้องขอความ
ช่วยเหลือซึ่งอุปกรณ์นี้ควรติดตั้งในห้องน้ำเช่นกัน
4. ประตูห้องนอน (รวมทั้งห้องนอน) ควรเป็นชนิดที่เปิดล็อคได้จากทั้งด้านนอกและด้านใน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วย
ปิดขังตัวเองอยู่ในห้องโดยไม่มีใครรู้
ห้องครัว
1. เก็บอุปกรณ์ของมีคม ของแตกง่าย สารเคมีต่างๆ ให้พ้นมือและพ้นสายตาผู้ป่วย โดยเก็บในตู้ล็อคให้เรียบร้อย
2. เตาแก๊สหุงต้ม ควรถอดลูกบิดเปิด-ปิดแก๊ส หรือติดตั้งวาล็วปิด-เปิดแก๊สให้พ้นมือและพ้นสายตาผู้ป่วย เก็บไม้ขีดไฟให้ดี
ป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยจุดเตาได้ง่าย
3. เก็บของตกแต่ง เช่น ผลไม้ หรือผักปลอมที่ทำเลียนแบบเหมือนจริง ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเข้าใจผิดและกลืนลงคอไป
4. ถ้าจำเป็นอาจติดกุญแจล็อคเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเข้าไปในครัว
ห้องน้ำ
1. ควรวางแผ่นยางกันลื่นที่พื้นห้องน้ำและในอ่างอาบน้ำ
2. ควรติดตั้งราวจับหรือราวเกาะที่ฝาผนังให้ผู้ป่วยในที่อาบน้ำ และควรจัดหาเก้าอี้พิเศษสำหรับอาบน้ำ เพื่อให้ผู้ป่วยอาบน้ำ
ด้วยตนเองได้สะดวกและง่ายต่อการดูแล จัดแสงสว่างในห้องน้ำให้เพียงพอ
3. อุปกรณ์เครื่องทำน้ำอุ่น ควรมีระบบติดตั้งอุณหภูมิที่ต้องการให้เครื่องตัดอุณหภูมิ เพื่อป้องกันน้ำร้อนลวก
** กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง หรือช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ควรซื้อเก้าอี้สุขาเพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย เมื่อมีการเตรียม
ความพร้อมที่ดีก็จะช่วยให้ท่านดูแลผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นบุคคลที่ท่านรัก ได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขค่ะ