พูดจีนไม่ได้สักคำ แต่.. ลากกระเป๋าเที่ยวจีนเองได้ตั้ง 5 วัน !! (รีวิวยาวเหยียดละเอียดยิบ)

วันที่ 2 กระทู้นี้นะครับ https://pantip.com/topic/37121694/

วันที่ 3 https://pantip.com/topic/37134014

วันที่ 4 https://pantip.com/topic/37134774

วันที่ 5 https://pantip.com/topic/37134862

ออกตัวก่อนเลยนะครับ ว่านี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตจริง ๆ ไม่ใช่แค่รีวิวแรกนะครับ เป็นครั้งแรกที่ผมตั้งกระทู้ในพันทิปด้วยเหมือนกัน เคยตามอ่านแต่รีวิวเดินทางของคนอื่นมาเยอะแล้ว ก็นึกครึ้มในใจอยากลองเขียนรีวิวเป็นของตัวเองบ้าง ก็เลยมานึกถึงทริปของตัวเองที่เพิ่งผ่านมา (จริง ๆ ก็สักพักแล้วตั้งแต่เดือนที่แล้ว 555)

เหตุผลที่อยากลองเขียนรีวิวทริปนี้ดู ก็เพราะสำหรับผมมันเป็นการเดินทางที่ท้าทายมาก และไปในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน และข้อจำกัดมากมายตลอดการเดินทาง ทั้งมั่ว ทั้งหลง ทั้งถูก ทั้งผิด แต่แปลกแห่ะ ! ดันเป็นทริปที่ผมชอบมากที่สุดทริปนึงเลย นั่นก็คือ เมืองเซี้ยะเหมิน (Xiamen, Fujian) ประเทศจีนนั่นเองงง !

ทำไมต้องเมืองนี้ ?? เริ่มต้นมาจากช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผมได้วันหยุดพิเศษ หรือ compensate จากบริษัทชดเชยการทำงานเสาร์-อาทิตย์ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา รวม 8 วัน แต่ก็ตั้งใจว่าจะเดินทางมากสุดแค่ 5 วัน และกลับมาพักผ่อนที่เมืองไทยอีก 2 วัน ประจวบเหมาะกับว่ามีเงินเก็บอยู่หนึ่งก้อน(นิดเดียว) ก็เลยอยากใช้วันหยุดกับการท่องโลกกว้าง เอาแบบที่ไม่ไกลมาก ไม่ต้องเดินทางข้ามวัน และค่าใช้จ่ายไม่แพงมาก สุดท้ายหวยเลยมาออกที่เมืองเซี้ยะเหมิน เพราะภาพ ๆ นี้เลยครับ(ขอยืมภาพจาก Google นะครับ ผมถ่ายไม่สวยเท่าเค้า ! แต่เพราะภาพนี้จริง ๆ จึงเกิดทริปนี้)


ภาพที่เห็นนี่คือ อุทยานแห่งชาติ Wuyishan (ผมอ่านว่า อู่อี๋ซาน) ซึ่งอยู่ในมณฑลฟูเจี้ยน ทางตอนใต้ของประเทศจีน ข้อมูลเพิ่มเติมรบกวนให้ลองอ่านดูใน Google นะครับ บางท่านอาจจะเคยไปแล้ว แต่สำหรับผมนี่คือ Unseen มาก เพราะไม่ค่อยเห็นรีวิวจากที่นี่เท่าไหร่ และท้าทายในการเดินทางมาก เพราะต้องเดินทางไปในป่า ในเขาของประเทศจีน แค่คิดว่าต้อง adventure ไปให้ถึงที่นี่ให้ได้ก็ตื่นเต้นแล้วครับ
        
สำหรับใครที่เคยเดินทางมาเที่ยวจีนแล้ว ก็คงจะพอทราบว่าข้อจำกัดของการมาจีนนั้นเยอะเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการขอ Visa เข้าประเทศซึ่งผมขี้เกียจ และมีเวลาน้อย ก็เลยจ้างเอเจ้นท์ที่ทางบริษัทใช้เป็นประจำอยู่แล้วให้จัดการให้ ราคาสบาย ๆ ประมาณสองพันนิดหน่อย แต่.. ได้ชัวร์ !  เรื่องภาษาที่เป็นอุปสรรคในการสื่อสาร(อุปสรรคหนักมาก) รวมทั้งอาหารการกิน และ ห้องน้ำ !!!! แต่ทำไงได้ครับ ใจอยากไป และอยากได้ภาพสวย ๆ แบบที่ไม่ค่อยมีใครไปนัก ก็เลย ตัดสินใจ ลุย !!

เตรียมตัวก่อนเดินทาง

ก่อนไปผมทำการบ้านไปแบบหลวมมาก และด้วยเป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีคนไทยไปมากนัก ก็เลยหาข้อมูลเตรียมตัวก่อนการเดินทางได้ค่อนข้างน้อย เน้นอาศัยเสิร์ชอ่านรีวิวภาษาอังกฤษ และ Google Translate จากเวปไซต์ภาษาจีนเอา สำหรับใครที่สนใจอยากไปบ้าง แนะนำให้ลอง search คำว่า Xiamen, Wuyishan, Fujian จาก Google ได้เลยนะครับ มีรีวิววิธีการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยวจากฝรั่งเยอะพอสมควร


อย่างที่บอกครับว่า รีวิวมีให้กอปปี้ไม่เยอะ ก็เลยลองวางแผนการเดินทางเองเล่น ๆ ว่าเราจะใช้เวลาพักร้อนฟรี ! ได้อย่างไรบ้าง ก็ไปเจอรีวิวนึงของฝรั่ง ที่แนะนำว่าถ้าจะไปที่ Wuyishan ต้องไปยังไง หรือควรไปเที่ยวที่ไหนก่อนบ้าง ต้องจองตั๋ว หรือทัวร์อะไรล่วงหน้าบ้าง สุดท้ายก็ได้ออกมาเป็นตารางการเดินทางแบบง่อย ๆ ตามภาพเลยครับ ใครที่ิคิดจะยืมไปใช้ก็ได้นะครับ แต่ก็จะ งง ๆ นิดนึง 55555

การเดินทาง - จองตั๋วเครื่องบิน

จริง ๆ ก่อนหน้านี้ผมเคยไปประเทศจีนมาแล้ว 1 ครั้ง ตอนนั้นไป มหานครเซี้ยงไฮ้ - เมืองนานจิง -  เมืองปั่กกิ่ง - ชางชา (ไว้มีโอกาส ขยันเขียน จะรีวิวให้ชมนะครับ) แต่เป็น business trip พูดง่าย ๆ ว่าไปทำงาน และไม่ได้ไปเที่ยวเท่าไหร่ ซึ่งครั้งนั้น ทางบริษัทจัดตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และการเดินทั้งหมด ก็เลยไม่ได้ยากอะไรเลย 55555

พอมาครั้งนี้ ก็เกาหัวตั้งแต่เริ่มหาสายการบินแล้วครับ ว่าจะบินไปมณฑลไหน เมืองไหนที่ใกล้กับ Wuyishan มากที่สุด สุดท้ายก็ได้คำตอบจากรีวิวฝรั่งเค้าแหละครับว่า แนะนำให้นั่งเครื่องบินไปลงที่เมือง Xiamen ซึ่งอยู่ไกลออกไป 4 ชั่วโมงกว่า !! แล้วนั่งรถไฟต่อไปที่ Wuyishan แทน จะได้มีเวลาเที่ยวที่เมือง Xiamen ก่อนด้วย ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วหนิครับ ! ก็เลยตามรีวิวฝรั่งเลย
        
จริง ๆ มีหลายสายการบินนะครับที่บินตรงจากประเทศไทยไปประเทศจีน อย่างพวกสายการบิน สายแดง สายม่วงในบ้านเราก็มีหลายสาย แต่ที่บินตรงไปลงที่เมือง Xiamen หลักๆ เลยก็จะมีสายม่วงและสายการบินเจ้าบ้านของจีนเอง ซึ่งจริงๆ ผมก็อยากจะบินกับป้าม่วงของเรา แต่ว่าป้าม่วงของเรานั้นไม่ได้มีตารางบินทุกวัน และเนื่องด้วยผมอยากออกเดินทางตั้งแต่วันแรกที่ได้พักร้อน งานนี้ก็เลยต้องพึ่งพาสายการบินเจ้าบ้านจีนแท้ ๆ ที่มีบินจากกรุงเทพทุกวัน วันละ 2 ไฟลท์ ในการเดินทาง นั่นก็คือ Xiamen Air สารภาพเลยนะครับ ตอนแรก พอรู้ว่าต้องบินกับสายการบินจีนอีกรอบใจคอไม่ค่อยดีเลย ! เพราะสายการบินที่บินไปทำงานที่ีจีนก่อนหน้านี้ (Sp..) เอิ่มมม ขอไม่พูดละกันครับ ยิ้ม


ขั้นตอนการจองก็ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ เข้าเวปไซต์ของสายการบิน เลือกวันเเดินทาง จ่ายเงิน อีซี่ ๆ แต่ .. ติดอย่างนึงนะครับ เวปไซต์ของสายการบิน Xiamen Air นั้น ไม่มีภาษาไทยนะครับ แต่สำหรับคนที่ใช้ภาษาอังกฤษพอได้อยู่แล้ว ก็ไม่ยุ่งยากเกินไป (ลองทำตามภาพก็ได้ ผมแคป ๆ บอกขั้นตอนการจองไว้เบื้องต้นนะครับ) โดยเท่าที่อ่านมา Xiamen Air มีเที่ยวบินไปจากเมืองไทยทั้งหมด 3 route คือ เมืองเซี้ยะเหมิน(Xiamen), เมืองต้าเหลียน(Dalian), และเมืองฝูโจว(Fuzhou) ส่วนวันนึงบินกี่เที่ยว ตอนไหนบ้าง ลองเข้าไปดูเวปไซต์ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เองได้เลยครับ





อีกเหตุผลนึงที่ตัดสินใจเดินทางกับ Xiamen Air ก็เพราะวันที่ลาหยุดได้มีไฟลท์ของสายการบินเซี่ยเหมินพอดี และเวลาการบินลงตัวจึงเลือกที่จะลองบินกับสายจีนดูอีกสักครั้ง พอเช็คราคาแล้ว คุ้มค่า ไม่แพง ถึงแม้ว่าการบินกับ Xiamen Air จะต้องแลกมาด้วยความเป็นจีนขั้นสุด ลูกเรือ และผู้โดยสายจีนยกลำก็ตาม แต่โดยรวมแล้วไม่ใช่ปัญหาครับ

ผมลืมบอกไป ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่จองตั๋วแบบ Business Class ด้วยนะครับ เนื่องเพราะราคาค่าตั๋วไม่แพงมาก และเห็นได้อ่านรีวิวมาบ้างว่าเค้าเสิร์ฟไม่อั้น เบาะนั่งสบาย และแถมน้ำหนักกระเป๋าตั้ง 30 กิโลกรัม ซึ่งโดยปกติถ้าซื้อตั๋ว Business Class ก็จะได้น้ำหนักกระเป๋าฟรี 2 ใบ ใบละ 32 กิโลกรัม และได้ VIP Lounge + Premium lane ตอนผ่าน Immigration ของสนามบินฟรีด้วย ไหน ๆ จะต้องไปลองผิด ลองถูก เที่ยวแบบ adventure แล้ว ก็ขอบินสบายสบายไปก่อนละกัน โดยผมจองล่วงหน้าก่อนการเดินทางแค่  2 สัปดาห์ ราคาเสียหายแบบ Business Class ในขาไป และ Economy Class ในขากลับ ทั้งหมด 13,895 ครับ ! จริงๆแล้วผมกดจองเป็น Business Class ทั้งขาไปและขากลับ แต่ว่าพอถึงขั้นตอนเลือกไฟลท์นั้น ไฟล์ทที่ผมเล็งไว้กลับไม่มี Business Class ให้ผมเลือก ผมเลยต้องนั่งชั้นประหยัดกลับไปโดยปริยาย เพราะไฟลท์ 833 นั้นเป็นไฟลท์แบบ  all economy หรือว่ากันง่ายๆ ก็คือไฟลท์นั้นไม่มีที่นั่ง Business class บริการนั่นเอง ก็เกินงบค่าตั๋วไปหน่อย แต่แลกกับ In-Flight Full Service ก็ถือว่าคุ้มครับ ยิ้ม

ที่พัก - จองโรงแรมที่ Xiamen

ได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว ถือว่าจบไป 1 เรื่อง ต่อไปคือการจองโรงแรม ซึ่งแน่นอนว่าครั้งนี้ก็ต้องทำเองเหมือนกัน และไม่มีรีวิว หรือคนรอบตัวที่เคยไปเมืองนี้มาก่อนเลย สุดท้ายก็ไปจบที่ booking.com เช่นเคย

แต่ผมแอบ panic นิดนึง ก่อนที่จะจองโรงแรม เลยตัดสินใจโทรไปปรึกษา call center ของสายการบิน Xiamen Air ให้เค้าช่วยแนะนำให้ ซึ่งทางสายการบินก็มีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลดีมากนะครับ และเป็นคนไทยด้วย เพราะเค้ามีออฟฟิศอยู่ที่เมืองไทยด้วย ทางสายการบินก็เลยแนะนำให้ผมหาชื่อโรงแรม Xiamen Jinyan Hotel จาก booking.com ดู ซึ่งตอนนั้น คิดในใจว่า อย่างน้อยเราก็เดินทางกับสายการบินเค้า เป็นลูกค้าของเค้า โรงแรมที่เค้าแนะนำให้ ก็คงไม่ขายหน้าเค้าหรอกน่า ซึ่งผมคิดถูก !

โรงแรมที่ทางสายการบินแนะนำคือ Xiamen Jinyan Hotel ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง Xiamen เลย ที่มั่นใจได้ และไม่ลังเลที่จะเลือกโรงแรมนี้เพราะลองเสิร์ชหาใน Google และ TripAdvisor ก็พบความจริงภายหลังว่า เค้าเป็นโรงแรมเครือเดียวกับสายการบิน Xiamen Air นั่นเอง แหม่ ! ก็ว่า ทำไมพนักงานแนะนำ !!  แต่พอได้อ่านรีวิวใน Tripadvisor แล้วก็เห็นว่าได้คำชื่นชมค่อยข้างดีว่าสะอาด วิวสวย และเดินทางสะดวก  สุดท้ายก็เลยจองที่นี่ไปโดยปริยาย

ขั้นตอนการจองก็เหมือนโรงแรมทั่วไปครับ ไม่มีอะไรยาก เพราะ booking.com ก็มีภาษาไทยอยู่แล้ว ความยากอยู่ตอนไปถึงแล้ว ไม่ใช่ตอนจอง T-T


แพคกระเป๋า - เช็คสภาพอากาศ - แลกเงิน

หนีร้อนไปพึ่งเย็นน่าจะใช้ไม่ได้กับเมืองนี้นะครับ เพราะผมเช็คอากาศก่อนเดินทางล่วงหน้า 3 วัน พระเจ้า !! 34 องศา ร้อนกว่ากรุงเทพฯ อีก แตกต่างจากทริปประเทศจีนครั้งแรกของผมมาก ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทางตอนเหนือ หนาว เย็น แฟชั่นโค้ทแทบทุกวัน ! ดังนั้น ถ้าใครจะไปลองเช็คสภาพอากาศเบื้องต้นก่อนนะครับโดยผมใช้แอพฯ Weather ใน iPhone นั่นแหละครับ

ทันใดนั้น ผมรู้เลยว่าเสื้อกันหนาว อุปกรณ์ต้านหนาว งดร่วมทริปเด็ดขาด ! ก็เลยจัดกางเกงขาสั้น และเสื้อยืดสบาย ๆ ไปเยอะเลยครับ แอบพาลูก ๆ สุดที่รักไปเที่ยวด้วย(คนอะไรมีลูกเป็นหมี มีลูกคนเล็กเป็นหมา) สองตัวนี้ไปกับผมทุกที่ทั่วไทย ทั่วโลก

ส่วนแลกเงินนั้น จริงๆ  ก่อนหน้าที่ผมจะเดินทาง ผมอ่านเรื่อง cashless society หรือสังคมไร้เงินสดที่จีนมาพอสมควร รวมกับประสบการณ์ที่มีเพื่อน และลูกค้าอยู่ที่เมืองอื่น ๆ ของประเทศจีนบ้าง ซึ่งผมพยายามจะทำตัวคูล ๆ ใช้มือถือจ่ายเงินผ่านแอพฯ แล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำได้ครับ(ท่านใดทำได้แนะนำด้วยนะครับ เผื่อกลับไปอีก อิอิ) ทั้ง AliPay, WeChat ต้อง register โดย ID และ Bank Account ที่เปิดที่จีนเท่านั้น รวมทั้งต้องถ่ายภาพใบหน้ายืนยันมากมาย เอาเป็นว่า ลืมเรื่องความคูลไปก่อนนะครับ แต่.. เราเป็นนักท่องเที่ยว ยังไงก็ต้องจ่ายเงินสด จึงตัดสินใจแลกที่ Super Rich ซึ่งเงินของจีนจะมีมูลค่าธนบัตร ดังนี้นะครับ(ข้างล่าง) ส่วนใครจะแลกไปมากน้อยแค่ไหน ก็แล้วแต่ทริปว่าต้องไปทำไรบ้าง หรือความร่ำรวยของแต่ละคนละกันครับ 555555 โดยอัตราแลกตอนผมเดินทางอยู่ที่ 5.07 บาท/หยวน แพงหรือถูก อย่างที่บอกครับ ไม่ค่อยได้ศึกษาค่าเงิน เน้นแลกเอาสะดวกอย่างเดียวเลย โดยผมแลกเงินที่ super rich นะครับ(เพิ่งมารู้ว่าเรทเดียวกับธนาคารกรุงไทยเลย)


อีก 1 อย่างที่ต้องเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวเมืองจีน นั่นก็คือ การใช้โทรศัพท์ หรืออินเตอร์เน็ต ด้วยความที่ผมต้องอ่านอีเมล์ ใช้ไลน์ในระหว่างที่อยู่มี่นั่น และไม่อยากใช้ sim card จีน เพราะยังไงก็โดน block facebook, Line, Google อยู่ดี ก็เลยตัดสินใจเปิด roaming จากเมืองไทยไปเลยครับ ตอนนั้นมีโปรคู่กับ China Mobile พอดี แพคเกจราคาน่ารักมาก 99 บาท/วัน เล่นเน็ต Unlimited แต่ไม่รู้จะหมดโปรไปรึยัง ยังไงก็ลองสอบถามทางค่ายโทรศัพท์ดูเอาเองละกันนะครับ ส่วนผมใช้ของ T นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่