
สวัสดีค่ะ วันนี้จะขอมารีวิวทริปที่พึ่งไปมาสดๆร้อนๆ ที่จังหวัด ทตโทริ ในเกาะชูโกกุ ของประเทศญี่ปุ่น จริงๆแล้วทริปนี้ของเรายาวมาตั้งแต่คันไซ ชูโกกุ และชิโกกุ กินเวลา 14 วันเต็มๆ แต่วันนี้จะตัดมาเฉพาะทตโทริ 2 วันก่อนนะคะ
การจะมาทตโทรินั้น หากไม่ได้ขับรถเที่ยว เราแนะนำให้ใช้ JR pass เพราะยังไง๊ ยังไง ก็ต้องข้ามภูมิภาค ถ้าไม่ใช้ pass ค่ารถไฟอาจจะบานไปก่อน เราเลือกใช้ Nation Wide เพราะเราไปหลายภูมิภาคตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เราออกจากฮิเมจินั่ง Ltd Express มาลงที่ทตโทริใช้เวลาประมาณ 1.5 ชม. ทางเป็นภูเขา รถไฟอาจโคลงเคลงบ้าง เรานี่แทบเวียนหัว เที่ยวโซนนี้โดยขนส่งสาธารณะไม่ยากเลย วางแผนดีๆ สะดวกสบายและสามารถเที่ยวได้ครบค่ะ
ในส่วนของที่หลักๆ ที่เราอยากมามากในทตโทรริคือ Mt.Daisen ที่เป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในชูโกกุ เราอยากไป hike ชมความงามของยอดเขาต่างๆที่มีให้เลือกไต่มากมายที่ Mt.Daisen และอีกอย่างที่อยากไปโดนมากๆ คือ อาหารค่ะ ทตโทริโดดเด่นมากเรื่องปูมัซซึบะในเดือนพฤศจิกายน อาหารทะเลที่นี่สด และราคาค่อนข้างสบายกระเป๋าสำหรับเรา แต่อย่างหนึ่งที่อาจจะต้องทำใจไว้ก่อนมาทตโทริ (หรือที่คนญี่ปุ่นเรียก ต๊ดโตริ) คือ ที่นี่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตแบบเกียวโต โอซาก้า เพราะฉะนั้นการสื่อสารก็จะยากขึ้นในระดับหนึ่ง เมนูอาหารไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ การขึ้นรถราก็ต้องใช้สติมากเป็นพิเศษ แต่อย่าไปกลัวค่ะ กูเกิลทรานสเลทช่วยเราได้ หรือถ้าร้านไหนมีภาพตัวอย่างอาหารติดไว้หน้าร้าน ถ่ายไว้ค่ะ แล้วเอาให้พนักงานดูว่าสั่งอันนี้ๆ คนที่นี่น่ารักและเป็นมิตรมาก
เริ่มต้นวันแรกเราเที่ยวในเมืองทตโทริ เราพักแถวๆสถานี JR ทตโทริ ซึ่งสามารถเดินมาขึ้น Loop Bus ได้เลย ถ้าจะแวะเกินกว่า 2 จุด แนะนำให้ซื้อ pass ค่ะ สามารถซื้อได้ที่ information ในสถานีรถไฟ stop แรกของเราคือ Sand Dune ซึ่งเป็นเนินทรายที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น รถบัสจอดให้ฝั่งตรงข้าม sand dune เลย เดินขึ้นไปแล้วแบ่บ เฮร้ย ลมแรงจังวะ จะเดินยังไงให้ไปถึงจุดยอดๆเพื่อจะได้เห็นทะเลตรงนั้น


กลับลงมาพูดเลยว่าหัวกระเซิง ทรายเข้าไปอยู่ในรองเท้าและกระเป๋าเสื้อ ต้องมาเคาะๆออกตอนเดินกลับ บนเนินลมแรงมาก เด็กตัวเล็กๆที่เราเห็นนี่แทบจะเซถลาๆ ใครที่อยากไปดูพิพิธภัณฑ์ที่เค้าทำทรายเป็นปฏิมากรรมต่างๆ หรือใครที่อยากนั่งชิงช้าผ่านเนินทรายสามารถเลือกลงป้ายรถเมล์ได้ตามชอบเลยค่ะ ไม่ได้อยู่ stop เดียวกับ sand dune นะคะ
นี่คือไม่ได้ตั้งใจจะหลบกล้อง แต่คือลมมันแรงจนพัดหัวฟูไปหมด เราแนะนำให้ใส่เสื้อผ้ารัดกุมนะคะ แว่นตาสำคัญมาก เพราะเวลาลมทะเลมาแรงๆ มันจะหอบทรายมาปะทะตัวเรา เราใส่กางเกง 5 ส่วนไป ตรงข้อเท้าเราที่ไม่ได้ถูกปกคลุม คือเจ็บแบบมีหนามทิ่มยิกๆ ส่วนหน้าไม่รู้จะเลี่ยงยังไง เลยปล่อยให้ทรายขัดหน้าไปเบาๆ ส่วนกล้องอันนี้แล้วแต่เลยค่ะ เราก็กลัวเลนส์จะพังเพราะทราบมันละเอียดมากและลมแรงแทบตลอดเวลา เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะแยะมากมาย

เดินเล่นประมาณ 1 ชม. เสร็จแล้วเราก็ไปนั่งรถเมล์ไปลงอีกป้ายชื่อ Crab Aquarium เป็นตลาดค้าปูและ Seafood ที่ใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ขายกันเป็นอุตสาหกรรม ใครอยากกินปูสดๆในตลาดก็มี


เราเลือกไปเข้าร้านตรงข้ามตลาดสดเพราะในตลาดคนเยอะ หน้าตาข้าวหน้าปลาดิบ ปูและไข่หอยเม่นของเราออกมาแบบนี้ อร่อยเว่อวังฝุดๆ ราคามิตรภาพมากถ้าเทียบกับโซนคันไซ หมดนี่สามเมนูราคา 3000 เยนเท่านั้นจ้า



เดี๋ยวมาต่อนะคะ
[CR] ใบไม้เปลี่ยนสีที่ทตโทริ Autumn in Tottori
สวัสดีค่ะ วันนี้จะขอมารีวิวทริปที่พึ่งไปมาสดๆร้อนๆ ที่จังหวัด ทตโทริ ในเกาะชูโกกุ ของประเทศญี่ปุ่น จริงๆแล้วทริปนี้ของเรายาวมาตั้งแต่คันไซ ชูโกกุ และชิโกกุ กินเวลา 14 วันเต็มๆ แต่วันนี้จะตัดมาเฉพาะทตโทริ 2 วันก่อนนะคะ
การจะมาทตโทรินั้น หากไม่ได้ขับรถเที่ยว เราแนะนำให้ใช้ JR pass เพราะยังไง๊ ยังไง ก็ต้องข้ามภูมิภาค ถ้าไม่ใช้ pass ค่ารถไฟอาจจะบานไปก่อน เราเลือกใช้ Nation Wide เพราะเราไปหลายภูมิภาคตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เราออกจากฮิเมจินั่ง Ltd Express มาลงที่ทตโทริใช้เวลาประมาณ 1.5 ชม. ทางเป็นภูเขา รถไฟอาจโคลงเคลงบ้าง เรานี่แทบเวียนหัว เที่ยวโซนนี้โดยขนส่งสาธารณะไม่ยากเลย วางแผนดีๆ สะดวกสบายและสามารถเที่ยวได้ครบค่ะ
ในส่วนของที่หลักๆ ที่เราอยากมามากในทตโทรริคือ Mt.Daisen ที่เป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในชูโกกุ เราอยากไป hike ชมความงามของยอดเขาต่างๆที่มีให้เลือกไต่มากมายที่ Mt.Daisen และอีกอย่างที่อยากไปโดนมากๆ คือ อาหารค่ะ ทตโทริโดดเด่นมากเรื่องปูมัซซึบะในเดือนพฤศจิกายน อาหารทะเลที่นี่สด และราคาค่อนข้างสบายกระเป๋าสำหรับเรา แต่อย่างหนึ่งที่อาจจะต้องทำใจไว้ก่อนมาทตโทริ (หรือที่คนญี่ปุ่นเรียก ต๊ดโตริ) คือ ที่นี่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตแบบเกียวโต โอซาก้า เพราะฉะนั้นการสื่อสารก็จะยากขึ้นในระดับหนึ่ง เมนูอาหารไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ การขึ้นรถราก็ต้องใช้สติมากเป็นพิเศษ แต่อย่าไปกลัวค่ะ กูเกิลทรานสเลทช่วยเราได้ หรือถ้าร้านไหนมีภาพตัวอย่างอาหารติดไว้หน้าร้าน ถ่ายไว้ค่ะ แล้วเอาให้พนักงานดูว่าสั่งอันนี้ๆ คนที่นี่น่ารักและเป็นมิตรมาก
เริ่มต้นวันแรกเราเที่ยวในเมืองทตโทริ เราพักแถวๆสถานี JR ทตโทริ ซึ่งสามารถเดินมาขึ้น Loop Bus ได้เลย ถ้าจะแวะเกินกว่า 2 จุด แนะนำให้ซื้อ pass ค่ะ สามารถซื้อได้ที่ information ในสถานีรถไฟ stop แรกของเราคือ Sand Dune ซึ่งเป็นเนินทรายที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น รถบัสจอดให้ฝั่งตรงข้าม sand dune เลย เดินขึ้นไปแล้วแบ่บ เฮร้ย ลมแรงจังวะ จะเดินยังไงให้ไปถึงจุดยอดๆเพื่อจะได้เห็นทะเลตรงนั้น
กลับลงมาพูดเลยว่าหัวกระเซิง ทรายเข้าไปอยู่ในรองเท้าและกระเป๋าเสื้อ ต้องมาเคาะๆออกตอนเดินกลับ บนเนินลมแรงมาก เด็กตัวเล็กๆที่เราเห็นนี่แทบจะเซถลาๆ ใครที่อยากไปดูพิพิธภัณฑ์ที่เค้าทำทรายเป็นปฏิมากรรมต่างๆ หรือใครที่อยากนั่งชิงช้าผ่านเนินทรายสามารถเลือกลงป้ายรถเมล์ได้ตามชอบเลยค่ะ ไม่ได้อยู่ stop เดียวกับ sand dune นะคะ
นี่คือไม่ได้ตั้งใจจะหลบกล้อง แต่คือลมมันแรงจนพัดหัวฟูไปหมด เราแนะนำให้ใส่เสื้อผ้ารัดกุมนะคะ แว่นตาสำคัญมาก เพราะเวลาลมทะเลมาแรงๆ มันจะหอบทรายมาปะทะตัวเรา เราใส่กางเกง 5 ส่วนไป ตรงข้อเท้าเราที่ไม่ได้ถูกปกคลุม คือเจ็บแบบมีหนามทิ่มยิกๆ ส่วนหน้าไม่รู้จะเลี่ยงยังไง เลยปล่อยให้ทรายขัดหน้าไปเบาๆ ส่วนกล้องอันนี้แล้วแต่เลยค่ะ เราก็กลัวเลนส์จะพังเพราะทราบมันละเอียดมากและลมแรงแทบตลอดเวลา เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะแยะมากมาย
เดินเล่นประมาณ 1 ชม. เสร็จแล้วเราก็ไปนั่งรถเมล์ไปลงอีกป้ายชื่อ Crab Aquarium เป็นตลาดค้าปูและ Seafood ที่ใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ขายกันเป็นอุตสาหกรรม ใครอยากกินปูสดๆในตลาดก็มี
เราเลือกไปเข้าร้านตรงข้ามตลาดสดเพราะในตลาดคนเยอะ หน้าตาข้าวหน้าปลาดิบ ปูและไข่หอยเม่นของเราออกมาแบบนี้ อร่อยเว่อวังฝุดๆ ราคามิตรภาพมากถ้าเทียบกับโซนคันไซ หมดนี่สามเมนูราคา 3000 เยนเท่านั้นจ้า
เดี๋ยวมาต่อนะคะ