แฝดปีศาจ

กระทู้สนทนา
แฝดปีศาจ

    1.

    เขาไล่ตามมันมาตั้งแต่เมื่อดวงตะวันยังไม่ลับขอบฟ้า จนตอนนี้รัตติกาลแผ่ขยายกลืนกินผืนโลกไปจนหมดแล้ว แสงจากหลอดนีออนดวงน้อยตามตึกอาคารและเสาไฟฟ้าต่างรวมกำลังกันเพื่อทำให้เมืองนี้ยังคงสว่างไสวได้เพื่อให้สมกับฉายาเมืองที่ไม่เคยหลับ

    รุ่งโรจน์วิ่งเบียดแทรกฝ่าฝูงชนที่เดินกันไปมาอย่างสะเปะสะปะ หันรีหันขวางสอดส่ายสายตาสำรวจไปทั่วเพื่อหาคนที่เขากำลังไล่ล่าอยู่

    อยู่ไหน มันอยู่ที่ไหนกัน


    ร้านเกมคอมพิวเตอร์ขนาดกะทัดรัดเร้นตัวอยู่ในซอยใจกลางเมืองหลวง เทียบกับร้านเกมส์สมัยใหม่ที่เน้นความกว้างขวางและการตกแต่งที่ดูทันสมัยแล้วร้านนี้ราวกับหลุดออกมาจากหนังยุคเก่า

    เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการมีไม่มาก เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่งโดยรวมอยู่ในสภาพกลางเก่ากลางใหม่ ที่นี่ไม่มีเคาน์เตอร์ชงกาแฟ ไม่ขายขนมขบเคี้ยว หากใครต้องการจะกินดื่มต้องเดินออกไปซื้อมาจากข้างนอกเอง

    เบาะโซฟาเก่าๆ ขาดๆ สำหรับเหล่าเกมเมอร์โชยกลิ่นอับอ่อนๆ ออกมาส่งผลให้ร้านมีกลิ่นแปลกๆ เฉพาะตัวตามไปด้วย การพยายามตกแต่งร้านให้ดูทันสมัย ใช้หลอดไฟสีแทนหลอดไฟปกติกลับยิ่งทำให้ร้านนี้ดูออกจะพิลึกมากขึ้นไปอีก

    รุ่งโรจน์ฝังตัวอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ช่วงบ่าย ถึงบรรยากาศจะไม่โสภานักแต่เขาก็ชอบมัน เขาชอบความเงียบและความเป็นส่วนตัวของที่นี่ เพราะเป็นร้านเก่าไม่น่านั่ง ไม่มีของกินไว้คอยบริการ ผู้คนในร้านจึงมีแต่พวกขาประจำ

    “รุ่งโรจน์ สามสิบห้าคะแนน ดีมาก ถ้าทำจริงเธอก็ทำได้นี่”

    นึกถึงคำพูดของอาจารย์และสีหน้าท่าทางตื่นเต้นของเพื่อนๆ ตอนชั่วโมงเรียนแล้วตะกอนขุ่นมัวในใจก็ถูกกวนขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่น่าจะดีใจที่ได้คะแนนสูงที่สุดในชั้น แต่เขากลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก


    อ๊อด...ดดด

    อาจารย์คุมสอบเงยหน้าขึ้นจากหนังสือบนโต๊ะหลังสัญญาณหมดเวลาดังขึ้น มือขยับกรอบแว่นหนาให้เข้าที่เข้าทางพร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วห้องเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยโดยรวม

    “นักศึกษาหยุดมือได้แล้วครับ ถือกระดาษคำตอบมาส่งที่โต๊ะแล้วก็แยกย้ายกันไปได้”

    แต่ละคนทะยอยถือกระดาษคำตอบในมือไปส่ง อาจารย์คุมสอบเหลือบมองกระดาษคำตอบที่รุ่งโรจน์นำมาวาง อดสายหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ได้เมื่อได้เห็นว่ากระดาษคำตอบแผ่นนั้นแทบจะว่างเปล่า

    “ตั้งใจเรียนหน่อยก็ดีนะ ไม่อย่างนั้นเธอไม่รอดปีนี้แน่”

    เจ้าของกระดาษคำตอบไม่ใคร่สนใจจะฟัง เบือนหน้าหนี ยกมือไหว้แบบขอไปทีและเดินออกจากห้องสอบอย่างรวดเร็ว

    
    นั่นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นประจำจนเป็นเรื่องปกติ เหตุการณ์ทั้งหมดมันควรจะเป็นแบบนั้น เขาควรจะถูกตำหนิเรื่องคะแนนสอบเหมือนกับทุกเมื่อเชื่อวันที่ผ่านมา รุ่งโรจน์จะไม่แปลกใจเลยเพราะแต่ไหนแต่ไรมันก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

    แต่ทำไมการสอบครั้งก่อนเขากลับได้คะแนนสูงสุดในชั้นเรียน

    เอาเป็นว่าหากมองในแง่ของความเป็นไปได้แล้ว การสอบครั้งที่ผ่านมาเป็นข้อสอบแบบปรนัย อาจเป็นไปได้ที่กากบาทมั่วแล้วบังเอิญเป็นคำตอบที่ถูก และในครั้งนั้นเขาก็อาจจะโชคดีที่สุ่มเลือกคำตอบที่ถูกได้มากหน่อย หากมองแบบนี้แล้วมันก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว

    ใช่แล้ว มันเป็นไปได้ ถ้าหากว่าการสอบครั้งนั้นไม่ใช่ว่าเขาจำได้ว่าตนเองหนีการสอบมาเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์อยู่ที่ร้านประจำร้านนี้ เขาไม่ได้เข้าสอบ และเป็นการขาดสอบแบบที่เขาตั้งใจเสียด้วย

    แล้วนี่เขาไปทำคะแนนสูงลิบไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

    หลังเกิดเรื่องนี้เขาพยายามประติดประต่ออะไรหลายๆ อย่างแล้วก็พบว่าหลายเดือนที่ผ่านมามีเรื่องราวแปลกๆ เกิดขึ้นกับเขามากมาย ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังเล่นตลกอะไรกับเขาอยู่

    แต่เขาคนนั้นทำไปทำไมล่ะ รุ่งโรจน์ไม่ใช่คนเด่นดังอะไรเลย และยิ่งห่างไกลจากคำว่าประสบความสำเร็จมากโข ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะมีใครมาสนใจปั่นหัวเขาเล่น แต่ที่สำคัญกว่าคำถามที่ว่าใครเป็นคนทำและทำไปทำไมก็คือคำถามที่ว่าเขาคนนั้นทำได้อย่างไรต่างหาก

    ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่รู้คำตอบ รุ่งโรจน์กระแทกนิ้วลงบนแป้นคีย์บอร์ดอย่างขุ่นเคืองใจ สายตาเขม็งหาเหยื่อในหน้าจอ หวังจะจัดการใครก็ได้ในโลกออนไลน์เพื่อระบายของเสียทางอารมณ์ให้เบาบางลง

    นั่นไง ไอ้ไก่อ่อนเลเวลต่ำกำลังเดินอยู่ที่นั่น

    รุ่งโรจน์ยิ้มมุมปาก บังคับตัวละครตรงดิ่งเข้าไปหาทันควัน


    นั่นไง มันอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าจะห่างออกไปไกลขนาดไหน ไม่ว่าจะปะปนอยู่ในฝูงชนมากขนาดไหน แค่เห็นแผ่นหลังชั่ววินาทีเดียวรุ่งโรจน์ก็จำได้แม่นยำว่าเป็นมัน แววตาลุกวาวประสงค์ร้าย เขาพุ่งตัวออกไปหาเป้าหมายรวดเร็วราวพญาเสือล่าเหยื่อ ผลักทุกคนที่ขวางทางเซถลาจนทางเท้าเปิดเป็นช่องให้เขาเคลื่อนตัวได้สะดวก

    มันยังเดินเอื่อยเฉื่อยไม่รู้ร้อนรู้หนาว คงคิดว่าหนีพ้นแล้วสินะ ช่างไม่รู้ตัวเอาเสียเลยว่าภัยกำลังจะมาถึงตัวแล้ว

    ระยะห่างระหว่างรุ่งโรจน์และมันกระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ อีกไม่ไกลแล้วที่เขาจะจับตัวมันได้ หลังจากนั้นเขาจะตั้นหน้าสักสี่ห้าหมัดให้หายโมโหก่อน แล้วจะกระชากคอเสื้อเค้นถามความจริงจากมัน

    ในขณะที่กำลังคิด ฉับพลันนั้นมันกลับหมุนตัวเลี้ยวเข้าไปในซอยมืดที่มุมตึกด้านหน้าโดยไม่คาดคิด


    รุ่งโรจน์เป็นบุคคลประเภทที่เรียกได้ว่าโลกไม่ได้อยากให้มีอยู่ตั้งแต่แรก ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่เคยได้ลิ้มรสหรือแม้แต่ได้เฉียดเข้าไปใกล้กับคำว่าความรุ่งโรจน์ดังชื่อของตัวเองเลยสักครั้ง

    เขาไม่เคยทำสิ่งดีๆ ให้ใคร หรือถึงทำใครๆ ก็ไม่คิดว่านั่นคือสิ่งดี เรื่องถนัดเกือบทั้งหมดที่ทำได้เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ลงความเห็นกันว่าเป็นเรื่องไม่ดี เขาหัวไม่ดีและไม่มีความพยายามพอที่จะทำให้ตัวเองพัฒนาตัวเองขึ้นมา ตลอดมาไม่เคยทำให้บิดามารดาได้ยืดอกอย่างภาคภูมิใจในตัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวเลย

    ในวัยเด็กเขาถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ถูกเรียกว่าเด็กเหลือขอ ในช่วงวัยรุ่นถึงแม้จะยังไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มอันธพาลแต่ก็ดูใกล้เคียงเข้าไปทุกขณะ เขาหงุดหงิดกับคำบ่นคำด่าของบุพการีมากขึ้นทุกวันจนสุดท้ายก็ขอย้ายมาอยู่ในหอพักใกล้สถานศึกษา

    “ขอบใจนะหนู ที่วันก่อนช่วยยายหากุญแจบ้านอยู่ตั้งนานสองนาน ไม่อย่างนั้นยายเข้าห้องไม่ได้ แย่แน่เลย เอ้า นี่ขนมเล็กๆ น้อยๆ ยายกะว่าจะซื้อกลับไปกินที่บ้าน พอดีเห็นหนูแล้วจำได้ก็เลยเอามาให้ เก็บไว้กินนะ”

    วันหนึ่งยายที่พักอยู่หอพักเดียวกันเดินเข้ามาทักทาย หญิงชรากล่าวขอบคุณยกใหญ่พร้อมกับยื่นขนมให้ห่อหนึ่ง รุ่งโรจน์มองตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าที่หอนี้มียายแก่คนนี้อาศัยอยู่ด้วย

    “อะไร ยาย จำคนผิดรึเปล่า”

    “ไม่ผิดหรอกหนู เห็นแก่อย่างนี้แต่สมองยายยังดีอยู่นะ ไม่เลอะเลือนขนาดจำใครไม่ได้หรอก เอ้า รับไปสิ”

    “ไม่เอาหรอก ขนมอะไรก็ไม่รู้ ผมกำลังรีบด้วย”

    หญิงชราพูดพร้อมกับยัดถุงขนมใส่ในมือ ในขณะที่รุ่งโรจน์ปฏิเสธเสียงแข็งและชักมือกลับทันควัน ก่อนที่จะเดินหนีออกมาอย่างหัวเสีย ปล่อยให้ยายเฒ่ายืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    “ยากแก่บ้า ท่าทางจะแก่จนสติเลอะเลือน จำคนผิดๆ ถูกๆ”

    เขาบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ ใบหน้าที่ต่อให้อยู่เฉยๆ ก็ดูเหมือนกำลังโมโหอยู่แล้วยิ่งดูเกรี้ยวกราดขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว ในเวลานั้นรุ่งโรจน์คิดว่าเป็นการทักคนผิดธรรมดาของคนแก่หลงๆ ลืมๆ แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นอย่างที่เขาเข้าใจ

    มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นเท่านั้น


    รุ่งโรจน์ไล่ตามเหยื่อบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปหมายจะสั่งสอนพวกเกมเมอร์มือใหม่และระบายอารมณ์ไปในตัว แต่กลับเป็นเขาเสียเองที่พลาดท่า อันที่จริงเหยื่อเลเวลต่ำที่เขาหมายตากลับเป็นนกต่อให้กับพวกเลเวลสูงกลุ่มใหญ่ที่กำลังรออยู่

    แม้จะเป็นเกมส์ แต่เขาก็ดิ้นรนต่อสู้เต็มที่ เพราะมันหมายถึงศักดิ์ศรีของเหล่าเกมเมอร์ นิ้วระดมกดแป้นคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทว่าความพยายามนั้นแทบจะไร้ผลเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเลเวลสูงลิบหลายคน เพียงไม่กี่วินาทีเขาก็ถูกรุมตีจนพลังงานหมด

    นิ้วกระแทกลงบนแป้นคีย์บอร์ดรุนแรง เขาตบโต๊ะเสียงดังจนคนในร้านหันมามองเป็นตาเดียวกัน    

    รุ่งโรจน์ลุกจากโซฟาด้วยอารมณ์เดือดดาล หัวเสียหนักยิ่งกว่าเดิม เขาเดินตรงดิ่งไปห้องน้ำ ในช่วงจังหวะที่ประตูเปิดออก ชายคนหนึ่งเดินสวนออกมาจากข้างใน ทีแรกเขาเองไม่ได้สนใจชายคนนั้น แต่แล้วอะไรบางอย่างก็ทำให้เขาหันกลับไปมอง

    ราวกับรู้ว่ามีคนลอบมองอยู่ ชายคนนั้นหยุดยืนอยู่กับที่ตรงหน้าประตูร้านเกมส์ หันกลับมามองในจังหวะเดียวกันกับรุ่งโรจน์ รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากก่อนที่เขาย่างกรายออกจากร้านไป

    รุ่งโรจน์ตกตะลึง ใจเต้นรัว มือไม้สั่น ไม่แน่ใจว่าในสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ ทว่าไม่ทันที่เขาจะคิดอะไรต่อ เท้าทั้งสองก็พุ่งตัวตามชายคนนั้นออกจากร้านเกมส์ไปทันที


    “เห้ย ไอ้โรจน์ เมื่อวานโชว์ฟอร์มเทพเลยนี่หว่า ไม่คิดว่าจะเล่นบอลเป็น เก่งขนาดนั้นทำไมไม่สมัครเป็นนักกีฬามหา’ลัยไปเลยล่ะ”

    จู่ๆ ก็มีนักศึกษาคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย รุ่งโรจน์พยายามนึกแต่ก็จำไม่ได้ว่าไปรู้จักคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

    “เออ วันนี้ถ้าจะมาเล่นอีกก็มาเร็วหน่อยนะ วันนี้วันศุกร์ คนเยอะ เดี๋ยวคิวมันจะยาว”

    และยิ่งเป็นเรื่องที่เขาคนนั้นกำลังคุยด้วยแล้ว รุ่งโรจน์ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ว่ามันคือเรื่องอะไร เขาไปเล่นอะไร ไปโชว์ฟอร์มเทพตอนไหน

    หลังจากนั้นเหตุการณ์ทำนองนี้กลับเกิดขึ้นบ่อยขึ้น มีคนที่เขาไม่รู้จักเข้ามาทักทายและชื่นชมเขาบ่อยครั้งในเรื่องที่เขาจำไม่ได้ว่าไปทำไว้ตอนไหน คนที่ดูเหมือนจะเคยกลัวเขาก็กลับยิ้มแย้มให้ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน

    “ขอบใจเธอมากนะโรจน์ ที่เมื่อวานให้เรายืมร่ม ว่าแต่เธอ เป็นยังไงมั่ง เดินตากฝนกลับบ้านเป็นหวัดรึเปล่า”

    “โรจน์ใจดีจัง เมื่อวานตอนเย็นเราเดินผ่านไปที่สวนสาธารณะ เห็นเธอกำลังเอาอาหารไปให้ลูกแมวถูกทิ้งพอดีเลย”

    “เห้ย โรจน์ ขอบใจว่ะเพื่อนที่ให้ลอกงาน เอ้า เราเอาสมุดมาคืนนายละ”

    รุ่งโรจน์รับสมุดที่เพื่อนส่งคืนมาให้ เขาเปิดดู ในนั้นเป็นลายมือของเขาเองอย่างไม่ต้องสงสัย และนั่นเองยิ่งทำให้เขางงเป็นไก่ตาแตกมากขึ้นไปอีก เขาไม่เคยรับรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน

    เขาไม่เคยให้ใครยืมร่มเพราะเขาไม่เคยพกร่มมาเรียน แต่ถึงพกจริงก็คงจะไม่ยอมยกร่มที่อุตส่าห์เอามาให้ใครแล้วยอมเปียกเสียเอง ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยให้อาหารสัตว์ เขาเกลียดแมว แค่เห็นมันเดินผ่านก็อยากเตะให้กระเด็นแล้ว

    แต่ที่ยิ่งกว่านั้น สมุดรายงานที่มีลายมือของเขานั้นมันไม่ใช่ของเขา เขาไม่เคยเข้าเรียนวิชานี้ ไม่เคยจดงานหรืออะไรออกมาจากห้องเรียน แม้แต่สมุดสักเล่มเขาก็ไม่เคยพกเข้าเรียน

    แล้วทั้งหมดนี่มันฝีมือใคร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่