“ ถ้าใจเราไม่อยู่ที่เรา ให้สังเกตว่า มันไปที่ใหน ”

ในเช้าวันพุธ นักเรียนระดับชั้นป.5 ของโรงเรียนประถมศึกษาเซนต์จอห์น เดอะแบ๊พทิสต์ในเมืองไบรตัน
กำลังคุยกันเซ็งแซ่ที่โต๊ะของพวกเขา พอเสียงระฆังดังขึ้น เสียงคุยเหล่านั้นก็หยุด เด็กจำนวน 30 คนหลับ
ตาลงและใช้มือทาบที่อก หายใจเข้าและออกช้าๆ ดูราวกับว่าพวกเขาถูกสะกดจิต

“ ถ้าใจเราไม่อยู่ที่เรา ให้สังเกตว่า มันไปที่ใหน” ครูเคอสติน อันดลอว์ พูดด้วยเสียงนุ่มนวล
“ จากนั้นให้กลับมาสนใจที่ลมหายใจ ”

เด็กนักเรียนเหล่านี้กำลังฝึกการเจริญสติ ซึ่งเป็นวิธีการที่ทำให้พวกเขา หยุด ผ่อนคลาย และอยู่กับปัจจุบัน
ห้องเรียนแบบนี้ปกติเคยมีเฉพาะที่โรงเรียนเอกชน แต่ปีนี้มีโรงเรียนรัฐบาลมากกว่าโรงเรียนเอกชนที่สมัคร
ร่วมโครงการนี้ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น

จากข้อมูลของโครงการการเจริญสติในโรงเรียน ในปีนี้มีครูจำนวน 1,350 คนได้รับการอบรมเทคนิคการเจริญสติ
เพิ่มขึ้นสองเท่าจากปีที่แล้ว ตอนนี้มีครูทั่วประเทศมีคุณสมบัตินี้มากกว่า 4,000 คน

เมื่อครูอันดลอว์ถามว่า
“ ใจของพวกเธอไปที่ใหน? ” แองเจิลตอบว่ากำลังคิดถึงแม่ที่ไปโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดในวันนั้น
โจเซ่กำลังตั้งตารอคอยงานวันเกิดของน้องสาวสุดสัปดาห์นี้
ส่วนใจของดาเนียลไปอยู่ที่อาหารกลางวัน

เมื่อคุณครูถามต่อว่า
“ พวกเธอสามารถปล่อยความคิดเหล่านั้นไป
และกลับมาอยู่ที่ลมหายใจได้ไหม? ”
เด็กๆก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ

ชั้นเรียนประกอบด้วย การฝึกการหายใจ พูดคุยเกี่ยวกับการนั่งสมาธิและ
การเคลื่อนไหวเพื่อยืดเหยียดร่างกายแบบง่ายๆ

“ เป็นการฝึกปฏิบัติเพื่อช่วยให้นักเรียนควบคุมตนเองได้ มีจิตใจที่สงบ หรือ ช่วยให้พวกเขามี
กำลังใจขึ้นมาได้เมื่อรู้สึกท้อแท้ ”
คุณครูอันดลอว์กล่าว ในอเมริกาตอนนี้ บางโรงเรียนให้นักเรียนนั่งสมาธิแทนการลงโทษ
ด้วยการกักบริเวณ ทำให้ความก้าวร้าวรังแกกันที่โรงเรียนลดลงมาก รวมถึงมีผลการเรียนที่ดีขึ้นมาก

แต่ริชาร์ด เบอร์เน็ต ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการนี้ที่อังกฤษ มีการปรับจากโมเดลของอเมริกาโดยเฉพาะ
อย่างยิ่งที่ใช้ การเจริญสติไปแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่ดีของนักเรียนซึ่งตรงข้ามกับการเจริญสติ เพื่อให้มีสติ
โดยเขาคิดว่าโมเดลของอเมริกาเป็นวัฒนธรรมบนฐานของการแสวงหาความสำเร็จซึ่งเป็นการเพิ่มความ
กดดันให้เด็กๆมากไป

#เด็กในโรงเรียนธรรมะวิถีพุทธในไบรตันกำลังตีระฆังแห่งสติ

แต่กระนั้น ก็มีคำถามว่า ความเครียดซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพจิตหลัก ๆ ในโลกที่เชื่อมโยงกันอย่างท่วมท้น
แล้วเด็ก ๆ และวัยรุ่นไม่เข้มแข็งพอที่จะรับมือกับมัน ทำให้ต้องมีโครงการเจริญสติที่โรงเรียนใช่หรือไม่?

ดร.ริชาร์ด เกรแฮม จิตแพทย์ที่ปรึกษาที่โรงพยาบาลไนติงเกล ลอนดอน คิดว่า ใช่ เพราะ เขาได้เห็นแล้วว่า
ปีนี้มีจำนวนวัยรุ่นที่ต้องการรักษาการติดเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ติดเกม เป็นจำนวนมาก

“ วัยรุ่นอยู่ในโลกที่วกวนมากๆ เมื่อความกลัวตกเทรนด์กลายเป็นแบบแผนชีวิต ต้องเสพติด อินเตอร์เน็ต พวกเขา
ต้องสู้กับการทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ” คุณหมอกล่าว

คุณหมอเกรแฮมเชื่อว่า การฝึกสติมีคุณค่ากับนักเรียนเพราะแก่นของเรื่องนี้คือการส่งเสริมเรื่องสุขภาวะและการเป็น
ที่พึ่งให้ตนเองได้

ซึ่งหวังว่าการค้นพบของโครงการงานวิจัยใหม่จากศูนย์การเจริญสติ ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดจะขจัดปัญหา
และอุปสรรคต่างๆได้ งานวิจัยนี้จะประเมินถึงประโยชน์ของการฝึกสติต่อสุขภาพจิตของเด็กกว่า 6,000 คน เป็น
เวลาอีก 6 ปี

“ แน่นอนว่ามันไม่ได้พิสูจน์ว่า การฝึกสติแก้ปัญหาความกังวลใจของเด็กๆได้อย่างสิ้นเชิงแต่งานวิจัยจะบอก
เราว่าอะไรทำแล้วได้ผล อะไรทำแล้วไม่ได้ผล ” เบอร์เน็ตกล่าว รัฐบาลอังกฤษก็ติดตามงานวิจัยนี้อยู่เช่นกัน
ปัจจุบันนี้ถ้าโรงเรียนใหนต้องการให้มีการเจริญสติในหลักสูตร โรงเรียนนั้นต้องจัดหางบประมาณเอง

เจมี่ บริสโตว ผู้อำนวยการ โครงการ Mindfulness Initiative ซึ่งเป็นองค์กรด้านนโยบายและการวิจัย กล่าวว่า
ปัญหาในเรื่องนี้คือโรงเรียนกลุ่มที่ยากจนไม่ได้เข้าร่วมโครงการ การเจริญสติ
“ โรงเรียนเหล่านี้ต่อสู้มากที่สุดกับปัญหาเรื่องพฤติกรรมนักเรียน คนที่มีความเครียดสูงและขาดเรียนบ่อย เป็น
คนที่น่าจะได้ประโยชน์จากการเจริญสติมากที่สุด แต่โรงเรียนกลุ่มนี้ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เพราะไม่มีงบประมาณจ่าย ”

คาเมล ฮิวจ์ ครูใหญ่ของโรงเรียนเซนต์จอห์น เดอะแบ๊พทิสต์นำเรื่องการเจริญสติเข้ามาในโรงเรียนหลังจากได้ยิน
ได้ฟังถึงเรื่องราวดี ๆ ของการเจริญสติจากครูใหญ่โรงเรียนอื่น ๆ โรงเรียนที่เธออยู่ก็ไม่ได้ร่ำรวยแต่เธอเชื่อว่า เงิน
จำนวน 1,600 ปอนด์ (68,810.14 บาท) สำหรับระยะเวลาโครงการ 16 สัปดาห์ เป็นการใช้เงินที่ดีแล้ว

“เด็กๆตั้งหน้าตั้งตารอคอย วิชาการเจริญสติ เพราะมันแตกต่างจากวิชาอื่น เป็นวิชาที่พวกเขาได้รับการส่งเสริม
ให้อยู่กับตัวเอง”

หลังจากจบคลาสซึ่งมีระยะเวลา 15 นาที เด็กชั้นป.5 เหล่านี้ก็คุยกันต่อที่โต๊ะ คุณครูกำลังเตรียมตัวสอนกลุ่มต่อไป
นักข่าวของเดอะการ์ดเดียนใช้โอกาสนี้ ถาม ด.ช.รีซ อายุ 9 ขวบว่า เขาคิดอย่างไรกับการเจริญสติ? ด.ช.รีซ นั่งคิด
สักครู่และโน้มตัวลงมาตอบอย่างมั่นใจว่า “ ผมชอบการหายใจที่มีสติ ” และเขากระซิบว่า “ มันช่วยให้ผมนอนหลับได้เมื่อผมฝันร้าย ”

ข้อมูลจาก: https://www.theguardian.com/education/2016/oct/23/mindfulness-school-lessons-pupil-stress


ขออนุโมทนาที่ https://www.facebook.com/jettaphon.sasorn.5

ขอฝากไว้พิจารณา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่