หลังจากที่ ชีวิตผมเริ่มที่ได้ยินเสียงความคิดคนอื่นชัดขึ้นเรื่อย จนบางทีผมก็แยกไม่ออกว่าอันไหนความคิด อันไหนใครพูด ในขณะเดียวกัน ผมก็เหมือนถูกคุณไสยไปพร้อมๆกัน จะบอกยังงัยดีล่ะครับ ปกติผมเป็นผู้ชายที่หน้าตาคนข้าง(พอใช้ได้ในระดับนึง) สาวๆมักจะยิ้มให้ผม (555555 เข้าข้างตัวนะครับ) แต่ก็จริงๆว่า ผมมักจะมีสาวให้เบอร์เสมอ ในวันนึงที่ผมฝันเห็นยายมาช่วยผมในครั้งก่อนที่เล่าให้คุณฟัง แล้วผมก็ต้องการหาคำตอบ ผมจึงไปไปตำหนักร่างทรงทั้งหลาย เพราะต้องการหาเหตุผลในความฝันอันลี้ลับของผม ซึ่งเป้นการตัดสินใจที่ผิดพลาดในชีวิตสิ่งหนึ่งเลย ดังนั้นใครก็ตามที่คิดว่า จะหาคำตอบจากสิ่งลี้ลับด้วยการไปหาร่างทรง องค์เทพ ตามตำหนักทรง ผมเอาประสบการณ์ของผมมายืนยันกับคุณเลย ณ ตอนนั้นว่า ผม ได้พบสิ่งนี้
เริ่มจากการไปดูดวงกะป้าหมอดูที่เล่าไปคราวที่แล้ว สิ่งที่ผมได้รับ คือ กลางค้ืนป้าหมอคนนี้ ส่งวิญญาณมาหาผมครับ ที่ผมกล้าพูดแบบนี้ ก็เพราะว่า ตกกลางคืน (จากวันที่ไปหาป้าหมอดู ล่วงมา 3 วัน) ผมฝันว่า ผมได้เดินลงตึกไปเพื่อไปซื้อของกินใน 7-11 ซึ่งเป็นปกติของเด็กหอ ผมเห็นว่า ระหว่างทางเดินเนี่ยมีคนนั่งอยู่ตรงหน้าร้านป้าหมอดูนี่ล่ะครับ แล้วเขาเนื้อตัวมอมแมมเชียว นั่งโยกตัวไปมา เหมือนกันเป้นอะไรสักอย่าง ลักษณะนั่งยองๆ น่ะครับ คุณนึกภาพออกมั้ย ? นั่งยองๆแล้วโยกตัวไปมา เสื้อผ้าขาดๆ ทำให้ผมต้องหยุด เพื่อมอง...ว่า ผมจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าเป้ฯผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะผมเผ้ารุงรัง วิ่นๆแบบนี้ ปกติก็เป็นได้ทั้งชายและหญิง เมื่อผมหยุดยืนดู สักพักนึง ร่างนั้นก็ค่อยๆหันมาหาผมช้าๆ เหมือนกับกำลังรอผมอยู่ ตอนนั้นในฝันผมขนลุกซู่เลยครับ (ผมจำได้แม่นยำมากกกกกกกแม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว)เป็นภาพที่ติดตรึงหัวใจผมอย่างบอกไม่ถูก เขาหันหน้ามาเพียงส่วนเดียวทำให้ผมรู้ว่า ร่างนั้นเป็นผู้ชาย แล้วเสียงหัวเราะแหลมๆเย็นๆก็ดังนั้น คุณคิดว่าผมจะเป็นยังงัยครับ 55555555555555

...เกิดมาจนตอนนี้ นี่ล่ะโว้ยยยยยยยยยยยยย.....เจอเข้าให้แล้ว ผมคิดแบบนี้ ... ในฝันผมก้าวขาไม่ออกเลย ผมกลัวมาก จนบอกไม่ถูก ใบหน้าที่มันแห้งจนตอบเหมือนไม่ใช่หน้าคนแม้จะเห็นเพียงเสี้ยวเดียวก็รู้เลยครับว่าคืออะไร เหอๆๆๆๆๆ เสียงนั้นหัวเราะแบบนี้เลยครับ อารมณ์เหมือนคนโรคจิตถูกใจอะไรสักอย่าง แล้วผมก็ได้ยินเสียงว่า "เก่งนังใช่มั้ย?วะ" เก่งนักใช่มั้ยยยย? เสียงลากๆยาวของเขา ทำให้หัวใจผมสั่น ผมกลัวอย่างที่สุดเลยคุณเอ๋ย ....แล้วก็เหมือนในหนังเลยคับที่ร่างนั้นพุ่งเข้าหาผมอย่างรวดเร็ว ความกลัวของผมพุ่งขึ้นถึงขีดสุด
ผมตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกเหนือยและกลัวอย่างขีดสุด ที่นอนเปียกไปด้วยเหงื่อ ผมจำได้ว่า หัวใจของผมมันมีอาการปวดหนึบ เหมือนคนจะขาดใจตาย มันเต้นเร็วเสียจนจะทะลุออกมาจากในทรวงอก ข้อเสียของการอยู่หอคนเดียว สำหรับหนุ่มโสด คือ กูโคตรจะกลัวล่ะครับ ในยามวิกาลเช่นนี้ ผมไม่กล้าแม้จะเข้าห้องน้ำเพื่อไปฉี่ ผมนั่งทบทวนความฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนรุ่งเช้า จึงออกไปใส่บาตร ด้วยความไม่สบายใจ แล้วผมก็ต้องการหาคำตอบของเรื่องนี้ด้วยการไปปรึกษาเพื่อนที่อยู่หอเดียวกัน ที่ได้ไปดูดวงกะป้าหมอคนนี้ เนื่องจากที่เล่าไปครั้งก่อน เขาก็มาทักทายผม ผมจึงตัดสินในไปเคาะประตูเพื่อคุยกัน จนกลายเป้นคู่หูของผมที่จะเล่าต่อไป เพื่อนผมคนนี้ เป้นคนชอบสิ่งลี้ลับมา เรื่องผี เรื่องร่างทรง เรื่องสักยันต์ เรื่องอาคม เพื่อนผมศึกษาด้วยความสนใจ แล้วความบัดซบก็มาเยือนผมครับ เมื่อเพื่อนมาผมไปตำหนึกทรงต่างๆ
เริ่มด้วยตำหนักปู่ฤาษีตาไฟ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมก็ตามเพื่อนไปด้วย เมื่อไปถึง เหมือนดูดวงล่ะครับ รอว่าร่างจะทรงเมื่อไหร่ แต่ที่จริงแล้ว เขาทรงกันแล้ว ตอนผมไปถึงก็ไปนั่งรอคิว พอคิวเราก็จะมีคนมาเรียก มาถึงตาผม เพื่อนก้จะเกร่ินนำครับว่าผมฝันแบบนั้น แบบนี้ ร่างทรงก็มองแล้ว แล้วเอามีดหมอ มาถือไว้ ผมก็งงครับเพราะคำว่ามีดหมอ ไม่ใช่มีดทำกับข้าว หรือ มีดปอกผลไม้เล็ก แต่เป้นเหมือนมีดอีโต้ขนาดใหญ่มาก และในมืออีกข้างก็ถือดาบด้ามยาวไว้ด้วย ตรงนี้ ทำให้ผมกลัวเล็กๆว่า ร่างทรงจะฟันผมรึปล่าว? ผมได้นั่งนิ่งเงียบรอคำตอบจากร่างทรงเมื่อเพื่อนผมถามครับ ร่างทรงถาม เพื่อนผมตอบ สลับกับ เพื่อนถาม ร่างทรงตอบ พอได้ความว่า มีคนปล่อยผีตายโหงเล่นงานผม เพราะผมไปซ่ากะเขาไว้ โอฟังดูเข้าทีนะครับ เหมือนจะรู้เหตุการณ์เล่านี้ของผมด้วยตาเชียว ร่างทรงแนะนำให้ผมรับองค์ก่อน เพราะผมเป็นคนจิตอ่อน ต้องรับร่างเพื่อจะได้เข็มแข็ง และมองเห็นด้วยว่าผมมีองค์หลายองค์ ซึ่งเพื่อนผมก็รู้สึกอิจฉาผมเลยว่า ผมทำไมมีของดีขนาดนั้น อย่างที่บอกคุณว่า ผมมักจะได้ยินเสียงคนคิด ณ ตอนนั้น ผมก็ได้ทำสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด ด้วยการพูดภาษาเทพออกมาทันที เมื่อร่างทรงเอามีดหมอมาแตะที่หน้าผากของผม เป็นภาษาโบราณที่ใครก็แปลไม่ออก แต่ผมที่พูดไปสามารถแปลได้คร่าวๆว่า อย่ามายุ่งกับกู ไอ้ผีชั้นต่ำ อย่าให้กูต้องสำแดงนะ ผมไม่สามารถบังคับตัวเองได้เลยครับ น้ำตาผมไหลออกจากตา เสียงผมเปลี่ยน และที่สำคัญ เสียงดังมาก แม้ผมจะไม่ได้ตะโกนก็ตามที ร่างทรงอยุดทันที แล้วก็เริ่มไอ ร่างทรงนั้นพยายามจะหยิบเศียรครูมาครอบหัวผมครับ ในตอนนั้นเองที่ผมเลือกยืนขึ้นทันที ผมมีสติเหลืออยุ่บ้าง แต่ไม่สามารถบังคับร่างได้ เพราะเหมือนจะขาดใจตายไปตรงนั้น ถ้าต่อต้านสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วเดินออกจากจุดนั้นไป หยุดอยู่หน้าตำหนักของร่างทราง เมื่อเดินไปแบบนั้น แน่นอนครับพิธีล่ม ครอบเศียรก็ไม่ได้ครอบแล้ว มีแต่ความรู้สึกที่ว่า กูไม่ยอม กูไม่ยอม กูไม่ยอม แล้วความรู้สึกคล้ายกับ คนปลุกของ ที่มีเรียวแรงมหาศาล สามารถเดินชนของหล่นได้โดยที่ไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่นิดเดียว เสียงของหล่นกราว เพราะผมเดินโต๊ะที่ไว้ของบูชาของร่างทรงที่วางอยู่แถวนั้น
เป้ฯที่ตกตะลึงของบรรดาศิษย์ เสียงของผมดังกึกก้องมาก มากจนผมกลัวตัวเองครับ และแน่นอนใครๆก็กลัวผมมาก 55555555555 คนในนั้นมีคนตาดีตะโกนเรียกผมว่า เป็นร่างของเทพ ผมรู้สึกสลดใจมากที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ และแน่นอนครับเพื่อนผมก็ต้องเดือดร้อนจากการที่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้ เพราะเขานับถือร่างทรงคนนี้มาก เพื่อนผมเดินเข้ามาจับล็อกผม ลากผมขึ้นรถแท็คซี่ กลับหอ ผมนั่งรถมาด้วยสภาพน้ำตาไหลพรากและตัวแข็งทื่อ ร้องไห้ฮือๆ ตลอดเวลาเหมือนคนเสียสติ เป็นเดชะบุญแต่ปางชาติไหนไม่ทราบ พอขึ้นแท็กซี่ ร่างที่เกร็งๆของผม เกร็งจนไม่สามารถขยับตัวได้เลย ผมได้ยินเสียงเหมือนคนเปิดเทปเทศน์ธรรมะ และในรถแท็กซี่คันนั้น ก็ปรากฏภาพของพระพุทธรูปแปะอยู่ด้านบนหลังคาของแท็กซี่ เป้นพระพุทธชินราช ด้านหน้ารถมีรูปหล่อเล็กๆ ของหลวงปู่ทวด จากที่ผมครางฮือๆเหมือนคนร้องไห้ ตอนนั้นผมเริ่มหายใจออก ผมที่เป้นสติส่วนน้อยที่สำนึกถึงความรู้สึกอบอุ่มที่ไหลเข้าสู่ตัวผมอย่างช้าๆ ผมเริ่มรู้สึกว่า ควบคุมตัวเองได้บางส่วน สิ่งแรกที่ผมได้ยินคือ ให้ผมพยายามหายใจเข้าออกลึกๆ ผมทำตามแต่โดยดี เพราะผมไม่สามารถหายใจได้เต็มปอดเลยตอนที่เกิดเรื่องขึ้น รู้สึกเหมือนคนที่เป็นโรคหัวใจ เสียด้วยซ้ำ มันปวดหนึบๆในหัวใจ ปวดมากจนหายได้ไม่มาก ก
พอรถแล่นออกมาไกลมุ่งหน้าสู่รามคำแหง ผมรู้สึกสลดใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น เพื่อนผมก็เฝ้าถามว่า เฮ้ย เป็นงัยมั่งวะ ผมเงียบตลอดทางไม่ตอบคำถามเพื่อนสักคำเดียว จนจ่ายเงินลงจากรถ ผมเปิดประตูเข้าห้องก่อนจะหันมาบอกเพื่อนว่า ผมขอโทษเขาด้วยที่ทำไปอย่างนั้น ผมไม่สามารถบังคับร่างได้จริงๆ แต่ผมรู้ตัวตลอดเวลาเลยนะ เพื่อนผมซึ่งมีความเชื่อในด้านนี้ มีความรู้สึกยินดีและนับถือผมมาก ว่าผมมีของดีกว่าอาจารย์ของเขา และหาว่าผมอมภูมิ มีของดีแต่ไม่เคยบอกเขาเลย ผมรู้สึกเหนื่อยจึงขอตัวเพื่อจะพัก ไว้คุยกันใหม่นะ ผมทิ้งตัวลองบนเตียงนอนด้วยความรู้สึกอับอายมาก ไม่คิดว่าคนอย่างผมจะทำอะไรแบบนั้น และมีอะไรแบบนั้น ผมยิ่งไม่เข้าใจในตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ ผมคิดถึงยายมาก และหลังจากวันนั้น ผมก็ฝันว่ามีผีมาหาผม มาข่มขู่ผมตลอด ผมเริ่มมีอาการปวดหัวมากในช่วงเวลา ห้าโมง - หกโมงเย็น มันปวดหัวเป้ฯเวลา ตอนแรกผมไม่ได้ใส่ใจ คิดว่าผมเครียดจนเป้นมายเกรน
ผมปวดหัวมากจนแทบระเบิดออกมา เมือ่ไปหาหมอ หมอเลือกที่จะฉีดยาระงัยปวดให้ผมอย่างทันที เนื่องจากผมปวดจนเส้นในตาผมแตก และความดันในตาขึ้นจนดันลูกตาออกมา ผมร้องไห้ด้วยความรู้สึกสับสนว่า นี่กูเป้นอะไรวะ ผมไมถึงปวดหัวแบบนี้ วันผ่านวันไป ผมเลือกทีจะฉีดยาที่โรงพยาบาลแทบจะวันเว้นวัน หมอจังตรวจหาเนื้องอกในสมองของผม ด้วยการทำ GT scan และ MRI ทำให้เห็นว่า ในฟิล์ม นั้น เห็นลูกนัยน์ตาของผมดันออกจากเบ้าตา เนื่องมันความดันสูงอย่างฉับพลัน โดยไม่ทราบสาเหตุ หมอจึงไม่กล้าลงวความเป็นว่าผมเป็นอะไรกันแน่
ตกกลางคืน ผมจะฝันทุกวัน ว่า ผมนี่วิ่งหนีผีอยู่เสมอ หนีด้วยความหวาดกลัวอย่างที่สุด ผีจากทั่วสารทิศมาข่มขู่ผม หลอกหลอนผม ผมตกอยู่ความกลัวทุกคืนในฝัน ยายที่เสียไปแล้วของผม มักจะมาช่วยผมให้หนีให้รอดพ้นจากคนที่ตามไล่ล่าเอาชีวิตผม ผมทรมานมากๆ คุณออกมั้ยครับ ว่า ชีวิตของผมที่กลางคืนนอนเหมือนหลับไม่ตื่น แต่พอตอนมาจริงๆ มันเหนือยมากเหมือนคนไม่ได้นอน ผมกินอะไรไม่ค่อยได้ มีอาการเหมือนคนเหมือนอาหารอย่างมาก ผมเลือกที่จะไม่ไปโรงพยาบาลแล้ว เลือกที่จะซื้อยามากินเองเพราะผมไม่มีแรงจะไปหาหมออีกแล้ว ผมผอมลงจนไม่ค่อยมีสาวที่ไหนกล้ามาให้เบอร์ผมอีก คนทีเคยโทรมาก็ พอได้เห็นผม ก็กลัวผม เนื่องจากผมผอมลงอย่างรวดเร็ว อาจจะเป้นเพราะไม่ค่อยได้หลับสนิทและกินอาหารไม่ค่อยได้ ช่วงเวลา 4 โมงคือเวลาทีผมกลับถืงหอพักแล้วทุกวันเพราะในเวลา 5 โมงเย็นเป้นต้นไป คือเวลาของอาการปวดหัวเจียนระเบิดของผม
เริ่มสนุกแล้วใช่มั้ย?ครับ แต่ชีวิตตอนนั้นของผม แมร่งโคตรจะบัดซบเลย 555555555555555555555555555555555555
ผมและกรรมของเขา ตอน สำนักทรง รวมมิตรอวิชชา
เริ่มจากการไปดูดวงกะป้าหมอดูที่เล่าไปคราวที่แล้ว สิ่งที่ผมได้รับ คือ กลางค้ืนป้าหมอคนนี้ ส่งวิญญาณมาหาผมครับ ที่ผมกล้าพูดแบบนี้ ก็เพราะว่า ตกกลางคืน (จากวันที่ไปหาป้าหมอดู ล่วงมา 3 วัน) ผมฝันว่า ผมได้เดินลงตึกไปเพื่อไปซื้อของกินใน 7-11 ซึ่งเป็นปกติของเด็กหอ ผมเห็นว่า ระหว่างทางเดินเนี่ยมีคนนั่งอยู่ตรงหน้าร้านป้าหมอดูนี่ล่ะครับ แล้วเขาเนื้อตัวมอมแมมเชียว นั่งโยกตัวไปมา เหมือนกันเป้นอะไรสักอย่าง ลักษณะนั่งยองๆ น่ะครับ คุณนึกภาพออกมั้ย ? นั่งยองๆแล้วโยกตัวไปมา เสื้อผ้าขาดๆ ทำให้ผมต้องหยุด เพื่อมอง...ว่า ผมจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ผมไม่ค่อยแน่ใจว่าเป้ฯผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะผมเผ้ารุงรัง วิ่นๆแบบนี้ ปกติก็เป็นได้ทั้งชายและหญิง เมื่อผมหยุดยืนดู สักพักนึง ร่างนั้นก็ค่อยๆหันมาหาผมช้าๆ เหมือนกับกำลังรอผมอยู่ ตอนนั้นในฝันผมขนลุกซู่เลยครับ (ผมจำได้แม่นยำมากกกกกกกแม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว)เป็นภาพที่ติดตรึงหัวใจผมอย่างบอกไม่ถูก เขาหันหน้ามาเพียงส่วนเดียวทำให้ผมรู้ว่า ร่างนั้นเป็นผู้ชาย แล้วเสียงหัวเราะแหลมๆเย็นๆก็ดังนั้น คุณคิดว่าผมจะเป็นยังงัยครับ 55555555555555
ผมตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกเหนือยและกลัวอย่างขีดสุด ที่นอนเปียกไปด้วยเหงื่อ ผมจำได้ว่า หัวใจของผมมันมีอาการปวดหนึบ เหมือนคนจะขาดใจตาย มันเต้นเร็วเสียจนจะทะลุออกมาจากในทรวงอก ข้อเสียของการอยู่หอคนเดียว สำหรับหนุ่มโสด คือ กูโคตรจะกลัวล่ะครับ ในยามวิกาลเช่นนี้ ผมไม่กล้าแม้จะเข้าห้องน้ำเพื่อไปฉี่ ผมนั่งทบทวนความฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนรุ่งเช้า จึงออกไปใส่บาตร ด้วยความไม่สบายใจ แล้วผมก็ต้องการหาคำตอบของเรื่องนี้ด้วยการไปปรึกษาเพื่อนที่อยู่หอเดียวกัน ที่ได้ไปดูดวงกะป้าหมอคนนี้ เนื่องจากที่เล่าไปครั้งก่อน เขาก็มาทักทายผม ผมจึงตัดสินในไปเคาะประตูเพื่อคุยกัน จนกลายเป้นคู่หูของผมที่จะเล่าต่อไป เพื่อนผมคนนี้ เป้นคนชอบสิ่งลี้ลับมา เรื่องผี เรื่องร่างทรง เรื่องสักยันต์ เรื่องอาคม เพื่อนผมศึกษาด้วยความสนใจ แล้วความบัดซบก็มาเยือนผมครับ เมื่อเพื่อนมาผมไปตำหนึกทรงต่างๆ
เริ่มด้วยตำหนักปู่ฤาษีตาไฟ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมก็ตามเพื่อนไปด้วย เมื่อไปถึง เหมือนดูดวงล่ะครับ รอว่าร่างจะทรงเมื่อไหร่ แต่ที่จริงแล้ว เขาทรงกันแล้ว ตอนผมไปถึงก็ไปนั่งรอคิว พอคิวเราก็จะมีคนมาเรียก มาถึงตาผม เพื่อนก้จะเกร่ินนำครับว่าผมฝันแบบนั้น แบบนี้ ร่างทรงก็มองแล้ว แล้วเอามีดหมอ มาถือไว้ ผมก็งงครับเพราะคำว่ามีดหมอ ไม่ใช่มีดทำกับข้าว หรือ มีดปอกผลไม้เล็ก แต่เป้นเหมือนมีดอีโต้ขนาดใหญ่มาก และในมืออีกข้างก็ถือดาบด้ามยาวไว้ด้วย ตรงนี้ ทำให้ผมกลัวเล็กๆว่า ร่างทรงจะฟันผมรึปล่าว? ผมได้นั่งนิ่งเงียบรอคำตอบจากร่างทรงเมื่อเพื่อนผมถามครับ ร่างทรงถาม เพื่อนผมตอบ สลับกับ เพื่อนถาม ร่างทรงตอบ พอได้ความว่า มีคนปล่อยผีตายโหงเล่นงานผม เพราะผมไปซ่ากะเขาไว้ โอฟังดูเข้าทีนะครับ เหมือนจะรู้เหตุการณ์เล่านี้ของผมด้วยตาเชียว ร่างทรงแนะนำให้ผมรับองค์ก่อน เพราะผมเป็นคนจิตอ่อน ต้องรับร่างเพื่อจะได้เข็มแข็ง และมองเห็นด้วยว่าผมมีองค์หลายองค์ ซึ่งเพื่อนผมก็รู้สึกอิจฉาผมเลยว่า ผมทำไมมีของดีขนาดนั้น อย่างที่บอกคุณว่า ผมมักจะได้ยินเสียงคนคิด ณ ตอนนั้น ผมก็ได้ทำสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด ด้วยการพูดภาษาเทพออกมาทันที เมื่อร่างทรงเอามีดหมอมาแตะที่หน้าผากของผม เป็นภาษาโบราณที่ใครก็แปลไม่ออก แต่ผมที่พูดไปสามารถแปลได้คร่าวๆว่า อย่ามายุ่งกับกู ไอ้ผีชั้นต่ำ อย่าให้กูต้องสำแดงนะ ผมไม่สามารถบังคับตัวเองได้เลยครับ น้ำตาผมไหลออกจากตา เสียงผมเปลี่ยน และที่สำคัญ เสียงดังมาก แม้ผมจะไม่ได้ตะโกนก็ตามที ร่างทรงอยุดทันที แล้วก็เริ่มไอ ร่างทรงนั้นพยายามจะหยิบเศียรครูมาครอบหัวผมครับ ในตอนนั้นเองที่ผมเลือกยืนขึ้นทันที ผมมีสติเหลืออยุ่บ้าง แต่ไม่สามารถบังคับร่างได้ เพราะเหมือนจะขาดใจตายไปตรงนั้น ถ้าต่อต้านสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วเดินออกจากจุดนั้นไป หยุดอยู่หน้าตำหนักของร่างทราง เมื่อเดินไปแบบนั้น แน่นอนครับพิธีล่ม ครอบเศียรก็ไม่ได้ครอบแล้ว มีแต่ความรู้สึกที่ว่า กูไม่ยอม กูไม่ยอม กูไม่ยอม แล้วความรู้สึกคล้ายกับ คนปลุกของ ที่มีเรียวแรงมหาศาล สามารถเดินชนของหล่นได้โดยที่ไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่นิดเดียว เสียงของหล่นกราว เพราะผมเดินโต๊ะที่ไว้ของบูชาของร่างทรงที่วางอยู่แถวนั้น
เป้ฯที่ตกตะลึงของบรรดาศิษย์ เสียงของผมดังกึกก้องมาก มากจนผมกลัวตัวเองครับ และแน่นอนใครๆก็กลัวผมมาก 55555555555 คนในนั้นมีคนตาดีตะโกนเรียกผมว่า เป็นร่างของเทพ ผมรู้สึกสลดใจมากที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ และแน่นอนครับเพื่อนผมก็ต้องเดือดร้อนจากการที่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้ เพราะเขานับถือร่างทรงคนนี้มาก เพื่อนผมเดินเข้ามาจับล็อกผม ลากผมขึ้นรถแท็คซี่ กลับหอ ผมนั่งรถมาด้วยสภาพน้ำตาไหลพรากและตัวแข็งทื่อ ร้องไห้ฮือๆ ตลอดเวลาเหมือนคนเสียสติ เป็นเดชะบุญแต่ปางชาติไหนไม่ทราบ พอขึ้นแท็กซี่ ร่างที่เกร็งๆของผม เกร็งจนไม่สามารถขยับตัวได้เลย ผมได้ยินเสียงเหมือนคนเปิดเทปเทศน์ธรรมะ และในรถแท็กซี่คันนั้น ก็ปรากฏภาพของพระพุทธรูปแปะอยู่ด้านบนหลังคาของแท็กซี่ เป้นพระพุทธชินราช ด้านหน้ารถมีรูปหล่อเล็กๆ ของหลวงปู่ทวด จากที่ผมครางฮือๆเหมือนคนร้องไห้ ตอนนั้นผมเริ่มหายใจออก ผมที่เป้นสติส่วนน้อยที่สำนึกถึงความรู้สึกอบอุ่มที่ไหลเข้าสู่ตัวผมอย่างช้าๆ ผมเริ่มรู้สึกว่า ควบคุมตัวเองได้บางส่วน สิ่งแรกที่ผมได้ยินคือ ให้ผมพยายามหายใจเข้าออกลึกๆ ผมทำตามแต่โดยดี เพราะผมไม่สามารถหายใจได้เต็มปอดเลยตอนที่เกิดเรื่องขึ้น รู้สึกเหมือนคนที่เป็นโรคหัวใจ เสียด้วยซ้ำ มันปวดหนึบๆในหัวใจ ปวดมากจนหายได้ไม่มาก ก
พอรถแล่นออกมาไกลมุ่งหน้าสู่รามคำแหง ผมรู้สึกสลดใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น เพื่อนผมก็เฝ้าถามว่า เฮ้ย เป็นงัยมั่งวะ ผมเงียบตลอดทางไม่ตอบคำถามเพื่อนสักคำเดียว จนจ่ายเงินลงจากรถ ผมเปิดประตูเข้าห้องก่อนจะหันมาบอกเพื่อนว่า ผมขอโทษเขาด้วยที่ทำไปอย่างนั้น ผมไม่สามารถบังคับร่างได้จริงๆ แต่ผมรู้ตัวตลอดเวลาเลยนะ เพื่อนผมซึ่งมีความเชื่อในด้านนี้ มีความรู้สึกยินดีและนับถือผมมาก ว่าผมมีของดีกว่าอาจารย์ของเขา และหาว่าผมอมภูมิ มีของดีแต่ไม่เคยบอกเขาเลย ผมรู้สึกเหนื่อยจึงขอตัวเพื่อจะพัก ไว้คุยกันใหม่นะ ผมทิ้งตัวลองบนเตียงนอนด้วยความรู้สึกอับอายมาก ไม่คิดว่าคนอย่างผมจะทำอะไรแบบนั้น และมีอะไรแบบนั้น ผมยิ่งไม่เข้าใจในตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ ผมคิดถึงยายมาก และหลังจากวันนั้น ผมก็ฝันว่ามีผีมาหาผม มาข่มขู่ผมตลอด ผมเริ่มมีอาการปวดหัวมากในช่วงเวลา ห้าโมง - หกโมงเย็น มันปวดหัวเป้ฯเวลา ตอนแรกผมไม่ได้ใส่ใจ คิดว่าผมเครียดจนเป้นมายเกรน
ผมปวดหัวมากจนแทบระเบิดออกมา เมือ่ไปหาหมอ หมอเลือกที่จะฉีดยาระงัยปวดให้ผมอย่างทันที เนื่องจากผมปวดจนเส้นในตาผมแตก และความดันในตาขึ้นจนดันลูกตาออกมา ผมร้องไห้ด้วยความรู้สึกสับสนว่า นี่กูเป้นอะไรวะ ผมไมถึงปวดหัวแบบนี้ วันผ่านวันไป ผมเลือกทีจะฉีดยาที่โรงพยาบาลแทบจะวันเว้นวัน หมอจังตรวจหาเนื้องอกในสมองของผม ด้วยการทำ GT scan และ MRI ทำให้เห็นว่า ในฟิล์ม นั้น เห็นลูกนัยน์ตาของผมดันออกจากเบ้าตา เนื่องมันความดันสูงอย่างฉับพลัน โดยไม่ทราบสาเหตุ หมอจึงไม่กล้าลงวความเป็นว่าผมเป็นอะไรกันแน่
ตกกลางคืน ผมจะฝันทุกวัน ว่า ผมนี่วิ่งหนีผีอยู่เสมอ หนีด้วยความหวาดกลัวอย่างที่สุด ผีจากทั่วสารทิศมาข่มขู่ผม หลอกหลอนผม ผมตกอยู่ความกลัวทุกคืนในฝัน ยายที่เสียไปแล้วของผม มักจะมาช่วยผมให้หนีให้รอดพ้นจากคนที่ตามไล่ล่าเอาชีวิตผม ผมทรมานมากๆ คุณออกมั้ยครับ ว่า ชีวิตของผมที่กลางคืนนอนเหมือนหลับไม่ตื่น แต่พอตอนมาจริงๆ มันเหนือยมากเหมือนคนไม่ได้นอน ผมกินอะไรไม่ค่อยได้ มีอาการเหมือนคนเหมือนอาหารอย่างมาก ผมเลือกที่จะไม่ไปโรงพยาบาลแล้ว เลือกที่จะซื้อยามากินเองเพราะผมไม่มีแรงจะไปหาหมออีกแล้ว ผมผอมลงจนไม่ค่อยมีสาวที่ไหนกล้ามาให้เบอร์ผมอีก คนทีเคยโทรมาก็ พอได้เห็นผม ก็กลัวผม เนื่องจากผมผอมลงอย่างรวดเร็ว อาจจะเป้นเพราะไม่ค่อยได้หลับสนิทและกินอาหารไม่ค่อยได้ ช่วงเวลา 4 โมงคือเวลาทีผมกลับถืงหอพักแล้วทุกวันเพราะในเวลา 5 โมงเย็นเป้นต้นไป คือเวลาของอาการปวดหัวเจียนระเบิดของผม
เริ่มสนุกแล้วใช่มั้ย?ครับ แต่ชีวิตตอนนั้นของผม แมร่งโคตรจะบัดซบเลย 555555555555555555555555555555555555