สวัสดีทุกคนนน อ่ะเกริ่นก่อนวันนี้จะมารีวิว work and travel แบบฉบับตามใจฉันแบบงงๆ
ได้ความรู้บ้างไม่ได้บ้างก็ไม่ว่ากันเนอะ คิดว่าอ่านกันขำๆแบบสนุกๆก็พอ
จะมาเล่าก่อนเลยว่าทำไมถึงอยากไปโครงการนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยนอกจากชีวิตนี้อยากไปเหยียบอเมริกาสักครั้ง55555555555
และในการไปเมกาครั้งนี้เมืองที่เราเลือกไปก็คือออออ Delaware จ้าาาา งงละสิว่ามันอยู่ตรงไหนอ่ะ ไปดูรูป
เห็นจุดเล็กๆนั่นไหม นั่นแหละ Delaware! ถึงจะเป็นรัฐเล็กๆ แต่รับรองความน่าอยู่ไม่แพ้รัฐไหนแน่นอน อีกอย่างหนึ่งที่น่าจะถูกใจใครหลายคนก็คือ Delaware เป็นเพียงไม่กี่รัฐในเมกาที่ Free tax นะจ้า แถมยังมี Outlet ใหญ่สามที่ในตัวเมืองอีก อ่ะเห็นความน่าอยู่ของมันกันบ้างยัง ถ้ายังก็ลองเลื่อนลงไปอ่านสักนิด เผื่อจะถูกใจกัน
เริ่มที่ขั้นแรกในการจะไปเวริคก่อนเลย
เสต๊ปแรก อยากไปโครงการต้องทำไงละ ก็ต้องเลือกเอเจ้นก่อนถูกม่ะ ซึ่งมันก็มีหลายเจ้นเลยแหละ ก็ให้เลือกจากความพึงพอความใจของตัวเราเองละกัน แต่ละเจ้นมีข้อดีข้อเสียต่างกันอยู่แล้ว เอาที่เราคุยด้วยแล้วรู้สึกโอเคก็พอแล้ว ซึ่งสำหรับเราหวยก็มาออกที่ Ihappy
คือหลังจากสมัครเสียค่าโครงการแล้ว พี่เขาก็จะให้เราสอบวัดระดับภาษา หลังจากนั้นก็รอผลคะแนนออก
สเต๊ปสอง พอคะแนนออก เลือกงานเลยจ้า เลือกได้แล้วก็บอกพี่เอเจ้น เขาก็จะนัดสัมภาษณ์ผ่าน Skype กับเอเจ้นที่เมกาให้อีกที หลังจากสัมภาษณ์เสร็จก็รอผลวนไปจ้า ละแล้วววผลก็ออก ถามว่าผ่านไหม หึ! ไม่ผ่าน 555555555555555 ทำไงอะทีงี้ เพื่อนที่คุยไว้ว่าจะไปด้วยกันมันดันสอบผ่าน อหหหห. ตอนนั้นในใจนี่แบบ เอาแล้วไงได้ไปคนเดียวแล้ว หลังจากนั้นพี่เอเจ้นเขาก็ส่งงานมาอีกสองสามงาน แล้วงานสุดท้ายเราก็เลือกงาน McDonald’s ที่ Bethany beach, Delaware ไป หลังจากนั้นก็สัมภาษณ์กับเจ้นที่เมกา ผลออกมาก็ ผ่านแล้วจ้า!
สเต๊ปสาม หลังจากสัมภาษณ์ผ่าน ก็รอเอกสารที่ทางเจ้นเมกาจะส่งมาให้กับเราเพื่อใช้สำหรับการสอบสัมภาษณ์ขอวีซ่า พอเราได้เอกสารครบ พี่เอเจ้นก็จะจัดเตรียมเอกสารที่เหลือให้กับเราและจัดการจองวันสัมภาษณ์วีซ่าให้ ขั้นตอนนี้ไม่มีอะไรมากเลย เพราะพี่เขาจะเตรียมให้เราหมด เราแค่เตรียมตัวไปสอบก็พอ ส่วนการสอบนั้นก็ง่ายมาก โดนไม่กี่คำถามเอง แล้วฮีก็บอกว่ายินด้วยเที่ยวซัมเมอร์ให้สนุกนะ โอ้เยยยยฉันสุขใจยิ่งนัก 5555555
สเต๊ปสี่ ทุกอย่างครบละ เหลือแต่ตั๋วเครื่องบิน ตอนเราสมัครโครงการเราเลือกแพ็คแกจซื้อตั๋วเครื่องบินกับเอเจ้น ตรงจุดนี้ก็ไม่ต้องทำอะไรอีกละ ก็รอจ่ายอย่างเดียว555555 เดินทางวันที่ 25 พฤษภาคม กลับไทยวันที่ 2 กันยายน แวะเที่ยวที่ญี่ปุ่น สามวัน เพราะเราต้องรีบกลับมาฝึกงานต่อ
หลังจากเสต๊ปที่สี่แล้ว คือทุกอย่างเราจะเรียบร้อยหมดแล้ว เหลือแค่รอเวลาและจัดกระเป๋าให้พร้อมบิน หลังจากนี้จะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตล่ะ
ซึ่งขอข้ามขั้นตอนเลยละกัน เพราะจำไม่ได้แล้ว 5555555 จะมารีวิวเป็นเรื่องๆแทน
เริ่มที่สนามบินก่อนเลย เราบินวันที่ 25 พฤษภาคม Flight เราออกจากไทยรอบเที่ยง แต่เรามาถึงตอน 9 โมง มาพอถึงเราก็ไปเช็คอินและโหลดกระเปเลหลังจากนั้นก็เข้าเกตรอเวลาขึ้นเครื่อง ผ่านไปเกือบ 20 ชม. เอออ่านไม่ผิดหรอก 555555 เรา transfer เครื่องสามที่อ่ะ
ไทย > ฮ่องกง > แอลเอ > นิวยอร์ก เป็นที่สุดของความทรมาน เหนื่อยที่สุดเหนื่อยจนหายตื่นเต้นไปเลย พอลงเครื่องมาเราก็เดินไป Terminal 1 สถานที่ที่เรานัดกับรถที่จะมารับเราเข้าเมืองเอาไว้ ก็รอสักพักใหญ่ๆ ใหญ่มากๆ หลายชม.อยู่ 55555555 หลังจากนั้นรถก็มารับ ซึ่งใช้เวลาเดินทางมาเมืองเราประมาณ 3-4 ชม.ได้
สามสี่ชม.ผ่านไปปปป ก็ถึงแล้วจ้าเมืองของฉันนน ได้พักสักที! โคตรเหนื่อย
เอ้ออลืมบอก บ้านพักที่เราอยู่เป็นแบบ host family ซึ่งเขาจะรับเด็กเวริคมาทุกปี ก่อนมาถึงเราก็รู้จากโฮสมาล่ะว่ามีคนไทย 1 คน คือสบายใจมาก 55555พอมาถึงก็ทำการกดกริ่งหนึ่งทีแบบใจเย็นๆ แล้วโฮสมาเปิดให้ เป็นบ้านสองชั้น โฮสจะอยู่ชั้นล่าง ให้พวกเด็กเวริคอยู่ชั้นบน ในห้องจะเป็นแบบมีเตียงสองชั้น โต๊ะเครื่องแป้งใหญ่ๆ และมีห้องเก็บเสื้อผ้าเล็กๆ ข้อดีของการอยู่กับโฮสคือ ในบ้านเราจะมีครบทุกอย่างไม่ต้องซื้ออะไรเลย ยกเว้นของใช้ส่วนตัวกับพวกของกิน
ขอพูดถึงผู้ร่วมชีวิตในบ้านหน่อย
ในบ้านจะมี 11 คน เป็นเด็ก work ทั้งสิ้น ประกอบด้วยผู้ชาย 6 ผู้หญิง 4 เป็นการอยู่ที่วุ่นวายที่สุด พวกผช.ชอบแกล้ง แกล้งจนบางทีก็เกลียดมัน55555 แต่มันก็สนุกดีแหละ มาใช้ชีวิตแบบที่เราไม่เคยได้ใช้ ได้เห็นมาก่อน
หลังจากเรามาถึงบ้านแล้ว เรายังเริ่มงานไม่ได้ เพราะว่าไม่มีใบ SSC ต้องรอให้โฮสพาไปทำให้ ในระหว่างนี้ก็ว่างไง เพราะเราไปติดวันเสาร์อาทิตย์พอดี
เราเลยมีเวลาปั่นจักรยานสำรวจเมือง (ที่บ้านโฮสเขามีจักรยานให้ไม่ต้องเสียตัง) เมืองที่เราอยู่เป็นเมืองทะเล แต่เป็นแค่บีชเล็กๆเท่านั้น จะมีบีชใหญ่อยู่ในตัวเมืองของรัฐเลยชื่อ Rehoboth beach ส่วนบีชที่เราอยู่ชื่อ Bethany beach ไม่ไกลกันมากนั่งรถบัสไปประมาณ 20 นาทีได้ จะมีตั๋วรถบัสแบบ one pass คือจะนั่งกี่รอบก็ได้ หลงกี่ทีก็ได้ 555555 ราคาน่าจะประมาณ $4.25 มั้งไม่แน่ใจ
อะมาต่อกันที่เมืองเราก่อน คือเมืองของเราจะเป็นอารมณ์แบบเป็นบ้านพักตากอากาศของพวกคนรวย จะเห็นคนที่นี่ขับรถหรูๆ สวยๆ กันเยอะมาก เอ้ออแต่ถึงจะเป็นพวกคนรวยแต่ทุกคนนิสัยดีมากกก เวลาขี่จักรยานไปทำงานตอนเช้าทุกคนจะ เซย์ไฮพร้อมยิ้มทักทาย กันตลอด ถ้าปั่นจักรยานเส้นหน้าจะเจอพวกบ้านสวยๆเยอะ ถ้าปั่นเส้นหลังจะเจออะไรที่ธรรมชาติมากหน่อยคือไม่น่ากลัวเลย มันสงบปั่นแล้วมีความสุขมาก เวลากลับจากทำงานจะปั่นเส้นนี้ตลอด นี่แหละความน่าอยู่ของเมืองนี้
หลังจากนั้นได้ใบ SSC เราก็เริ่มทำงานได้ หน้าที่ของเราคืออยู่ในครัว มีคนถามว่าอยู่ในครัวทำอะไรบ้าง อหหหหห. ทำทุกอย่างนั่นแหละ ถามว่าไม่ได้ทำอะไรบ้างยังตอบง่ายกว่าอีก ไอ้เราก็ความจำดีไง แค่อาทิตย์เดียวสามารถจำเมนูได้เกือบหมดแล้ว หน้าที่หลักของเราเลยกลายเป็นคนทำเบอร์เกอร์ไปเลย แต่เราพอใจนะมีความสุขกับการทำตรงนี้เราว่ามันสนุกดี ถ้าทำหน้าฟ้อนมันจะเล่นกับเพื่อนไม่ค่อยได้เพราะเมเนอเจอร์อยู่เยอะ แต่ทำในครัวเล่นก็ได้แอบกินก็ได้เช่นกัน 555555555
มาพูดถึงรายได้ของการทำงานดีกว่า เราได้ $9.5/hr. อาทิตย์นึงได้ประมาณ 40-50 ชม. ไปคูณเงินกันเอาเองเน้อ มาพูดถึง จ้อบสองกัน ถึงจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่หาจ้อบสองง่ายนะจ้า เรามาอาทิตย์หนึ่งได้เลย เราได้ทำงานร้านพิซซ่าชื่อ Grotto Pizza หน้าที่ สลัดบาร์บ้างทอดบ้าง ได้ $9/hr. อาทิตย์นึงได้ประมาณ 20-25 ชม.
รูปนี้เป็น Uniform ของร้าน Grotto Pizza นะ
หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรมากล่ะ ก็ใช้ชีวิตแบบสนุกๆไปวันๆ ไปทำงานกลับมานอนมาเล่นกับเพื่อนในบ้าน บางวันเลิกไวก็ปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมือง ดูความเป็นบ้านเมือง ดูความเป็นธรรมชาติ ไม่งั้นก็ไปเดินดูทะเลที่บีช ที่บีชจะชอบจัดกิจกรรมเล็กๆ ทุกอาทิตย์ อย่างในรูปนี้จะเป็นรูปของวันสุดท้ายที่เราได้อยู่ที่นั้น แล้ววันนั้นเขามีหนังฉายๆ อารมณ์หนังกลางแปลงอ่ะ
ละแล้ววก็ถึงเวลาเที่ยวของเราแล้วจ้า จะเล่าก่อนเลยว่า ทริปนี้ไม่มีการวางแพลนใดๆ ทั้งสิ้นเที่ยวแบบตามใจฉันสุดๆ ไม่เน้น landmark เน้นความสบายใจ 555555 คือ เราซื้อตั๋วเครื่องบินภายในประเทศจากนิวยอร์กไปลงแอลเอ โดยเราเดินทางออกจากเมืองของเราและไปอยู่นิวยอร์กเป็นเวลา 3 วัน ไอ้สามวันนี้ที่อยู่นิวยอร์กถามว่าทำอะไรบ้าง ก็เดินชมเมืองละมั้ง 555555 เดิน central park ไป time square โอโห้ที่สุดของความวุ่นวายจริงๆ และจบลงที่ Brooklyn bridge ที่นี่คือดีจริงๆ เป็นจุดที่ชอบมากที่สุดในนิวยอร์ก ยิ่งกลางคืนยิ่งสวย
จากนิวยอร์กสู่แอลเอ เราอยู่แอลเอ 5 วัน เที่ยวมันรอบรัฐอะไปทุกที่ ไปทุก town 555555555 สำหรับเรา เราว่าแอลเอไม่มีอะไรเลยนะ ไฮไลท์คงอยู่ที่ Hollywood และ Santa Monica มากกว่า ใครที่อยากมาแอลเอ แนะนำสองที่นี้แหละ เราว่ามันสุดๆแล้วสำหรับแอลเอ
และทริปสุดท้ายที่เมกาไปจบที่ ลาสเวกัสจ้า ในสามที่ที่ไปมาชอบที่นี่มากที่สุด มันเป็นรัฐกลางคืนเมืองนิวยอร์กแต่ไม่น่ากลัวเท่า ผู้คนดูเป็นมิตรมากกว่า สถาปัตยกรรมสวยมากกกชอบมากก เมืองสวยที่สุด55555555 ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากควรมาที่สุด คุ้มค่าที่สุดในโลก ฉันรักที่นี้
จบแล้วน้าาา อย่างที่บอกได้ความรู้บ้างไม่ได้บ้าง ก็อย่าไปสนใจเนอะ อ่านกันสนุกๆดีกว่า
Work and Travel 2017 :: เก้าสิบวันในเมกาที่ให้มากกว่าประสบการณ์ in Delaware :)
ได้ความรู้บ้างไม่ได้บ้างก็ไม่ว่ากันเนอะ คิดว่าอ่านกันขำๆแบบสนุกๆก็พอ
และในการไปเมกาครั้งนี้เมืองที่เราเลือกไปก็คือออออ Delaware จ้าาาา งงละสิว่ามันอยู่ตรงไหนอ่ะ ไปดูรูป
เห็นจุดเล็กๆนั่นไหม นั่นแหละ Delaware! ถึงจะเป็นรัฐเล็กๆ แต่รับรองความน่าอยู่ไม่แพ้รัฐไหนแน่นอน อีกอย่างหนึ่งที่น่าจะถูกใจใครหลายคนก็คือ Delaware เป็นเพียงไม่กี่รัฐในเมกาที่ Free tax นะจ้า แถมยังมี Outlet ใหญ่สามที่ในตัวเมืองอีก อ่ะเห็นความน่าอยู่ของมันกันบ้างยัง ถ้ายังก็ลองเลื่อนลงไปอ่านสักนิด เผื่อจะถูกใจกัน
เริ่มที่ขั้นแรกในการจะไปเวริคก่อนเลย
เสต๊ปแรก อยากไปโครงการต้องทำไงละ ก็ต้องเลือกเอเจ้นก่อนถูกม่ะ ซึ่งมันก็มีหลายเจ้นเลยแหละ ก็ให้เลือกจากความพึงพอความใจของตัวเราเองละกัน แต่ละเจ้นมีข้อดีข้อเสียต่างกันอยู่แล้ว เอาที่เราคุยด้วยแล้วรู้สึกโอเคก็พอแล้ว ซึ่งสำหรับเราหวยก็มาออกที่ Ihappy
คือหลังจากสมัครเสียค่าโครงการแล้ว พี่เขาก็จะให้เราสอบวัดระดับภาษา หลังจากนั้นก็รอผลคะแนนออก
สเต๊ปสอง พอคะแนนออก เลือกงานเลยจ้า เลือกได้แล้วก็บอกพี่เอเจ้น เขาก็จะนัดสัมภาษณ์ผ่าน Skype กับเอเจ้นที่เมกาให้อีกที หลังจากสัมภาษณ์เสร็จก็รอผลวนไปจ้า ละแล้วววผลก็ออก ถามว่าผ่านไหม หึ! ไม่ผ่าน 555555555555555 ทำไงอะทีงี้ เพื่อนที่คุยไว้ว่าจะไปด้วยกันมันดันสอบผ่าน อหหหห. ตอนนั้นในใจนี่แบบ เอาแล้วไงได้ไปคนเดียวแล้ว หลังจากนั้นพี่เอเจ้นเขาก็ส่งงานมาอีกสองสามงาน แล้วงานสุดท้ายเราก็เลือกงาน McDonald’s ที่ Bethany beach, Delaware ไป หลังจากนั้นก็สัมภาษณ์กับเจ้นที่เมกา ผลออกมาก็ ผ่านแล้วจ้า!
สเต๊ปสาม หลังจากสัมภาษณ์ผ่าน ก็รอเอกสารที่ทางเจ้นเมกาจะส่งมาให้กับเราเพื่อใช้สำหรับการสอบสัมภาษณ์ขอวีซ่า พอเราได้เอกสารครบ พี่เอเจ้นก็จะจัดเตรียมเอกสารที่เหลือให้กับเราและจัดการจองวันสัมภาษณ์วีซ่าให้ ขั้นตอนนี้ไม่มีอะไรมากเลย เพราะพี่เขาจะเตรียมให้เราหมด เราแค่เตรียมตัวไปสอบก็พอ ส่วนการสอบนั้นก็ง่ายมาก โดนไม่กี่คำถามเอง แล้วฮีก็บอกว่ายินด้วยเที่ยวซัมเมอร์ให้สนุกนะ โอ้เยยยยฉันสุขใจยิ่งนัก 5555555
สเต๊ปสี่ ทุกอย่างครบละ เหลือแต่ตั๋วเครื่องบิน ตอนเราสมัครโครงการเราเลือกแพ็คแกจซื้อตั๋วเครื่องบินกับเอเจ้น ตรงจุดนี้ก็ไม่ต้องทำอะไรอีกละ ก็รอจ่ายอย่างเดียว555555 เดินทางวันที่ 25 พฤษภาคม กลับไทยวันที่ 2 กันยายน แวะเที่ยวที่ญี่ปุ่น สามวัน เพราะเราต้องรีบกลับมาฝึกงานต่อ
หลังจากเสต๊ปที่สี่แล้ว คือทุกอย่างเราจะเรียบร้อยหมดแล้ว เหลือแค่รอเวลาและจัดกระเป๋าให้พร้อมบิน หลังจากนี้จะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตล่ะ
ซึ่งขอข้ามขั้นตอนเลยละกัน เพราะจำไม่ได้แล้ว 5555555 จะมารีวิวเป็นเรื่องๆแทน
เริ่มที่สนามบินก่อนเลย เราบินวันที่ 25 พฤษภาคม Flight เราออกจากไทยรอบเที่ยง แต่เรามาถึงตอน 9 โมง มาพอถึงเราก็ไปเช็คอินและโหลดกระเปเลหลังจากนั้นก็เข้าเกตรอเวลาขึ้นเครื่อง ผ่านไปเกือบ 20 ชม. เอออ่านไม่ผิดหรอก 555555 เรา transfer เครื่องสามที่อ่ะ
ไทย > ฮ่องกง > แอลเอ > นิวยอร์ก เป็นที่สุดของความทรมาน เหนื่อยที่สุดเหนื่อยจนหายตื่นเต้นไปเลย พอลงเครื่องมาเราก็เดินไป Terminal 1 สถานที่ที่เรานัดกับรถที่จะมารับเราเข้าเมืองเอาไว้ ก็รอสักพักใหญ่ๆ ใหญ่มากๆ หลายชม.อยู่ 55555555 หลังจากนั้นรถก็มารับ ซึ่งใช้เวลาเดินทางมาเมืองเราประมาณ 3-4 ชม.ได้
สามสี่ชม.ผ่านไปปปป ก็ถึงแล้วจ้าเมืองของฉันนน ได้พักสักที! โคตรเหนื่อย
เอ้ออลืมบอก บ้านพักที่เราอยู่เป็นแบบ host family ซึ่งเขาจะรับเด็กเวริคมาทุกปี ก่อนมาถึงเราก็รู้จากโฮสมาล่ะว่ามีคนไทย 1 คน คือสบายใจมาก 55555พอมาถึงก็ทำการกดกริ่งหนึ่งทีแบบใจเย็นๆ แล้วโฮสมาเปิดให้ เป็นบ้านสองชั้น โฮสจะอยู่ชั้นล่าง ให้พวกเด็กเวริคอยู่ชั้นบน ในห้องจะเป็นแบบมีเตียงสองชั้น โต๊ะเครื่องแป้งใหญ่ๆ และมีห้องเก็บเสื้อผ้าเล็กๆ ข้อดีของการอยู่กับโฮสคือ ในบ้านเราจะมีครบทุกอย่างไม่ต้องซื้ออะไรเลย ยกเว้นของใช้ส่วนตัวกับพวกของกิน
ขอพูดถึงผู้ร่วมชีวิตในบ้านหน่อย
ในบ้านจะมี 11 คน เป็นเด็ก work ทั้งสิ้น ประกอบด้วยผู้ชาย 6 ผู้หญิง 4 เป็นการอยู่ที่วุ่นวายที่สุด พวกผช.ชอบแกล้ง แกล้งจนบางทีก็เกลียดมัน55555 แต่มันก็สนุกดีแหละ มาใช้ชีวิตแบบที่เราไม่เคยได้ใช้ ได้เห็นมาก่อน
หลังจากเรามาถึงบ้านแล้ว เรายังเริ่มงานไม่ได้ เพราะว่าไม่มีใบ SSC ต้องรอให้โฮสพาไปทำให้ ในระหว่างนี้ก็ว่างไง เพราะเราไปติดวันเสาร์อาทิตย์พอดี
เราเลยมีเวลาปั่นจักรยานสำรวจเมือง (ที่บ้านโฮสเขามีจักรยานให้ไม่ต้องเสียตัง) เมืองที่เราอยู่เป็นเมืองทะเล แต่เป็นแค่บีชเล็กๆเท่านั้น จะมีบีชใหญ่อยู่ในตัวเมืองของรัฐเลยชื่อ Rehoboth beach ส่วนบีชที่เราอยู่ชื่อ Bethany beach ไม่ไกลกันมากนั่งรถบัสไปประมาณ 20 นาทีได้ จะมีตั๋วรถบัสแบบ one pass คือจะนั่งกี่รอบก็ได้ หลงกี่ทีก็ได้ 555555 ราคาน่าจะประมาณ $4.25 มั้งไม่แน่ใจ
อะมาต่อกันที่เมืองเราก่อน คือเมืองของเราจะเป็นอารมณ์แบบเป็นบ้านพักตากอากาศของพวกคนรวย จะเห็นคนที่นี่ขับรถหรูๆ สวยๆ กันเยอะมาก เอ้ออแต่ถึงจะเป็นพวกคนรวยแต่ทุกคนนิสัยดีมากกก เวลาขี่จักรยานไปทำงานตอนเช้าทุกคนจะ เซย์ไฮพร้อมยิ้มทักทาย กันตลอด ถ้าปั่นจักรยานเส้นหน้าจะเจอพวกบ้านสวยๆเยอะ ถ้าปั่นเส้นหลังจะเจออะไรที่ธรรมชาติมากหน่อยคือไม่น่ากลัวเลย มันสงบปั่นแล้วมีความสุขมาก เวลากลับจากทำงานจะปั่นเส้นนี้ตลอด นี่แหละความน่าอยู่ของเมืองนี้
หลังจากนั้นได้ใบ SSC เราก็เริ่มทำงานได้ หน้าที่ของเราคืออยู่ในครัว มีคนถามว่าอยู่ในครัวทำอะไรบ้าง อหหหหห. ทำทุกอย่างนั่นแหละ ถามว่าไม่ได้ทำอะไรบ้างยังตอบง่ายกว่าอีก ไอ้เราก็ความจำดีไง แค่อาทิตย์เดียวสามารถจำเมนูได้เกือบหมดแล้ว หน้าที่หลักของเราเลยกลายเป็นคนทำเบอร์เกอร์ไปเลย แต่เราพอใจนะมีความสุขกับการทำตรงนี้เราว่ามันสนุกดี ถ้าทำหน้าฟ้อนมันจะเล่นกับเพื่อนไม่ค่อยได้เพราะเมเนอเจอร์อยู่เยอะ แต่ทำในครัวเล่นก็ได้แอบกินก็ได้เช่นกัน 555555555
มาพูดถึงรายได้ของการทำงานดีกว่า เราได้ $9.5/hr. อาทิตย์นึงได้ประมาณ 40-50 ชม. ไปคูณเงินกันเอาเองเน้อ มาพูดถึง จ้อบสองกัน ถึงจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่หาจ้อบสองง่ายนะจ้า เรามาอาทิตย์หนึ่งได้เลย เราได้ทำงานร้านพิซซ่าชื่อ Grotto Pizza หน้าที่ สลัดบาร์บ้างทอดบ้าง ได้ $9/hr. อาทิตย์นึงได้ประมาณ 20-25 ชม.
หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรมากล่ะ ก็ใช้ชีวิตแบบสนุกๆไปวันๆ ไปทำงานกลับมานอนมาเล่นกับเพื่อนในบ้าน บางวันเลิกไวก็ปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมือง ดูความเป็นบ้านเมือง ดูความเป็นธรรมชาติ ไม่งั้นก็ไปเดินดูทะเลที่บีช ที่บีชจะชอบจัดกิจกรรมเล็กๆ ทุกอาทิตย์ อย่างในรูปนี้จะเป็นรูปของวันสุดท้ายที่เราได้อยู่ที่นั้น แล้ววันนั้นเขามีหนังฉายๆ อารมณ์หนังกลางแปลงอ่ะ
ละแล้ววก็ถึงเวลาเที่ยวของเราแล้วจ้า จะเล่าก่อนเลยว่า ทริปนี้ไม่มีการวางแพลนใดๆ ทั้งสิ้นเที่ยวแบบตามใจฉันสุดๆ ไม่เน้น landmark เน้นความสบายใจ 555555 คือ เราซื้อตั๋วเครื่องบินภายในประเทศจากนิวยอร์กไปลงแอลเอ โดยเราเดินทางออกจากเมืองของเราและไปอยู่นิวยอร์กเป็นเวลา 3 วัน ไอ้สามวันนี้ที่อยู่นิวยอร์กถามว่าทำอะไรบ้าง ก็เดินชมเมืองละมั้ง 555555 เดิน central park ไป time square โอโห้ที่สุดของความวุ่นวายจริงๆ และจบลงที่ Brooklyn bridge ที่นี่คือดีจริงๆ เป็นจุดที่ชอบมากที่สุดในนิวยอร์ก ยิ่งกลางคืนยิ่งสวย
จากนิวยอร์กสู่แอลเอ เราอยู่แอลเอ 5 วัน เที่ยวมันรอบรัฐอะไปทุกที่ ไปทุก town 555555555 สำหรับเรา เราว่าแอลเอไม่มีอะไรเลยนะ ไฮไลท์คงอยู่ที่ Hollywood และ Santa Monica มากกว่า ใครที่อยากมาแอลเอ แนะนำสองที่นี้แหละ เราว่ามันสุดๆแล้วสำหรับแอลเอ
และทริปสุดท้ายที่เมกาไปจบที่ ลาสเวกัสจ้า ในสามที่ที่ไปมาชอบที่นี่มากที่สุด มันเป็นรัฐกลางคืนเมืองนิวยอร์กแต่ไม่น่ากลัวเท่า ผู้คนดูเป็นมิตรมากกว่า สถาปัตยกรรมสวยมากกกชอบมากก เมืองสวยที่สุด55555555 ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากควรมาที่สุด คุ้มค่าที่สุดในโลก ฉันรักที่นี้
จบแล้วน้าาา อย่างที่บอกได้ความรู้บ้างไม่ได้บ้าง ก็อย่าไปสนใจเนอะ อ่านกันสนุกๆดีกว่า