สวัสดีค่า นี่เป็นกระทู้แรกในพันทิปของเรา และก็ยืมเพื่อนมาตั้งกระทู้ด้วย
เเต่เพื่อนก็กำลังสนใจจัดฟันแบบใสอยู่พอดี เลยเข้าทางเราเลย ^^
กว่าจะยืมได้ อ้อนอยู่นานเลยค่ะ

อยากจะมาแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดฟันแบบใสที่เราได้ไปทำมาให้เพื่อนๆที่สนใจจัดฟันได้รู้กันค่ะ
ขอเล่าก่อนว่าเราเคยจัดฟันมาแล้วครั้งนึงเมื่อตอนม.ปลาย พอขึ้นมหาลัยแล้วก็ไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์ต่อเนื่อง
จนตอนนี้ก็ 32 แล้ว รู้สึกว่าฟันเกขึ้นเรื่อยๆตามอายุทั้งฟันบนและฟันล่างเลยค่ะ
แต่ที่เรารู้สึกว่ามันเป็นปัญหาก็คือฟันหน้าของเรามันห่างกันมาก
มองใกล้ๆจะเห็นชัดว่าเป็นร่องเลย เวลาทานอะไรแล้วชอบมีเศษอาหารไปติดตามร่องฟันจนเรารู้สึกรำคาญและขาดความมั่นใจด้วย
ทำให้อยากที่จะจัดฟันอีกครั้งนึง
นี่เป็นรูปฟันเราก่อนจัดฟันค่ะ จะเห็นว่าฟันบนห่างเห็นเป็นร่อง ฟันล่างก็เกๆ ไม่ค่อยเรียงกัน
และมันก็ดูเหมือนจะเกขึ้นๆทุกปีด้วย เลยเริ่มกังวลมากขึ้น และคิดว่าต้องจัดฟันแล้วละ

รูปฟันของเราค่ะ จะเห็นเลยว่าฟันล่างเกฟันบนห่าง ขอแต่งรูปนิดนึงนะคะ กลัวไม่สวย กลัวเพื่อนๆจะตกใจ อิอิ
เราเริ่มหาข้อมูลการจัดฟัน รอบนี้เราสนใจจะจัดฟันแบบใส เห็นราคาแล้วสูงมากเป็นหลักแสนเลยทีเดียว
เรารู้สึกว่ามันแพงเกินไปเพราะฟันเราไม่ได้มีปัญหามากขนาดต้องเสียเงินเป็นแสน จะให้เสียเงินเป็นแสนก็เสียดาย
เลยกลับไปดูการจัดฟันติดเหล็ก ซึ่งราคาถูกกว่า แต่พอคิดดูแล้วเราก็ไม่อยากจัดแบบติดเหล็กเพราะจำได้ว่าเวลาใส่อุปกรณ์มันน่ารำคาญ
และเจ็บมากโดยเฉพาะเวลาเป็นแผลในปาก การดูแลรักษาก็ยาก บวกกับเรามีอายุและทำงานแล้วเลยคิดว่าการจัดฟันแบบนี้คงไม่เหมาะกับเรา เราก็เลยพยายามหาข้อมูลต่อ จนมาเจอ Denta-Klick เป็นแพลทฟอร์มจัดฟันแบบใส ตอนแรกเราก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าขั้นตอนการจัดฟัน
ผ่านแพลทฟอร์มนี่มันเป็นยังไงแต่เห็นว่าราคาถูกกว่าที่อื่นเลยสอบถามแอดมินเพจของเค้า ก็ได้ทราบข้อมูลมากขึ้น
เราพิจารณาแล้วคิดว่าก็น่าเชื่อถือ แถมไม่ต้องไปคลินิกทุกเดือนเลยตัดสินใจจัดฟันกับที่นี่

เราจะมารีวิวขั้นตอนการจัดฟันกับที่นี้ให้ทราบนะคะ
ขั้นตอนการจัดฟันผ่านเดนต้าคลิ๊ก เริ่มจากเราต้องทำการประเมินลักษณะฟันของเราก่อนว่าสามารถจัดฟันแบบใสได้มั้ย
โดยเราจะต้องทำแบบประเมินสั้นๆไม่กี่ข้อและเลือกว่าจะสแกนฟัน
เค้ามีการสแกนโฮมสแกน กับคลินิกสแกน
เราเลือกสแกนด้วยโฮมสแกน สแกนแบบนี้จะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่จะมีค่ามัดจำอุปกรณ์ 500 บาท
เค้าจะส่งอุปกรณ์ให้เราที่บ้าน เเละเราไปคืนอุปกรณ์ได้ที่เซเว่น ฟรี พอเราส่งคืนเเล้วเราก็จะได้เงินมัดจำโอนคืนค่ะ
นี่เป็นอุปกรณ์โฮมสแกนที่เราได้รับมา

อุปกรณ์ที่ได้มา ก็จะมี

ที่ขยายช่องปาก ให้เราใส่เพื่อถ่ายรูปฟัน

แฟลช ใช้หนีบโทรศัพท์มือถือ เพิ่มความสว่างชัดเจน ตอนถ่ายรูป

คู่มือวิธีการสแกน

ซองใหม่ กับแบบฟอร์มส่งอุปกรณ์คืนที่เซเว่น
เห็นชุดอุปกรณ์ก็แอบงงนิดหน่อยค่ะ ว่าจะทำยังไงจะยากไหม แต่เค้ามีคู่มือและวีดีโอแนะนำการสแกนโฮมสแกนให้ดูค่ะ

เราก็ใส่ที่ขยายช่องปากในปาก และก็เอาแฟลชหนีบโทรศัพท์มือถือ แล้วก็ถ่ายรูปฟันตามคู่มือที่เค้าบอก
ส่งภาพทาให้ประเมินทางอีเมล เราว่าวิธีนี้สะดวกดี สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา ไม่ชอบเดินทางให้ยุ่งยาก
แต่ค่อนข้างต้องทำอะไรเป็นระบบขั้นตอนนิดนึงเพราะที่นี่เค้าเป็นแพลทฟอร์ม แต่อันนี้เรารับได้ ดีกว่าต้องเดินทางลำบากรถติดอีก
จากนั้นเราก็รอผลประเมินว่าจะจัดฟันได้หรือไม่ได้
พอเราส่งภาพสแกนแล้ว ก็เอาอุปกรณ์โฮมสแกนใส่ซองใหม่กับติดแบบฟอร์มที่เค้าส่งมาให้ และไปยื่นคืนได้ที่เซเว่นเลยค่ะ
เราชอบอันนี้มาก ดูอำนวยความสะดวกเราดี ปริ้นท์เอกสารแบบฟอร์มมาให้พร้อม
ปกติเราช้อปปิ้งออนไลน์จะส่งของคืนต้องไปปริ้นท์แบบฟอร์มเอง อิอิ
ก็อปลิงค์วีดีโอวิธีทำมาให้ดูค่ะ

หลังจากที่เราส่งรูปไปประเมิน ประมาณ 1-2 วันที่เราส่งรูปสแกนไป เราก็จะได้รับอีเมลแจ้งผลประเมินค่ะ
ปรากฎว่า …. เราก็ได้รับอีเมลแจ้งว่าเราสามารถจัดฟันได้ หลังจากนั้นอีกประมาณ 3-4 อาทิตย์ เราก็ได้รับแผนการรักษา 3 มิติ
ส่งมาเป็นวิดีโอแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของฟันก่อนและหลังจัดฟัน
ซึ่งเราชอบที่ได้ให้เห็นแผนนี้เพราะว่าทำให้เราเห็นว่าพอเราจัดฟันเสร็จแล้วจะเป็นยังไงตามตัวอย่างในรูปค่ะล่างค่ะ

หลังจากเราโอเคกับแผนการรักษาแล้ว เราก็จ่ายเงินได้เลยด้วยบัตรเครดิต ที่นี่เค้ามีราคาเดียวคือ 69,000 บาท แบ่งจ่ายได้ 10 เดือน
ไม่มีเก็บอะไรเพิ่มเติม ซึ่งเป็นราคาที่เรารับได้เพราะถูกกว่าเจ้าอื่นแถมไม่ต้องเสียค่าเดินทางไปหาหมอทุกเดือนหรือค่าบริการยิบย่อยอะไรอีก
เมื่อจ่ายเงินยอมรับแผนการรักษาเรียบร้อยแล้ว ก็รอเครื่องมือจัดฟันแบบใสประมาณ 4 อาทิตย์ค่ะ
เราก็จะได้รับอีเมลเเจ้งนัดว่าให้ไปรับเครื่องมือจัดฟันได้ที่คลินิกพาร์ทเนอร์ ซึ่งเราเลือกคลินิกที่ใกล้ที่ทำงานเรา สะดวกดีค่ะ
ในวันที่ไปรับเครื่องมือ เราได้รับเครื่องมือซึ่งบรรจุอยู่ในกล่องหน้าตาแบบนี้ค่ะ

ในกล่องมีอะไรบ้าง?
1. ถาดจัดฟัน (Tray) ทั้งหมด 20 ชุด แต่ละชุดบรรจุอยู่ในถุงที่ซีลไว้ แต่ละถุงจะมีเลขระบุว่าเป็น tray ชุดที่เท่าไหร่
2. กล่องเอาไว้สำหรับใส่ tray
3. Chewie 2 ชิ้น เอาไว้สำหรับกัดให้ tray เข้าที่แนบชิดกับฟัน
หลังจากรับอุปกรณ์แล้ว คุณหมอจะเป็นคนใส่เครื่องมือให้เราพร้อมกับแนะนำวิธีการใส่ การดูแลและเปลี่ยนเครื่องมือ
ตอนที่ใส่เครื่องมือครั้งแรกเรารู้สึกแน่นๆตึงๆ แต่ไม่เจ็บมาก หลังจากนั้น 2 วันก็เริ่มชินและไม่รู้สึกเจ็บแล้วค่ะ
เราชอบที่ tray ใสมาก ไม่หนาจนเกินไป ถ้าไม่สังเกตจะดูไม่ออกเลยว่าใส่เครื่องมืออยู่
เครื่องมือชุดนึงเราต้องใส่นาน 2 อาทิตย์ ใช้เวลาในการจัดฟันรวมๆแล้วประมาณ 10 เดือนค่ะ

ตอนนี้เราเปลี่ยนเครื่องมือมาแล้ว 2 ชุด ที่ผ่านมาเรายังไม่พบปัญหาอะไรค่ะ
เราอยากทานอะไรก็ทานได้ปกติแต่ต้องถอดเครื่องมือออก และแปรงฟันหลังจากมื้ออาหารแต่ละมื้อค่ะ
และก็ต้องมีวินัยใส่เครื่องมือให้ครบ 22ชม.ต่อวันด้วยค่ะ
คนในวัยทำงานแบบเรา พอโตขึ้นเวลาในการที่จะดูแลฟันตัวเองนอกจากการแปรงฟันและขูดหินปูนทุกๆ 6 เดือนแล้ว
คงไม่ได้โฟกัสอะไรมาก แต่พอได้ลองมาสังเกตฟันตัวเองอาจเห็นว่ามันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ห่างบ้าง เกบ้าง
จะให้ไปติดเหล็กแบบวัยรุ่น ก็น่าจะเขิน ใครที่อยากจะจัดฟัน เราแนะนำการจัดฟันแบบใสเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก
ลองปรึกษาดูได้ค่ะ จะที่คลินิกอื่นก็ได้ ลองเปรียบเทียบดูนะคะ
สำหรับเราที่เลือกเดนต้าคลิ๊ก เราก็เห็นว่ามีทั้งข้อดีข้อเสีย สรุปง่ายๆตามนี้ค่ะ
ข้อดี

1. ราคาถูกกว่าที่อื่น อันนี้ที่นี้เขามีราคาเดียว แต่ต้องให้ประเมินสแกนฟันก่อน ซึ่งเขาก็มีแบบสแกนฟรีให้เราเลือก
2. ไม่ต้องไปหาหมอบ่อยๆ อันนี้คือดีมากตอบโจทย์กับคนที่เดินทางบ่อยๆ บ้านไกลจากคลินิก
3. เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลบริการดี (เราชอบตรงที่เจ้าหน้าที่จะคอยส่งข้อความมาช่วยเตือนเราว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยน trayแล้ว
เพราะบางทีเราก็อาจลืมได้)
ข้อเสีย

ซึ่งที่จริงก็เป็นข้อเสียของการจัดฟันทั่วๆไป คือ เราทานขนม/อาหารทานเล่นระหว่างมื้อได้ไม่บ่อยเหมือนปกติเนื่องจากต้องถอดเครื่องมือและทำความสะอาดฟันทุกครั้งที่ทานอาหาร ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำใจมาตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องเจอภาวะแบบนี้
แต่คิดอีกมุม ก็เหมือนช่วยให้เราเลิกกินจุ๊บจิ๊บ เป็นการลดหุ่นไปในตัว
บอกก่อนเลยนะคะว่าเราไม่ได้เป็นหน้าม้า แต่ถ้าเจ้าของมาเห็น จะมีของขวัญให้เรา ก็ยินดีนะคะ อิอิ
จริงๆแล้ว เราแค่อยากมารีวิวให้ดูว่าเป็นอย่างไง อีกอย่างคือเราจะเก็บไว้ดูเป็นบันทึกของเราด้วยค่ะ
และด้วยความที่เราชอบระบบจัดฟันแบบนี้ คือมันสะดวกจริงๆ แล้วมันค่อนข้างใหม่ในรูปแบบบริการ
ตอนแรกก็ลังเล แต่สอบถามเจ้าหน้าที่ดูก็ทำให้มั่นใจมากขึ้นค่ะ ถ้าให้เลือกจ่ายเป็นแสนสองแสน กับจ่ายหลักหมื่น
เราเลือกหลักหมื่นเพราะประหยัดกว่าและผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนกันค่ะ
[CR] รีวิวจัดฟันแบบใส Denta-Klick
เเต่เพื่อนก็กำลังสนใจจัดฟันแบบใสอยู่พอดี เลยเข้าทางเราเลย ^^
กว่าจะยืมได้ อ้อนอยู่นานเลยค่ะ
อยากจะมาแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดฟันแบบใสที่เราได้ไปทำมาให้เพื่อนๆที่สนใจจัดฟันได้รู้กันค่ะ
ขอเล่าก่อนว่าเราเคยจัดฟันมาแล้วครั้งนึงเมื่อตอนม.ปลาย พอขึ้นมหาลัยแล้วก็ไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์ต่อเนื่อง
จนตอนนี้ก็ 32 แล้ว รู้สึกว่าฟันเกขึ้นเรื่อยๆตามอายุทั้งฟันบนและฟันล่างเลยค่ะ
แต่ที่เรารู้สึกว่ามันเป็นปัญหาก็คือฟันหน้าของเรามันห่างกันมาก
มองใกล้ๆจะเห็นชัดว่าเป็นร่องเลย เวลาทานอะไรแล้วชอบมีเศษอาหารไปติดตามร่องฟันจนเรารู้สึกรำคาญและขาดความมั่นใจด้วย
ทำให้อยากที่จะจัดฟันอีกครั้งนึง
นี่เป็นรูปฟันเราก่อนจัดฟันค่ะ จะเห็นว่าฟันบนห่างเห็นเป็นร่อง ฟันล่างก็เกๆ ไม่ค่อยเรียงกัน
และมันก็ดูเหมือนจะเกขึ้นๆทุกปีด้วย เลยเริ่มกังวลมากขึ้น และคิดว่าต้องจัดฟันแล้วละ
รูปฟันของเราค่ะ จะเห็นเลยว่าฟันล่างเกฟันบนห่าง ขอแต่งรูปนิดนึงนะคะ กลัวไม่สวย กลัวเพื่อนๆจะตกใจ อิอิ
เราเริ่มหาข้อมูลการจัดฟัน รอบนี้เราสนใจจะจัดฟันแบบใส เห็นราคาแล้วสูงมากเป็นหลักแสนเลยทีเดียว
เรารู้สึกว่ามันแพงเกินไปเพราะฟันเราไม่ได้มีปัญหามากขนาดต้องเสียเงินเป็นแสน จะให้เสียเงินเป็นแสนก็เสียดาย
เลยกลับไปดูการจัดฟันติดเหล็ก ซึ่งราคาถูกกว่า แต่พอคิดดูแล้วเราก็ไม่อยากจัดแบบติดเหล็กเพราะจำได้ว่าเวลาใส่อุปกรณ์มันน่ารำคาญ
และเจ็บมากโดยเฉพาะเวลาเป็นแผลในปาก การดูแลรักษาก็ยาก บวกกับเรามีอายุและทำงานแล้วเลยคิดว่าการจัดฟันแบบนี้คงไม่เหมาะกับเรา เราก็เลยพยายามหาข้อมูลต่อ จนมาเจอ Denta-Klick เป็นแพลทฟอร์มจัดฟันแบบใส ตอนแรกเราก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าขั้นตอนการจัดฟัน
ผ่านแพลทฟอร์มนี่มันเป็นยังไงแต่เห็นว่าราคาถูกกว่าที่อื่นเลยสอบถามแอดมินเพจของเค้า ก็ได้ทราบข้อมูลมากขึ้น
เราพิจารณาแล้วคิดว่าก็น่าเชื่อถือ แถมไม่ต้องไปคลินิกทุกเดือนเลยตัดสินใจจัดฟันกับที่นี่
เราจะมารีวิวขั้นตอนการจัดฟันกับที่นี้ให้ทราบนะคะ
ขั้นตอนการจัดฟันผ่านเดนต้าคลิ๊ก เริ่มจากเราต้องทำการประเมินลักษณะฟันของเราก่อนว่าสามารถจัดฟันแบบใสได้มั้ย
โดยเราจะต้องทำแบบประเมินสั้นๆไม่กี่ข้อและเลือกว่าจะสแกนฟัน
เค้ามีการสแกนโฮมสแกน กับคลินิกสแกน
เราเลือกสแกนด้วยโฮมสแกน สแกนแบบนี้จะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่จะมีค่ามัดจำอุปกรณ์ 500 บาท
เค้าจะส่งอุปกรณ์ให้เราที่บ้าน เเละเราไปคืนอุปกรณ์ได้ที่เซเว่น ฟรี พอเราส่งคืนเเล้วเราก็จะได้เงินมัดจำโอนคืนค่ะ
นี่เป็นอุปกรณ์โฮมสแกนที่เราได้รับมา
เห็นชุดอุปกรณ์ก็แอบงงนิดหน่อยค่ะ ว่าจะทำยังไงจะยากไหม แต่เค้ามีคู่มือและวีดีโอแนะนำการสแกนโฮมสแกนให้ดูค่ะ
เราก็ใส่ที่ขยายช่องปากในปาก และก็เอาแฟลชหนีบโทรศัพท์มือถือ แล้วก็ถ่ายรูปฟันตามคู่มือที่เค้าบอก
ส่งภาพทาให้ประเมินทางอีเมล เราว่าวิธีนี้สะดวกดี สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา ไม่ชอบเดินทางให้ยุ่งยาก
แต่ค่อนข้างต้องทำอะไรเป็นระบบขั้นตอนนิดนึงเพราะที่นี่เค้าเป็นแพลทฟอร์ม แต่อันนี้เรารับได้ ดีกว่าต้องเดินทางลำบากรถติดอีก
จากนั้นเราก็รอผลประเมินว่าจะจัดฟันได้หรือไม่ได้
พอเราส่งภาพสแกนแล้ว ก็เอาอุปกรณ์โฮมสแกนใส่ซองใหม่กับติดแบบฟอร์มที่เค้าส่งมาให้ และไปยื่นคืนได้ที่เซเว่นเลยค่ะ
เราชอบอันนี้มาก ดูอำนวยความสะดวกเราดี ปริ้นท์เอกสารแบบฟอร์มมาให้พร้อม
ปกติเราช้อปปิ้งออนไลน์จะส่งของคืนต้องไปปริ้นท์แบบฟอร์มเอง อิอิ
ก็อปลิงค์วีดีโอวิธีทำมาให้ดูค่ะ
หลังจากที่เราส่งรูปไปประเมิน ประมาณ 1-2 วันที่เราส่งรูปสแกนไป เราก็จะได้รับอีเมลแจ้งผลประเมินค่ะ
ปรากฎว่า …. เราก็ได้รับอีเมลแจ้งว่าเราสามารถจัดฟันได้ หลังจากนั้นอีกประมาณ 3-4 อาทิตย์ เราก็ได้รับแผนการรักษา 3 มิติ
ส่งมาเป็นวิดีโอแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของฟันก่อนและหลังจัดฟัน
ซึ่งเราชอบที่ได้ให้เห็นแผนนี้เพราะว่าทำให้เราเห็นว่าพอเราจัดฟันเสร็จแล้วจะเป็นยังไงตามตัวอย่างในรูปค่ะล่างค่ะ
หลังจากเราโอเคกับแผนการรักษาแล้ว เราก็จ่ายเงินได้เลยด้วยบัตรเครดิต ที่นี่เค้ามีราคาเดียวคือ 69,000 บาท แบ่งจ่ายได้ 10 เดือน
ไม่มีเก็บอะไรเพิ่มเติม ซึ่งเป็นราคาที่เรารับได้เพราะถูกกว่าเจ้าอื่นแถมไม่ต้องเสียค่าเดินทางไปหาหมอทุกเดือนหรือค่าบริการยิบย่อยอะไรอีก
เมื่อจ่ายเงินยอมรับแผนการรักษาเรียบร้อยแล้ว ก็รอเครื่องมือจัดฟันแบบใสประมาณ 4 อาทิตย์ค่ะ
เราก็จะได้รับอีเมลเเจ้งนัดว่าให้ไปรับเครื่องมือจัดฟันได้ที่คลินิกพาร์ทเนอร์ ซึ่งเราเลือกคลินิกที่ใกล้ที่ทำงานเรา สะดวกดีค่ะ
ในวันที่ไปรับเครื่องมือ เราได้รับเครื่องมือซึ่งบรรจุอยู่ในกล่องหน้าตาแบบนี้ค่ะ
ในกล่องมีอะไรบ้าง?
1. ถาดจัดฟัน (Tray) ทั้งหมด 20 ชุด แต่ละชุดบรรจุอยู่ในถุงที่ซีลไว้ แต่ละถุงจะมีเลขระบุว่าเป็น tray ชุดที่เท่าไหร่
2. กล่องเอาไว้สำหรับใส่ tray
3. Chewie 2 ชิ้น เอาไว้สำหรับกัดให้ tray เข้าที่แนบชิดกับฟัน
หลังจากรับอุปกรณ์แล้ว คุณหมอจะเป็นคนใส่เครื่องมือให้เราพร้อมกับแนะนำวิธีการใส่ การดูแลและเปลี่ยนเครื่องมือ
ตอนที่ใส่เครื่องมือครั้งแรกเรารู้สึกแน่นๆตึงๆ แต่ไม่เจ็บมาก หลังจากนั้น 2 วันก็เริ่มชินและไม่รู้สึกเจ็บแล้วค่ะ
เราชอบที่ tray ใสมาก ไม่หนาจนเกินไป ถ้าไม่สังเกตจะดูไม่ออกเลยว่าใส่เครื่องมืออยู่
เครื่องมือชุดนึงเราต้องใส่นาน 2 อาทิตย์ ใช้เวลาในการจัดฟันรวมๆแล้วประมาณ 10 เดือนค่ะ
ตอนนี้เราเปลี่ยนเครื่องมือมาแล้ว 2 ชุด ที่ผ่านมาเรายังไม่พบปัญหาอะไรค่ะ
เราอยากทานอะไรก็ทานได้ปกติแต่ต้องถอดเครื่องมือออก และแปรงฟันหลังจากมื้ออาหารแต่ละมื้อค่ะ
และก็ต้องมีวินัยใส่เครื่องมือให้ครบ 22ชม.ต่อวันด้วยค่ะ
คนในวัยทำงานแบบเรา พอโตขึ้นเวลาในการที่จะดูแลฟันตัวเองนอกจากการแปรงฟันและขูดหินปูนทุกๆ 6 เดือนแล้ว
คงไม่ได้โฟกัสอะไรมาก แต่พอได้ลองมาสังเกตฟันตัวเองอาจเห็นว่ามันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง ห่างบ้าง เกบ้าง
จะให้ไปติดเหล็กแบบวัยรุ่น ก็น่าจะเขิน ใครที่อยากจะจัดฟัน เราแนะนำการจัดฟันแบบใสเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก
ลองปรึกษาดูได้ค่ะ จะที่คลินิกอื่นก็ได้ ลองเปรียบเทียบดูนะคะ
สำหรับเราที่เลือกเดนต้าคลิ๊ก เราก็เห็นว่ามีทั้งข้อดีข้อเสีย สรุปง่ายๆตามนี้ค่ะ
ข้อดี
1. ราคาถูกกว่าที่อื่น อันนี้ที่นี้เขามีราคาเดียว แต่ต้องให้ประเมินสแกนฟันก่อน ซึ่งเขาก็มีแบบสแกนฟรีให้เราเลือก
2. ไม่ต้องไปหาหมอบ่อยๆ อันนี้คือดีมากตอบโจทย์กับคนที่เดินทางบ่อยๆ บ้านไกลจากคลินิก
3. เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลบริการดี (เราชอบตรงที่เจ้าหน้าที่จะคอยส่งข้อความมาช่วยเตือนเราว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยน trayแล้ว
เพราะบางทีเราก็อาจลืมได้)
ข้อเสีย
ซึ่งที่จริงก็เป็นข้อเสียของการจัดฟันทั่วๆไป คือ เราทานขนม/อาหารทานเล่นระหว่างมื้อได้ไม่บ่อยเหมือนปกติเนื่องจากต้องถอดเครื่องมือและทำความสะอาดฟันทุกครั้งที่ทานอาหาร ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำใจมาตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องเจอภาวะแบบนี้
แต่คิดอีกมุม ก็เหมือนช่วยให้เราเลิกกินจุ๊บจิ๊บ เป็นการลดหุ่นไปในตัว
บอกก่อนเลยนะคะว่าเราไม่ได้เป็นหน้าม้า แต่ถ้าเจ้าของมาเห็น จะมีของขวัญให้เรา ก็ยินดีนะคะ อิอิ
จริงๆแล้ว เราแค่อยากมารีวิวให้ดูว่าเป็นอย่างไง อีกอย่างคือเราจะเก็บไว้ดูเป็นบันทึกของเราด้วยค่ะ
และด้วยความที่เราชอบระบบจัดฟันแบบนี้ คือมันสะดวกจริงๆ แล้วมันค่อนข้างใหม่ในรูปแบบบริการ
ตอนแรกก็ลังเล แต่สอบถามเจ้าหน้าที่ดูก็ทำให้มั่นใจมากขึ้นค่ะ ถ้าให้เลือกจ่ายเป็นแสนสองแสน กับจ่ายหลักหมื่น
เราเลือกหลักหมื่นเพราะประหยัดกว่าและผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนกันค่ะ