สวัสดีครับผมขอใช้ชื่อตัวย่อผมชื่อว่า A ครับ
ผมจะเล่าคร่าวๆแล้วกันครับเอาเป็ฯว่าถ้าสนใจผมจะเล่าละเอียดทั้งหมดให้เข้าใจกันอีกทีนะครับ
ผมอายุ 19 ปีตอนนี้ครับ ผมเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยแต่ยกด้านงานมากกว่าเรียนครับ ไม่มีอิสระทางด้านเรียนเท่าไหร่แต่ด้านงานก็ทำงานใช้ได้เลยครับ
ผมเรียน ปวช.มาครับพอจบปีสาม ผมก็เริ่มมองหามหาลัยที่น่าเรียนเพราะไม่อยากเดินทางสายช่างครับใจจริงๆไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่เรียนจบมาด้วยดีครับแล้วหลังจากนั้นผมสอบติดมหาลัยหลายที่มากครับแต่อยู่ๆชีวิตพลิกผันที่บ้านเกิดเรื่องเงินมีปัญหาจนเป็นเรื่องใหญ่โต ตอนนั้นน้อยใจมากครับเหมือนคนรู้ว่าไม่ได้เรียน มันน้อยใจมากครับจึงเกิดปากเสียกับครอบครัว มาพักใหญ่ๆพอจึงเริ่มคิดได้ครับไปทำงาน บริษัทนี้เป็นบริษัทนึงที่พึ่งเปิดมาได้ปีนึงครับผมมาทำงานที่นี่ซึ่งไม่รู้ว่าอะไรมันเป็นงานที่หนักพอสมควรเข้างาน 11 โมงต้องออกจากบ้าน 8 โมงเพื่อเดินทางมากว่าจะถึงบริษัทนี้อยู่ในกรุงเทพครับผมส่วนตัวเป็ฯคนกรุงเทพแต่ไมไ่ด้อยู่ในเมืองครับ เลิกงานสองทุ่มแต่เวลาเลิกจริงๆห้าทุ่มเที่ยงคืนทุกวันก็จะได้โอตอนผมทำงานเดือนแรกเค้าให้เงินเดือนผมหมื่นสองเริ่มต้นใช้วุฒิ ปวช.ครับ ทำเดอืนแรกผมเป็นฝ่ายอทีเพราะเรียน ปวช.สายอิเล็กมาครับ ทำได้เดือนแรกทั้งหนักทั้งเหนื่อยครับเงินออกออกเดือนนึง หมื่นเจ็ดครับทั้งๆที่เงินเดือนเริ่มต้นหมื่นสองมันได้เอะจริงครับแต่ข้าวปลาแทบไม่ได้กินเลยกว่าจะกลับถึงบ้านร่างกายก็ฉทบไมไ่ด้พักเลยครับ จนพอเข้าเดือนที่สองบริษัทนี้เริ่มเจริญเติบโตหลังจากเปิดมาได้ปีนึง เค้าขยับตำแหน่งให้ผมเป็นหัวหน้าฝ่ายขายเงินเดือนเป็นหมื่นห้าเริ่มต้นครับ พอเป็นหัวหน้างานหนักกว่าเดิมเหนื่อยกว่าเดิม เลิกดึกกว่าเดิมครับทั้งๆที่อายุแค่19 ปี จนมาเดือนที่สามบริษัทขยายเปิดสาขาที่สองต่างจังหวัดเค้าก็ทาบทามให้ผมไปเป็นหัวหน้าฝ่ายขายที่นู่นครับ พอเข้าเดือนที่สี่เค้าให้ผมมาเป็นผู้จัดการที่สาขาต่างประเทศ ตอนนี้ออฟฟิศนี้ขยายไปสี่ประเทศครับ แล้วผมเป็นหนึ่งในนั้นที่โดนให้ย้ายมาทำสาขาต่างประเทศด้วยวัยเพียง 19 ปีกับเงินเดือนที่สูงพอตัวแต่งานที่รับไม่ใช่แค่น้อยครับเยอะขึ้นลำบากขึ้นแต่สิ่งที่ลำบากที่สุดของความเป็นเด็กคือจิตใจครับผมไม่มีแม้แต่เพื่อน คนปรึกษา กำลังใจมันขาดไปหมดทุกอย่างครับจนตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกเลยที่บ้านก็ทำใจลำบากเพราะตอนที่ผมจะเรียนเค้าไม่มีส่งพอผมได้ทำงานเค้าก็ไม่อยากให้มาทำไกลขนาดนี้ครับที่บ้านเลยทะเลาะกันแบบเงียบแบบไม่หใ้ผมรู้เพื่อไม่ให้กระทบกับผมแต่หลังจากนั้นผ่านไปก็ดีขึ้นเพราะผมได้กลับบ้านบ้างแต่งานแบบนี้แทบจะบอกได้เลยว่าแทบจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้กับงานครับคือไม่มีอิสระและความเป็นส่วนตัวเลยอยากกลับบ้านก็กลับไม่ได้ ต้องรอวันพาสปอตใกล้หมดผมทำใจลำบากครับบางทีก็คิดถึงคนต่างๆที่เคยผ่านเข้ามาคิดถึงครอบครัวคิดถึงไปหมดครับแต่ตอนนี้ผมยังกลับไปไม่ได้ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่ผมทำอะไรไม่ได้ครับผมเลยอยากขอคำปรึกษาจากผู้ใหญ่หรือใครหลายๆคนที่ผ่านประสบการณ์มาครับว่าควรจะเลือกสิ่งที่เรารักหรือเงินครับ ผมอายุแค่19 ปีแต่สิ่งที่ผมได้ทำมันคือสิ่งที่เกินตัวและเกินความสุขความสบายใจของผมและทุกคนครับผมควรทำอย่างไรดีครับ
ความสุขของชีวิตขึ้นอยู่กับเงินหรือสิ่งที่คุณรักครับ ?
ผมจะเล่าคร่าวๆแล้วกันครับเอาเป็ฯว่าถ้าสนใจผมจะเล่าละเอียดทั้งหมดให้เข้าใจกันอีกทีนะครับ
ผมอายุ 19 ปีตอนนี้ครับ ผมเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยแต่ยกด้านงานมากกว่าเรียนครับ ไม่มีอิสระทางด้านเรียนเท่าไหร่แต่ด้านงานก็ทำงานใช้ได้เลยครับ
ผมเรียน ปวช.มาครับพอจบปีสาม ผมก็เริ่มมองหามหาลัยที่น่าเรียนเพราะไม่อยากเดินทางสายช่างครับใจจริงๆไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่เรียนจบมาด้วยดีครับแล้วหลังจากนั้นผมสอบติดมหาลัยหลายที่มากครับแต่อยู่ๆชีวิตพลิกผันที่บ้านเกิดเรื่องเงินมีปัญหาจนเป็นเรื่องใหญ่โต ตอนนั้นน้อยใจมากครับเหมือนคนรู้ว่าไม่ได้เรียน มันน้อยใจมากครับจึงเกิดปากเสียกับครอบครัว มาพักใหญ่ๆพอจึงเริ่มคิดได้ครับไปทำงาน บริษัทนี้เป็นบริษัทนึงที่พึ่งเปิดมาได้ปีนึงครับผมมาทำงานที่นี่ซึ่งไม่รู้ว่าอะไรมันเป็นงานที่หนักพอสมควรเข้างาน 11 โมงต้องออกจากบ้าน 8 โมงเพื่อเดินทางมากว่าจะถึงบริษัทนี้อยู่ในกรุงเทพครับผมส่วนตัวเป็ฯคนกรุงเทพแต่ไมไ่ด้อยู่ในเมืองครับ เลิกงานสองทุ่มแต่เวลาเลิกจริงๆห้าทุ่มเที่ยงคืนทุกวันก็จะได้โอตอนผมทำงานเดือนแรกเค้าให้เงินเดือนผมหมื่นสองเริ่มต้นใช้วุฒิ ปวช.ครับ ทำเดอืนแรกผมเป็นฝ่ายอทีเพราะเรียน ปวช.สายอิเล็กมาครับ ทำได้เดือนแรกทั้งหนักทั้งเหนื่อยครับเงินออกออกเดือนนึง หมื่นเจ็ดครับทั้งๆที่เงินเดือนเริ่มต้นหมื่นสองมันได้เอะจริงครับแต่ข้าวปลาแทบไม่ได้กินเลยกว่าจะกลับถึงบ้านร่างกายก็ฉทบไมไ่ด้พักเลยครับ จนพอเข้าเดือนที่สองบริษัทนี้เริ่มเจริญเติบโตหลังจากเปิดมาได้ปีนึง เค้าขยับตำแหน่งให้ผมเป็นหัวหน้าฝ่ายขายเงินเดือนเป็นหมื่นห้าเริ่มต้นครับ พอเป็นหัวหน้างานหนักกว่าเดิมเหนื่อยกว่าเดิม เลิกดึกกว่าเดิมครับทั้งๆที่อายุแค่19 ปี จนมาเดือนที่สามบริษัทขยายเปิดสาขาที่สองต่างจังหวัดเค้าก็ทาบทามให้ผมไปเป็นหัวหน้าฝ่ายขายที่นู่นครับ พอเข้าเดือนที่สี่เค้าให้ผมมาเป็นผู้จัดการที่สาขาต่างประเทศ ตอนนี้ออฟฟิศนี้ขยายไปสี่ประเทศครับ แล้วผมเป็นหนึ่งในนั้นที่โดนให้ย้ายมาทำสาขาต่างประเทศด้วยวัยเพียง 19 ปีกับเงินเดือนที่สูงพอตัวแต่งานที่รับไม่ใช่แค่น้อยครับเยอะขึ้นลำบากขึ้นแต่สิ่งที่ลำบากที่สุดของความเป็นเด็กคือจิตใจครับผมไม่มีแม้แต่เพื่อน คนปรึกษา กำลังใจมันขาดไปหมดทุกอย่างครับจนตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกเลยที่บ้านก็ทำใจลำบากเพราะตอนที่ผมจะเรียนเค้าไม่มีส่งพอผมได้ทำงานเค้าก็ไม่อยากให้มาทำไกลขนาดนี้ครับที่บ้านเลยทะเลาะกันแบบเงียบแบบไม่หใ้ผมรู้เพื่อไม่ให้กระทบกับผมแต่หลังจากนั้นผ่านไปก็ดีขึ้นเพราะผมได้กลับบ้านบ้างแต่งานแบบนี้แทบจะบอกได้เลยว่าแทบจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้กับงานครับคือไม่มีอิสระและความเป็นส่วนตัวเลยอยากกลับบ้านก็กลับไม่ได้ ต้องรอวันพาสปอตใกล้หมดผมทำใจลำบากครับบางทีก็คิดถึงคนต่างๆที่เคยผ่านเข้ามาคิดถึงครอบครัวคิดถึงไปหมดครับแต่ตอนนี้ผมยังกลับไปไม่ได้ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่ผมทำอะไรไม่ได้ครับผมเลยอยากขอคำปรึกษาจากผู้ใหญ่หรือใครหลายๆคนที่ผ่านประสบการณ์มาครับว่าควรจะเลือกสิ่งที่เรารักหรือเงินครับ ผมอายุแค่19 ปีแต่สิ่งที่ผมได้ทำมันคือสิ่งที่เกินตัวและเกินความสุขความสบายใจของผมและทุกคนครับผมควรทำอย่างไรดีครับ