
MC นู๋สร้างชาติ รับหน้าที่ค่ะ

วันนี้หลายๆพื้นที่ มีฝนตก แล้วยังเป็น "วันพระบิดาแห่งฝนหลวง" ด้วย ก็เลยมาชวนเปิดเพลงเกี่ยวกับฝนกัน
14 พฤศจิกายนของทุกปี กำหนดให้เป็น "วันพระบิดาแห่งฝนหลวง" เพื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติไทย ให้ประชาชนทั้งในปัจจุบันและคนรุ่นหลัง ได้มีโอกาสแสดงความจงรักภักดี ชื่นชมพระบารมีในพระปรีชาสามารถ และร่วมกันถวายสดุดีเฉลิมพระเกียรติติดต่อกันไปทุกปี
ซึ่งความเป็นมาของโครงการพระราชดำริฝนหลวง เกิดขึ้นจากพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่แห้งแล้งทุรกันดาร 15 จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 2-20 พฤศจิกายน พ.ศ.2498
ในวันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2498 เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์เดลาเฮย์ ซีดานสีเขียว จากจังหวัดนครพนมไปจังหวัดกาฬสินธุ์ ผ่านจังหวัดสกลนครและ เทือกเขาภูพาน ได้ทรงรับทราบถึงความเดือดร้อน ทุกข์ยากของราษฎร และเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และการเกษตร เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับถึงกรุงเทพมหานคร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล วิศวกรและนักประดิษฐ์ควายเหล็กที่มีชื่อเสียงเข้าเฝ้าฯ แล้วพระราชทานแนวความคิดนั้นแก่หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล
จากทฤษฎีเริ่มแรกที่เกิดขึ้นหลังจากพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงใช้เวลาอีก 14 ปี ในการวิเคราะห์วิจัย ทบทวนเอกสาร รายงานผลการศึกษาและข้อมูลต่างๆ พระราชทานให้ หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล เพื่อประกอบการค้นคว้าทดลองมาโดยตลอด
พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระอัจฉริยภาพของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้านการจัดการ “น้ำ” ซึ่งทรงทุ่มเทพระวรกาย พระสติปัญญา เพื่อแก้ปัญหา “น้ำแล้ง” ให้กับพสกนิกรของพระองค์ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงก่อเกิดโครงการ “ฝนหลวง” ขึ้น และพระราชดำริในการแก้ปัญหา “น้ำเสีย” ด้วย “กังหันน้ำชัยพัฒนา” ซึ่งแสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทรงทำเพื่อประชาชนชาวไทย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2529 ตอนหนึ่งว่า
“...เรื่องฝนเทียมนี้เริ่มตั้งแต่พุทธศักราช 2498 แต่ยังไม่ได้ทำอะไรมากมาย เพราะว่าไปภาคอีสาน ตอนนั้นหน้าแล้ง เดือนพฤศจิกายน ที่ไปมีเมฆมาก อีสานก็แล้ง...แต่มาเงยดูท้องฟ้ามีเมฆ ทำไมมีเมฆอย่างนี้ ทำไงจะดึงเมฆนี่ให้ลงมาได้ ก็เคยได้ยินเรื่องทำฝน ก็มาปรารภกับคุณเทพฤทธิ์ ฝนทำได้ มีหนังสือ เคยอ่านหนังสือทำได้...”
ขั้นตอนการทำฝนหลวง มี 3 ขั้นตอนคือ
1.ก่อกวน โดยใช้สารเคมีกระตุ้นให้มวลอากาศลอยตัวขึ้นเบื้องบน เกิด เป็นกลุ่มเมฆในแนวตั้ง จาก นั้นใช้สารเคมีที่ให้ปฏิกิริยาคายความร้อนเข้าสู่ก้อนเมฆ เพื่อให้เมฆรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน
2.เลี้ยงให้อ้วน การทำให้เมฆรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ มีความหนาแน่นมากขึ้น และให้เคลื่อนที่ได้ช้าลง โดยให้สารเคมีชนิดต่างๆ แก่กลุ่มเมฆดังกล่าว วิธีการคือ ใช้สารเคมีสูตรร้อนด้านหลังของก้อนเมฆ หรือต้นลม และใช้สารเคมีที่มีค่า Critical Relative Humidity ต่ำ กับสารเคมีสูตรเย็น โดยให้แนวบินปฏิบัติการโปรยสารเคมีเยื้องกับแนวบินข้างบน เรียกการบินลักษณะนี้ว่า Super Sandwich
3.โจมตี คือการเพิ่มปริมาณน้ำฝน โดยการสร้างผนึกน้ำแข็งที่ระดับบนสุดของกลุ่มเมฆ ทำให้กลุ่มเมฆเหล่านั้นมีพลังเพิ่มมากขึ้น และเปลี่ยนสถานะเกิดเม็ดน้ำออกมา เพื่อให้เกิดการกระจายการเกิดฝน เป็นการเร่งและบังคับให้เกิดเม็ดฝนตกกระจายครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย
ที่มา ขอขอบคุณข้อมูลจากพี่พิราบขาว
https://pantip.com/topic/35735427
http://news.sanook.com/2101122/
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 14/11/2017 (วันพระบิดาแห่งฝนหลวง)
วันนี้หลายๆพื้นที่ มีฝนตก แล้วยังเป็น "วันพระบิดาแห่งฝนหลวง" ด้วย ก็เลยมาชวนเปิดเพลงเกี่ยวกับฝนกัน
14 พฤศจิกายนของทุกปี กำหนดให้เป็น "วันพระบิดาแห่งฝนหลวง" เพื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติไทย ให้ประชาชนทั้งในปัจจุบันและคนรุ่นหลัง ได้มีโอกาสแสดงความจงรักภักดี ชื่นชมพระบารมีในพระปรีชาสามารถ และร่วมกันถวายสดุดีเฉลิมพระเกียรติติดต่อกันไปทุกปี
ซึ่งความเป็นมาของโครงการพระราชดำริฝนหลวง เกิดขึ้นจากพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่แห้งแล้งทุรกันดาร 15 จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 2-20 พฤศจิกายน พ.ศ.2498
ในวันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ.2498 เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์เดลาเฮย์ ซีดานสีเขียว จากจังหวัดนครพนมไปจังหวัดกาฬสินธุ์ ผ่านจังหวัดสกลนครและ เทือกเขาภูพาน ได้ทรงรับทราบถึงความเดือดร้อน ทุกข์ยากของราษฎร และเกษตรกรที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และการเกษตร เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับถึงกรุงเทพมหานคร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล วิศวกรและนักประดิษฐ์ควายเหล็กที่มีชื่อเสียงเข้าเฝ้าฯ แล้วพระราชทานแนวความคิดนั้นแก่หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล
จากทฤษฎีเริ่มแรกที่เกิดขึ้นหลังจากพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงใช้เวลาอีก 14 ปี ในการวิเคราะห์วิจัย ทบทวนเอกสาร รายงานผลการศึกษาและข้อมูลต่างๆ พระราชทานให้ หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล เพื่อประกอบการค้นคว้าทดลองมาโดยตลอด
พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระอัจฉริยภาพของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้านการจัดการ “น้ำ” ซึ่งทรงทุ่มเทพระวรกาย พระสติปัญญา เพื่อแก้ปัญหา “น้ำแล้ง” ให้กับพสกนิกรของพระองค์ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงก่อเกิดโครงการ “ฝนหลวง” ขึ้น และพระราชดำริในการแก้ปัญหา “น้ำเสีย” ด้วย “กังหันน้ำชัยพัฒนา” ซึ่งแสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทรงทำเพื่อประชาชนชาวไทย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2529 ตอนหนึ่งว่า
“...เรื่องฝนเทียมนี้เริ่มตั้งแต่พุทธศักราช 2498 แต่ยังไม่ได้ทำอะไรมากมาย เพราะว่าไปภาคอีสาน ตอนนั้นหน้าแล้ง เดือนพฤศจิกายน ที่ไปมีเมฆมาก อีสานก็แล้ง...แต่มาเงยดูท้องฟ้ามีเมฆ ทำไมมีเมฆอย่างนี้ ทำไงจะดึงเมฆนี่ให้ลงมาได้ ก็เคยได้ยินเรื่องทำฝน ก็มาปรารภกับคุณเทพฤทธิ์ ฝนทำได้ มีหนังสือ เคยอ่านหนังสือทำได้...”
ขั้นตอนการทำฝนหลวง มี 3 ขั้นตอนคือ
1.ก่อกวน โดยใช้สารเคมีกระตุ้นให้มวลอากาศลอยตัวขึ้นเบื้องบน เกิด เป็นกลุ่มเมฆในแนวตั้ง จาก นั้นใช้สารเคมีที่ให้ปฏิกิริยาคายความร้อนเข้าสู่ก้อนเมฆ เพื่อให้เมฆรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน
2.เลี้ยงให้อ้วน การทำให้เมฆรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ มีความหนาแน่นมากขึ้น และให้เคลื่อนที่ได้ช้าลง โดยให้สารเคมีชนิดต่างๆ แก่กลุ่มเมฆดังกล่าว วิธีการคือ ใช้สารเคมีสูตรร้อนด้านหลังของก้อนเมฆ หรือต้นลม และใช้สารเคมีที่มีค่า Critical Relative Humidity ต่ำ กับสารเคมีสูตรเย็น โดยให้แนวบินปฏิบัติการโปรยสารเคมีเยื้องกับแนวบินข้างบน เรียกการบินลักษณะนี้ว่า Super Sandwich
3.โจมตี คือการเพิ่มปริมาณน้ำฝน โดยการสร้างผนึกน้ำแข็งที่ระดับบนสุดของกลุ่มเมฆ ทำให้กลุ่มเมฆเหล่านั้นมีพลังเพิ่มมากขึ้น และเปลี่ยนสถานะเกิดเม็ดน้ำออกมา เพื่อให้เกิดการกระจายการเกิดฝน เป็นการเร่งและบังคับให้เกิดเม็ดฝนตกกระจายครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย
ที่มา ขอขอบคุณข้อมูลจากพี่พิราบขาว https://pantip.com/topic/35735427
http://news.sanook.com/2101122/
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น