ห้องเพลงคนรากหญ้า ***รวมใจคนไทยอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย*** 25/10/2559



พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

พระอัจฉริยภาพของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้านการจัดการ “น้ำ” ซึ่งทรงทุ่มเทพระวรกาย พระสติปัญญา เพื่อแก้ปัญหา “น้ำแล้ง” ให้กับพสกนิกรของพระองค์ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จึงก่อเกิดโครงการ “ฝนหลวง” ขึ้น และพระราชดำริในการแก้ปัญหา “น้ำเสีย” ด้วย “กังหันน้ำชัยพัฒนา” ซึ่งแสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ทรงทำเพื่อประชาชนชาวไทย





พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2529 ตอนหนึ่งว่า

“...เรื่องฝนเทียมนี้เริ่มตั้งแต่พุทธศักราช 2498 แต่ยังไม่ได้ทำอะไรมากมาย เพราะว่าไปภาคอีสาน ตอนนั้นหน้าแล้ง เดือนพฤศจิกายน ที่ไปมีเมฆมาก อีสานก็แล้ง...แต่มาเงยดูท้องฟ้ามีเมฆ ทำไมมีเมฆอย่างนี้ ทำไงจะดึงเมฆนี่ให้ลงมาได้ ก็เคยได้ยินเรื่องทำฝน ก็มาปรารภกับคุณเทพฤทธิ์ ฝนทำได้ มีหนังสือ เคยอ่านหนังสือทำได้...”

ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงวิจัยและค้นคว้างานวิชาการด้านฝนเทียมของประเทศต่างๆ ซึ่งใช้เวลากว่า 14 ปี ฝนหลวงจึงเกิดขึ้นจริงครั้งแรกในปีพุทธศักราช 2512

โดยขั้นตอนการทำฝนหลวง มี 3 ขั้นตอนคือ

1.ก่อกวน โดยใช้สารเคมีกระตุ้นให้มวลอากาศลอยตัวขึ้นเบื้องบน เกิด เป็นกลุ่มเมฆในแนวตั้ง จาก นั้นใช้สารเคมีที่ให้ปฏิกิริยาคายความร้อนเข้าสู่ก้อนเมฆ เพื่อให้เมฆรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน



2.เลี้ยงให้อ้วน การทำให้เมฆรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ มีความหนาแน่นมากขึ้น และให้เคลื่อนที่ได้ช้าลง โดยให้สารเคมีชนิดต่างๆ แก่กลุ่มเมฆดังกล่าว วิธีการคือ ใช้สารเคมีสูตรร้อนด้านหลังของก้อนเมฆ หรือต้นลม และใช้สารเคมีที่มีค่า Critical Relative Humidity ต่ำ กับสารเคมีสูตรเย็น โดยให้แนวบินปฏิบัติการโปรยสารเคมีเยื้องกับแนวบินข้างบน เรียกการบินลักษณะนี้ว่า Super Sandwich

3.โจมตี คือการเพิ่มปริมาณน้ำฝน โดยการสร้างผนึกน้ำแข็งที่ระดับบนสุดของกลุ่มเมฆ ทำให้กลุ่มเมฆเหล่านั้นมีพลังเพิ่มมากขึ้น และเปลี่ยนสถานะเกิดเม็ดน้ำออกมา เพื่อให้เกิดการกระจายการเกิดฝน เป็นการเร่งและบังคับให้เกิดเม็ดฝนตกกระจายครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย

กังหันน้ำชัยพัฒนา เป็นสิ่งประดิษฐ์ตามแนวพระราชดำริเพื่อบำบัดน้ำเสีย หรือเรียกว่า เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย เนื่องจากปัญหาน้ำเสียของประเทศ ไทยนับวันจะรุนแรง ขึ้น และก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ต่อความเป็นอยู่ของชุมชนและสิ่งแวดล้อมโดยรอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จึงได้พระราชทานแนวพระราชดำริให้ทำเครื่องกลเติมอากาศ โดยมีพระราชดำรัสตอนหนึ่ง ที่อาคารชัยพัฒนา สวนจิตรลดา เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2531 ว่า




“...การเติมอากาศลงไปในน้ำเสียมีอยู่ 2 วิธี วิธีหนึ่ง ใช้อากาศอัดเข้าไปตามท่อเป่าลงไปใต้ผิวน้ำแบบกระจายฟอง อีกวิธีหนึ่ง น่าจะกระทำโดยกังหันวิดน้ำ วิดตักน้ำขึ้นไปบนผิวน้ำแล้วปล่อยให้ตกลงไปยังผิวน้ำตามเดิม โดยที่กังหันวิดน้ำดังกล่าวจะหมุนช้าๆ ด้วยกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กไม่เกิน 2 แรงม้าหรืออาจจะใช้พลังน้ำไหลก็ได้ จึงสมควรพิจารณาสร้างต้นแบบแล้วนำไปติดตั้ง ทดลองใช้บำบัดน้ำเสียภายในบริเวณโรงพยาบาลมงกุฎเกล้า”



และในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2536 กระทรวงพาณิชย์ได้ทูลเกล้า ทูลกระหม่อมถวาย สิทธิบัตร เครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่นลอย นับเป็น สิทธิบัตรในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ พระองค์แรกของไทยและครั้งแรกของโลก และรัฐบาลได้ถือว่าวันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น “วันนักประดิษฐ์” ต่อมาสมาพันธ์นักประดิษฐ์ นานาชาติ ได้ร่วมกำหนด ให้วันที่ 2 กุมภาพันธ์ เป็น “วันนักประดิษฐ์โลก” เพื่อ เทิดทูนในพระอัจฉริยภาพการเป็นนักประดิษฐ์ และร่วมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนม พรรษา 80 พรรษา  5 ธันวาคม 2550.

http://www.thairath.co.th/content/761221

เล่าสู่หลานฟัง  :  ไม้เมือง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
https://www.youtube.com/watch?v=xGub1GRT5BY
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่