
ในเฟสบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) โพสต์ข้อความ ระบุว่า...
คนในสังคมไทย คงจะมีปัญหา เรื่องความอคติ จนสุดจะเยียวยาจริงๆ
๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
มีข่าว กกต. ไปเซ็นเอ็มโอยู กับมหาลัยสงฆ์ชื่อดัง คือ มจร. โดยมีอธิการบดีท่านเจ้าคุณประยูร เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารและกรรมการมหาเถระสมาคม ร่วมกับนักบวชจีวรแดง อย่างเจ้าคุณประสาร
ดูจะเป็นข่าววิปริตส่งท้ายปี ในวงการสงฆ์อีกช่วงหนึ่ง (หรือพวกเดียวกันทำอะไรก็ดูดีไปหมด)
ทั้งที่มหาเถระสมาคม มีกฎห้ามพระเณรยุ่งการเมือง
แต่วันนี้ สังคมไทย ได้เห็นกรรมการมหาเถร ที่มีดีกรีระดับอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงฆ์
มาเป็นแกนนำ ทำเอ็มโอยู กับหน่วยงานเลือกตั้งของประเทศ
และที่ผู้คนอีกฟากฝั่ง เขาเป็นห่วงก็ตรงมีนักบวชจีวรแดงมาร่วมแจมด้วยนี่ซิ
เพราะด้วยพฤติกรรมที่ผ่านมาของท่านอธิการบดีและรองอธิการบดีกลุ่มนี้ล้วนแสดงออกชัดเจนว่า เป็นผู้ฝักใฝ่ลิทธิสื้อแดง มาโดยตลอด
ชาวบ้านเขาจึงเป็นห่วงว่า หากข้อตกลงระหว่างกรรมการการเลือกตั้งกับ มจร. มีผลตามกฎหมายและนำมาปฏิบัติได้จริงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
เขาก็กลัวว่า จะมีนักบวชเสื้อแดงแฝงเข้าไปฝังซึมการเมืองแบบผิดๆประมาณว่า โกงได้หากเอามาแบ่งกัน ซึ่งอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ในกลุ่มนักบวชเสื้อแดง หากมันเป็นเช่นนี้ ฝ่ายที่ตรงกันข้ามกับกลุ่มเสื้อแดง คงจะไม่ยอมรับเป็นแน่
สำหรับพุทธะอิสระนั้น ไม่ได้รู้สึกยินดี ยินร้ายกับเอ็มโอยูในครั้งนี้
ด้วยเพราะ กกต.ชุดนี้จะพ้นวาระไปอีกไม่นาน
สภา สนช. กำลังเลือกคณะกรรมการ กกต. ชุดใหม่
เมื่อมีคณะกรรมการชุดใหม่แล้ว เอ็มโอยูของชุดเก่าก็คงจะถูกเก็บเข้าลิ้นชักไป
และอยากบอกกรรมการเลือกตั้ง ต้องการจะเผยแผ่ประชาธิปไตยที่ไม่ใช่เอาแต่เรียกร้องสิทธิ
แต่ควรมีสำนึกรับผิดชอบต่อหน้าที่ ที่ตนต้องทำด้วย แล้วหละก็
กกต. ควรจักเข้าไปเซ็นเอ็มโอยู กับกระทรวงศึกษาธิการและสภามหาวิทยาลัยของประเทศ ไม่ใช่มาใช้พระเณรอย่างที่ทำอยู่
ดูว่าไม่ จะไกลเกินเอื่อม ประมาณว่าปวดท้องกลับหายาแดงมาทาหัว ประมาณนั้น เหล่านี้คือเหตุผลที่พุทธะอิสระ ต้องเขียนอธิบายความให้บรรดากองเชียร์ทั้งหลายได้เข้าใจ แต่ที่จะตะขิดตะขวงใจ และให้สงสัยก็คือ
เจ้าคุณประยูร เป็นถึงกรรมการมหาเถร เป็นถึงระดับผู้คุมกฏ
กลับออกมารับลูกเล่นในสนามการเมืองเสียเอง
ต่อไปพระทั้งประเทศคงจะได้เป็นหัวคะแนนได้
ดีไม่ดีอาจลงเลือกตั้งได้ดังที่ ฝ่ายนักวิชาการเสื้อแดงเรียกร้องมาตลอด
ที่พุทธะอิสระเป็นห่วงคือ หากนำพระเข้าไปสู่สนามการเมืองกันเสียหมด
แล้วจะเหลือใครมาคอยแช่ง คอยด่าพุทธะอิสระต่อหละจ๊ะ
หรือพวกเดียวกันทำอะไรก็ดูดีไปหมด
ประมาณว่า พวกเจ้าคุณหรือมหาเปรียญที่มีดีกรีปริญญาจากเมืองนอก ส่วนใหญ่ ล้วนต้องหุงหา อาหารกินกันเองทั้งนั้น
ไม่เว้นแม้แต่สมเด็จหนกลาง ที่เคยไปเรียนอินเดีย ก็ต้องหุงหาอาหารกินเอง เพราะบิณฑบาตไม่ได้ (อันนี้ได้ยินมาจากปากสมเด็จหนกลางเองเลย ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสมเด็จ)
แต่ก็ไม่มีใคร สาปแช่งด่าว่า
พอพุทธะอิสระ ทำอาหารเลี้ยงคนมางานออกพระเมรุ
ก็มีนักด่าขาประจำหยิบยกเอามาด่า
เช่นนี้แหละถึงได้บอกว่าหรือสังคมนี้ มีปัญหาความอคติจนสุดจะเยียวยา
พุทธะอิสระ
เรียบเรียงโดย
นายลัทธภพ แก้วโย : สำนักข่าวทีนิวส์
สังคมนี้มีปัญหาความอคติจนสุดจะเยียวยา !!! พุทธะอิสระโวยแหลกซัดมหาลัยสงฆ์ร่วมกับนักบวชจีวรแดงทำวิปริตส่งท้ายปี
ในเฟสบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) โพสต์ข้อความ ระบุว่า...
คนในสังคมไทย คงจะมีปัญหา เรื่องความอคติ จนสุดจะเยียวยาจริงๆ
๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
มีข่าว กกต. ไปเซ็นเอ็มโอยู กับมหาลัยสงฆ์ชื่อดัง คือ มจร. โดยมีอธิการบดีท่านเจ้าคุณประยูร เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารและกรรมการมหาเถระสมาคม ร่วมกับนักบวชจีวรแดง อย่างเจ้าคุณประสาร
ดูจะเป็นข่าววิปริตส่งท้ายปี ในวงการสงฆ์อีกช่วงหนึ่ง (หรือพวกเดียวกันทำอะไรก็ดูดีไปหมด)
ทั้งที่มหาเถระสมาคม มีกฎห้ามพระเณรยุ่งการเมือง
แต่วันนี้ สังคมไทย ได้เห็นกรรมการมหาเถร ที่มีดีกรีระดับอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงฆ์
มาเป็นแกนนำ ทำเอ็มโอยู กับหน่วยงานเลือกตั้งของประเทศ
และที่ผู้คนอีกฟากฝั่ง เขาเป็นห่วงก็ตรงมีนักบวชจีวรแดงมาร่วมแจมด้วยนี่ซิ
เพราะด้วยพฤติกรรมที่ผ่านมาของท่านอธิการบดีและรองอธิการบดีกลุ่มนี้ล้วนแสดงออกชัดเจนว่า เป็นผู้ฝักใฝ่ลิทธิสื้อแดง มาโดยตลอด
ชาวบ้านเขาจึงเป็นห่วงว่า หากข้อตกลงระหว่างกรรมการการเลือกตั้งกับ มจร. มีผลตามกฎหมายและนำมาปฏิบัติได้จริงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
เขาก็กลัวว่า จะมีนักบวชเสื้อแดงแฝงเข้าไปฝังซึมการเมืองแบบผิดๆประมาณว่า โกงได้หากเอามาแบ่งกัน ซึ่งอะไรมันก็เกิดขึ้นได้ในกลุ่มนักบวชเสื้อแดง หากมันเป็นเช่นนี้ ฝ่ายที่ตรงกันข้ามกับกลุ่มเสื้อแดง คงจะไม่ยอมรับเป็นแน่
สำหรับพุทธะอิสระนั้น ไม่ได้รู้สึกยินดี ยินร้ายกับเอ็มโอยูในครั้งนี้
ด้วยเพราะ กกต.ชุดนี้จะพ้นวาระไปอีกไม่นาน
สภา สนช. กำลังเลือกคณะกรรมการ กกต. ชุดใหม่
เมื่อมีคณะกรรมการชุดใหม่แล้ว เอ็มโอยูของชุดเก่าก็คงจะถูกเก็บเข้าลิ้นชักไป
และอยากบอกกรรมการเลือกตั้ง ต้องการจะเผยแผ่ประชาธิปไตยที่ไม่ใช่เอาแต่เรียกร้องสิทธิ
แต่ควรมีสำนึกรับผิดชอบต่อหน้าที่ ที่ตนต้องทำด้วย แล้วหละก็
กกต. ควรจักเข้าไปเซ็นเอ็มโอยู กับกระทรวงศึกษาธิการและสภามหาวิทยาลัยของประเทศ ไม่ใช่มาใช้พระเณรอย่างที่ทำอยู่
ดูว่าไม่ จะไกลเกินเอื่อม ประมาณว่าปวดท้องกลับหายาแดงมาทาหัว ประมาณนั้น เหล่านี้คือเหตุผลที่พุทธะอิสระ ต้องเขียนอธิบายความให้บรรดากองเชียร์ทั้งหลายได้เข้าใจ แต่ที่จะตะขิดตะขวงใจ และให้สงสัยก็คือ
เจ้าคุณประยูร เป็นถึงกรรมการมหาเถร เป็นถึงระดับผู้คุมกฏ
กลับออกมารับลูกเล่นในสนามการเมืองเสียเอง
ต่อไปพระทั้งประเทศคงจะได้เป็นหัวคะแนนได้
ดีไม่ดีอาจลงเลือกตั้งได้ดังที่ ฝ่ายนักวิชาการเสื้อแดงเรียกร้องมาตลอด
ที่พุทธะอิสระเป็นห่วงคือ หากนำพระเข้าไปสู่สนามการเมืองกันเสียหมด
แล้วจะเหลือใครมาคอยแช่ง คอยด่าพุทธะอิสระต่อหละจ๊ะ
หรือพวกเดียวกันทำอะไรก็ดูดีไปหมด
ประมาณว่า พวกเจ้าคุณหรือมหาเปรียญที่มีดีกรีปริญญาจากเมืองนอก ส่วนใหญ่ ล้วนต้องหุงหา อาหารกินกันเองทั้งนั้น
ไม่เว้นแม้แต่สมเด็จหนกลาง ที่เคยไปเรียนอินเดีย ก็ต้องหุงหาอาหารกินเอง เพราะบิณฑบาตไม่ได้ (อันนี้ได้ยินมาจากปากสมเด็จหนกลางเองเลย ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสมเด็จ)
แต่ก็ไม่มีใคร สาปแช่งด่าว่า
พอพุทธะอิสระ ทำอาหารเลี้ยงคนมางานออกพระเมรุ
ก็มีนักด่าขาประจำหยิบยกเอามาด่า
เช่นนี้แหละถึงได้บอกว่าหรือสังคมนี้ มีปัญหาความอคติจนสุดจะเยียวยา
พุทธะอิสระ
เรียบเรียงโดย
นายลัทธภพ แก้วโย : สำนักข่าวทีนิวส์