คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เป็นเพราะว่า ภาพถ่ายนั้นถ่ายด้วยกล้องด้วยเทคนิคการ เปิดหน้ากล้องนาน ครับ
เรียกว่า Long exposure photograph โดยเปิดหน้ากล้องให้แสงเข้ามาตกกระทบ Sensor รับภาพ
นานหลายวินาที จนถึงนานเป็นสิบ ๆ นาทีก็ได้ แล้วแต่การ setting ในขณะนั้นครับ
การเปิดหน้ากล้องนานแบบนั้น sensor จะได้รับแสงจากจุดดาวที่มีความเข้มต่ำมาก ๆ
มาตกกระทบ sensor นานมากพอที่จะสร้าง data ความสว่างให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ได้
ทำให้สามารถบันทึกภาพดาวที่แสงจางดวงต่าง ๆ ได้มาก หากเทียบกับดวงตาของเราแล้ว
จะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากดวงตาของเรารับภาพแบบ Real time
อีกอย่างหนึ่ง คือ เรื่องของความไวแสงด้วยครับ ดวงตาของเรามีความไวแสงระดับหนึ่ง
แต่ sensor ของกล้องสามารถเพิ่ม หรือ ปรับ ความไวแสงได้ เรียกว่า ISO เมื่อนำมาประกอบ
กับการถ่ายภาพแบบนี้ ทำให้เราได้ภาพดาวเต็มท้องฟ้าได้ครับ
ตัวอย่างของ Long exposure photograph ที่เปิดหน้ากล้องรับแสงการไหลของน้ำ
จนได้ภาพน้ำที่ไหลเนียน แบบนี้ดวงตาเราทำไม่ได้เนื่องจากดวงตาเรา real tiime ครับ

อีกภาพของการเปิดหน้ากล้องรับแสงไฟหน้ารถยนต์ จน sensor สามารถบันทึกเป็นเส้นแบบนี้ได้
เรียกว่า Long exposure photograph โดยเปิดหน้ากล้องให้แสงเข้ามาตกกระทบ Sensor รับภาพ
นานหลายวินาที จนถึงนานเป็นสิบ ๆ นาทีก็ได้ แล้วแต่การ setting ในขณะนั้นครับ
การเปิดหน้ากล้องนานแบบนั้น sensor จะได้รับแสงจากจุดดาวที่มีความเข้มต่ำมาก ๆ
มาตกกระทบ sensor นานมากพอที่จะสร้าง data ความสว่างให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ได้
ทำให้สามารถบันทึกภาพดาวที่แสงจางดวงต่าง ๆ ได้มาก หากเทียบกับดวงตาของเราแล้ว
จะไม่สามารถทำได้ เนื่องจากดวงตาของเรารับภาพแบบ Real time
อีกอย่างหนึ่ง คือ เรื่องของความไวแสงด้วยครับ ดวงตาของเรามีความไวแสงระดับหนึ่ง
แต่ sensor ของกล้องสามารถเพิ่ม หรือ ปรับ ความไวแสงได้ เรียกว่า ISO เมื่อนำมาประกอบ
กับการถ่ายภาพแบบนี้ ทำให้เราได้ภาพดาวเต็มท้องฟ้าได้ครับ
ตัวอย่างของ Long exposure photograph ที่เปิดหน้ากล้องรับแสงการไหลของน้ำ
จนได้ภาพน้ำที่ไหลเนียน แบบนี้ดวงตาเราทำไม่ได้เนื่องจากดวงตาเรา real tiime ครับ

อีกภาพของการเปิดหน้ากล้องรับแสงไฟหน้ารถยนต์ จน sensor สามารถบันทึกเป็นเส้นแบบนี้ได้

แสดงความคิดเห็น
ทำไมเวลาเรามองท้องฟ้าจริงๆ แล้วถึงไม่เห็นดวงดาวเยอะแบบในรูปที่เราถ่ายครับ