สตง.ต้องตรวจเข้ม-เร็ว ผู้ว่าฯ คนใหม่ สเปกแบบไหน?
“กรรมการตรวจเงินแผ่นดินเป็นบทบาทที่มีความสำคัญ คตง.ทุกคนเมื่อเข้ามาแล้วต่างก็ทำงานแบบทุ่มเทให้ประเทศและเป็นที่พึ่งของประชาชน ก็จะทำให้การทำงานทุกอย่างไปสู่ความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้ ประชาชนน่าจะพึงพอใจในบทบาทของ คตง.ที่สามารถเป็นที่พึ่งได้
ส่วน สตง.จะต้องมีการตรวจสอบการใช้เงินทุกบาทของหน่วยงานภาครัฐให้มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง จะตรวจสอบไม่ให้เกิดการรั่วไหล เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณสุดท้ายไปถึงประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการตรวจสอบต่างๆ ของ สตง.ก็จะพยายามทำให้เร็วที่สุด แต่ก็ต้องละเอียดรอบคอบด้วย”
เป็นคำยืนยันจาก พลเอกชนะทัพ อินทามระ ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ที่เพิ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งล่าสุดเมื่อ 22 กันยายน 2560 โดยเป็นประธาน คตง.ที่มาจากอดีตนายทหารคนแรก โดยเมื่อเข้ามาทำหน้าที่ในยุค คสช.จึงทำให้บทบาทของ คตง.และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ในการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินแผ่นดินโดยเฉพาะงบกองทัพยิ่งถูกจับตามองมากขึ้น
พลเอกชนะทัพย้ำว่า แม้จะเป็นอดีตทหารแต่การตรวจสอบงบของทุกเหล่าทัพ สตง.จะดำเนินไปตามปกติ
“ผมให้ความสำคัญกับหน่วยงานรัฐทุกหน่วย ไม่ได้มองว่าเป็นทหารอะไรทั้งสิ้น ถ้าเป็นปัญหาข้อสงสัยอะไร เราก็ไปตรวจสอบหมดทุกอย่าง”
พลเอกชนะทัพ กล่าวถึงนโยบายการทำงานของ คตง.และ สตง.ต่อจากนี้ว่า หลัง คตง.ชุดปัจจุบันเข้าปฏิบัติหน้าที่เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สิ่งที่ คตง.ให้นโยบายต่อข้าราชการของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินก็คือ สตง.ขอให้พยายามลดความขัดแย้ง แต่ก็ต้องทำงานการตรวจสอบเช่นเดิมและขอให้ตรวจสอบเข้มแข็งกว่าเดิมด้วย ที่ผ่านมา คตง.ก็เห็นว่าความไม่เข้าใจระหว่างกันของหน่วยงานมีค่อนข้างเยอะ เราก็พยายามลดตรงนี้ โดยที่ให้ สตง.เข้าไปช่วยแนะนำกระบวนการที่ติดขัดในเรื่องข้อระเบียบ หรืออะไรที่ต้องแก้ไข คือพยายามให้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้นระหว่าง สตง.กับหน่วยงานต่างๆ
...การทำงานของหน่วยงานต่างๆ เขามีหน้าที่เหมือนกับการปิดทองหน้าองค์พระ ก็คือทำงานให้ประสบความสำเร็จโดยใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประเทศชาติและประชาชน แต่ขณะเดียวกันการทำงานของ สตง.เป็นการทำงานแบบปิดทองหลังองค์พระ คือ สตง.ไม่จำเป็นต้องไปโฆษณาอะไรต่างๆ แต่ทำงานเพื่อตรวจสอบการทำงานของภาครัฐ ให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายที่กำหนดอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้งานทั้งหมดไปสู่พี่น้องประชาชน เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างแท้จริง
ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่า สตง.จะไปทำงานในจุดที่เป็นการไประงับยับยั้ง หรือเรียกเงินคืนที่เป็นผลงาน แต่ขณะนี้เราไม่ใช่ต้องการงานตรงนั้น แต่ต้องการให้งานต่างๆ ไปสู่ประชาชนโดยสำเร็จ เหมือนเดิมโดยครบถ้วนไม่มีการรั่วไหล ซึ่งมันจะเกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ เราก็ย้ำให้ข้าราชการของ สตง.ได้เข้าใจตรงนี้
ประธาน คตง. พูดถึงทิศทางการทำงานของ คตง.-สตง.ที่เป็นหนึ่งในองค์กรอิสระที่มีบทบาทในเรื่องการตรวจสอบป้องกันการทุจริตงบประมาณแผ่นดินว่า นโยบายหลักในการทำงานของ สตง.ต่อจากนี้ ต้องรอให้ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดินฉบับใหม่ ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติประกาศใช้ออกมาก่อน จากนั้น คตง.ก็จะกำหนดนโยบายหลักการตรวจสอบเงินแผ่นดิน และหลักเกณฑ์มาตรฐานการตรวจสอบเพื่อให้ครอบคลุมและเพื่อให้ผู้ว่าฯ สตง.ที่จะเข้ามาใหม่ ได้เข้ามาทำงานแบบประสานสอดคล้องกับนโยบายที่ คตง.กำหนด แต่นโยบายที่จะออกมาก็จะครอบคลุมทุกเรื่องที่เป็นภารกิจของ สตง. โดยหลังกฎหมายตรวจเงินแผ่นดินประกาศใช้แล้วอาจจะต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างการทำงานของ สตง.ให้รวดเร็ว อาจจะมีการจัดทีมทำงานเพื่อให้งานกระชับรวดเร็ว
อย่าลืมว่าทุกอย่างที่ สตง.ทำจะต้องละเอียดรอบคอบแต่ก็ไม่ช้า เพราะต้องนึกถึงความเป็นธรรมของหน่วยงานภาครัฐที่รับการตรวจสอบ เพราะหากไปทำแบบรวดเร็วแต่ไม่รอบคอบมันก็อาจเกิดความเสียหาย ก็จะเกิดความไม่สบายใจต่อผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบโดยเฉพาะกับเจ้าหน้าที่ เรื่องนี้ คตง.ก็ให้ความสำคัญ ดังนั้นความยุติธรรม ความเป็นธรรม กับความรวดเร็ว จะต้องอยู่ในจังหวะที่สอดคล้องกัน
สตง.ต้องไม่ทำงานแบบฟาดโครม
พลเอกชนะทัพ-ประธาน คตง. เล่าย้อนให้ฟังสมัยยังสวมเครื่องแบบเป็นทหาร ที่เคยมีประสบการณ์ในด้านการตรวจสอบภายในกองทัพมาหลายสิบปี ทั้งในสำนักงานตรวจบัญชีกองทัพบก-สำนักงานตรวจสอบภายในทหารบก ได้ผ่านตำแหน่งต่างๆ มากมาย เช่น รองปลัดบัญชีทหารบก จนเมื่อเกษียณแล้วมาสมัครเป็น คตง.ว่า สมัยรับราชการทหารอยู่หน่วยงานตรวจสอบภายในของกองทัพบก จึงทำให้ได้สัมผัสการทำงานของ สตง.มาเยอะ ก็เข้าใจบทบาทของ สตง.ดีในหลายเรื่อง ทำให้เห็นว่าหากเข้ามาเป็น คตง.แล้วจะทำเรื่องนโยบายอย่างไร เพราะเราจะเข้าใจถึงบริบทขององค์กรต่างๆ ผมก็พยายามบอกข้าราชการของ สตง.ที่จะเข้าไปตรวจสอบองค์กรต่างๆ ว่าให้ดูบริบทการทำงานของแต่ละองค์กร เพราะหากเราเข้าใจการทำงานของเขา เราก็จะแนะนำเขาได้ว่าต้องทำอย่างไรให้ถูกต้อง
“ไม่ใช่ว่าเราลงไปถึงก็ฟาดโครมๆ ไม่ใช่ แต่ สตง.ต้องเข้าไปเพื่อทำให้การทำงานของเขาสำเร็จ การทำงานคือทุกคนก็อาจตั้งใจทำงานให้ตรงตามกฎระเบียบ แต่อาจจะเกิดจากสภาวะที่ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือระเบียบไม่ครอบคลุม ตรงนี้ก็อาจเกิดการติดขัด เราก็พยายามเข้าไปช่วยแก้ไข แต่หากเราเห็นว่าอะไรที่เป็นการปฏิบัติโดยมิชอบ ก็ต้องดำเนินการเช่นส่งเรื่องไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ”
ถามไปว่า หมายถึงว่าสมัยเป็นทหารทำงานด้านการตรวจสอบภายในร่วมกับ สตง.ก็เห็นบทบาทของ สตง.ว่ามีปัญหา พลเอกชนะทัพ ตอบว่า คือบทบาทของ สตง.เข้มข้นดีในยุคที่ผมรับราชการทหาร ก็คิดว่าเขาก็ทำงานตามบทบาทหน้าที่ แต่เมื่อเข้ามาสัมผัสแล้วเราก็จะเห็นว่า บางอย่างเราต้องพัฒนา ปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป อย่างที่ตอนนี้เรากำลังจะไปไทยแลนด์ 4.0 แล้ว เราก็ต้องปรับโครงสร้าง เช่นนำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงานตรวจสอบของเราให้มากขึ้น เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดความเสี่ยงต่างๆ
ถามไปว่า สามารถนำประสบการณ์สมัยทำงานด้านการตรวจสอบภายใน อย่างสำนักปลัดบัญชีทหารบกมาใช้อย่างไรบ้าง พลเอกชนะทัพ-ประธาน คตง. ย้ำว่าจากประสบการณ์ที่เคยมี สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือต้องมองไปข้างหน้าว่า ในช่วงที่ประเทศเรามีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงในยุคการปฏิรูป เราจะต้องทำให้ประชาชนเห็นว่าการทำงานของ สตง.เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนจริงๆ
สตง.ยุคใหม่เราคำนึงถึงประเทศชาติประชาชนมากที่สุด เช่นเมื่อ คตง.กำหนดนโยบายออกมาแล้ว ในช่วงสามปีต่อจากนี้จะต้องทำให้สำเร็จครบถ้วน แต่บางเรื่องเช่นการพัฒนาเทคโนโลยีในการทำงานก็ต้องใช้เวลา ก็พยายามเร่ง และการปรับปรุงโครงสร้างของ สตง.ก็ต้องให้เร็ว ก็จะทำให้ต่อไปการทำงานของ สตง.ครอบคลุมกว้างขวางขึ้น เช่นกรณีภาครัฐทำนโยบายสาธารณะต่างๆ ก็ต้องมาดูว่าสิ่งที่ทำไป ได้เข้าไปถึงประชาชนครอบคลุมหรือไม่ หรือว่าติดขัดตรงไหน หากสิ่งไหนที่ สตง.เข้าไปช่วยแนะนำเพื่อแก้ปัญหาติดขัด โดยเสนอแนะภาครัฐได้ สตง.ก็จะเข้าไปช่วยตรวจสอบ เพื่อดูว่าตรงไหนมีช่องโหว่ไม่เรียบร้อย สตง.จะไปดูให้
แต่หากตรงไหนพบว่ามีการกระทำแบบประพฤติมิชอบก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย อย่าคิดว่า สตง.จะเข้าไปตรวจสอบแบบใจดี-ไม่ใช่ เราตรวจสอบตามหลักการวิชาการ มืออาชีพ เพื่อให้การทำงานของ สตง.เป็นมาตรฐานสากล
ลั่นพร้อมสแกนงบกองทัพ
- เป็นประธาน คตง.ที่มาจากทหาร ซึ่งที่ผ่านมาการตรวจสอบของ สตง.เกี่ยวกับกองทัพบางเรื่อง เช่นงบการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ หรือการจัดซื้อเรือดำน้ำก็ถูกวิจารณ์ไม่น้อย แล้วแนวทางการตรวจสอบของ สตง.ต่องบทหารจะเป็นอย่างไร?
ผมให้ความสำคัญกับหน่วยงานรัฐทุกหน่วย ไม่ได้มองว่าเป็นทหารอะไรทั้งสิ้น ถ้าเป็นปัญหาข้อสงสัยอะไรเราก็ไปตรวจสอบหมดทุกอย่าง แต่เรื่องรายละเอียดต่างๆ เจ้าหน้าที่เขาจะทราบหลังไปดูแล้ว ซึ่งพอแถลงไปบางทีอาจไม่ตรงใจสื่อมวลชน แต่ว่าข้อเท็จจริงมันก็คือข้อเท็จจริง ซึ่งอะไรผิดก็คือผิด แต่หากไม่ผิดก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะกระบวนการต่างๆ หากทำถูกต้องก็ต้องถือว่าเขาถูกต้อง เพราะเราก็ตรวจเหมือนกันหมดตามมาตรฐาน เพียงแต่เมื่อ สตง.เข้าไปแล้วบริบทของทุกองค์กรจะไม่เหมือนกัน เช่นหน่วยงานด้านความมั่นคงก็แบบหนึ่ง ขณะที่บางหน่วยเช่นกระทรวงมหาดไทยก็เป็นอีกลักษณะหนึ่ง คือแต่ละที่สัมผัสประชาชนได้แค่ไหน บางครั้งเรื่องความมั่นคงอาจไม่ถึงประชาชน แต่ประเทศชาติต้องได้ประโยชน์เรามองแบบนั้น คือประเทศชาติต้องได้ประโยชน์สูงสุดและต้องไม่รั่วไหล
...เรื่องการจัดซื้ออะไรต่างๆ ของฝ่ายความมั่นคงเขาจะมีแผนรองรับ ที่ต้องดูว่าเมื่อมีแผนแล้วได้งบประมาณหรือไม่ หากมีงบประมาณรองรับก็จะมีการเสนอแผนการจัดซื้อเข้าไป แต่การจัดซื้อไม่ใช่ว่าสั่งแล้วได้วันนี้ แต่บางทีต้องรอหนึ่งปีหรือ 2-3 ปีข้างหน้า ทยอยส่งมาให้ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จังหวะช่วงนั้นเป็นอย่างนั้น อันนี้ก็คือภาครัฐที่เขาต้องเจรจาคุยกัน บางทีก็ต้องดูว่าเขาขายหรือไม่ขาย
ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็จัดซื้อได้ตลอด มันไม่เหมือนกับของอย่างอื่นทั่วไปที่มีทั่วไปเยอะ แต่อันนี้ไม่ใช่ การพิจารณาระหว่างของถูกกับของที่มีคุณภาพ บางทีมันต้องชั่งใจว่าจะใช้อย่างไร งบประมาณมีพอหรือไม่
“การจัดซื้อของกองทัพส่วนใหญ่เป็นลักษณะจีทูจี ระหว่างภาครัฐกับภาครัฐ ที่ดูแล้วยังไงก็ต้องตรงไปตรงมา แต่กระบวนการจัดซื้อก็ต้องไปดูว่าเป็นอย่างไร และเมื่อซื้อมาแล้วมีคุณภาพเป็นอย่างไร บางครั้งเราก็เห็นว่าบางอย่างหากซื้อของถูก คุณภาพมันก็จะลดลงกว่าของจากบางประเทศที่มีคุณภาพแต่อาจแพง แต่บางทีเงินเราก็จำกัด ซึ่งสมัยผมเป็นทหาร สตง.เขาก็มีการเข้าไปตรวจสอบอยู่ตลอด และพบว่าก็ไม่มีปัญหาอะไร ยืนยันว่า สตง.ตรวจสอบเต็มที่”
เมื่อถามถึงทิศทางการทำงานของ สตง.ในยุคปฏิรูปว่าต่อจากนี้ สตง.จะต้องมีการปฏิรูปการทำงานอะไรหรือไม่ พลเอกชนะทัพ-ประธาน คตง. มองว่าคงไม่ถึงกับปฏิรูป แต่อาจจะมีการปรับโครงสร้าง ให้หน่วยงานมีความคล่องตัว ทำงานได้รวดเร็ว กระชับ เป็นทีมงานที่ทำงานครบถ้วนสมบูรณ์ในตัวเอง อย่างอัตรากำลังของเจ้าหน้าที่ สตง.พบว่าก็ใกล้เคียงกับองค์กรอิสระอื่นๆ แต่เราเองก็ต้องปรับ เพราะอย่างการไปรับรองงบการเงินของหน่วยงานต่างๆ เป็นงานที่ใช้คนมากเวลามาก ก็อาจต้องขอเว้นบางส่วนที่จำเป็น การทำงานก็จะต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น การเข้าไปถึงปัญหาที่เกิด สตง.จะเข้าไปเร็ว แต่รายละเอียดต่างๆ ก็ต้องใช้เวลา เพราะหากทำแบบรีบร้อนมันอาจจะเกิดความไม่เป็นธรรม
อำนาจใหม่ในมือ คตง.
พลเอกชนะทัพ เปิดเผยถึงการตรวจสอบเรื่องหรือสำนวนที่ค้างการพิจารณาของ สตง.ที่ยังไม่แล้วเสร็จว่า จนถึงขณะนี้พบว่ามีพอสมควร แต่ก็พยายามเร่งดำเนินการ เช่นกรณีการปฏิบัติโดยมิชอบก็ส่งไปให้ ป.ป.ช.แล้ว นอกจากนี้เรื่องวินัยการเงินการคลัง จากปัจจุบันคณะกรรมการวินิจฉัยการเงินการคลังของ คตง.ที่เป็นลักษณะอนุกรรมการ แต่หากร่าง พ.ร.บ.ตรวจเงินแผ่นดินฉบับใหม่ประกาศใช้ ก็จะมีการยกสถานะและบทบาทให้เป็นคณะกรรมการวินิจฉัย และมีการเขียนกำหนดโทษหลังคณะกรรมการวินิจฉัยแต่ละเรื่องเสร็จแล้วไว้สามกรณี คือ ภาคทัณฑ์, ตำหนิต่อสาธารณะ และการเรียกค่าปรับทางปกครอง ที่เป็นลักษณะเพื่อการป้องปราม
ส่วนการทำงานกรรมการชุดนี้ที่อยู่ใน คตง.จะรีบดำเนินการ โดยหากพบว่าหน่วยงานไหนมีการดำเนินการอะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการวินัยการเงินการคลัง
...แม้บทลงโทษอาจไม่หนัก แต่โทษที่ออกมาจะติดตัวคนที่เกี่ยวข้องในการทำงานในการเติบโต ที่จะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติการทำงาน แต่หากใครไม่พอใจผลการวินิจฉัยที่ตามร่างกฎหมายฉบับใหม่ให้ถือเป็นที่สิ้นสุด ก็ยังสามารถร้องต่อศาลปกครองสูงสุดได้
http://www.thaipost.net/?q=node/37973 ยังมีต่อค่ะ....
ตรวจสอบกันไปเลยนะคะ...จะได้ไม่มีคนติฉินนินทาอิจฉารัฐบาลทหาร
โชว์ความโปร่งใสกันไปเลย...
ที่นี้จะได้ไม่มีคนอ้างว่าไม่มีการตรวจสอบ
~มาลาริน~** หน่วยตรวจสอบมาแล้วค่ะ..👌👌👌👌👌ตรวจหมด งบกองทัพ
สตง.ต้องตรวจเข้ม-เร็ว ผู้ว่าฯ คนใหม่ สเปกแบบไหน?
“กรรมการตรวจเงินแผ่นดินเป็นบทบาทที่มีความสำคัญ คตง.ทุกคนเมื่อเข้ามาแล้วต่างก็ทำงานแบบทุ่มเทให้ประเทศและเป็นที่พึ่งของประชาชน ก็จะทำให้การทำงานทุกอย่างไปสู่ความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้ ประชาชนน่าจะพึงพอใจในบทบาทของ คตง.ที่สามารถเป็นที่พึ่งได้
ส่วน สตง.จะต้องมีการตรวจสอบการใช้เงินทุกบาทของหน่วยงานภาครัฐให้มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง จะตรวจสอบไม่ให้เกิดการรั่วไหล เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณสุดท้ายไปถึงประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการตรวจสอบต่างๆ ของ สตง.ก็จะพยายามทำให้เร็วที่สุด แต่ก็ต้องละเอียดรอบคอบด้วย”
เป็นคำยืนยันจาก พลเอกชนะทัพ อินทามระ ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ที่เพิ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งล่าสุดเมื่อ 22 กันยายน 2560 โดยเป็นประธาน คตง.ที่มาจากอดีตนายทหารคนแรก โดยเมื่อเข้ามาทำหน้าที่ในยุค คสช.จึงทำให้บทบาทของ คตง.และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ในการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินแผ่นดินโดยเฉพาะงบกองทัพยิ่งถูกจับตามองมากขึ้น
พลเอกชนะทัพย้ำว่า แม้จะเป็นอดีตทหารแต่การตรวจสอบงบของทุกเหล่าทัพ สตง.จะดำเนินไปตามปกติ
“ผมให้ความสำคัญกับหน่วยงานรัฐทุกหน่วย ไม่ได้มองว่าเป็นทหารอะไรทั้งสิ้น ถ้าเป็นปัญหาข้อสงสัยอะไร เราก็ไปตรวจสอบหมดทุกอย่าง”
พลเอกชนะทัพ กล่าวถึงนโยบายการทำงานของ คตง.และ สตง.ต่อจากนี้ว่า หลัง คตง.ชุดปัจจุบันเข้าปฏิบัติหน้าที่เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สิ่งที่ คตง.ให้นโยบายต่อข้าราชการของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินก็คือ สตง.ขอให้พยายามลดความขัดแย้ง แต่ก็ต้องทำงานการตรวจสอบเช่นเดิมและขอให้ตรวจสอบเข้มแข็งกว่าเดิมด้วย ที่ผ่านมา คตง.ก็เห็นว่าความไม่เข้าใจระหว่างกันของหน่วยงานมีค่อนข้างเยอะ เราก็พยายามลดตรงนี้ โดยที่ให้ สตง.เข้าไปช่วยแนะนำกระบวนการที่ติดขัดในเรื่องข้อระเบียบ หรืออะไรที่ต้องแก้ไข คือพยายามให้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้นระหว่าง สตง.กับหน่วยงานต่างๆ
...การทำงานของหน่วยงานต่างๆ เขามีหน้าที่เหมือนกับการปิดทองหน้าองค์พระ ก็คือทำงานให้ประสบความสำเร็จโดยใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประเทศชาติและประชาชน แต่ขณะเดียวกันการทำงานของ สตง.เป็นการทำงานแบบปิดทองหลังองค์พระ คือ สตง.ไม่จำเป็นต้องไปโฆษณาอะไรต่างๆ แต่ทำงานเพื่อตรวจสอบการทำงานของภาครัฐ ให้ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายที่กำหนดอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้งานทั้งหมดไปสู่พี่น้องประชาชน เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างแท้จริง
ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่า สตง.จะไปทำงานในจุดที่เป็นการไประงับยับยั้ง หรือเรียกเงินคืนที่เป็นผลงาน แต่ขณะนี้เราไม่ใช่ต้องการงานตรงนั้น แต่ต้องการให้งานต่างๆ ไปสู่ประชาชนโดยสำเร็จ เหมือนเดิมโดยครบถ้วนไม่มีการรั่วไหล ซึ่งมันจะเกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ เราก็ย้ำให้ข้าราชการของ สตง.ได้เข้าใจตรงนี้
ประธาน คตง. พูดถึงทิศทางการทำงานของ คตง.-สตง.ที่เป็นหนึ่งในองค์กรอิสระที่มีบทบาทในเรื่องการตรวจสอบป้องกันการทุจริตงบประมาณแผ่นดินว่า นโยบายหลักในการทำงานของ สตง.ต่อจากนี้ ต้องรอให้ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดินฉบับใหม่ ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติประกาศใช้ออกมาก่อน จากนั้น คตง.ก็จะกำหนดนโยบายหลักการตรวจสอบเงินแผ่นดิน และหลักเกณฑ์มาตรฐานการตรวจสอบเพื่อให้ครอบคลุมและเพื่อให้ผู้ว่าฯ สตง.ที่จะเข้ามาใหม่ ได้เข้ามาทำงานแบบประสานสอดคล้องกับนโยบายที่ คตง.กำหนด แต่นโยบายที่จะออกมาก็จะครอบคลุมทุกเรื่องที่เป็นภารกิจของ สตง. โดยหลังกฎหมายตรวจเงินแผ่นดินประกาศใช้แล้วอาจจะต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างการทำงานของ สตง.ให้รวดเร็ว อาจจะมีการจัดทีมทำงานเพื่อให้งานกระชับรวดเร็ว
อย่าลืมว่าทุกอย่างที่ สตง.ทำจะต้องละเอียดรอบคอบแต่ก็ไม่ช้า เพราะต้องนึกถึงความเป็นธรรมของหน่วยงานภาครัฐที่รับการตรวจสอบ เพราะหากไปทำแบบรวดเร็วแต่ไม่รอบคอบมันก็อาจเกิดความเสียหาย ก็จะเกิดความไม่สบายใจต่อผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบโดยเฉพาะกับเจ้าหน้าที่ เรื่องนี้ คตง.ก็ให้ความสำคัญ ดังนั้นความยุติธรรม ความเป็นธรรม กับความรวดเร็ว จะต้องอยู่ในจังหวะที่สอดคล้องกัน
สตง.ต้องไม่ทำงานแบบฟาดโครม
พลเอกชนะทัพ-ประธาน คตง. เล่าย้อนให้ฟังสมัยยังสวมเครื่องแบบเป็นทหาร ที่เคยมีประสบการณ์ในด้านการตรวจสอบภายในกองทัพมาหลายสิบปี ทั้งในสำนักงานตรวจบัญชีกองทัพบก-สำนักงานตรวจสอบภายในทหารบก ได้ผ่านตำแหน่งต่างๆ มากมาย เช่น รองปลัดบัญชีทหารบก จนเมื่อเกษียณแล้วมาสมัครเป็น คตง.ว่า สมัยรับราชการทหารอยู่หน่วยงานตรวจสอบภายในของกองทัพบก จึงทำให้ได้สัมผัสการทำงานของ สตง.มาเยอะ ก็เข้าใจบทบาทของ สตง.ดีในหลายเรื่อง ทำให้เห็นว่าหากเข้ามาเป็น คตง.แล้วจะทำเรื่องนโยบายอย่างไร เพราะเราจะเข้าใจถึงบริบทขององค์กรต่างๆ ผมก็พยายามบอกข้าราชการของ สตง.ที่จะเข้าไปตรวจสอบองค์กรต่างๆ ว่าให้ดูบริบทการทำงานของแต่ละองค์กร เพราะหากเราเข้าใจการทำงานของเขา เราก็จะแนะนำเขาได้ว่าต้องทำอย่างไรให้ถูกต้อง
“ไม่ใช่ว่าเราลงไปถึงก็ฟาดโครมๆ ไม่ใช่ แต่ สตง.ต้องเข้าไปเพื่อทำให้การทำงานของเขาสำเร็จ การทำงานคือทุกคนก็อาจตั้งใจทำงานให้ตรงตามกฎระเบียบ แต่อาจจะเกิดจากสภาวะที่ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือระเบียบไม่ครอบคลุม ตรงนี้ก็อาจเกิดการติดขัด เราก็พยายามเข้าไปช่วยแก้ไข แต่หากเราเห็นว่าอะไรที่เป็นการปฏิบัติโดยมิชอบ ก็ต้องดำเนินการเช่นส่งเรื่องไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ”
ถามไปว่า หมายถึงว่าสมัยเป็นทหารทำงานด้านการตรวจสอบภายในร่วมกับ สตง.ก็เห็นบทบาทของ สตง.ว่ามีปัญหา พลเอกชนะทัพ ตอบว่า คือบทบาทของ สตง.เข้มข้นดีในยุคที่ผมรับราชการทหาร ก็คิดว่าเขาก็ทำงานตามบทบาทหน้าที่ แต่เมื่อเข้ามาสัมผัสแล้วเราก็จะเห็นว่า บางอย่างเราต้องพัฒนา ปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป อย่างที่ตอนนี้เรากำลังจะไปไทยแลนด์ 4.0 แล้ว เราก็ต้องปรับโครงสร้าง เช่นนำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงานตรวจสอบของเราให้มากขึ้น เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดความเสี่ยงต่างๆ
ถามไปว่า สามารถนำประสบการณ์สมัยทำงานด้านการตรวจสอบภายใน อย่างสำนักปลัดบัญชีทหารบกมาใช้อย่างไรบ้าง พลเอกชนะทัพ-ประธาน คตง. ย้ำว่าจากประสบการณ์ที่เคยมี สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือต้องมองไปข้างหน้าว่า ในช่วงที่ประเทศเรามีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงในยุคการปฏิรูป เราจะต้องทำให้ประชาชนเห็นว่าการทำงานของ สตง.เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนจริงๆ
สตง.ยุคใหม่เราคำนึงถึงประเทศชาติประชาชนมากที่สุด เช่นเมื่อ คตง.กำหนดนโยบายออกมาแล้ว ในช่วงสามปีต่อจากนี้จะต้องทำให้สำเร็จครบถ้วน แต่บางเรื่องเช่นการพัฒนาเทคโนโลยีในการทำงานก็ต้องใช้เวลา ก็พยายามเร่ง และการปรับปรุงโครงสร้างของ สตง.ก็ต้องให้เร็ว ก็จะทำให้ต่อไปการทำงานของ สตง.ครอบคลุมกว้างขวางขึ้น เช่นกรณีภาครัฐทำนโยบายสาธารณะต่างๆ ก็ต้องมาดูว่าสิ่งที่ทำไป ได้เข้าไปถึงประชาชนครอบคลุมหรือไม่ หรือว่าติดขัดตรงไหน หากสิ่งไหนที่ สตง.เข้าไปช่วยแนะนำเพื่อแก้ปัญหาติดขัด โดยเสนอแนะภาครัฐได้ สตง.ก็จะเข้าไปช่วยตรวจสอบ เพื่อดูว่าตรงไหนมีช่องโหว่ไม่เรียบร้อย สตง.จะไปดูให้
แต่หากตรงไหนพบว่ามีการกระทำแบบประพฤติมิชอบก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย อย่าคิดว่า สตง.จะเข้าไปตรวจสอบแบบใจดี-ไม่ใช่ เราตรวจสอบตามหลักการวิชาการ มืออาชีพ เพื่อให้การทำงานของ สตง.เป็นมาตรฐานสากล
ลั่นพร้อมสแกนงบกองทัพ
- เป็นประธาน คตง.ที่มาจากทหาร ซึ่งที่ผ่านมาการตรวจสอบของ สตง.เกี่ยวกับกองทัพบางเรื่อง เช่นงบการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ หรือการจัดซื้อเรือดำน้ำก็ถูกวิจารณ์ไม่น้อย แล้วแนวทางการตรวจสอบของ สตง.ต่องบทหารจะเป็นอย่างไร?
ผมให้ความสำคัญกับหน่วยงานรัฐทุกหน่วย ไม่ได้มองว่าเป็นทหารอะไรทั้งสิ้น ถ้าเป็นปัญหาข้อสงสัยอะไรเราก็ไปตรวจสอบหมดทุกอย่าง แต่เรื่องรายละเอียดต่างๆ เจ้าหน้าที่เขาจะทราบหลังไปดูแล้ว ซึ่งพอแถลงไปบางทีอาจไม่ตรงใจสื่อมวลชน แต่ว่าข้อเท็จจริงมันก็คือข้อเท็จจริง ซึ่งอะไรผิดก็คือผิด แต่หากไม่ผิดก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะกระบวนการต่างๆ หากทำถูกต้องก็ต้องถือว่าเขาถูกต้อง เพราะเราก็ตรวจเหมือนกันหมดตามมาตรฐาน เพียงแต่เมื่อ สตง.เข้าไปแล้วบริบทของทุกองค์กรจะไม่เหมือนกัน เช่นหน่วยงานด้านความมั่นคงก็แบบหนึ่ง ขณะที่บางหน่วยเช่นกระทรวงมหาดไทยก็เป็นอีกลักษณะหนึ่ง คือแต่ละที่สัมผัสประชาชนได้แค่ไหน บางครั้งเรื่องความมั่นคงอาจไม่ถึงประชาชน แต่ประเทศชาติต้องได้ประโยชน์เรามองแบบนั้น คือประเทศชาติต้องได้ประโยชน์สูงสุดและต้องไม่รั่วไหล
...เรื่องการจัดซื้ออะไรต่างๆ ของฝ่ายความมั่นคงเขาจะมีแผนรองรับ ที่ต้องดูว่าเมื่อมีแผนแล้วได้งบประมาณหรือไม่ หากมีงบประมาณรองรับก็จะมีการเสนอแผนการจัดซื้อเข้าไป แต่การจัดซื้อไม่ใช่ว่าสั่งแล้วได้วันนี้ แต่บางทีต้องรอหนึ่งปีหรือ 2-3 ปีข้างหน้า ทยอยส่งมาให้ แล้วความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จังหวะช่วงนั้นเป็นอย่างนั้น อันนี้ก็คือภาครัฐที่เขาต้องเจรจาคุยกัน บางทีก็ต้องดูว่าเขาขายหรือไม่ขาย
ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็จัดซื้อได้ตลอด มันไม่เหมือนกับของอย่างอื่นทั่วไปที่มีทั่วไปเยอะ แต่อันนี้ไม่ใช่ การพิจารณาระหว่างของถูกกับของที่มีคุณภาพ บางทีมันต้องชั่งใจว่าจะใช้อย่างไร งบประมาณมีพอหรือไม่
“การจัดซื้อของกองทัพส่วนใหญ่เป็นลักษณะจีทูจี ระหว่างภาครัฐกับภาครัฐ ที่ดูแล้วยังไงก็ต้องตรงไปตรงมา แต่กระบวนการจัดซื้อก็ต้องไปดูว่าเป็นอย่างไร และเมื่อซื้อมาแล้วมีคุณภาพเป็นอย่างไร บางครั้งเราก็เห็นว่าบางอย่างหากซื้อของถูก คุณภาพมันก็จะลดลงกว่าของจากบางประเทศที่มีคุณภาพแต่อาจแพง แต่บางทีเงินเราก็จำกัด ซึ่งสมัยผมเป็นทหาร สตง.เขาก็มีการเข้าไปตรวจสอบอยู่ตลอด และพบว่าก็ไม่มีปัญหาอะไร ยืนยันว่า สตง.ตรวจสอบเต็มที่”
เมื่อถามถึงทิศทางการทำงานของ สตง.ในยุคปฏิรูปว่าต่อจากนี้ สตง.จะต้องมีการปฏิรูปการทำงานอะไรหรือไม่ พลเอกชนะทัพ-ประธาน คตง. มองว่าคงไม่ถึงกับปฏิรูป แต่อาจจะมีการปรับโครงสร้าง ให้หน่วยงานมีความคล่องตัว ทำงานได้รวดเร็ว กระชับ เป็นทีมงานที่ทำงานครบถ้วนสมบูรณ์ในตัวเอง อย่างอัตรากำลังของเจ้าหน้าที่ สตง.พบว่าก็ใกล้เคียงกับองค์กรอิสระอื่นๆ แต่เราเองก็ต้องปรับ เพราะอย่างการไปรับรองงบการเงินของหน่วยงานต่างๆ เป็นงานที่ใช้คนมากเวลามาก ก็อาจต้องขอเว้นบางส่วนที่จำเป็น การทำงานก็จะต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น การเข้าไปถึงปัญหาที่เกิด สตง.จะเข้าไปเร็ว แต่รายละเอียดต่างๆ ก็ต้องใช้เวลา เพราะหากทำแบบรีบร้อนมันอาจจะเกิดความไม่เป็นธรรม
อำนาจใหม่ในมือ คตง.
พลเอกชนะทัพ เปิดเผยถึงการตรวจสอบเรื่องหรือสำนวนที่ค้างการพิจารณาของ สตง.ที่ยังไม่แล้วเสร็จว่า จนถึงขณะนี้พบว่ามีพอสมควร แต่ก็พยายามเร่งดำเนินการ เช่นกรณีการปฏิบัติโดยมิชอบก็ส่งไปให้ ป.ป.ช.แล้ว นอกจากนี้เรื่องวินัยการเงินการคลัง จากปัจจุบันคณะกรรมการวินิจฉัยการเงินการคลังของ คตง.ที่เป็นลักษณะอนุกรรมการ แต่หากร่าง พ.ร.บ.ตรวจเงินแผ่นดินฉบับใหม่ประกาศใช้ ก็จะมีการยกสถานะและบทบาทให้เป็นคณะกรรมการวินิจฉัย และมีการเขียนกำหนดโทษหลังคณะกรรมการวินิจฉัยแต่ละเรื่องเสร็จแล้วไว้สามกรณี คือ ภาคทัณฑ์, ตำหนิต่อสาธารณะ และการเรียกค่าปรับทางปกครอง ที่เป็นลักษณะเพื่อการป้องปราม
ส่วนการทำงานกรรมการชุดนี้ที่อยู่ใน คตง.จะรีบดำเนินการ โดยหากพบว่าหน่วยงานไหนมีการดำเนินการอะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการวินัยการเงินการคลัง
...แม้บทลงโทษอาจไม่หนัก แต่โทษที่ออกมาจะติดตัวคนที่เกี่ยวข้องในการทำงานในการเติบโต ที่จะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติการทำงาน แต่หากใครไม่พอใจผลการวินิจฉัยที่ตามร่างกฎหมายฉบับใหม่ให้ถือเป็นที่สิ้นสุด ก็ยังสามารถร้องต่อศาลปกครองสูงสุดได้
http://www.thaipost.net/?q=node/37973 ยังมีต่อค่ะ....
ตรวจสอบกันไปเลยนะคะ...จะได้ไม่มีคนติฉินนินทาอิจฉารัฐบาลทหาร
โชว์ความโปร่งใสกันไปเลย...
ที่นี้จะได้ไม่มีคนอ้างว่าไม่มีการตรวจสอบ