14 Days in Japan , Alone เทาๆแต่ไม่เหงา นะจ๊า..( part II )

กระทู้นี้ไม่ใช่รีวิวการท่องเที่ยว หรือแนะนำสถานที่ต่างๆในญี่ปุ่นนะครับผม มีเรื่องเล่าและรูปเยอะ
     เป็นเรื่องราวบอกเล่าในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศคนเดียวครั้งแรก ข้อมูลต่างๆอาจไม่ชัดเจนแม่นยำ ขออภัยมา ณ ที่นี้
จัดทำเพื่อเป็นบันทึกในการเดินทาง และให้เป็นข้อมูลเล็กๆน้อยๆสำหรับมือใหม่ ที่กำลังวางแผนจะเดินทางไปเยือนญี่ปุ่น
ภาพต่างๆ ลดขนาดให้ได้ตามความเหมาะสมในการลงกระทู้ ไม่ปรับแต่งใดๆทั้งสิ้น เพื่อให้เห็นบรรยากาศใกล้เคียงจริงๆ ณ ตอนนั้น(Fuji X30)
      ใน Spoil เป็นเรื่องราว ณ ตอนน้ั้น เพิ่มงามมโนและความรู้สึกต่างๆ ข้ามไปไม่ต้องอ่านก็ได้นะครับ.
    ครบรอบ 2 ปีพอดีสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวต่างประเทศครั้งแรก ณ แดน อาทิตย์อุทัย *-*
  ภาค 1 https://pantip.com/topic/37078133/comment13

Day 9  : Tokyo skytree Shibuya
             ตื่นมาสบายๆหาอะไรรองท้อง  อิ่มเบาๆ แล้วเดินละล่องปลิวไปตามแรงลม แดดนิดๆ วันนี้ตั้งใจไปชิวที่ โตเกียวสกายทรี เดินไปทางเดิมเลย ผ่านวัดอาซะกุสะ ช่วงสายๆ คนเยอะเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือ ชั้นไปมาแล้วนะ เส้นทางไปไม่ยากเลย เดินผ่านหน้าวัด มุ่งตรงไปทางแม่น้ำซึ่งจะเห็นหอคอยโตเกียวอยู่ไม่ไกล อากาศสบายๆทำให้เดินได้เรื่อยๆ ไม่ต้องห่วงมีผู้ร่วมทางไปทางเดียวกันเรื่อยๆ มาถึงแม่น้ำก็พักดูวิวทิวทัศน์ กับตึกฟองเบียร์อาซาฮี หรือตึกอุนจิ ที่ร่ำลือกัน ดูผู้คนขึ้นเรือเพื่อล่องตามน้ำชมทัศยนียภาพ ลมเย็นๆปะทะใบหน้า เพลินๆดี ที่เพิ่มเติมคือ นิ้วดันไปจับโดนเลนส์กล้องไม่รู้ตัว ดั่งภาพ เป็นรอยไขมัน ดีนะยังเห็นก่อน คิ๊กๆ ไม่งั้นล่ะเซ็งไปอีกหลายรูปเลย

   น่าลงไปเล่นบนเรือ เนอะ

    เดินต่อเล๊ย วิวสวยเพลินตาสบายใจมีให้ดูเรื่อยๆ ก็แบบกำลังเห่อกับทุกอย่าง ดูอะไรก็เพลินไปหมด ระหว่างทางก็จะมีนักท่องเที่ยวเดินมาเรื่อยๆไม่ต้องกลัวหลงตรงอย่างเดียว 10-15 นาที ก็ถึงแล้วหากไม่แวะข้างทางกันนะ แต่กระผมนี่หยุดไปเรื่อย หยุดดูแม้แต่ถังขยะตามหน้าร้านหน้าบ้าน มันหลากหลายรูปแบบดีจริงๆแยกนั่นนู่นนี่ หาที่ทิ้งขวดน้ำเปล่า ต้องเดินมาตามร้านสะดวกซื้อ ถึงจะพอมีที่ทิ้งได้ ตามร้านต่างๆหรือบ้าน ถังขยะเขาปิดมิดชิดมาก บางร้านนี่ถึงกับล๊อคกุญแจเลย ก็เข้าใจนะไม่งั้นขยะล้นเลอะเทอะแน่ๆ โดนปรับโดนด่าอานกันเลย  
            และแล้วก็มาถึงแล้วจ้า โตเกียวสกายทรี เพลินๆแป๊ปๆ แนะนำสำหรับท่านที่มีเวลา และพละกำลัง เดินชมวิวเรื่อยๆสนุกดีนะ ได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ช่วงสายๆนักท่องเที่ยวทั้งคนญี่ปุ่นและต่างชาติ เยอะแยะตามคาด คิวที่จะขึ้นชมวิว ยาวเหยียด แต่ไม่ได้จะชมวิวอยู่แล้ว แถมฟ้าปิดมืดตึ๊ดตื๋ออีก เดินเล่นดูผู้คนรอบๆแอบเหล่สาวๆเพลินตาสบายใจ ฮิ้วๆ ด้านในมีร้านให้ช๊อปปิ้งมากมาย ร้านสตูดิโอจิบลิก็มีนะ แอบไปส่องเล็กๆ สินค้าน่ารักเพียบเลย ลานด้านนอกมีจัด ร้านอาหาร และมีที่พักให้นั่งทานอาหารกลางแจ้งกัน ลมเย็นมากๆแดดไม่มี อาหารก็ทั่วๆไป ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ แต่น้องๆตามร้าน ลั่ลล๊า แฮปปี้ น่ารัก ไม่ค่อยเห็นในญี่ปุ่น เพราะส่วนมากจะแนวเคร่ง จริงจังกันไปหมด แต่ที่นี่ หนุ่มๆสาวๆ ที่เปิดร้าน ตั๊ลลา กันมาก เพลินดี ก็เหมาะกับธีมใกล้ปีใหม่ ลองไปเดิมชมเดินเล่นกันได้ เพลินดี


             
           ใกล้เวลาเที่ยง เดินไปชั้นบนๆหาอะไรหม่ำดีกว่า โอ๊ะโอ๋ คลื่นมหาชนคนชนคน มันจะมากมายอะไรกันจ๊า ร้านต่างๆคิวพรึ่บพรั่บ เดินวนๆ แล้วมึนตรึ๊บ เลือกไม่ถูก แต่ไปสะดุดตรงร้านข้าวปลาไหลย่าง ย่างกันควันฉุย แต่คิวย๊าวยาว ยืนต่อคิวว่าจะลอง สัก 10 นาที เปลี่ยนใจไม่ไหว หาอย่างอื่นกินดีกว่า ไว้งวดหน้าค่อยว่ากัน เลยไปจบที่ร้านชุดเนื้อย่าง ที่คิวหน้าร้านว่างพอดี ไม่สนแล้ว ร่างกายต้องการเนื้อ เข้าไปเลย บรรยากาศแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น นั่งเค๊าท์เตอร์ โอบะซัง มารับออเดอร์ สปีคอิงลิชไม่ได้ แต่ เสน่ห์ของร้านอาหารญี่ปุ่น คือเขาจะสุภาพอ่อนน้อมสุด โค้งซะเขิน ก็ดีนะ แต่หารอยยิ้มย๊ากยาก ก็จิ้มๆชี้ๆไป จนมาถึงคำถามสุดฮิต โดนมาหลายร้านรู้และ เลยรีบทำมือประกอบฉาก Rice Small please เป็นอันเข้าใจกัน

             เดินเล่นต่อมาเจอสาวๆน่ารักๆต่อคิวซื้อซอฟท์ครีมเลยแอบขอลองชิมบ้าง ซื้อเสร็จต้องยืนกินแถวๆนั้นๆนะครับห้ามเดินกินนะจ๊ะเสียมารยาทอย่างแรง ชิมไปเพลินๆไม่ได้ว๊าวอะไรมากมาย เดินเล่นไปเรื่อยๆได้ เวลาคอฟฟี่ไทม์ แล้ว คราวนี้ไม่พลาดแน่นอน เพราะเล็งๆไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าร้านคอฟฟี่ช๊อป อยู่แถวไหนบ้าง และที่สำคัญพุ่งปร๊าดมองไปที่สติ๊กเกอร์หน้าร้านก่อนเลย โอเค ห้ามสูบบุหรี่ ใช้ได้ เข็ดสุดๆกับโรงงานผลิตควันในร้าน และนี่คือครั้งแรกที่ตั้งใจในการมาเที่ยว คือการดื่มกาแฟดริบ เห็นบาุ่ริสต้าหนุ่มๆสาวๆที่ตั้งใจในการชงกาแฟแต่ละแก้วดูน่าดื่มน่าสัมผัสดีจริงๆ เล็งที่นั่งกะประมาณว่า เข้าไปมีที่นั่งแน่ๆ ก็ตรงดิ่งไปออเดอร์ ระหว่างนั้นก็แอบภาวนา ใครอย่ามาแย่งที่นั่งที่เล็งไว้นะ พลีสๆๆ (คนไปคนเดียวน่าจะมีอารมณ์แบบนี้กันเยอะเนอะ หุๆ) ดูเมนู ยอมรับแบบแมนๆเลย ไม่รู้จักซักแบบ มีบราซิล อาฟฟริกัน โคลอมเบีย อื่นๆ เพื่อไม่ให้เสียฟอร์ม ออเดอร์แบบมาดมั่น ไอซ์เซาท์แอฟฟิกันดริป วัน พลีซ หนุ่มหล่อ รับออเดอร์ได้ใบเสร็จปุ๊ป ทะยานไปนั่งที่นั่งติดกระจก ก่อนที่จะพลาด มิชชั่นเครียล์ ได้นั่งสมใจ ได้กาแฟเย็นดริป มาลองจิบสักคำ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ดื่มกาแฟดำแบบไม่ใส่น้ำตาล กลิ่นหอมๆรสไม่เข้มมาก อร่อยดีนี่นา ไม่ต้องเติมอะไรแล้ว เดินมานั่งดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟเบาๆกับวิวเพลินๆฟ้ามืดๆ กาแฟดีๆชงดีๆนี่อร่อยเลิศล้ำเหมือนกัน หรือบรรยากาศหนาวๆเย็นๆพาไปหว่า บรรยากาศบวกกับความแปลกใหม่ของทุกอย่างนี่ทำให้อะไรๆมันก็ดีไปหมดเลยเน้อ

             หลังจากนั้นก็เดินตระเวณจนหนำใจ ดูเวลาเย็นแล้วนี่ ไปหาที่พักดีกว่า เผื่อพลาด เดินทางไปสถานีชิบุย่า แอบตื่นเต้นเล็กๆ ผู้คนเดินทางกันเยอะมากที่นี่ หลากหลายรูปแบบหลากหลายสไตล์ อันดับแรกที่ตั้งใจเลยไปจุดนัดพบแห่งชิบุยะ น้องหมาผู้ซื่อสัตย์ฮาจิโกะ ตามภาพเลย น่ารักๆๆเกินคาด

     เดินลงไปด้านล่างตัวห้าง มีโคร้อกเก้เนื้อฉ่ำๆแน่นๆ และของกินอีกเพียบ แนะนำแวะไปชิมกันนะ
    ระหว่างนั้นก็เปิดแมพดูทางที่จะไป ด้วยความกลัวหลง วิวแปลกใหม่ผู้คนมากมาย แยกต่างๆ ป้ายภาษาญี่ปุ่นให้พรึ่บ สายตาไปเจอเข้ากับป้ายของหนุ่มสาวอาสาสมัคร ที่รอช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ดิ่งไปถามเลย พร้อมเปิดหน้าเวปสถานที่พักและเส้นทางที่จะไป ผลที่ได้คือ มึนตรึ๊บ ไม่มีใครรู้จัก น้องๆก็พยายามเปิดหาเส้นทางที่จะไปให้ แต่ก็ได้แต่เกาหัวกันแกร๊กๆ น้องเลยดูในแมพที่เรายื่นให้ดู ก็ชี้เส้นทางที่จะไปและอาสาจะเดินไปส่ง แม๊ ใช้ได้เลยนะกลุ่มน้องๆนี้ แต่กระผมมันชอบตะลุยค้นหา ก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรแค่ชี้เส้นทางที่จะเดินไปตอนแรกก็พอ น้องๆบอกน่าจะใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 10-15 นาที ขอบคุณและเริ่มเดินกันเล๊ย เปิดกูเกิ้ล เดินไปน่าจะสบายๆ
           ด้วยความเพลิดเพลินกับการเดินและมั่นใจว่าใกล้ๆโดยดูจากแผนที่การเดิน ตรงๆ เดี๋ยวก็ถึง เลยไม่ดูแมพเดินแบบไร้สติ ขำแป๊ป เดินไปเรื่อยๆลืมทางลืมเวลา จนฟ้ามืดตื๋อแสงจะหมด มารู้ตัวอีกที หลงทางไปไกลลิบ เห็นผู้คนออกมาทานอาหาร พาเด็กๆนั่งรถเข็น มาช๊อปปิ้ง นู่นนี่นั่นเต็มไปหมด ชักงง เดินผ่านป้ายร้านอาหารเห็นเขต ไดคันยามะ ตอนนั้นแหละจ้า เฮ๊ย นี่มันคนละเขตที่เราจะมาแล้ว เดินอะไรจะเพลินเกินไปแล้ว รีบเปิดแม๊พ หาทางกลับ ต้องเดินย้อนกลับมาอีกกว่า ครึ่งชั่วโมง มืดแล้วด้วย เดินตามอากู๋มาถึงจุดสิ้นสุดระยะ หันมองไปรอบๆไหนหว่าที่พัก ไม่มี๊ๆๆๆ เริ่มเครียดเล็กๆมืดแล้วด้วย เจอแม่บ้านสาวๆพอดี รีบตรงดิ่งไปถามแบบสุภาพสุดๆ กลัวเขาว่าเหมือนกัน แต่ไม่มีคนแถวนั้นจริงๆ น้องเขาก็น่ารักยิ้มหวานสุภาพมาก ไม่รู้จักจริงๆค่ะ ก็ไม่ว่ากัน กลับมายังจุดสิ้นระยะอีกทีมองไปมองมา เห็นเส้นทางเดินขึ้นไปบนเนิน เอ้าลองดูละกัน น้ำตาจะไหล ที่พักอยู่บนเนินจริงๆ ประมาณ เหมือนอยู่บนทางด่วนลอยฟ้า เราไปเดินด้านล่าง แล้วจะหาเจอเหรอจ๊า ใช้เวลาจากแยกชิบุยะมาถึงที่พักเกือบ 2 ชั่วโมงจะบ้าตาย เดินจริงๆ 10 นาทีถึง ขำตัวเองจริงๆ ก็เดินชิวๆเข้าไปเช็คอิน สาวน้อยรีเซฟชั่น มาให้การต้อนรับ ภาษาอังกฤษได้นิดเดียวจริงๆ ขำๆน่ารักดีอีกแบบ ก็มีกระผมเป็นต่างชาติคนเดียวที่เข้าพัก ที่พักตามรูปเลย

   แคบๆ แต่แบ่งเป็นสองชั้นให้นั่งและนอนได้ เครื่องนอนครบครัน


          หลังจากเชคอินเสร็จ ได้เวลาชมวิวแล้ว ออกมาหลงทางต่อ จะเดินกลับไปที่แยกชิบุยะ เงอะๆงะๆเดินผิดทิศอีก ขำอีกที แต่พอจับจุดได้ ก็เดินสบายจนมาถึงแยพชิบุยะ แยกที่นักท่องเที่ยวต้องมาดูสักครั้ง ห้าแยกในตำนาน มาถึงกระผมไม่ข้ามจ้า ยืนดูผู้คนวิ่งๆเดินๆผ่านไปผ่านมาสัก 2 รอบ ขำๆน่ารักกันดี ต้องมาลองดูกันเอง
   

     สำหรับนักท่องเที่ยวเพลินๆดีนะ หลากหลายอารมณ์ดีครับ จากนั้นก็เดินเล่นชมผู้คนวิวทิวทัศน์ อากาศค่อนข้างเย็น มือแข็งเลย สนุกดี ควันออกปากเพลินดี ไม่ได้สัมผัสอากาศแบบนี้มานาน เสื้อกันหนาวเหรอไม่สน หุๆ ขอซึมซับความเย็นให้ฉ่ำอุราดีกว่า เดินเพลินๆดูนู่นนี่นั่น แล้วก็มาจบที่ ราเม็ง

      อร่อยใช้ได้เลย ติดใจๆๆ


              จากนั้นก็เดินเล่นต่อจนดึกๆ กลับที่พัก หลับสบายๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่