สวัสดีผู้โดยสารทุกท่านค่ะ!
กระทู้นี้พวกเราอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ BackpackTrip (แบบ Low-cost) กับการเดินทางไปจังหวัดชุมพร 3 วัน 2 คืน ณ "ประตูสู่ภาคใต้" ที่มีธรรมชาติงดงามหลากหลาย ทั้งทะเลสวย น้ำใส พบกับชายหาดหลายแห่งอีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชนที่น่าสนใจอีกด้วย โดยทริปนี้พวกเราไปกันทั้งหมด 7 คน เป็นกลุ่มเพื่อนนักศึกษาที่รวมตัวจากรายวิชา GEN 441 : Culture and Excursion จาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT) พวกเราจะเป็นอย่างไร พบเจอประสบการณ์แบบไหนกันมาบ้าง ลองอ่านกันได้เลยนะคะ
วันที่ 12/10/68
เราเริ่มจากการเดินทางนั่งรถไฟสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยรถไฟที่เรานั่งจะเป็นรถไฟ ชั้น 2 ดีเซลราง (แบบเบาะนั่ง) รอบรถที่ 22:50 น. ซึ่งจะถึงชุมพรประมาณ 5:30 น. อยากบอกว่าการเดินทางด้วยรถไฟแอร์ในตอนกลางคืนหนาวมาก อีกทั้งในคืนที่เราไปฝนยังคงตกตลอดคืนด้วย ทำให้ยิ่งหนาวเลยค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ทางรถไฟมีการเตรียมผ้าห่มไว้ให้ทุกที่นั่งนะคะ และจะเก็บคืนตอนเข้าสู่ชุมพรค่ะ สำหรับคนที่จะลงชุมพรเตรียมเสื้อคลุมไปได้ก็จะดีมากค่ะ (เพราะเรากับเพื่อนนั่งกอดกันตัวสั่น)

มารีวิวห้องน้ำบนรถไฟกันดีกว่าค่ะ ห้องน้ำจะมีสองฝั่งแบบนั่งยองๆ กับฝั่งชักโครก แถมยังมีวิวรอบข้างให้ดูด้วยค่ะ เพราะหน้าต่างจะถูกเปิดไว้เพื่อระบายกลิ่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ระวังเผลอไปสบตาเข้ากับคนที่อยู่ข้างรถไฟหรือชานชาลาอีกฝั่งโดยบังเอิญนะคะ ถ้าสบตากันปิ๊งๆ ก็จะเขินหน่อยๆ ค่ะ
สำหรับคนที่เดินทางตอนกลางคืน วิวข้างทางระหว่างนั่งรถไฟตอนขาไปจะไม่เห็นนะคะเพราะมืดมาก โดยค่าตั๋วขาไปจะอยู่ที่คนละ 429 บาทค่ะ สามารถโทรไปจองตั๋วได้ที่เบอร์ 1690 นอกจากนั้นยังสามารถจองผ่านเว็บไซต์
https://dticket.railway.co.th/DTicketPublicWeb/home/Home หรือ ทางแอปฯ SRT D-Ticket ได้เลยค่ะ หากใครสะดวกเข้าไปจองที่สถานีกรุงเทพอภิวัตณ์ก็ไปที่เคาน์เตอร์ซื้อตั๋วได้เลยค่ะ สำหรับผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถใช้ได้นะคะแต่ต้องซื้อที่เคาน์เตอร์เท่านั้น แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าไว้ก่อนจะดีมากๆ เผื่อวันที่เดินทางตั๋วสามารถหมดได้ค่ะ ตอนขึ้นรถไฟสำหรับคนที่จองผ่านออนไลน์ หรือแอปพลิเคชันไม่จำเป็นต้องพิมพ์ตั๋วออกมาเป็นใบกระดาษนะคะ สามารถใช้ตั๋วที่แนบผ่านอีเมลหรือคิวอาร์โค้ดในแอปฯสแกนเข้าได้เลยค่ะ สอบถามทางเจ้าหน้าที่เพื่อความมั่นใจให้เรียบร้อยแล้วค่ะหายห่วง
สำหรับข้อมูลเรื่องการเดินทางเบื้องต้นของพวกเราก็จบไปแล้ว หลังจากนี้จะเป็นประสบการณ์การเที่ยวแบบสบายๆ ตามสไตล์ของพวกเราในชุมพรกันค่ะ
วันที่ 1 13/10/68
ในการเดินทางวันแรกเราถึงชุมพรเวลาตี 5:30 น. และเดินจากสถานีไปเช็คอินที่โรงแรมแอทไนท์โฮเทล เป็นโรงแรมสไตล์ Luxury ผสมผสานสไตล์คลาสสิกใจกลางเมืองชุมพร ตั้งอยู่ที่ถนนกรมหลวงชุมพร ตลาดชุมพรไนท์พลาซ่า โดยโรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น Wi-Fi ฟรี ที่จอดรถ และแผนกต้อนรับ 24 ชั่วโมง โรงแรมที่เราพักนั้นจะมีห้องแบบครอบครัวเตียงนอนสองชั้น 4-6 เตียง ค่าห้องจะอยู่ที่ 800 บาท และห้องนอน 2 ท่าน เตียงแยกและเตียงควีนไซส์ 1 เตียง สามารถเสริมเตียงได้เตียงละ 100 บาทจะอยู่ที่ประมาณ 500-590 บาท โดยเราจองผ่านแอปฯเอเจนซี่ตัวกลาง สามารถโทรไปสอบถามห้องว่างและราคาได้ หรือจองโรงแรมได้โดยตรงที่ 077-613-666 ทางโรงแรมมีอาหารเช้าให้ทานฟรีนะคะเป็นข้าวต้ม ขนมปัง ชา กาแฟ หากมีเมนูพิเศษทางโรงแรมจะแจ้งเราต้อนเข้าไปเช็คอินอีกทีค่ะ แต่น่าเสียดายที่เราเร่งรีบเดินทางต่อในเช้าวันถัดไป ทำให้ไม่ได้กินกันค่ะ
เมื่อเช็คอินเรียบร้อยแล้วกองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง พวกเราจึงหามื้อเช้าทานเป็นอันดับแรกโดยร้านที่เราเลือกไปคือ ร้านติ่มซำหอเจี๊ยะ เป็นเรื่องดีที่ร้านอยู่ใกล้กับโรงแรมมาก สามารถเดินไปได้แบบไม่เหนื่อยเลยค่ะ อาหารภายในร้านเต็มไปด้วยติ่มซำ ข้าวต้ม เครื่องดื่มมากมายทั้งร้อนและเย็น ซึ่งเป็นร้านอาหารเช้าที่โดดเด่นในเมืองและมีคนเข้ามาทานอยู่เรื่อยๆ เป็นร้านที่สมคำร่ำลือจริงๆ ค่ะ เพราะอร่อยมากๆ ติ่มซำราคาจะตกอยู่ที่จานละ 22-30 กว่าบาทค่ะ ทางร้านจะมีชาเก๊กฮวยเสิร์ฟให้ฟรีแบบร้อนๆ เลยค่ะ(ระวังลวกลิ้นนะคะ) อีกทั้งยังมีพวกเมนูข้าวต้ม เมนูน้ำหวาน ชา กาแฟให้เราได้สั่งด้วยนะคะ

หลังจากได้เติมพลังในตอนเช้า พวกเราก็มุ่งหน้าสู่ ร้านบาติกผาแดงครูอนงค์ ณ หาดทรายรี เพื่อไปทำกิจกรรม Workshop ทำผ้าบาติกกับผู้เชี่ยวชาญ โดยพี่เจ้าของร้านจะอธิบายให้ความรู้ตั้งแต่เรื่องวัสดุผ้า อุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้ในการทำลาย วิธีการลงสี ซึ่งภายในสถานที่จะแบ่งเป็นสองโซน คือ โซนขายเสื้อผ้าบาติกและโซนงานอาร์ต
พี่เจ้าของร้านบาติกยังเล่าให้ฟังอีกว่า คนที่มาทำงานที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มป้าๆ ยายๆ ที่ไม่ได้ทำงานแล้ว หรือบุคคลที่มีเวลาว่างและต้องการหารายได้เสริมเพิ่มเติม รายได้ตอบแทนก็จะนับจากผ้าบาติกที่ทำได้ในแต่ละผืน ทำให้ร้านบาติกผาแดงครูอนงค์ไม่ได้เป็นแค่ร้านค้าทั่วไป แต่ยังช่วยสนับสนุนการหารายได้ในชุมชนอีกด้วย
และในกิจกรรม Workshop จะได้พี่เจ้าของร้านจะลงมาสอนเอง และจะมีคุณป้าคุณยายผู้เชี่ยวชาญจะช่วยสอนวิธีการลงเทียนค่ะ ซึ่งทางร้านจะสอบถามความต้องการของเราไว้ก่อนวันที่จะเข้าไปทำกิจกรรม เราสามารถเลือกได้ว่าอยากให้ร้านเตรียมลวดลายผ้าบาติกไว้ให้เลยหรือไม่ และการลงสีเป็นหน้าที่ของพวกเรา หรือทางเลือกอีกแบบหนึ่งคือ เราสามารถวาดรูปหรือออกแบบลวดลายได้ตามใจเรา ซึ่งถ้าเลือกวาดเอง เราก็จะได้ลองเขียนเทียนเองเพื่อกันสีน้ำไม่ให้เลอะออกจากพื้นที่ที่ไม่ต้องการค่ะ
กิจกรรม Workshop จะตกอยู่ที่คนละ 200 บาท และจะได้รับชิ้นงานความสำเร็จของเราคืนหลังจากที่ผ้าผ่านกระบวนการซักน้ำยาแล้วเรียบร้อย หากใครสนใจสามารถติดต่อได้ทางเพจ Facebook บาติกผาแดงครูอนงค์ หรือเบอร์โทรและไลน์ 082-929 6568 แนะนำให้ติดต่อสอบถามล่วงหน้าก่อนจะดีมากๆ ค่ะ สำหรับคนที่สนใจจะเข้าไปซื้อผ้าบาติกก็สามารถเข้าไปซื้อไปดูได้ที่หน้าร้านได้เลยค่ะ
สำหรับกิจกรรมนี้พวกเราใช้เวลาไปเยอะเลยค่ะ เป็นกิจกรรมทำได้เรื่อยๆ ไม่ต้องเร่งรีบ แล้วทางร้านยังใจดีมีบริการน้ำดื่ม กาแฟ ขนมปั้นสิบเป็นของกินเล่นเพลินๆ ให้ฟรีอีกด้วย แล้วระหว่างที่เราทำไปก็จะมีลูกค้าคนอื่นๆ มาแวะเวียนดูพวกเราวาดรูปลงสีบ้าง ถามไถ่เรื่องจิปาถะบ้าง จนมาถึงช่วงเที่ยงก็ถึงเวลาพักหาของกินกัน ซึ่งตรงข้ามกับร้านผ้าบาติกมีร้านอาหารตามสั่งอยู่ จึงเดินข้ามถนนไปฝากท้องกันที่นั่นค่ะ หลังจากนั้นก็ซื้อของอุดหนุนร้านผ้าบาติกกันอีกสักเล็กน้อย ก่อนจะกลับกับรถสองแถวที่เราได้นัดเวลากันไว้

ระหว่างทางก็ได้นั่งรถกินลมชมวิวกัน บรรยากาศในการเดินทางค่อนข้างสนุกสนานเพราะส่วนมากในกลุ่มจะเป็นคนสนุกเฮฮา พูดคุยเล่นมุกให้ได้หัวเราะกันตลอด รอบข้างมีอะไรแปลกใหม่ให้ทักเล่นเสมอ จนกลับถึงโรงแรมก็เป็นช่วงเวลาพักผ่อนของพวกเรา
ช่วง 17:30 น. ณ ตลาดโต้รุ่งถนนกรมหลวง พวกเราก็เดินหาของกินรอบที่พักซึ่งตลาดคนเดิน ติดสถานีรถไฟชุมพรและห้างโอเชี่ยน และได้อาหารมากมายกลับมายังโรงแรม
ปล. การเดินทางในจังหวัดชุมพรต้องบอกว่าไม่ค่อยมีรถบริการสาธารณะเท่าไหร่ อาจทำให้การเดินทางไปสถานที่ต่างๆ อาจจะไม่ได้สะดวกอย่างที่คิดไว้ แต่ในการเดินทางของพวกเราเดินทางโดย “รถสองแถวตาย้ำ” ซึ่งจะต้องทำการโทรนัดตาย้ำล่วงหน้าหากต้องการเหมาเดินทางในชุมพร หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 084-182-3305
ปล.2 ระหว่างทางตาย้ำจะมีการส่งของและรับคนข้างทางเป็นพักๆ จะได้เห็นถึงการใช้ชีวิตของผู้คนได้เสพวิวข้างทาง ได้ไปในที่ที่ไม่คิดว่าจะได้ไป ทำให้พวกเราได้เห็นถึงวิถีชุมชนและผู้คน รถตาย้ำจะวิ่งถึงแค่ป้ายหาดทรายรี สำหรับคนที่ไม่เหมารถ ถ้าเป็นนอกป้ายก็ไปส่งให้ได้แต่ราคาจะตกอยู่ที่คนละ 50 บาท สำหรับใครที่ไม่ได้อยู่นอกเส้นทางจะตกคนละ 40 บาท ทั้งนี้ทั้งนั้นแนะนำให้โทรสอบถามเพื่อความมั่นใจก่อนนะคะ
...มีต่อ...
[CR] Backpack Trip 3วัน 2คืน จังหวัดชุมพร By ชะแว๊บทัวร์
กระทู้นี้พวกเราอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ BackpackTrip (แบบ Low-cost) กับการเดินทางไปจังหวัดชุมพร 3 วัน 2 คืน ณ "ประตูสู่ภาคใต้" ที่มีธรรมชาติงดงามหลากหลาย ทั้งทะเลสวย น้ำใส พบกับชายหาดหลายแห่งอีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชนที่น่าสนใจอีกด้วย โดยทริปนี้พวกเราไปกันทั้งหมด 7 คน เป็นกลุ่มเพื่อนนักศึกษาที่รวมตัวจากรายวิชา GEN 441 : Culture and Excursion จาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT) พวกเราจะเป็นอย่างไร พบเจอประสบการณ์แบบไหนกันมาบ้าง ลองอ่านกันได้เลยนะคะ
วันที่ 12/10/68
เราเริ่มจากการเดินทางนั่งรถไฟสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยรถไฟที่เรานั่งจะเป็นรถไฟ ชั้น 2 ดีเซลราง (แบบเบาะนั่ง) รอบรถที่ 22:50 น. ซึ่งจะถึงชุมพรประมาณ 5:30 น. อยากบอกว่าการเดินทางด้วยรถไฟแอร์ในตอนกลางคืนหนาวมาก อีกทั้งในคืนที่เราไปฝนยังคงตกตลอดคืนด้วย ทำให้ยิ่งหนาวเลยค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ทางรถไฟมีการเตรียมผ้าห่มไว้ให้ทุกที่นั่งนะคะ และจะเก็บคืนตอนเข้าสู่ชุมพรค่ะ สำหรับคนที่จะลงชุมพรเตรียมเสื้อคลุมไปได้ก็จะดีมากค่ะ (เพราะเรากับเพื่อนนั่งกอดกันตัวสั่น)
มารีวิวห้องน้ำบนรถไฟกันดีกว่าค่ะ ห้องน้ำจะมีสองฝั่งแบบนั่งยองๆ กับฝั่งชักโครก แถมยังมีวิวรอบข้างให้ดูด้วยค่ะ เพราะหน้าต่างจะถูกเปิดไว้เพื่อระบายกลิ่น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับคนที่เดินทางตอนกลางคืน วิวข้างทางระหว่างนั่งรถไฟตอนขาไปจะไม่เห็นนะคะเพราะมืดมาก โดยค่าตั๋วขาไปจะอยู่ที่คนละ 429 บาทค่ะ สามารถโทรไปจองตั๋วได้ที่เบอร์ 1690 นอกจากนั้นยังสามารถจองผ่านเว็บไซต์ https://dticket.railway.co.th/DTicketPublicWeb/home/Home หรือ ทางแอปฯ SRT D-Ticket ได้เลยค่ะ หากใครสะดวกเข้าไปจองที่สถานีกรุงเทพอภิวัตณ์ก็ไปที่เคาน์เตอร์ซื้อตั๋วได้เลยค่ะ สำหรับผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถใช้ได้นะคะแต่ต้องซื้อที่เคาน์เตอร์เท่านั้น แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าไว้ก่อนจะดีมากๆ เผื่อวันที่เดินทางตั๋วสามารถหมดได้ค่ะ ตอนขึ้นรถไฟสำหรับคนที่จองผ่านออนไลน์ หรือแอปพลิเคชันไม่จำเป็นต้องพิมพ์ตั๋วออกมาเป็นใบกระดาษนะคะ สามารถใช้ตั๋วที่แนบผ่านอีเมลหรือคิวอาร์โค้ดในแอปฯสแกนเข้าได้เลยค่ะ สอบถามทางเจ้าหน้าที่เพื่อความมั่นใจให้เรียบร้อยแล้วค่ะหายห่วง
สำหรับข้อมูลเรื่องการเดินทางเบื้องต้นของพวกเราก็จบไปแล้ว หลังจากนี้จะเป็นประสบการณ์การเที่ยวแบบสบายๆ ตามสไตล์ของพวกเราในชุมพรกันค่ะ
วันที่ 1 13/10/68
ในการเดินทางวันแรกเราถึงชุมพรเวลาตี 5:30 น. และเดินจากสถานีไปเช็คอินที่โรงแรมแอทไนท์โฮเทล เป็นโรงแรมสไตล์ Luxury ผสมผสานสไตล์คลาสสิกใจกลางเมืองชุมพร ตั้งอยู่ที่ถนนกรมหลวงชุมพร ตลาดชุมพรไนท์พลาซ่า โดยโรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น Wi-Fi ฟรี ที่จอดรถ และแผนกต้อนรับ 24 ชั่วโมง โรงแรมที่เราพักนั้นจะมีห้องแบบครอบครัวเตียงนอนสองชั้น 4-6 เตียง ค่าห้องจะอยู่ที่ 800 บาท และห้องนอน 2 ท่าน เตียงแยกและเตียงควีนไซส์ 1 เตียง สามารถเสริมเตียงได้เตียงละ 100 บาทจะอยู่ที่ประมาณ 500-590 บาท โดยเราจองผ่านแอปฯเอเจนซี่ตัวกลาง สามารถโทรไปสอบถามห้องว่างและราคาได้ หรือจองโรงแรมได้โดยตรงที่ 077-613-666 ทางโรงแรมมีอาหารเช้าให้ทานฟรีนะคะเป็นข้าวต้ม ขนมปัง ชา กาแฟ หากมีเมนูพิเศษทางโรงแรมจะแจ้งเราต้อนเข้าไปเช็คอินอีกทีค่ะ แต่น่าเสียดายที่เราเร่งรีบเดินทางต่อในเช้าวันถัดไป ทำให้ไม่ได้กินกันค่ะ
เมื่อเช็คอินเรียบร้อยแล้วกองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง พวกเราจึงหามื้อเช้าทานเป็นอันดับแรกโดยร้านที่เราเลือกไปคือ ร้านติ่มซำหอเจี๊ยะ เป็นเรื่องดีที่ร้านอยู่ใกล้กับโรงแรมมาก สามารถเดินไปได้แบบไม่เหนื่อยเลยค่ะ อาหารภายในร้านเต็มไปด้วยติ่มซำ ข้าวต้ม เครื่องดื่มมากมายทั้งร้อนและเย็น ซึ่งเป็นร้านอาหารเช้าที่โดดเด่นในเมืองและมีคนเข้ามาทานอยู่เรื่อยๆ เป็นร้านที่สมคำร่ำลือจริงๆ ค่ะ เพราะอร่อยมากๆ ติ่มซำราคาจะตกอยู่ที่จานละ 22-30 กว่าบาทค่ะ ทางร้านจะมีชาเก๊กฮวยเสิร์ฟให้ฟรีแบบร้อนๆ เลยค่ะ(ระวังลวกลิ้นนะคะ) อีกทั้งยังมีพวกเมนูข้าวต้ม เมนูน้ำหวาน ชา กาแฟให้เราได้สั่งด้วยนะคะ
หลังจากได้เติมพลังในตอนเช้า พวกเราก็มุ่งหน้าสู่ ร้านบาติกผาแดงครูอนงค์ ณ หาดทรายรี เพื่อไปทำกิจกรรม Workshop ทำผ้าบาติกกับผู้เชี่ยวชาญ โดยพี่เจ้าของร้านจะอธิบายให้ความรู้ตั้งแต่เรื่องวัสดุผ้า อุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้ในการทำลาย วิธีการลงสี ซึ่งภายในสถานที่จะแบ่งเป็นสองโซน คือ โซนขายเสื้อผ้าบาติกและโซนงานอาร์ต
พี่เจ้าของร้านบาติกยังเล่าให้ฟังอีกว่า คนที่มาทำงานที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มป้าๆ ยายๆ ที่ไม่ได้ทำงานแล้ว หรือบุคคลที่มีเวลาว่างและต้องการหารายได้เสริมเพิ่มเติม รายได้ตอบแทนก็จะนับจากผ้าบาติกที่ทำได้ในแต่ละผืน ทำให้ร้านบาติกผาแดงครูอนงค์ไม่ได้เป็นแค่ร้านค้าทั่วไป แต่ยังช่วยสนับสนุนการหารายได้ในชุมชนอีกด้วย
และในกิจกรรม Workshop จะได้พี่เจ้าของร้านจะลงมาสอนเอง และจะมีคุณป้าคุณยายผู้เชี่ยวชาญจะช่วยสอนวิธีการลงเทียนค่ะ ซึ่งทางร้านจะสอบถามความต้องการของเราไว้ก่อนวันที่จะเข้าไปทำกิจกรรม เราสามารถเลือกได้ว่าอยากให้ร้านเตรียมลวดลายผ้าบาติกไว้ให้เลยหรือไม่ และการลงสีเป็นหน้าที่ของพวกเรา หรือทางเลือกอีกแบบหนึ่งคือ เราสามารถวาดรูปหรือออกแบบลวดลายได้ตามใจเรา ซึ่งถ้าเลือกวาดเอง เราก็จะได้ลองเขียนเทียนเองเพื่อกันสีน้ำไม่ให้เลอะออกจากพื้นที่ที่ไม่ต้องการค่ะ
กิจกรรม Workshop จะตกอยู่ที่คนละ 200 บาท และจะได้รับชิ้นงานความสำเร็จของเราคืนหลังจากที่ผ้าผ่านกระบวนการซักน้ำยาแล้วเรียบร้อย หากใครสนใจสามารถติดต่อได้ทางเพจ Facebook บาติกผาแดงครูอนงค์ หรือเบอร์โทรและไลน์ 082-929 6568 แนะนำให้ติดต่อสอบถามล่วงหน้าก่อนจะดีมากๆ ค่ะ สำหรับคนที่สนใจจะเข้าไปซื้อผ้าบาติกก็สามารถเข้าไปซื้อไปดูได้ที่หน้าร้านได้เลยค่ะ
สำหรับกิจกรรมนี้พวกเราใช้เวลาไปเยอะเลยค่ะ เป็นกิจกรรมทำได้เรื่อยๆ ไม่ต้องเร่งรีบ แล้วทางร้านยังใจดีมีบริการน้ำดื่ม กาแฟ ขนมปั้นสิบเป็นของกินเล่นเพลินๆ ให้ฟรีอีกด้วย แล้วระหว่างที่เราทำไปก็จะมีลูกค้าคนอื่นๆ มาแวะเวียนดูพวกเราวาดรูปลงสีบ้าง ถามไถ่เรื่องจิปาถะบ้าง จนมาถึงช่วงเที่ยงก็ถึงเวลาพักหาของกินกัน ซึ่งตรงข้ามกับร้านผ้าบาติกมีร้านอาหารตามสั่งอยู่ จึงเดินข้ามถนนไปฝากท้องกันที่นั่นค่ะ หลังจากนั้นก็ซื้อของอุดหนุนร้านผ้าบาติกกันอีกสักเล็กน้อย ก่อนจะกลับกับรถสองแถวที่เราได้นัดเวลากันไว้
ระหว่างทางก็ได้นั่งรถกินลมชมวิวกัน บรรยากาศในการเดินทางค่อนข้างสนุกสนานเพราะส่วนมากในกลุ่มจะเป็นคนสนุกเฮฮา พูดคุยเล่นมุกให้ได้หัวเราะกันตลอด รอบข้างมีอะไรแปลกใหม่ให้ทักเล่นเสมอ จนกลับถึงโรงแรมก็เป็นช่วงเวลาพักผ่อนของพวกเรา
ช่วง 17:30 น. ณ ตลาดโต้รุ่งถนนกรมหลวง พวกเราก็เดินหาของกินรอบที่พักซึ่งตลาดคนเดิน ติดสถานีรถไฟชุมพรและห้างโอเชี่ยน และได้อาหารมากมายกลับมายังโรงแรม
ปล. การเดินทางในจังหวัดชุมพรต้องบอกว่าไม่ค่อยมีรถบริการสาธารณะเท่าไหร่ อาจทำให้การเดินทางไปสถานที่ต่างๆ อาจจะไม่ได้สะดวกอย่างที่คิดไว้ แต่ในการเดินทางของพวกเราเดินทางโดย “รถสองแถวตาย้ำ” ซึ่งจะต้องทำการโทรนัดตาย้ำล่วงหน้าหากต้องการเหมาเดินทางในชุมพร หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 084-182-3305
ปล.2 ระหว่างทางตาย้ำจะมีการส่งของและรับคนข้างทางเป็นพักๆ จะได้เห็นถึงการใช้ชีวิตของผู้คนได้เสพวิวข้างทาง ได้ไปในที่ที่ไม่คิดว่าจะได้ไป ทำให้พวกเราได้เห็นถึงวิถีชุมชนและผู้คน รถตาย้ำจะวิ่งถึงแค่ป้ายหาดทรายรี สำหรับคนที่ไม่เหมารถ ถ้าเป็นนอกป้ายก็ไปส่งให้ได้แต่ราคาจะตกอยู่ที่คนละ 50 บาท สำหรับใครที่ไม่ได้อยู่นอกเส้นทางจะตกคนละ 40 บาท ทั้งนี้ทั้งนั้นแนะนำให้โทรสอบถามเพื่อความมั่นใจก่อนนะคะ
...มีต่อ...
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้