สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เลิกสนใจคนพวกนี้เถอะ
เลิกตามว่า พ่อแม่เป็นอย่างไร
เลิกฟังว่า พ่อกับแม่คิดอย่างไรกับคุณ
โฟกัสแค่ตา ยาย ทวด ก็พอ เพราะพวกเขาเหล่านี้ต่างหากที่เป็นพ่อแม่คุณจริง ๆ
ส่วนสองคนนั้น ก็แค่หญิงชายไร้ความรับผิดชอบคนหนึ่ง ไม่สมควรเรียกว่า พ่อ แม่ ด้วยซ้ำ
เขาไม่รับคุณเป็นลูกก็ดี อนาคตจะได้เลี้ยงแค่ตา ยาย ทวด ไม่ต้องมีภาระเพิ่มขึ้น
เลิกตามว่า พ่อแม่เป็นอย่างไร
เลิกฟังว่า พ่อกับแม่คิดอย่างไรกับคุณ
โฟกัสแค่ตา ยาย ทวด ก็พอ เพราะพวกเขาเหล่านี้ต่างหากที่เป็นพ่อแม่คุณจริง ๆ
ส่วนสองคนนั้น ก็แค่หญิงชายไร้ความรับผิดชอบคนหนึ่ง ไม่สมควรเรียกว่า พ่อ แม่ ด้วยซ้ำ
เขาไม่รับคุณเป็นลูกก็ดี อนาคตจะได้เลี้ยงแค่ตา ยาย ทวด ไม่ต้องมีภาระเพิ่มขึ้น
ความคิดเห็นที่ 4
เราเป็นคนหนึ่งนะ...
ที่พ่อแม่เอามาฝากไว้กับปู่และย่าตั้งแต่เด็ก ยังเป็นทารกแค่ 1 เดือน ด้วยปัญหาของผู้ใหญ่เรื่องปากท้อง แล้วพ่อกับแม่ก็กลับไปอยู่กับตายายที่เหนือ (ฝั่งปู่ย่าพอมีฐานะคะ แต่ฝั่งตายายยากจนทำไรทำสวน เราเป็นลูกคนแรก เพราะความเป็นห่วงเราในเรื่องของความลำบาก อีกอย่างไปอยู่ต่างที่ต่างถิ่นในป่าในเขา พ่อถึงทำกับเราแบบนั้น ส่วนพ่อ...ก็กลับไปทำหน้าที่สามีของแม่ และรับผิดชอบในหน้าที่ของตนต่อแม่ เรามาเข้าใจทุกอย่างก็ในช่วงที่โตแล้ว)...
เราเติบโตมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ด้วยวัย23ปี ด้วยการเลี้ยงดูจากปู่ย่า และอาผู้ชาย โดยที่พ่อแม่ไม่เคยส่งเสียเราเลยสักบาท
ตอนเด็ก...มีบ้าง ที่น้อยใจและคิดไปตามประสาเด็ก ว่าทำไมพ่อแม่เอามาทิ้งให้ปู่กับย่าเลี้ยง แต่ทำไมน้องอีกสองคน พ่อกับแม่กลับเลี้ยงได้แถมได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าที่เชียงใหม่ ต้องบอกก่อนนะว่าเราเติบโตมาในโซนภาคกลาง พอโต...เราถึงเข้าใจทุกอย่าง ด้วยเหตุผลของผู้ใหญ่ เราเลยไม่โกรธพ่อและแม่...
เราได้เจอพ่อแม่อีกครั้ง...ก็ในช่วงเวลาที่เราโตแล้ว 14~15 ได้ไปเที่ยวอยู่ที่เหนือช่วงตอนปิดเทอมบ้าง ยอมรับเลยนะ ว่าเราไม่มีความผูกพันธ์กับน้องสาวและน้องชายแท้ๆเลยสักนิด ทั้งที่พ่อแม่เดียวกัน ถามว่ารักมั้ย??? ก็รัก...แต่มันไม่ได้เหมือนความรักที่เรามีให้กับปู่ย่าและอาของเรา
คำถามที่เราเคยคิดและติดอยู่ในใจมาตลอดก็คือ...
"เราจะบาปมั้ย ถ้าเราโตมาแล้วกลับไม่ได้เลี้ยงดูพ่อแม่แท้ๆที่ให้กำเนิด???"...
และเราก็กระจ่างด้วยคำพูดจากพ่อแท้ๆของเราว่า...
"พ่อไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดูปู่และย่าเลย หนูไม่จำเป็น
ต้องคิดมาก และหนูก็ไม่ต้องเลี้ยงหรือมาดูแลพ่อแม่หรอก แต่พ่ออยากให้หนูดูแลเลี้ยงดูปู่กับย่าแทนพ่อ เพราะพ่อไม่เคยได้มีโอกาสได้ทำสิ่งนั้นเลย ให้หนูคิดว่าปู่กับย่าคือพ่อแม่แท้ๆของหนู เป็นตัวแทนของพ่อนะ"...
ทุกวันนี้เราสบายใจมากเลยค่ะ ไม่มีอะไรที่ติดค้างในใจ เราดูแลปู่ย่าไม่ให้ขาดตกบกพร่องและสุดความสามารถที่เราจะทำได้ ตามที่เราควรทำ และตามที่พ่อของเราบอก...
ฉะนั้น...จขกท.ควรดูแลโฟกัสที่ตายาย และทวด ก็พอค่ะ
ที่พ่อแม่เอามาฝากไว้กับปู่และย่าตั้งแต่เด็ก ยังเป็นทารกแค่ 1 เดือน ด้วยปัญหาของผู้ใหญ่เรื่องปากท้อง แล้วพ่อกับแม่ก็กลับไปอยู่กับตายายที่เหนือ (ฝั่งปู่ย่าพอมีฐานะคะ แต่ฝั่งตายายยากจนทำไรทำสวน เราเป็นลูกคนแรก เพราะความเป็นห่วงเราในเรื่องของความลำบาก อีกอย่างไปอยู่ต่างที่ต่างถิ่นในป่าในเขา พ่อถึงทำกับเราแบบนั้น ส่วนพ่อ...ก็กลับไปทำหน้าที่สามีของแม่ และรับผิดชอบในหน้าที่ของตนต่อแม่ เรามาเข้าใจทุกอย่างก็ในช่วงที่โตแล้ว)...
เราเติบโตมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ด้วยวัย23ปี ด้วยการเลี้ยงดูจากปู่ย่า และอาผู้ชาย โดยที่พ่อแม่ไม่เคยส่งเสียเราเลยสักบาท
ตอนเด็ก...มีบ้าง ที่น้อยใจและคิดไปตามประสาเด็ก ว่าทำไมพ่อแม่เอามาทิ้งให้ปู่กับย่าเลี้ยง แต่ทำไมน้องอีกสองคน พ่อกับแม่กลับเลี้ยงได้แถมได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าที่เชียงใหม่ ต้องบอกก่อนนะว่าเราเติบโตมาในโซนภาคกลาง พอโต...เราถึงเข้าใจทุกอย่าง ด้วยเหตุผลของผู้ใหญ่ เราเลยไม่โกรธพ่อและแม่...
เราได้เจอพ่อแม่อีกครั้ง...ก็ในช่วงเวลาที่เราโตแล้ว 14~15 ได้ไปเที่ยวอยู่ที่เหนือช่วงตอนปิดเทอมบ้าง ยอมรับเลยนะ ว่าเราไม่มีความผูกพันธ์กับน้องสาวและน้องชายแท้ๆเลยสักนิด ทั้งที่พ่อแม่เดียวกัน ถามว่ารักมั้ย??? ก็รัก...แต่มันไม่ได้เหมือนความรักที่เรามีให้กับปู่ย่าและอาของเรา
คำถามที่เราเคยคิดและติดอยู่ในใจมาตลอดก็คือ...
"เราจะบาปมั้ย ถ้าเราโตมาแล้วกลับไม่ได้เลี้ยงดูพ่อแม่แท้ๆที่ให้กำเนิด???"...
และเราก็กระจ่างด้วยคำพูดจากพ่อแท้ๆของเราว่า...
"พ่อไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดูปู่และย่าเลย หนูไม่จำเป็น
ต้องคิดมาก และหนูก็ไม่ต้องเลี้ยงหรือมาดูแลพ่อแม่หรอก แต่พ่ออยากให้หนูดูแลเลี้ยงดูปู่กับย่าแทนพ่อ เพราะพ่อไม่เคยได้มีโอกาสได้ทำสิ่งนั้นเลย ให้หนูคิดว่าปู่กับย่าคือพ่อแม่แท้ๆของหนู เป็นตัวแทนของพ่อนะ"...
ทุกวันนี้เราสบายใจมากเลยค่ะ ไม่มีอะไรที่ติดค้างในใจ เราดูแลปู่ย่าไม่ให้ขาดตกบกพร่องและสุดความสามารถที่เราจะทำได้ ตามที่เราควรทำ และตามที่พ่อของเราบอก...
ฉะนั้น...จขกท.ควรดูแลโฟกัสที่ตายาย และทวด ก็พอค่ะ
ความคิดเห็นที่ 13
การมีลูกมันไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไรเลย มันคือการมีเพศสัมพันธ์ค่ะ
สิ่งที่ยิ่งใหญ่คือการเลี้ยงคนๆนึงให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ
ถ้าให้พูดตรงๆในกรณีของจขกท.เราว่าคนที่เป็นพ่อแม่แค่เพราะมีเพศสัมพันธ์และยังทำพฤติกรรมที่ทำให้ลูกเสียความรู้สึกมันก็แค่คนแปลกหน้าค่ะ
เราว่าเค้าก็ไม่ได้มองว่าคุณเป็นลูกเหมือนกันจึงไม่จำเป็นต้องดูแล ดังนั้นก็ทำเช่นเดียวกับพวกเขา
ตายายและทวดที่เลี้ยงคุณมานี่สิ คือพ่อแม่ที่แท้จริงค่ะ
สิ่งที่ยิ่งใหญ่คือการเลี้ยงคนๆนึงให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ
ถ้าให้พูดตรงๆในกรณีของจขกท.เราว่าคนที่เป็นพ่อแม่แค่เพราะมีเพศสัมพันธ์และยังทำพฤติกรรมที่ทำให้ลูกเสียความรู้สึกมันก็แค่คนแปลกหน้าค่ะ
เราว่าเค้าก็ไม่ได้มองว่าคุณเป็นลูกเหมือนกันจึงไม่จำเป็นต้องดูแล ดังนั้นก็ทำเช่นเดียวกับพวกเขา
ตายายและทวดที่เลี้ยงคุณมานี่สิ คือพ่อแม่ที่แท้จริงค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ผิดไหมค่ะ ถ้าเราจะกตัญญูกับคนที่เลี้ยงเรา แต่ไม่กตัญญูกับพ่อแม่?
ท่านทั้งสามเลี้ยงเราอย่างดีมากๆเลยคะ สนับสนุนการศึกษาทุกอย่างที่เราที่เราอยากเรียน ซื้อของทุกอย่างที่เราอยากได้ ดูแลและอบรมสั่งสอนเรามาเป็นอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่องเลย แถวบ้านไม่มีใครกล้ามาแกล้งเราเลย เรียกว่าไข่ในหินเลยค่ะ 55555
เรารักท่านทั้งสามมากๆ จนไม่อยากและไม่กล้าคิดถึงวันที่ท่านต้องจากเราไปเลยค่ะ ถ้าคิดถึงเรื่องแบบนี้ที่ไร ร้องไห้ทุกทีเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ในด้านของแม่เรา ท่านมีแฟนใหม่เป็นชาวต่างชาติตอนเราได้ 9 ขวบและเราเรียกพี่มาตลอด ไม่เคยเรียกแม่เลย เรียกยายว่าแม่มาตั้งแต่เกิด แม่จริงๆของเราตอนนี้มีลูกกับชาวต่างชาติ 3 คนแล้วค่ะ เป็นชาย2 และ หญิง1 [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ พอแม่แต่งงานกับฝรั่งแม่ก็แยกบ้านออกไปเลยค่ะ เราก็อยู่กับทวดเหมือนเดิม มีครั้งหนึ่งที่แม่มากินข้าวที่บ้านทวดทุกคนกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันดีค่ะ ตอนนั้นยายดุแม่เรื่องที่เจอหน้าเราที่ไหร่ ก็ตะโคกใส่อารมณ์กับเรา แม่เขาใช้เท้ามาจิกเท้าเราใต้โต๊ะอาหารแรงมาก จนเราร้องออกมาจนตายายทวดมองแล้วถามว่าเราเป็นอะไร เราไม่ได้บอกค่ะ ตอนนั้นแม่มองเราแบบจะกินเลย เราไม่อยากไปบ้านแม่เลย นานๆจะไปครั้งหนึ่ง ตอนนั้นคือช่วงที่ต้องเรียนต่อ แม่เหมือนพยายามจะไม่ให้เราเรียน แม่ไม่ยอมเซ็นต์เอกสาร เราร้องไห้ใหญ่เลย เราบอกกับทวดว่า ให้เราตายสะดีกว่า ถ้าไม่ให้เราเรียนหนังสือ ทวดกอดเราเลย เราโกธรและโมโหแม่มากเพราะไม่ยอมเซ็นต์เอกสารให้เราไปเรียนต่อ และทุกวันนี้ก็ยังโกธรอยู่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนพ่อของเรานั้น ทิ้งเราไปเลยค่ะ ไม่ติดต่อกับมาเลยจนเราอายุ 14 เขามาเยี่ยมเรา เราดีใจมาก พร้อมกับน้องที่เป็นลูกของพ่อกับคนละแม่อีก 3 คน พ่อมาหาเราแปปเดี่ยวเพื่อแลกเบอร์ติดต่อไว้และพาญาติๆมาเยี่ยม ครั้งหนึ่งเราโทรไปหาพ่อเราเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องใช้เกี่ยวกับการเรียนต่อ เราเรียกพ่อ พ่อๆในโทรศัพท์ พร้อมกับแนะนำตัวอย่างดี ว่าลูกสาวคนโตพ่อตามด้วยชื่อเรา แล้วก็พูดเกี่ยวกับเรื่องเอกสารที่ต้องใช้เรียนต่อ พ่อไม่พูดอะไรเลย พอเราถามว่าได้ยินที่หนูพูดไหมพ่อ ( เพราะกลัวพ่อไม่ได้ยินพ่อไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่รับโทรศัพท์ พูดแค่ ฮัลโหล คำเดียว) พ่อเราตัดสายทิ้งเลยค่ะ เราเลยคิดว่าพ่ออาจจะงงๆ เพราะเราไม่เคยโทรหาอีกสักครึ่งชั่วโมงให้โทรไปใหม่ ปรากฎว่าพ่อปิดเครื่องหนีเราไปแล้วค่ะ พ่อกับเราหายไปจากกันแค่นี้เลยค่ะ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อนค่ะ พวกเพื่อนๆ ไม่เข้าใจเราเลย พวกเขาบอกแต่ว่า ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนไม่รักลูกหรอก เราได้แต่คิดในใจแล้วทำไมพ่อแม่ที่รักลูกถึงต้องทิ้งลูกด้วยล่ะ ทิ้งและยังไม่พอยังเข้ามาขัดขวางและโอกาสดีๆในชีวิตของลูกอีก
จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้เราคิดอยู่เสมอเลยค่ะ เหมือนแบบเราผิดอะไรทำไมหลายคนที่เข้ามาในชีวิตเราต้องทิ้งเราด้วย....... คิดจนเรากลัวว่า ถ้าเกิดตายายทวดไม่อยู่กับเราแล้ว เราจะไม่เหลือใครเลย เพราะท่านทั้งสามก็แก่มากแล้ว ส่วนน้องๆ เราก็ไม่ได้ผูกพันกันเลย น้องบางคนไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ
ส่วนเพื่อนๆ เรารู้ได้เลยว่าไม่มีใครจริงใจกับเราเลย