เมืองทอง ยูไนเต็ด กับฤดูกาลทุ่มทุนตำน้ำพริกเอาไปเททิ้งลง ณ ท่าน้ำนนท์

มาถึงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลทั้งฟุตบอลลีกและฟุตบอลถ้วยกันแล้ว แต่ดูเหมือนว่าทีมเต็งอันดับต้นๆ อย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมชั้นนำของประเทศ  กลับทำผลงานได้น่าผิดหวังสุดเหลือเชื่อเมื่อกำลังจะกลายเป็นทีมแก๊งสามช่า ช่วง  ว่าว ว่าว ว่าว เสียแล้ว นั่นคือ
ว่าว แรก คือ พลาดบอลถ้วยเอฟเอคัพตกรอบแบบดวลจุดโทษถึงฎีกาโดนเชียงรายเขี่ยตกกระป๋องแบบสุดมันส์
ว่าว สอง คือ พลาดแชมป์ไทยลีกโดนบุรีรัมย์ตบหน้าชาปาดหน้าคว้าแชมป์เถลิงถ้วย ณ อดีตสนามไอโมบาย ซึ่งกำลังจะได้ชื่อสนามใหม่ตามผู้สนับสนุนน้ำเมาช้างสเตเดี้ยมเร็วๆ นี้นั่นเอง
และ ด้วยสภาพทีมตอนนี้นักเตะเริ่มเสียศูนย์และหมดความมั่นใจไปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะเห็นว่านักเตะเมืองทองหลายๆ คน เริ่มแหยงกลัวการยิงจุดโทษกันระนาว หลังจากที่ขยาดมาจากบอลเอฟเอคัพดวลกับเชียงรายมากแล้ว ซึ่งล่าสุด เฮแบร์ตี้ เจ้าพ่อลูกนิ่งที่ว่าแน่ๆ ก็เสียศูนย์เสียความมั่นใจในการยิงจุดโทษอย่างเห็นได้ชัด ยิงเหมือนส่งให้ประตูไปเสียงั้นไป
ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะ ว่าว ครั้งที่สาม กับบอลถ้วยสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ของเมืองทองนั่นคือ บอลถ้วยโตโยต้าลีกคัพ ฟุตบอลรีแมทต์แก้มือกับ เชียงราย ยูไนเต็ด อีกครั้ง ซึ่ง เชียงราย ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของโค้ชประสบการณ์สูงอย่าง อเล็กซานเดร กามา ย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน ซึ่งผลงานเชียงรายปีนี้สุดแกร่ง อยู่อันดับ 4 ของตารางคะแนน และโค่นทีมบุรีรัมย์ในเอฟเอคัพ ตบเมืองทองคว่ำทะลุเข้าชิง และฟอร์มร้อนแรงไม่หยุดเมื่อเช้าชิงบอลถ้วยโตโยต้าลีกคัพอีกถ้วยเพื่อย้ำแค้นเมืองทองอีกถ้วย

และก็ไม่แน่อีกว่าตั๋วเพลออฟฟุตบอลถ้วยเอเอฟซีแชมป์เปี้ยนลีก ซึ่งอันดับสองของตารางคะแนนไทยลีกจะได้โควต้าไป และเมืองทองจะทำว่าวครั้งที่สี่หลุดมือหรือไม่ เมื่อทีมเจ้าสัวซีพี แบ็งคอก ยูไนเต็ด กำลังหายใจลดต้นคอตามจี้ตูดคะแนนมาเรื่อยๆ เพื่อชิงตั๋วใบสำคัญใบนี้ต้องวัดกันนัดต่อนัดที่เหลือกันเลยทีเดียว

เมืองทอง ยูไนเต็ด กับปีนี้ที่ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลสูงเฉียด 400 ล้านบาท รวมไปถึงในการซิ้อนักเตะบิ๊กเนมเข้าทีมทั้งตัวต่างชาติ และตัวทีมชาติบิ๊กเนมแบบนักสะสมเวลเข้ากรุ ซึ่งค่าตัวและค่าเหนื่อยนักเตะแต่ละคนต้องบอกกันเลยว่าแพงจนหูฉี่ กันเลยทีเดียว
แต่ผลลัพท์ที่ได้เมื่อใกล้สิ้นสุดฤดูกาลน่าผิดหวังเป็นอย่างมากที่ยังไม่ได้ถ้วยแชมป์อะไรเลยที่เป็นผลตอบแทนเป็นชิ้นเป็นอันกับการลงทุนในฤดูกาลนี้
ซึ่งเมื่อเทียบผลงานกับทีมคู่อริตลอดกาลจากแคว้นอีสานใต้ อย่างบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการคว้ามแชมป์ถึง 5 สมัย เป็นสโมสรเดียวของไทยที่ความแชมป์เยอะที่สุดตั้งแต่เป็นลีกอาชีพอย่างเต็มตัว และอาจจะเป็นได้ว่าในอนาคตอาจจะได้แชมป์ทุบสถิติ 20 สมัย กลายเป็นทีมตำนานเช่นเดียวกับ แมนเซสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เป็นได้
ซึ่งเมืองทอง แม้แต่แชมป์ขายเสื้อก็ยังอาจจะสู้ทีมบุรีรัมย์ก็ยังไม่ได้ ซึ่งทุกปีบุรีรัมย์ มียอดสถิติการขายเสื้อสิตินำโด่งทุกปีก็ว่าได้
ซึ่งสิ่งที่เมืองทองละเลยไปอย่าเห็นได้ชัดคือ เด็กอะคาดามี่ ปล่อยไปได้ดิบได้ดีกับทีมอื่น และไม่พัฒนาอะคาดามี่ปั้นเด็กทุ่มทุนแบบบุรีรัมย์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าบุรีรัมย์ใช่งบมหาศาลในการลงทุนโครงสร้างบอลเยาวชนสโมสรซึ่งจะแข็งแกร่งในระยะยาว มีทรัพยากรป้อนเข้าทีม อย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่างจะเมืองทองที่ช่วงหลังซื้อนักเตะบิ๊กเนมแบบฉาบฉวยจนละเลยกันปั้นเด็กขึ้นสู่ทีมขาดความต่อเนื่องในการทำทีมระยะยาว นักเตะบางรายค่าตัวหลักสิบล้านแต่กลับใช้ได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับที่เงินลงทุนไป และกลายเป็นเหมือนตำน้ำพริกละลายไปเททิ้งท่าน้ำนนท์แทบไม่มีผลตอบแทนกลับมาเป็นชิ้นเป็นอันเท่าที่ควรจะเป็น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่