สวัสดีค่ะ โพสต์ครั้งแรกนะคะ
รีวิวของโพคาราเท่าที่หาเจอทั้งจากเว็บภาษาอังกฤษและภาษาไทย จะเป็น trekking เส้นทาง ABC และ Poon Hill หรือไม่ก็ไม่ trek เลย เส้น Australian Camp แทบจะหาไม่เจอ ก็เลยอยากจะมารีวิวไว้เผื่อเป็นทางเลือกให้ชาวพันทิปได้ลองเดินขึ้นเขาสัมผัสวิวหิมาลัยแบบสบายๆ กันนะคะ
เดินวันแรกแค่ 1.5 ชั่วโมง วันที่สอง 3 ชั่วโมง แบบชิลๆ หยุดถ่ายรูปไปตลอด ซึ่งช่วงตุลาคม-พฤศจิกายนถือเป็นช่วงที่สวยที่สุดด้วยค่ะ

พอดีได้มีโอกาสไปประชุมที่นครกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล และลาต่อได้นานที่สุด 4 วัน (ไม่นับวันบินกลับ) ขอรีวิวแค่ 4 วันนี้นะคะ เน้นที่ paragliding & Australian Camp เพราะเรื่องวีซ่าและแหล่งท่องเที่ยวในกาฐมาณฑุมีในรีวิวอื่นๆ เยอะแล้วค่ะ มาดูเลยว่า 4 วันนี้ทำอะไรบ้าง
วันที่ 1 เดินทางจากกาฐมาณฑุไปโพคาราโดยรถบัส ใช้เวลา 9 ชั่วโมง:
o รถบัสมีหลายบริษัทนะคะ จขกท.ใช้บริการบริษัท Greenline ค่ะ ซึ่งเพื่อนคนเนปาลว่าดีที่สุด โรงแรมซื้อตั๋วให้และบริษัทเขาเอาตั๋วมาให้ที่โรงแรมเลยค่ะ
o ราคา 2,600 รูปี (830 บาท) รวมอาหารเที่ยง แจกน้ำดื่มขวดใหญ่ด้วย มี wifi แต่ไม่ค่อยติดค่ะ จขกท.ให้โรงแรมแพ็คอาหารเช้าไปทานในรถค่ะ
o รถบัสออกจากหน้าบริษัทตอน 7.30 ถึงโพคารา 16.30 จอดให้เข้าห้องน้ำ+ซื้อกาแฟตอน 9.30 กับ 14.30 ค่ะ
o ลงรถที่ท่ารถเมืองโพคาราแล้ว ก็เดินเข้าเมืองประมาณ 20 นาทีค่ะ ไปที่บริษัท Greenline เพื่อซื้อตั๋วขากลับ (จริงๆ แล้วซื้อตอนเช้าก่อนขึ้นรถจากกาฐมาณฑุเลยก็ได้) แล้วไปบริษัท paragliding เพื่อจองรอบเช้าวันรุ่งขึ้น เสร็จแล้วไปเช็คอินโรงแรม แล้วออกมาทานมื้อเย็น (ร้านอาหารเยอะมากๆ) ซื้อเสื้อกันหนาว (เจ้าหน้าที่ paragliding บอกว่าอากาศเย็นตอนบิน) และอุปกรณ์เดินป่าอื่นๆ แล้วกลับโรงแรม ขอคำแนะนำเรื่องการไป Australian Camp
วันที่ 2:
o paragliding 9.00-11.30
o กลับมาทานมื้อเที่ยงในเมือง
o 13.30-14.30 นั่งรถไปที่ Khande
o เดินแค่ 1.5 ชั่วโมงเท่านั้น ขึ้นไปถึง Australian Camp
วันที่ 3:
o ตื่นหกโมงเช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดในชีวิตที่หน้าเกสต์เฮ้าส์
o เดินลง 9.30-12.30
o นั่งรถกลับไปทานมื้อเที่ยงในเมือง
o เข้าที่พัก เย็นๆ ออกไปเดินเล่นริมทะเลสาบ Phewa ซื้อของฝาก
วันที่ 4: นั่งรถบัสกลับกาฐมาณฑุ
o รถออก 7.30 เหมือนเดิม ถึงประมาณห้าโมงเย็น
o พักย่าน Thamel เก็บตกซื้อของฝาก
Paragliding
โพคารามีหลายบริษัทมากๆ จขกท.เลือกบริษัทแรกของเนปาลค่ะ ซึ่งราคาแพงกว่าเจ้าอื่นเล็กน้อย แต่เชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยและบริการ pilot เป็นคนเนปาลทั้งหมดค่ะ มีวันละ 3 รอบ 9.30 11.30 และ 13.30 จขกท.เลือกรอบเช้าสุด (รับรอบละไม่เกิน 10 คน อีเมล์ไปจองไว้ก่อนจะดีกว่า) ราคารวมถ่ายภาพ-วีดีโอ 10,500 รูปี (3,360 บาท) เป็นแบบ tandem ซึ่ง pilot จะไปบินไปกับเราตั้งแต่ต้นจนจบค่ะ

รถไปรับที่โรงแรม 9.00 ไปรวมตัวกันที่บริษัท พอทุกคนมาครบก็นั่งรถไปเกือบครึ่งชั่วโมงไปที่ Sarangkot ซึ่งเป็นเนินเขา (จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นชื่อดังของเมือง) เหล่านัก paragliding ของบริษัทต่างๆ จะมา take off กันที่นี่ค่ะ พอเราไปถึง เจ้าหน้าที่ก็จะจับคู่ลูกค้าแต่ละคนกับ pilot ถึงตอนนี้ ลูกค้าทุกคนจะเริ่มหวั่นๆ หน้าซีด บางคนขอไม่เล่นแล้วก็มี pilot เราก็จะอธิบายว่า ไม่ต้องกลัวนะ เพราะมันง่ายมาก แค่ตอน take off จะรอจังหวะลมมาให้ร่มกางขึ้น พอเขาบอกให้วิ่งก็วิ่งเลย (เป็นหน้าผาค่อยๆ ลาดลง) ระหว่างนั้นก็จัดการใส่อุปกรณ์ให้เรา และรอคนอื่นๆ take off พอถึงตาเราไปยืนประจำที่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ลมมาแล้ว pilot บอก Here we go – run! เราก็วิ่งเลยค่ะ และอีกเสี้ยววินาทีต่อมาก็ไปบินอยู่กลางอากาศแล้ว

ตื่นตาตื่นใจมาก เห็นหมู่บ้านอยู่ข้างล่าง แนวเทือกเขาหิมาลัยที่มีหิมะปกคลุมอยู่ไกลๆ ทะเลสาบ Phewa และเหล่านัก paragliding คนอื่นๆ นกเหยี่ยวก็บินมาปะปนด้วย pilot ก็จะชี้บอกว่าตรงนั้นตรงนี้เป็นอะไร ตอนนี้ความสูงเท่าไหร่ แล้วก็ถ่ายรูปถ่ายวิดีโอให้ค่ะ โดยเริ่มบินแถวๆ จุดที่ take off ก่อน แล้วบินสูงขึ้นๆ ทะลุเข้าไปในเมฆเลย (เห็นเป็นละอองน้ำ) แล้วบินไปเหนือทะเลสาบ จบที่การ landing ใกล้ๆ ทะเลสาบ โดยเราสามารถยืนลงได้เลยค่ะ ระยะเวลาอยู่บนฟ้าเกือบ 30 นาที สนุกมาก ขอแนะนำให้ทุกคนลองมาเล่นกันค่ะ รับประกันความประทับใจ

พอทุกคนลงมาแล้ว ก็เดินไปขึ้นรถกลับเข้าเมืองถึงประมาณ 11.30 เจ้าหน้าที่ขอเวลาลงรูปประมาณชั่วโมงนึง เราเลยไปทานมื้อเที่ยงก่อน แล้วกลับไปรับซีดีค่ะ เป็นอันสิ้นสุดประสบการณ์การบินที่ไม่มีวันลืม
Australian Camp
เนื่องจากจขกท.มีเวลา trekking น้อยมาก และเส้นทาง ‘short’ treks ตามเว็บต่างๆ นี่อย่างต่ำก็เดินกัน 5 วันแล้ว ก็เลยเขียนไปถามบริษัท trekking สิบกว่าแห่ง และ ‘mini’ treks ซึ่งเดินขึ้นครึ่งวันและลงครึ่งวันที่โพคารา ก็สรุปได้ว่ามีอยู่ 3 เส้นทาง คือ Sarangkot, Dhampus และ Australian Camp แต่เนื่องจาก paragliding ไป take off ที่ Sarangkot แล้ว ก็เลยข้ามไป ส่วน Dhampus นั้น เป็นเส้นทางผ่านของ Australian Camp ได้ (หรือจะไม่ผ่านก็ได้) ก็เลยตกลงตั้งใจไป Australian Camp ซึ่งราคาแพ็คเกจที่พวก trekking company แจ้งมาก็ประมาณ US$ 160 (5,300 บาท) ต่อคน ซึ่งรวมรถแท็กซี่มารับส่งถึงโรงแรมในตัวเมืองโพคารา+ไกด์+เกสต์เฮาส์+อาหาร แต่เราไม่ได้จองไว้ และไปถามที่โรงแรมที่พักในโพคาราเอา และได้รับคำแนะนำว่า สามารถเหมาแท็กซี่ไปได้ โดยแล้วแต่เราเลือกว่าอยากจะเดินนานแค่ไหน และแนะนำว่าขาไป ให้รถไปส่งถึง Khande จะใช้เวลาเดินขึ้นไป 1.5 ชั่วโมง ส่วนขากลับ (ถ้าไม่อยากกลับลงทาง Khande เหมือนเดิม) ใช้เวลาเดินไป 1.5 ชั่วโมง ถึง Dhampus ถ้าเหนื่อยก็ให้รถไปรับที่นั่นได้ แต่ถ้าอยากเดินต่ออีก 1.5 ชั่วโมง ก็ให้รถไปรับที่ Phedi และมีอีกที่ซึ่งเดินไปอีก 1 ชั่วโมงแต่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เราเลยขอกลับที่ Phedi ค่ะ โดยโรงแรมติดต่อไกด์และรถแท็กซี่รับส่งจากโรงแรมด้วยราคา US$ 82 สำหรับ 2 คนเท่านั้น!! ตกคนละแค่ US$ 41 (1,360 บาท) ซึ่งพวกบริษัทที่อีเมล์ถามตอนแรกคิดราคาตั้ง US$ 160 ต่อคน แต่ราคาของเราไม่รวมค่าเกสต์เฮ้าส์ (US$ 5) และอาหารเย็น-เช้า (รวมแล้ว US$ 5) เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องจองกับบริษัทก่อนไปนะคะ จองจากโรงแรมที่โพคาราเลยถูกกว่าล้านเท่า (ไกด์จองเกสต์เฮ้าส์ให้ เราไปจ่ายเองค่ะ)
บ่ายโมงนิดๆ ไกด์มาพบที่โรงแรมค่ะ แล้วนั่งรถแท็กซี่ออกไปนอกเมือง (จขกท.ซื้อกาแฟเย็นไปนั่งดื่มในรถด้วยค่ะ) ชมวิวข้างทางที่เห็นจากบนฟ้าเมื่อเช้า พอไปถึง Khande ก็เริ่มออกเดินค่ะ จะเป็นพื้นราบช่วง 20 นาทีแรก หลังจากนั้นจะเป็นทางขึ้นและขึ้นไปตลอดทาง พวกเราเดินคุยกันไปเรื่อยๆ นั่งพักที่ร้านขายขนม (วันนั้นปิด) ดื่มน้ำที่เตรียมมาด้วยแค่ครั้งเดียว ก็เดินต่อ ยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้วค่ะ
Australian Camp เป็นทางผ่านของเส้นทาง ABC อันโด่งดังนะคะ ไกด์ว่า ชาวออสเตรเลียมาบุกเบิกไว้ ที่นี่มีเกสต์เฮ้าส์หลายที่แต่ละที่ก็มีร้านอาหารและขายน้ำ-ขนม มีลานกางเต้นท์ด้วย ช่วงนี้เป็น high season ห้องพักแบบมีห้องน้ำในตัวเต็มหมดแล้ว เราเลยได้ห้องเตียงคู่แบบห้องน้ำรวม (ไม่สะดวกเลยค่ะ เพราะห้องน้ำมีแค่ 3 ห้อง แต่คนใช้น่าจะสัก 20 คนได้ จองแบบมีห้องน้ำด้วยจะสะดวกกว่ามากๆ) พอไปถึงก็เอาของไปวางในห้องพักแล้วเดินเล่นรอบๆ บริเวณ ช่วงนั้นหมอกลงพอดี เลยไม่เห็นพระอาทิตย์ตก อาหารเย็นทานที่เกสต์เฮ้าส์เลยค่ะ เข้านอนเร็ว

ประมาณตีห้าก็ได้ยินห้องอื่นตื่นมาเตรียมตัวดูพระอาทิตย์ขึ้นกันแล้วค่ะ พอประมาณหกโมงพระอาทิตย์ก็เริ่มพ้นขอบฟ้า วันนั้นอากาศดีมาก แสงสีทองเริ่มทาบไปยังภูเขาหิมะ และค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ สวยงามจับใจมากค่ะ ประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ ก็สั่งอาหารเช้ามาทานพร้อมกับวิวที่สวยที่สุด

เก้าโมงกว่าๆ ก็เริ่มออกเดิน ซึ่งขากลับไม่ชันเหมือนขามา เห็นวิวภูเขาหิมะไปตลอดทางเลยค่ะ เริ่มแรกจะเป็นป่า แล้วออกมาเจอหมู่บ้าน เดินผ่านไร่นา ชนบทเนปาลสวยมากค่ะ มี trekkers คนอื่นเดินสวนมาตลอดทาง (ผิดกับเมื่อวานที่ไม่เจอใครเลย) เดินคุยไป หยุดถ่ายรูปไป สามชั่วโมงก็มาถึงรถแท็กซี่เราแล้วค่ะ

นั่งรถเข้าเมืองไปทานมื้อเที่ยง (บ่าย) ริมทะเลสาบ แต่แดดยังร้อนอยู่มาก ก็เลยกลับเข้าที่พัก แล้วออกมาใหม่ตอนห้าโมงเย็น ซื้อของฝาก (ต้องต่อราคาค่ะ) เดินเล่น ทานมื้อเย็น เป็นอันสิ้นสุดวันที่แสนจะประทับใจอีกหนึ่งวัน
เล็กๆ น้อยๆ
1. ถ้าจะใช้บริการบริษัท paragliding อื่น พยายามเลือก pilot ที่เป็นคนเนปาลนะคะ เพราะจะใจดีและตามใจลูกค้ามากกว่า น้องอีกคนเคยได้ pilot ฝรั่ง ซึ่งไม่ค่อยตามใจและอารมณ์ร้อนค่ะ
2. ถ้าจะเล่น paragliding รอบเช้า พยายามอย่าทานอาหารเช้าเยอะ และให้มีเวลาย่อยซักหน่อยนะคะ น้องอีกคนทานเยอะไปหน่อย มีอาการผะอืดผะอมกลางอากาศเลยค่ะ
3. ไม้เดินป่าจำเป็นมาก โรงแรมอาจมีให้ยืม ถ้าไม่มีหาซื้อได้ในโพคาราค่ะ
4. หมวกก็จำเป็นค่ะ โดยเฉพาะช่วงเดินกลับผ่านทุ่งและหมู่บ้าน
5. ซื้อของฝากที่โพคาราดีกว่าย่าน Thamel ที่กาฐมาณฑุค่ะ บรรยากาศน่าเดินกว่า และราคาพอๆ กัน บางอย่างถูกกว่าด้วยซ้ำ
6. ถ้าจะไป Australian Camp ไม่ต้องเอาน้ำดื่มไปเยอะมากค่ะ จขกท.เอาขวด 350 ml ไปสองขวด และ 1.5 l ไปขวดนึง สรุปว่าแค่สองขวดเล็กก็เอาอยู่ ขวด 1.5 l ไม่ได้เปิดเลย สำหรับใครที่ปกติไม่ได้ดื่มน้ำมาก ขวดละ 500-600 ml สองขวดเอาอยู่แน่นอน และเกสต์เฮ้าส์ที่ Australian Camp มีน้ำขายค่ะ
7. เขาว่าคนเนปาลใจดีที่สุดในโลก แต่สาวๆ เดินป่าคนเดียวกับไกด์ต้องระวังให้มากค่ะ น้องที่ไปด้วยโดนไกด์หลีค่ะ
8. ขากลับจากโพคาราให้นั่งรถฝั่งซ้ายค่ะ ช่วงออกจากเมืองจะเห็นแนวภูเขาหิมะอลังการ
เป็นอย่างไรบ้างคะ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับชาวพันทิปนะคะ โดยเฉพาะใครที่มีเวลาไม่มากและเดินไกลๆ ไม่ได้ แต่อยากสัมผัสการผจญภัยแบบเบาๆ รับรองว่าประทับใจไปตลอดชีวิตเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
โพคารา (Pokhara) แบบไม่อึด+ลาหยุดงานนานไม่ได้ แต่ยังได้ผจญภัยดินแดนหิมาลัยเบาๆ: paragliding & Australian Camp ใน 2 วัน
รีวิวของโพคาราเท่าที่หาเจอทั้งจากเว็บภาษาอังกฤษและภาษาไทย จะเป็น trekking เส้นทาง ABC และ Poon Hill หรือไม่ก็ไม่ trek เลย เส้น Australian Camp แทบจะหาไม่เจอ ก็เลยอยากจะมารีวิวไว้เผื่อเป็นทางเลือกให้ชาวพันทิปได้ลองเดินขึ้นเขาสัมผัสวิวหิมาลัยแบบสบายๆ กันนะคะ เดินวันแรกแค่ 1.5 ชั่วโมง วันที่สอง 3 ชั่วโมง แบบชิลๆ หยุดถ่ายรูปไปตลอด ซึ่งช่วงตุลาคม-พฤศจิกายนถือเป็นช่วงที่สวยที่สุดด้วยค่ะ
พอดีได้มีโอกาสไปประชุมที่นครกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล และลาต่อได้นานที่สุด 4 วัน (ไม่นับวันบินกลับ) ขอรีวิวแค่ 4 วันนี้นะคะ เน้นที่ paragliding & Australian Camp เพราะเรื่องวีซ่าและแหล่งท่องเที่ยวในกาฐมาณฑุมีในรีวิวอื่นๆ เยอะแล้วค่ะ มาดูเลยว่า 4 วันนี้ทำอะไรบ้าง
วันที่ 1 เดินทางจากกาฐมาณฑุไปโพคาราโดยรถบัส ใช้เวลา 9 ชั่วโมง:
o รถบัสมีหลายบริษัทนะคะ จขกท.ใช้บริการบริษัท Greenline ค่ะ ซึ่งเพื่อนคนเนปาลว่าดีที่สุด โรงแรมซื้อตั๋วให้และบริษัทเขาเอาตั๋วมาให้ที่โรงแรมเลยค่ะ
o ราคา 2,600 รูปี (830 บาท) รวมอาหารเที่ยง แจกน้ำดื่มขวดใหญ่ด้วย มี wifi แต่ไม่ค่อยติดค่ะ จขกท.ให้โรงแรมแพ็คอาหารเช้าไปทานในรถค่ะ
o รถบัสออกจากหน้าบริษัทตอน 7.30 ถึงโพคารา 16.30 จอดให้เข้าห้องน้ำ+ซื้อกาแฟตอน 9.30 กับ 14.30 ค่ะ
o ลงรถที่ท่ารถเมืองโพคาราแล้ว ก็เดินเข้าเมืองประมาณ 20 นาทีค่ะ ไปที่บริษัท Greenline เพื่อซื้อตั๋วขากลับ (จริงๆ แล้วซื้อตอนเช้าก่อนขึ้นรถจากกาฐมาณฑุเลยก็ได้) แล้วไปบริษัท paragliding เพื่อจองรอบเช้าวันรุ่งขึ้น เสร็จแล้วไปเช็คอินโรงแรม แล้วออกมาทานมื้อเย็น (ร้านอาหารเยอะมากๆ) ซื้อเสื้อกันหนาว (เจ้าหน้าที่ paragliding บอกว่าอากาศเย็นตอนบิน) และอุปกรณ์เดินป่าอื่นๆ แล้วกลับโรงแรม ขอคำแนะนำเรื่องการไป Australian Camp
วันที่ 2:
o paragliding 9.00-11.30
o กลับมาทานมื้อเที่ยงในเมือง
o 13.30-14.30 นั่งรถไปที่ Khande
o เดินแค่ 1.5 ชั่วโมงเท่านั้น ขึ้นไปถึง Australian Camp
วันที่ 3:
o ตื่นหกโมงเช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดในชีวิตที่หน้าเกสต์เฮ้าส์
o เดินลง 9.30-12.30
o นั่งรถกลับไปทานมื้อเที่ยงในเมือง
o เข้าที่พัก เย็นๆ ออกไปเดินเล่นริมทะเลสาบ Phewa ซื้อของฝาก
วันที่ 4: นั่งรถบัสกลับกาฐมาณฑุ
o รถออก 7.30 เหมือนเดิม ถึงประมาณห้าโมงเย็น
o พักย่าน Thamel เก็บตกซื้อของฝาก
Paragliding
โพคารามีหลายบริษัทมากๆ จขกท.เลือกบริษัทแรกของเนปาลค่ะ ซึ่งราคาแพงกว่าเจ้าอื่นเล็กน้อย แต่เชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยและบริการ pilot เป็นคนเนปาลทั้งหมดค่ะ มีวันละ 3 รอบ 9.30 11.30 และ 13.30 จขกท.เลือกรอบเช้าสุด (รับรอบละไม่เกิน 10 คน อีเมล์ไปจองไว้ก่อนจะดีกว่า) ราคารวมถ่ายภาพ-วีดีโอ 10,500 รูปี (3,360 บาท) เป็นแบบ tandem ซึ่ง pilot จะไปบินไปกับเราตั้งแต่ต้นจนจบค่ะ
รถไปรับที่โรงแรม 9.00 ไปรวมตัวกันที่บริษัท พอทุกคนมาครบก็นั่งรถไปเกือบครึ่งชั่วโมงไปที่ Sarangkot ซึ่งเป็นเนินเขา (จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นชื่อดังของเมือง) เหล่านัก paragliding ของบริษัทต่างๆ จะมา take off กันที่นี่ค่ะ พอเราไปถึง เจ้าหน้าที่ก็จะจับคู่ลูกค้าแต่ละคนกับ pilot ถึงตอนนี้ ลูกค้าทุกคนจะเริ่มหวั่นๆ หน้าซีด บางคนขอไม่เล่นแล้วก็มี pilot เราก็จะอธิบายว่า ไม่ต้องกลัวนะ เพราะมันง่ายมาก แค่ตอน take off จะรอจังหวะลมมาให้ร่มกางขึ้น พอเขาบอกให้วิ่งก็วิ่งเลย (เป็นหน้าผาค่อยๆ ลาดลง) ระหว่างนั้นก็จัดการใส่อุปกรณ์ให้เรา และรอคนอื่นๆ take off พอถึงตาเราไปยืนประจำที่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ลมมาแล้ว pilot บอก Here we go – run! เราก็วิ่งเลยค่ะ และอีกเสี้ยววินาทีต่อมาก็ไปบินอยู่กลางอากาศแล้ว
ตื่นตาตื่นใจมาก เห็นหมู่บ้านอยู่ข้างล่าง แนวเทือกเขาหิมาลัยที่มีหิมะปกคลุมอยู่ไกลๆ ทะเลสาบ Phewa และเหล่านัก paragliding คนอื่นๆ นกเหยี่ยวก็บินมาปะปนด้วย pilot ก็จะชี้บอกว่าตรงนั้นตรงนี้เป็นอะไร ตอนนี้ความสูงเท่าไหร่ แล้วก็ถ่ายรูปถ่ายวิดีโอให้ค่ะ โดยเริ่มบินแถวๆ จุดที่ take off ก่อน แล้วบินสูงขึ้นๆ ทะลุเข้าไปในเมฆเลย (เห็นเป็นละอองน้ำ) แล้วบินไปเหนือทะเลสาบ จบที่การ landing ใกล้ๆ ทะเลสาบ โดยเราสามารถยืนลงได้เลยค่ะ ระยะเวลาอยู่บนฟ้าเกือบ 30 นาที สนุกมาก ขอแนะนำให้ทุกคนลองมาเล่นกันค่ะ รับประกันความประทับใจ
พอทุกคนลงมาแล้ว ก็เดินไปขึ้นรถกลับเข้าเมืองถึงประมาณ 11.30 เจ้าหน้าที่ขอเวลาลงรูปประมาณชั่วโมงนึง เราเลยไปทานมื้อเที่ยงก่อน แล้วกลับไปรับซีดีค่ะ เป็นอันสิ้นสุดประสบการณ์การบินที่ไม่มีวันลืม
Australian Camp
เนื่องจากจขกท.มีเวลา trekking น้อยมาก และเส้นทาง ‘short’ treks ตามเว็บต่างๆ นี่อย่างต่ำก็เดินกัน 5 วันแล้ว ก็เลยเขียนไปถามบริษัท trekking สิบกว่าแห่ง และ ‘mini’ treks ซึ่งเดินขึ้นครึ่งวันและลงครึ่งวันที่โพคารา ก็สรุปได้ว่ามีอยู่ 3 เส้นทาง คือ Sarangkot, Dhampus และ Australian Camp แต่เนื่องจาก paragliding ไป take off ที่ Sarangkot แล้ว ก็เลยข้ามไป ส่วน Dhampus นั้น เป็นเส้นทางผ่านของ Australian Camp ได้ (หรือจะไม่ผ่านก็ได้) ก็เลยตกลงตั้งใจไป Australian Camp ซึ่งราคาแพ็คเกจที่พวก trekking company แจ้งมาก็ประมาณ US$ 160 (5,300 บาท) ต่อคน ซึ่งรวมรถแท็กซี่มารับส่งถึงโรงแรมในตัวเมืองโพคารา+ไกด์+เกสต์เฮาส์+อาหาร แต่เราไม่ได้จองไว้ และไปถามที่โรงแรมที่พักในโพคาราเอา และได้รับคำแนะนำว่า สามารถเหมาแท็กซี่ไปได้ โดยแล้วแต่เราเลือกว่าอยากจะเดินนานแค่ไหน และแนะนำว่าขาไป ให้รถไปส่งถึง Khande จะใช้เวลาเดินขึ้นไป 1.5 ชั่วโมง ส่วนขากลับ (ถ้าไม่อยากกลับลงทาง Khande เหมือนเดิม) ใช้เวลาเดินไป 1.5 ชั่วโมง ถึง Dhampus ถ้าเหนื่อยก็ให้รถไปรับที่นั่นได้ แต่ถ้าอยากเดินต่ออีก 1.5 ชั่วโมง ก็ให้รถไปรับที่ Phedi และมีอีกที่ซึ่งเดินไปอีก 1 ชั่วโมงแต่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เราเลยขอกลับที่ Phedi ค่ะ โดยโรงแรมติดต่อไกด์และรถแท็กซี่รับส่งจากโรงแรมด้วยราคา US$ 82 สำหรับ 2 คนเท่านั้น!! ตกคนละแค่ US$ 41 (1,360 บาท) ซึ่งพวกบริษัทที่อีเมล์ถามตอนแรกคิดราคาตั้ง US$ 160 ต่อคน แต่ราคาของเราไม่รวมค่าเกสต์เฮ้าส์ (US$ 5) และอาหารเย็น-เช้า (รวมแล้ว US$ 5) เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องจองกับบริษัทก่อนไปนะคะ จองจากโรงแรมที่โพคาราเลยถูกกว่าล้านเท่า (ไกด์จองเกสต์เฮ้าส์ให้ เราไปจ่ายเองค่ะ)
บ่ายโมงนิดๆ ไกด์มาพบที่โรงแรมค่ะ แล้วนั่งรถแท็กซี่ออกไปนอกเมือง (จขกท.ซื้อกาแฟเย็นไปนั่งดื่มในรถด้วยค่ะ) ชมวิวข้างทางที่เห็นจากบนฟ้าเมื่อเช้า พอไปถึง Khande ก็เริ่มออกเดินค่ะ จะเป็นพื้นราบช่วง 20 นาทีแรก หลังจากนั้นจะเป็นทางขึ้นและขึ้นไปตลอดทาง พวกเราเดินคุยกันไปเรื่อยๆ นั่งพักที่ร้านขายขนม (วันนั้นปิด) ดื่มน้ำที่เตรียมมาด้วยแค่ครั้งเดียว ก็เดินต่อ ยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้วค่ะ
Australian Camp เป็นทางผ่านของเส้นทาง ABC อันโด่งดังนะคะ ไกด์ว่า ชาวออสเตรเลียมาบุกเบิกไว้ ที่นี่มีเกสต์เฮ้าส์หลายที่แต่ละที่ก็มีร้านอาหารและขายน้ำ-ขนม มีลานกางเต้นท์ด้วย ช่วงนี้เป็น high season ห้องพักแบบมีห้องน้ำในตัวเต็มหมดแล้ว เราเลยได้ห้องเตียงคู่แบบห้องน้ำรวม (ไม่สะดวกเลยค่ะ เพราะห้องน้ำมีแค่ 3 ห้อง แต่คนใช้น่าจะสัก 20 คนได้ จองแบบมีห้องน้ำด้วยจะสะดวกกว่ามากๆ) พอไปถึงก็เอาของไปวางในห้องพักแล้วเดินเล่นรอบๆ บริเวณ ช่วงนั้นหมอกลงพอดี เลยไม่เห็นพระอาทิตย์ตก อาหารเย็นทานที่เกสต์เฮ้าส์เลยค่ะ เข้านอนเร็ว
ประมาณตีห้าก็ได้ยินห้องอื่นตื่นมาเตรียมตัวดูพระอาทิตย์ขึ้นกันแล้วค่ะ พอประมาณหกโมงพระอาทิตย์ก็เริ่มพ้นขอบฟ้า วันนั้นอากาศดีมาก แสงสีทองเริ่มทาบไปยังภูเขาหิมะ และค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ สวยงามจับใจมากค่ะ ประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ ก็สั่งอาหารเช้ามาทานพร้อมกับวิวที่สวยที่สุด
เก้าโมงกว่าๆ ก็เริ่มออกเดิน ซึ่งขากลับไม่ชันเหมือนขามา เห็นวิวภูเขาหิมะไปตลอดทางเลยค่ะ เริ่มแรกจะเป็นป่า แล้วออกมาเจอหมู่บ้าน เดินผ่านไร่นา ชนบทเนปาลสวยมากค่ะ มี trekkers คนอื่นเดินสวนมาตลอดทาง (ผิดกับเมื่อวานที่ไม่เจอใครเลย) เดินคุยไป หยุดถ่ายรูปไป สามชั่วโมงก็มาถึงรถแท็กซี่เราแล้วค่ะ
นั่งรถเข้าเมืองไปทานมื้อเที่ยง (บ่าย) ริมทะเลสาบ แต่แดดยังร้อนอยู่มาก ก็เลยกลับเข้าที่พัก แล้วออกมาใหม่ตอนห้าโมงเย็น ซื้อของฝาก (ต้องต่อราคาค่ะ) เดินเล่น ทานมื้อเย็น เป็นอันสิ้นสุดวันที่แสนจะประทับใจอีกหนึ่งวัน
เล็กๆ น้อยๆ
1. ถ้าจะใช้บริการบริษัท paragliding อื่น พยายามเลือก pilot ที่เป็นคนเนปาลนะคะ เพราะจะใจดีและตามใจลูกค้ามากกว่า น้องอีกคนเคยได้ pilot ฝรั่ง ซึ่งไม่ค่อยตามใจและอารมณ์ร้อนค่ะ
2. ถ้าจะเล่น paragliding รอบเช้า พยายามอย่าทานอาหารเช้าเยอะ และให้มีเวลาย่อยซักหน่อยนะคะ น้องอีกคนทานเยอะไปหน่อย มีอาการผะอืดผะอมกลางอากาศเลยค่ะ
3. ไม้เดินป่าจำเป็นมาก โรงแรมอาจมีให้ยืม ถ้าไม่มีหาซื้อได้ในโพคาราค่ะ
4. หมวกก็จำเป็นค่ะ โดยเฉพาะช่วงเดินกลับผ่านทุ่งและหมู่บ้าน
5. ซื้อของฝากที่โพคาราดีกว่าย่าน Thamel ที่กาฐมาณฑุค่ะ บรรยากาศน่าเดินกว่า และราคาพอๆ กัน บางอย่างถูกกว่าด้วยซ้ำ
6. ถ้าจะไป Australian Camp ไม่ต้องเอาน้ำดื่มไปเยอะมากค่ะ จขกท.เอาขวด 350 ml ไปสองขวด และ 1.5 l ไปขวดนึง สรุปว่าแค่สองขวดเล็กก็เอาอยู่ ขวด 1.5 l ไม่ได้เปิดเลย สำหรับใครที่ปกติไม่ได้ดื่มน้ำมาก ขวดละ 500-600 ml สองขวดเอาอยู่แน่นอน และเกสต์เฮ้าส์ที่ Australian Camp มีน้ำขายค่ะ
7. เขาว่าคนเนปาลใจดีที่สุดในโลก แต่สาวๆ เดินป่าคนเดียวกับไกด์ต้องระวังให้มากค่ะ น้องที่ไปด้วยโดนไกด์หลีค่ะ
8. ขากลับจากโพคาราให้นั่งรถฝั่งซ้ายค่ะ ช่วงออกจากเมืองจะเห็นแนวภูเขาหิมะอลังการ
เป็นอย่างไรบ้างคะ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับชาวพันทิปนะคะ โดยเฉพาะใครที่มีเวลาไม่มากและเดินไกลๆ ไม่ได้ แต่อยากสัมผัสการผจญภัยแบบเบาๆ รับรองว่าประทับใจไปตลอดชีวิตเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ