ผมกับภรรยาเป็นคน ตจว.อยู่หมู่บ้านใกล้กัน ถัดกันไปประมาณ 3 กิโลกว่าๆ
รู้จักกันตั้งแต่ตอนมัธยมปลาย แล้วมาเจอกันอีกทีตอนเข้ามาเรียนมหาลัยที่กรุงเทพฯ
แล้วก็เป็นแฟนกัน แต่พอทางครอบครัวฝ่ายหญิงทราบเรื่องก็จับพวกเราแต่งงานกัน
เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ เมื่อตอนปี 2545 (ปัจจุบันผมและภรรยาก็อายุ 30 กว่าทั้งคู่)
หลังจากแต่งงานกันเสร็จอยู่บ้านภรรยาได้3วันก็กลับมากรุงเทพฯเลย
และหลังจากนั้น ทางบ้านของพวกเราทั้งก็หยุดส่งค่าใช้จ่ายเลย คล้ายๆตัดหางปล่อยวัด
ประมาณว่าส่งให้ไปเรียนแล้วไปได้เสียกัน เขาก็เลยผิดหวังทั้งคู่ อันนี้เข้าใจ
ฝั่งครอบครัวผม แม่ผมเสียทั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้ เกิดมาก็ไม่เห็นหน้าแม่เลย
มีพ่อแก่ๆคนหนึ่งซึ่งก็ทำงานไม่ไหวแล้ว ผมมีพี่สาวกับพี่ชายที่อายุห่างกันกับผมมาก
ที่เลี้ยงดูค่าใช้จ่ายมาตั้งแต่ตอนเด็ก ครอบครัวของผมก็ฐานะปานกลาง ช่วงเด็กผมใช้ชีวิตแบบสบาย
พี่ชาย พี่สาวเหมือนตามใจทุกอย่าง อยากได้อะไรส่วนมากจะได้ ตั้งแต่สมัยเด็กจนจบมัธยมปลาย
เรียกว่าชีวิตราบรื่นมาตลอด ผมและหลานสาว(ลูกของพี่สาวก็โตๆมาด้วยกันห่างกัน4ปีและ5ปี)
ฝั่งครอบครัวภรรยามีพี่น้องทั้งหมด 5 คน ภรรยาเป็นลูกคนเล็ก แล้วก็เป็นผู้หญิงคนเดียวในบรรดาพี่น้องทั้งหมด
และมีพี่ชายอีก 4 คน ปัจจุบันก็มีครอบครัวหมดทุกคน แยกออกไปอยู่กับครอบครัวทุกคน มีลูกทุกคน
เป็นข้าราชการ 2 คน พี่คนที่ 3 เป็นทหารเรือ พี่คนที่ 4 เป็นตำรวจ ส่วนพี่คนโตกับพี่คนรองก็ทำงานบริษัท
ปัจจุบันทั้งหมดก็ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯทุกคนรวมทั้งผมและภรรยาผมด้วย
หลังจากที่แต่งงานแล้ว ทางครอบครัวเราทั้งสองฝั่งก็ไม่ได้ส่งค่าใช้จ่ายให้อีกแล้ว(แต่ก็ยังรักและติดต่อกันปรกติเหมือนกัน)
เพียงแต่ไม่ให้เงินใช้ ผมก็ยังเรียนอยู่ภาคสมทบ เรียนเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ จันทร์-ศุกร์ก็ต้องไปหางานทำ
หลังจากผมได้งานแล้ว ผมก็ให้แฟนหยุดเรียนไป1ปี เป็นการตั้งตัวเขาก็หางานทำเหมือนกัน
และชีวิตเริ่มเข้าที่บ้างแล้วผมก็ส่งแฟนเรียนต่ออีกมหาลัยอีกแห่ง เขาก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเหมือนกัน
หาจ๊อบทำพิเศษหลังเลิกเรียน เช่น ตามร้าน MK,แมคโดนัล ตามห้าง เป็นพนักงานเสริฟ สมัยนั้น ชม.ละ27-30 บาท
ผมทำงานได้เงินเดือนประมาณ 7500-9500 ค่าใช้จ่ายก็คงไม่เพียงพอเท่าไหร่ ไหนจะค่าเทอม ค่าตำราเรียน ค่าเช่าห้อง ค่ารถ ค่ากิน
ผมนี่ไม่มีเงินแม้จะไปเรียน ค่าวินออกจากปากซอย ค่ารถเมล์ ค่ารถตู้อีก ตำหรับตำรามีไม่กี่เล่ม อาศัยถ่ายเอกสารกับเพื่อนเอาก่อนเข้าเรียน
บางครั้งจนมากๆหิวข้าว ข้าวเหนียวถุงละ5บาท ทั้งคู่มีเงินอยู่9บาท ขาดอีก1บาทจะได้2ถุง รื้อข้าวของทั้งห้องเลยเพื่อหาเงิน 1 บาท
เมื่อไม่พอใช้หลักการยืมเพื่อนร่วมชั้นบ้าง ยืมคนนั้นคนนี้ทีละ100 ทีละ20 บ้าง จนคนไม่กล้าให้เข้าใกล้
ใช้ชีวิตอยู่อย่างนั้นมาตลอดและแล้วพวกเราก็เรียนจบกันทั้งคู่ และก็มีงานมีการทำกันทั้งคู่
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาผมก็ได้ไปทำงานต่างประเทศ แฟนก็ทำงานที่ไทย ผมก็มีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่ง
ชีวิตก็ดีขึ้นมากๆกว่าแต่ก่อนเยอะ เรียกว่ามีกินมีใช้อยากได้อยากมีอะไรก็พอได้
ผมก็เลยซื้อพวกคอนโดหรือแฟตสักอย่างแต่เป็นระดับไม่แพงมากราคา350,000 จนเหลือค้างแสนกว่าบาทก็เลยไปยอดหมดเลย
ผมก็เลยวาดฝันไว้ว่า จะซื้อบ้านจัดสรรสักหลังเป็นทาวน์โฮม2ชั้น 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ(ชั้นล่าง1ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ชั้นบน3ห้องนอน 1ห้องน้ำ)
ซึ่งก็ได้ไปดูมาหลายโครงการแล้วจนถูกใจและจะตัดสินใจเอา เหตุผลก็อยากได้ เพราะจะได้มีพื้นที่จอดรถเป็นของตังเอง
เพราะปัจจุบันผมยังไม่มีรถเพราะว่า ที่อยู่ทุกวันนี้ไม่มีที่จอดรถเลย ต้องแย่งกันจอด ใครมาไวได้ก่อน
ผมก็วาดฝันไว้ทุกอย่างหลังจากกลับจาก ตปท.จะมีบ้าน มีรถ มีลูก
เดี๋ยวมาต่อครับ มันจะยาวหน่อย...
ไม่มีความสุขในชีวิตคู่ ไม่ชอบครัวครอบแฟน และไม่อยากไปอยู่ด้วย เครียดมาก!!!
รู้จักกันตั้งแต่ตอนมัธยมปลาย แล้วมาเจอกันอีกทีตอนเข้ามาเรียนมหาลัยที่กรุงเทพฯ
แล้วก็เป็นแฟนกัน แต่พอทางครอบครัวฝ่ายหญิงทราบเรื่องก็จับพวกเราแต่งงานกัน
เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ เมื่อตอนปี 2545 (ปัจจุบันผมและภรรยาก็อายุ 30 กว่าทั้งคู่)
หลังจากแต่งงานกันเสร็จอยู่บ้านภรรยาได้3วันก็กลับมากรุงเทพฯเลย
และหลังจากนั้น ทางบ้านของพวกเราทั้งก็หยุดส่งค่าใช้จ่ายเลย คล้ายๆตัดหางปล่อยวัด
ประมาณว่าส่งให้ไปเรียนแล้วไปได้เสียกัน เขาก็เลยผิดหวังทั้งคู่ อันนี้เข้าใจ
ฝั่งครอบครัวผม แม่ผมเสียทั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้ เกิดมาก็ไม่เห็นหน้าแม่เลย
มีพ่อแก่ๆคนหนึ่งซึ่งก็ทำงานไม่ไหวแล้ว ผมมีพี่สาวกับพี่ชายที่อายุห่างกันกับผมมาก
ที่เลี้ยงดูค่าใช้จ่ายมาตั้งแต่ตอนเด็ก ครอบครัวของผมก็ฐานะปานกลาง ช่วงเด็กผมใช้ชีวิตแบบสบาย
พี่ชาย พี่สาวเหมือนตามใจทุกอย่าง อยากได้อะไรส่วนมากจะได้ ตั้งแต่สมัยเด็กจนจบมัธยมปลาย
เรียกว่าชีวิตราบรื่นมาตลอด ผมและหลานสาว(ลูกของพี่สาวก็โตๆมาด้วยกันห่างกัน4ปีและ5ปี)
ฝั่งครอบครัวภรรยามีพี่น้องทั้งหมด 5 คน ภรรยาเป็นลูกคนเล็ก แล้วก็เป็นผู้หญิงคนเดียวในบรรดาพี่น้องทั้งหมด
และมีพี่ชายอีก 4 คน ปัจจุบันก็มีครอบครัวหมดทุกคน แยกออกไปอยู่กับครอบครัวทุกคน มีลูกทุกคน
เป็นข้าราชการ 2 คน พี่คนที่ 3 เป็นทหารเรือ พี่คนที่ 4 เป็นตำรวจ ส่วนพี่คนโตกับพี่คนรองก็ทำงานบริษัท
ปัจจุบันทั้งหมดก็ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯทุกคนรวมทั้งผมและภรรยาผมด้วย
หลังจากที่แต่งงานแล้ว ทางครอบครัวเราทั้งสองฝั่งก็ไม่ได้ส่งค่าใช้จ่ายให้อีกแล้ว(แต่ก็ยังรักและติดต่อกันปรกติเหมือนกัน)
เพียงแต่ไม่ให้เงินใช้ ผมก็ยังเรียนอยู่ภาคสมทบ เรียนเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ จันทร์-ศุกร์ก็ต้องไปหางานทำ
หลังจากผมได้งานแล้ว ผมก็ให้แฟนหยุดเรียนไป1ปี เป็นการตั้งตัวเขาก็หางานทำเหมือนกัน
และชีวิตเริ่มเข้าที่บ้างแล้วผมก็ส่งแฟนเรียนต่ออีกมหาลัยอีกแห่ง เขาก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเหมือนกัน
หาจ๊อบทำพิเศษหลังเลิกเรียน เช่น ตามร้าน MK,แมคโดนัล ตามห้าง เป็นพนักงานเสริฟ สมัยนั้น ชม.ละ27-30 บาท
ผมทำงานได้เงินเดือนประมาณ 7500-9500 ค่าใช้จ่ายก็คงไม่เพียงพอเท่าไหร่ ไหนจะค่าเทอม ค่าตำราเรียน ค่าเช่าห้อง ค่ารถ ค่ากิน
ผมนี่ไม่มีเงินแม้จะไปเรียน ค่าวินออกจากปากซอย ค่ารถเมล์ ค่ารถตู้อีก ตำหรับตำรามีไม่กี่เล่ม อาศัยถ่ายเอกสารกับเพื่อนเอาก่อนเข้าเรียน
บางครั้งจนมากๆหิวข้าว ข้าวเหนียวถุงละ5บาท ทั้งคู่มีเงินอยู่9บาท ขาดอีก1บาทจะได้2ถุง รื้อข้าวของทั้งห้องเลยเพื่อหาเงิน 1 บาท
เมื่อไม่พอใช้หลักการยืมเพื่อนร่วมชั้นบ้าง ยืมคนนั้นคนนี้ทีละ100 ทีละ20 บ้าง จนคนไม่กล้าให้เข้าใกล้
ใช้ชีวิตอยู่อย่างนั้นมาตลอดและแล้วพวกเราก็เรียนจบกันทั้งคู่ และก็มีงานมีการทำกันทั้งคู่
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาผมก็ได้ไปทำงานต่างประเทศ แฟนก็ทำงานที่ไทย ผมก็มีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่ง
ชีวิตก็ดีขึ้นมากๆกว่าแต่ก่อนเยอะ เรียกว่ามีกินมีใช้อยากได้อยากมีอะไรก็พอได้
ผมก็เลยซื้อพวกคอนโดหรือแฟตสักอย่างแต่เป็นระดับไม่แพงมากราคา350,000 จนเหลือค้างแสนกว่าบาทก็เลยไปยอดหมดเลย
ผมก็เลยวาดฝันไว้ว่า จะซื้อบ้านจัดสรรสักหลังเป็นทาวน์โฮม2ชั้น 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ(ชั้นล่าง1ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ชั้นบน3ห้องนอน 1ห้องน้ำ)
ซึ่งก็ได้ไปดูมาหลายโครงการแล้วจนถูกใจและจะตัดสินใจเอา เหตุผลก็อยากได้ เพราะจะได้มีพื้นที่จอดรถเป็นของตังเอง
เพราะปัจจุบันผมยังไม่มีรถเพราะว่า ที่อยู่ทุกวันนี้ไม่มีที่จอดรถเลย ต้องแย่งกันจอด ใครมาไวได้ก่อน
ผมก็วาดฝันไว้ทุกอย่างหลังจากกลับจาก ตปท.จะมีบ้าน มีรถ มีลูก
เดี๋ยวมาต่อครับ มันจะยาวหน่อย...