แนะนำตัว

Introduction


         ข้อความนี้อยากจะฝากถึงผู้อ่านทุก ๆ ท่าน ที่ผ่าน หรือแม้กระทั่งตั้งใจเข้ามาอ่านครับ ตั้งแต่ที่ผมเข้ามาแปะเรื่องสั้น ตั้งแต่เรื่องในเขต ปาตาลิง จายาเมื่อเดือนพฤษภาคม ผมก็แอบสิงอยู่ในถนนนักเขียนนี้เป็นครั้งคราว เพราะเรื่องสั้นที่เอามาแปะไว้ล้วนแต่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมานานแล้ว โดยปกติผมจะแต่งเรื่องสั้นเฉลี่ยแล้วไม่เกิน 1-2 เรื่องครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะมีเวลาและอารมณ์จะแต่งไหม
    
          ตลอดทั้งเดือนตุลาคมและเดือนพฤศจิกายน ผมเข้ามาทิ้งเรื่องสั้นเอาไว้สองเรื่อง เรื่องแรก ในป่าแห่งความทรงจำ ซึ่งเป็นเรื่องสั้นที่ผมแต่งในช่วงเวลานี้ครับ และก็ได้ทิ้งเอาไว้สองตอนเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องที่สอง ครับ ทุกคนคงไม่ลืมว่าผมมีเรื่องสั้นอีกเรื่องที่ส่งเข้าโครงการถุงมือนักเขียนฤดูกาลแรกไว้ให้ทายกันเล่น ๆ ด้วยครับ เท่ากับว่าในปีนี้ผมมีเรื่องสั้นที่เขียนอย่างจริงจังทั้งหมดสองเรื่องเลยทีเดียว

          จากเรื่องในป่าแห่งความทรงจำ เท่าที่ผ่านมา ผมจะทิ้งเรื่องสั้น ในป่าแห่งความทรงจำ ทุก ๆ วันจันทร์ในอาทิตย์นี้ ผมมีงานรัดตัว และเดินทางไปต่างจังหวัดหลายวัน เลยไม่มีเวลาเขียนตอนที่สามเลยครับ ผมเลยถือโอกาสวันจันทร์นี้ (6/11/60) เข้ามาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการในบอร์ดถนนนักเขียนครับ

          ชื่อของชายขอบคันนายาวจริง ๆ ไม่มีอะไรยุ่งยากเลยครับ ก็แค่บ้านผมอยู่ในเขตคันนายาว แค่นั้นเองครับ ส่วนที่เป็นชายขอบนั้นก็ติดกับเขตคลองสามวา
    
          สำหรับประสบการณ์ในการเขียน หรือแต่งนิยาย + เรื่องสั้นนั้นต้องย้อนกลับไปช่วงที่กรุงเทพ ฯ และประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตน้ำท่วมในปี 2554 ครับ จริง ๆ แล้วมันก็คงไม่ใช่เวลาที่ยาวนานเท่าไหร่นัก เพราะเรียนให้ทราบว่าอายุจริง ๆ ของผมนั้นก็แค่ 23 ปี เท่านั้นครับ และกำลังจะเข้า 24 ในปลายเดือนนี้ ในช่วงนั้นผมกำลังเรียนอยู่ในชั้นมัธยม 5 ครับ จุดเริ่มต้น จริง ๆ ก็คงเริ่มจากการอ่านนิยายในช่วงนั้น ซึ่งช่วงนั้นอ่านงานของมูราคามิเรื่องหนึ่งที่ชื่อว่าการปรากฏตัวของหญิงสาวในคืนฝนตก นับได้ว่านิยายเรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมอยากเขียนนิยาย หรือเรื่องสั้นเลยครับ ตอนที่น้ำท่วมกรุงเทพฯ ในเขตคันนายาวบางส่วน ผมใช้เวลานั้น แทนที่จะอพยพตัวเองออกจากพื้นที่ ผมกลับอยู่บ้านที่ยังไม่ได้จมน้ำดี แต่น้ำก็ขึ้นมาระดับเท่าหน้าอก เขียนนิยายขนาดสั้น ๆ (70 หน้ากระดาษสมุด) เรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า เวลาที่ขนานกับสายลม เสร็จภายในหนึ่งเดือนเลยครับ สำนวนที่เขียนก็แข็งและหยาบกระด้างไปตามประสามือใหม่ล่ะครับ
    
          ในปีถัดมา ผมก็เขียนนิยายอีกเรื่องที่ชื่อ หากโลกนี้ไร้แสง จนจบเช่นกัน รอบนี้ผมใช้เวลาสามเดือน กับหน้ากระดาษเอสี่ในโปรแกรมเวิร์ด 128 หน้า ผมนำเรื่องทั้งสองลงบอร์ดแห่งหนึ่ง ซึ่งผลตอบรับก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะให้ใครเข้ามาอ่านอยู่แล้วครับ ผลก็คือมีคนอ่านประปราย มีติบ้างชมบ้าง นั่นคือช่วงมือใหม่ของผมครับ ช่วงนั้น ผมก็ปรับปรุงตัวเองโดยการเขียนเรื่องสั้นหลายเรื่องมากครับ แต่ประโยคและสำนวนที่ใช้ก็ยังแข็งและหยาบกระด้าง
    
          ผมเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยปี2556 ตลอดระยะสี่ปีผมใช้เวลาอ่านนิยายเยอะมากครับ หากจะไล่เรียงก็คงพูดลำบากว่าผมอ่านนิยายเรื่องใดไปบ้าง แต่สิ่งที่ผ่านไปในช่วงนั้นคือ ผมแทบไม่มีเวลาเขียนนิยาย หรือกระทั่งเรื่องสั้นเลยครับ มีเพียงแค่เรื่องสั้นสองเรื่องที่ผมเขียนและเสร็จอย่างจริงจัง นั่นคือ
Etude of Memory (เขียนในปี 2557) และในเขตปาตาลิง จายา (เขียนในปี 2559) ดังที่เอาลงไว้ในบอร์ดถนนนักเขียนครับ
    
          ส่วนแนวที่ผมเขียน จริง ๆ ผมต้องตอบตามตรงเลยครับว่าผมไม่รู้ว่าแนวทางที่ผมเขียนนั้นเป็นแนวอะไร โทนสีและลายเซ็นของนักเขียนผมก็ไม่ทราบเช่นกันว่าจะมีรูปทรงอะไรบ้าง เรื่องแบบนี้ต้องเป็นผู้อ่านเท่านั้นครับ จะเป็นคนเดียวที่ตอบได้

          ย้อนกลับมาที่การแต่งนิยายเรื่องยาว ผมมีความตั้งใจมาเนิ่นนานว่าผมจะแต่งนิยายเรื่องยาวให้ได้ สองเรื่อง ภายในระยะเวลาห้าปีต่อจากนี้ครับ เรื่องแรก จะนำนิยายเรื่อง หากโลกนี้ไร้แสง นำกลับมาเขียนใหม่ทั้งหมด โดยโครงเรื่องและตัวละครทั้งหมดก็แทบจะเปลี่ยนทั้งหมดเลยครับ รวมทั้งชื่อเรื่องที่เปลี่ยนเป็น การเดินทางของความรู้สึก แน่นอนว่าการเขียนนิยายเรื่องยาวนั้นจะต้องมีการวางโครงเรื่องล่วงหน้า โครงเรื่องนั้นเสร็จตั้งแต่ปีก่อนแล้วครับ แต่ปัญหาหรืออุปสรรคที่สำคัญมาก ๆ นั้นคือ เวลา ผมแทบจะไม่มีเวลาแบบ full time ที่จะทุ่มสมาธิหมดกับเรื่องยาวได้เลยครับ การเขียนเรื่องยาวนั้นจำเป็นต้องใช้เวลาที่ยาวนานและเป็นส่วนตัวมาก ๆ ครับ

          ส่วนเรื่องที่สองนั้นมีชื่อเรื่องว่า ไม่มีสิ่งใดทดแทนความเจ็บปวด เรื่องนี้ขนาดความยาวไม่น่าจะเท่ากับเรื่องแรก และเขียนโครงเรื่องเสร็จตั้งแต่ปีที่แล้วเช่นกัน แต่ระยะเวลากว่าจะเขียนเสร็จนั้นคงต้องรอยาว ๆ เลยครับ (บอกกับตัวเอง) เพราะฉากและสถานที่ทั้งหมดผมจำเป็นที่จะต้องศึกษาและลงรายละเอียดจริงทั้งหมด ซึ่งจะทำแบบนั้นได้ผมจำเป็นต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ ๆ ที่นั่นครับ ดังนั้น เรื่องที่สองนี้คงต้องเก็บโครงการ พักไปยาว ๆ ก่อนเลยครับ

          สุดท้ายนี้ เป็นข่าวดีท่ามกลางข่าวร้าย (ของตัวผม) ที่ว่า นิยายเรื่อง การเดินทางของความรู้สึก จะถูกโพสต์เป็นตอนแรกในกระทู้ถัดไปเลยครับ แต่ต้องเรียนให้ทราบว่า นิยายเรื่องนี้เอามาลงไว้เพื่อชดเชยเรื่องสั้น ในป่าแห่งความทรงจำ ไปพลาง ๆ ก่อนครับ เพราะในเนื้อหาจริง ๆ นั้นผมเขียนไปถึงแค่ตอนที่สาม จากทั้งหมดยี่สิบสี่ตอนครับ แต่ก็เป็นสามตอนที่มีเนื้อหายาวมาก ๆ ครับ (ตอนที่หนึ่งเนื้อหาน้อยมาก ตอนที่สองและสามเนื้อหารวมกัน 50 หน้ากระดาษเอสี่ โปรแกรมเวิร์ด) ดังนั้น หากในป่าแห่งความทรงจำแต่งไม่จบในทุกวันจันทร์ เรื่องนี้จะถูกเอามาขัดตาทัพก่อนครับ   

          ส่วนรายละเอียดและความคืบหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป หลังจบเรื่องสั้น ในป่าแห่งความทรงจำ (ในป่าแห่งความทรงจำ จะจบอย่างแน่นอนในตอนที่สี่) นี้คงมีรายละเอียดจะมาบอกกล่าวแน่นอนครับ (หากว่ายังมีคนพอสนใจบ้างอย่างน้อยหนึ่งคน)
    
          สุดท้ายนี้ ผมอยากจะขอบคุณผู้อ่าน ทุก ๆ ท่านในบอร์ดถนนนักเขียนที่สละเวลามาอ่านงานเขียนธรรมดา ๆ ของคนธรรมดาคนหนึ่งด้วยความซาบซึ้งและจริงใจครับ ในตอนแรก ผมไม่คิดว่าจะมีผู้ติดตามในระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่ามันอาจจะมีจำนวนไม่มาก แต่ผมซาบซึ้งจริง ๆ ว่าทุกคนอ่านเรื่องของผมจริงจัง อย่างจริงใจครับ หากมีเวลา ผมจะเข้าไปอ่านงานของทุก ๆ คนด้วยครับ

ป.ล. ผมไม่รังเกียจ และไม่ลังเลใจที่จะบอกตัวตนที่แท้จริง หากมีใครมาถามผมหลังไมค์ครับ ยินดีให้เฟซบุ๊คส่วนตัวไว้ติดตามด้วย ตัวตนจริง ๆ ผมค่อนข้างเป็นกันเองพอสมควรครับ (จากการโพสต์เฟซบุ๊ค)

ชายขอบคันนายาว
6/11/2017
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่