การถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะนั้น พวกโง่เขลาขี้ขลาดก็ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างถือพระเป็นเจ้า อย่างถือภูตผีปีศาจ ถือเทพารักษ์เอาเลยทีเดียว ไม่สำเร็จประโยชน์ตรงตามความมุ่งหมายของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือของพระพุทธศาสนาเลย
.
เพราะเขาไม่ได้ศึกษา เขาไม่มีความเข้าใจ แต่เขาก็มีความกลัว ความเข้าใจผิด มีความโง่อย่างคนทั่วไป ซึ่งอ้อนวอนเทวดา อ้อนวอนภูตผีปีศาจ อ้อนวอนศาลพระภูมิ อ้อนวอนอะไรต่าง ๆ นั่นเป็นเรื่องของคนธรรมดาเราไม่ตำหนิติเตียนแต่ประการใด
.
แต่ถ้าเป็นเรื่องของพุทธบริษัทแล้วน่าหัวเราะอย่างยิ่ง เพราะว่าโดยที่แท้นั้น
.
เรานับถือพระพุทธเจ้าเพราะว่าท่านเป็นคนหมด “ตัวตน” ไม่เห็นแก่ตนแม้แต่นิดเดียว
.
เรานับถือพระธรรมเพราะว่าพระธรรม เป็นวิชาความรู้ เป็นการปฏิบัติและเป็นผลของการปฏิบัติที่ทำลายความยึดถือตัวตนให้หมดสิ้นไป ไม่มีตัวตนเหลืออยู่เลย
.
เรานับถือพระสงฆ์นั้นก็เพราะว่าเป็นผู้ปฏิบัติในการทำลายตัวตนได้หรือกำลังทำลายตัวตนอยู่
.
เพราะเหตุเช่นนี้แหละจึงกล่าวได้ว่า พระพุทธก็ดี พระธรรมก็ดี พระสงฆ์ก็ดี มีหัวใจหรือความหมายของคำอยู่ตรงที่ "ไม่มีตัวตน" ด้วยเหมือนกัน
.
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ทำความไม่มีตัวตนได้ด้วยพระองค์เองแล้วสอนผู้อื่น พระธรรมคือวิชาความรู้และการปฏิบัติหรือผลของการปฏิบัติที่เป็นการทำลายตัวตนโดยตรง พระสงฆ์เป็นผู้ปฏิบัติเช่นนั้น รวมกันเข้าเรียกว่าพระรัตนตรัย
.
ไม่มีอะไรนอกจากความไม่มีตัวตน ซึ่งเป็นความสะอาด สว่าง สงบอย่างยิ่ง เราจึงถือเอาเป็นที่พึ่ง เป็นสรณะเพื่อจะเป็นอย่างนั้นบ้าง
.
พุทธทาสภิกขุ
.
ที่มา : สุญญตาวิหารกถา เทศน์งานศพบิดาคุณปราณี
รับฟังได้ที่
http://goo.gl/WuhmEs.
พูดตรงๆอย่าโกรธนะ
.
เพราะเขาไม่ได้ศึกษา เขาไม่มีความเข้าใจ แต่เขาก็มีความกลัว ความเข้าใจผิด มีความโง่อย่างคนทั่วไป ซึ่งอ้อนวอนเทวดา อ้อนวอนภูตผีปีศาจ อ้อนวอนศาลพระภูมิ อ้อนวอนอะไรต่าง ๆ นั่นเป็นเรื่องของคนธรรมดาเราไม่ตำหนิติเตียนแต่ประการใด
.
แต่ถ้าเป็นเรื่องของพุทธบริษัทแล้วน่าหัวเราะอย่างยิ่ง เพราะว่าโดยที่แท้นั้น
.
เรานับถือพระพุทธเจ้าเพราะว่าท่านเป็นคนหมด “ตัวตน” ไม่เห็นแก่ตนแม้แต่นิดเดียว
.
เรานับถือพระธรรมเพราะว่าพระธรรม เป็นวิชาความรู้ เป็นการปฏิบัติและเป็นผลของการปฏิบัติที่ทำลายความยึดถือตัวตนให้หมดสิ้นไป ไม่มีตัวตนเหลืออยู่เลย
.
เรานับถือพระสงฆ์นั้นก็เพราะว่าเป็นผู้ปฏิบัติในการทำลายตัวตนได้หรือกำลังทำลายตัวตนอยู่
.
เพราะเหตุเช่นนี้แหละจึงกล่าวได้ว่า พระพุทธก็ดี พระธรรมก็ดี พระสงฆ์ก็ดี มีหัวใจหรือความหมายของคำอยู่ตรงที่ "ไม่มีตัวตน" ด้วยเหมือนกัน
.
พระพุทธเจ้าเป็นผู้ทำความไม่มีตัวตนได้ด้วยพระองค์เองแล้วสอนผู้อื่น พระธรรมคือวิชาความรู้และการปฏิบัติหรือผลของการปฏิบัติที่เป็นการทำลายตัวตนโดยตรง พระสงฆ์เป็นผู้ปฏิบัติเช่นนั้น รวมกันเข้าเรียกว่าพระรัตนตรัย
.
ไม่มีอะไรนอกจากความไม่มีตัวตน ซึ่งเป็นความสะอาด สว่าง สงบอย่างยิ่ง เราจึงถือเอาเป็นที่พึ่ง เป็นสรณะเพื่อจะเป็นอย่างนั้นบ้าง
.
พุทธทาสภิกขุ
.
ที่มา : สุญญตาวิหารกถา เทศน์งานศพบิดาคุณปราณี
รับฟังได้ที่ http://goo.gl/WuhmEs.