>> ปัญหาเรื่องการศึกษาของไทยไม่ใช่อยู่ที่ความรู้และตำรา <<

มีโอกาสได้ไปอบรมต่างประเทศบ้าง เห็นอะไรจากตัวเอง เพื่อนๆ  เมื่อเปรียบเทียบกับชาติที่เจริญด้านการศึกษาโดยเฉพาะจากฝั่งฝรั่งมาเล่าให้ฟังครับ

ปัญหาของระบบการเรียนของไทย ไม่ใช่เกิดจากการที่เราไม่รู้หนังสือ หรือความรัที่ไม่ถูกต้อง(เพราะเราก็ใช้ตำราเดียวกับฝรั่งนั่นแหละ)  แต่เป็นวิธีที่นำเสนอให้เด็กรู้ และกระตุ้นให้เด็กเสนอความเห็น และมีส่วนร่วมกับงานหรือกิจกรรม

   - เราแทบไม่มี หรือไม่มีเลยใน class ที่เป็น Open discussion ง่ายๆ ที่จะสนับสนุนการเสนอแนะของเด็ก และฝึกการรับฟังคนอื่น อันนี้สำคัญต่อเด็กตอนโตในการเข้าอยู่กับสังคม การทำงานเป็นอย่างมาก  สถาบันการเรียนการสอนของเรา ตั้งแต่เล็กๆ เด็กๆ  อาจจะรวมไปถึง มหาลัยชื่อดังของเรา ก็แทบไม่ได้ฝึกเด็ก ให้มีการเสนอแนะ เปิดการสนทนา อย่างญี่ปุ่น ฝรั่ง เขาอาจจะมี class discussion ง่ายๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนเลย เช่น ชั่วโมงนี้ครูก็มีหัวข้อมา ง่ายๆ เรื่อง กล้วย ให้เด็กได้คุยไปเรื่อยๆ โดยหัวข้อที่คุยอาจจะเลยเถิดไปจบที่เรื่องอะไรก็ได้ แต่เป็นการฝึกเด็กให้เปิดการสนทนาต่อกัน เรียนรู้และเปิดใจรับต่อกัน

   - เรียนมาจนจบ สมัยผมเรียนก็แทบไม่มีหัวข้อให้เด็กไปนำเสนอ หรือ present เลย เช่นกัน จำได้ว่าหากจะมีสักครั้งก็จะรู้สึกประหม่า นั่นคือเรามีเรื่องแบบนี้น้อยไปมาก เราเรียนแบบตั้งรับมากเกินไป จนการทำงานจริงไปนำเสนออะไรง่ายๆ ด้านหน้าอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วๆ ไป

   - ระบบการเรียนแบบยัดใส่เด็กให้มีความร้เยอะๆ แบบอนุบาลต้องอ่านออกเขียนได้ บวกลบ ได้ เป็นระบบที่เรียกว่ายัดเยียดทางการศึกษา แทนที่เด็กวัยนี้ได้เล่นเพื่อสร้างจินตนาการ ฝึกการอยู่กับเพื่อนๆ  การอ่านเขียนได้ไปเริ่มที่ ป1 เทอมปลายอะไรแบบนั้นก็ยังไม่สายไป เพียงแต่เริ่มต้นต้องฝึกเด็กให้สนุกกับการเล่นและเรียน เพื่อที่เขาจะสนุกกับการเรียนเมื่อโตขึ้น  ระบบยัดเยียดทางการศึกษาของบ้านเราไม่ได้สร้างจินตนาการอะไรเลย เพียงแต่จะสร้างความเครียดของเด็กมากขึ้นและไม่ชอบการเรียนเสียอีก  ผมได้ยินเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว แต่เห็นระบบแบบนี้มีแต่จะหนักขึ้น ไม่ได้ลดลงเลย จนเด็กๆ อนุบาล  ประถมต้น มีการบ้านกันเยอะมากจนแทบไม่ได้เล่นอะไรเลย ทั้งๆ ที่เป็นวัยที่เขาควรจะได้เล่น

   - ฝึกความรับผิดชอบง่ายๆ ของเด้ก มีโรงเรียนจำนวนมากที่เด็กนักเรียนทานอาหารเสร็จก็วางจานเดินออกได้เลย แล้วมีคนมาเก็บให้ อันนี้ถือได้ว่าอาจจะเป็นปัญหาในการสร้างความรับผิดชอบเล็กๆ น้อยๆ ต่อสังคม

   - ระบบอาวุโสโดยเฉพาะการใช้การยำเกรงต่อเด็กในโรงเรียน จะสร้างปัญหาเรื่องการเรียนรู้แบบตั้งรับ เด็กแทบไม่ได้เสนอแนะอะไร หรือมีส่วนร่วมอะไร กับการเรียนเลย และอาจจะไม่กล้าที่จะเสนอแนะ ทำให้ขาดจินตนาการ ขาดการแสดงออก เป็นอย่างมาก


   ผมไม่รู้ว่าตั้งแต่เปิดการศึกษาระบบใหม่สำหรับคนไทยสัก 50 ปีเป็นต้นมา ผู้ใหญ่ในวงการทำกันเอง ไปเรียนรู้มาแล้วมาทำ หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เราผิดพลาดมากในเรื่องนี้และต้องยอมรับได้แล้ว มาถึงตอนนี้น่าจะต้องปฏิรูปอย่างจริงๆ จังๆ เอาที่ปรึกษาจากชาติที่เจริญแล้วเข้ามาช่วยงาน วางกรอบง่ายๆ บ้าง  ไม่ใช่ผู้หลักผู้ใหญ่เอานักการเมืองมารับตำแหน่งที่ปรึกษาอะไรแบบนั้น

   เอาง่ายๆ เรื่องการเรียนภาษาอังกฤษ เราเรียนกันตั้งแต่เด็กจนจบ ป.ตรี แต่เราแทบไม่มีคนที่พูดภาษาได้คล่องๆ เลย(แม้แต่คนได้ A) เปรียบเทียบการวัดผลการศึกษาง่ายๆ จากเรื่องนี้ก็ถือว่าล้มเหลวทั้งระบบได้เลย (ขนาดว่าตัวเองงูๆ ปลาๆ ยังพอพูดคุยได้บ้าง)

   เมื่อก่อนที่มีข่าวการวัดผลการศึกษา ว่าการศึกษาของเวียดนามมาถึงตอนนี้ ก้าวหน้ากว่าไทย ผมก็เฉยๆ นะไม่ค่อยเชื่อและใส่ใจ แต่มาถึงตอนนี้คิดอีกทีคงใช่แล้วหล่ะ  สื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยกว่าถ้านำเสนอกันไม่ดี คนที่มีสื่อการสอนน้อยกว่านำเสนอดีกว่า ก็ทำให้เด็กเข้าใจและเอาไประยุกต์ใช้ได้ดีกว่า

ไม่รู้ว่าจะบ่นหรือเสนอที่ไหน แต่เอาเป็นว่าเป็นปัญหาระดับชาติเลยทีเดียว
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  กระทรวงศึกษาธิการ การศึกษา นักเรียน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่