ทุกคนๆ ช่วยมาพิจารณานิยายของเราให้หน่อยได้ไหม ขอแบบตรงๆ

กระทู้คำถาม
ชีวิตที่แสนจะเงียบเหงา กลับกลายเป็นความสดใส
สวัสดี...เราชื่อเมย์ เราเป็นเด็กธรรมดาคนนึงที่มีชีวิตที่ไม่พึงพอใจเท่าไร มันเป็นสิ่งที่แย่ เพราะอะไรนะเหรอ เพราะเราเป็นคนเงียบๆ ขี้อาย ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงออกไง ไหนจะเรื่องหน้าตาที่มีสิวขึ้นแต่ก็ไม่มากนะ หุ่นอ้วนเฟร่อ ผิวสีน้ำผึ้ง ก็อยากที่บอกชีวิตเรามันแย่ แล้วยังงี้ใครมันจะมานับเราเป็นเพื่อนกันละ แต่คุณก็อาจไม่คิดใช่ไหมว่าจะมีคนมาเป็นเพื่อนกับเราจริงๆใช่ไหมละ แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป เพราะเมื่อเราได้เจอกับเด็กสาวน่ารักร่างเล็กสองคนนี้ มันทำให้เรามีความมั่นใจในตัวเอง เพราะเรื่องมันเกิดเมื่อสองวันที่แล้ว
ย้อนไปเมื่อสองวันที่แล้ววันปรับพื้นฐานของมัธยมต้นปีหนึ่ง
กริ่งๆ กริ่งๆ กริ่งๆ เราตื่นขึ้นมาด้วยตาเบลอๆอาจเพราะเมื่อคืนอ่านนิยายดึกไปหน่อย แต่...ก็มีเสียงของฝีเท้าที่วิ่งขึ้นมาชั้นสองเหมือนจะด่วนมากด้วย ช่ายๆนั้นคือแม่เราเองแหละ
    “ลูกเมย์ๆ ตื่นยังลูกสายแล้วนะ เดี๋ยวจะไปเรียนปรับพื้นฐานไม่ทันนะลูก” เมื่อเราได้ยินเสียงของคุณแม่ที่เต็มไปด้วยความห่วงใย เราถึงกับตาตึงตาตื่นกันเลยทีเดียว ฮ่าๆ ก็มันสายแล้วนี้หนา
    “คะแม่ หนูตื่นแล้วคะ”(เมย์)
    “รีบๆนะลูก” (แม่)
เรารีบวิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้ววิ่งเข้าไปอาบน้ำในแบบด่วนๆ ยังกับไปวิ่งผ่านน้ำแล้วออกมาเลยก็ว่าไปนั่น เรารีบวีผมแต่งตัว ทาแป้ง ทาลิปมัน ไม่ต้องแปลกใจนะที่ทาลิปมันเพราะปากมันแห้งง่าย แต่ตอนนี้เราต้องรีบละไม่มีเวลาอธิบายละ เราหยิบกระเป๋าแล้วรีบลงไปห้องครัว พอมาถึงห้องครัวก็มีแต่กินหอมยวนใจกับอาหารที่คุณแม่เป็นคนทำ แต่เอ๋...คุณแม่ไปไหนเนี่ย แต่ก็ทานข้าวก่อนละกันเดี๋ยวไม่ทันพอเราจะเอาก้นนิ่มๆของเราวางบนเก้าอี้ ก็มีเสียงฝีเท้าของคุณแม่มาอีกครั้ง
    “ลูกเมย์ มือถือละลูก”(แม่)
เออใช่ลืมมือถือ เราก็ต้องยกก้นออกจากเก้าอี้ก่อนละกันค่อยกลับมาทาน เรารีบเร่งฝีเท้าที่สวมถุงเท้าลายหัวใจไปที่ห้องเพื่อหยิบมือถือ พอเหลือบดูเวลา เวรกรรมเจ็ดโมงสี่สิบ ต้องถึงภายในเจ็ดโมงห้าสิบ ยิ่งขี่จักรยานไปด้วย เราวิ่งไปหยิบขนมปังหนึ่งแผ่นแล้วรีบปั่นจักรยานไปโรงเรียนอย่างด่วน แต่ก็เหมือนจะได้ยินเสียงคุณแม่เรียกเบา แต่ตอนนี้เราก็ต้องรีบไปโรงเรียนคงจะสนทนาไม่ทันแน่ โอ๊ยเหนื่อยมีอะไรเหนื่อยกว่านี้อีกไหมบอกเราทีดิ แต่...อยู่ดีๆเราก็มึนหัว และมองทางไม่ค่อยเห็นมันพร่ามัวไปหมด เบลอตลอด จนได้รับรู้ความรู้สึกบางอย่างในตัวว่ามีอะไรมากระแทกที่แขนข้างซ้ายอย่างเบาๆ แต่ก็รับรู้ได้เลยว่ามีความแสบจี๊ดและเหมือนจะมีน้ำอะไรสักอย่างไหลออกมาถ้าให้ทายก็น่าจะเป็นเลือดของเรา แต่สักพักหนึ่งเราก็มีอาการมึนหัว หนักหัวเหมือนมีหินสามตันมาทับหัว แต่สักพักหนึ่งเราก็วูบไป ได้ยินแต่เสียงของใครบ้างคนที่พูดขึ้นว่า
    “ไอหนู หนู เป็นอะไรไหมหนู หนูครับ”    หนูก็อยากจะตอบนะคะ แต่มันไม่มีแรงไรเลย ทั้งเจ็บทั้งปวด รู้สึกเหมือนโดนรถชนยังไงยังงั้นแหละ แต่เราก็เริ่มจะไม่ได้ยิน เหมือนตอนนี้กำลังอยู่ในอาหรับที่มีแต่ความมืดมิดไปหมด
พอเรารู้สึกตัวเราก็อยู่ที่ห้อง ห้อง ห้องอะไรเราก็ไม่รู้ รุ้แต่ว่ามีคนเรียกเราไม่หยุดเลย
    “จิดารัตน์ จิดารัตน์ จิดารัตน์ น้องเมย์ครับ”
เราลืมตาขึ้นมาก็มีแต่ความพร่ามัวไปหมดมองอะไรแทบไม่เห็น เราพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็มีอาการปวดหัวมึนๆเหมือนมีดาวมาวิ่งอยู่บนหัว เฮ้อบอกกะตัวเองเลย นอนเถอะ เราพิงตัวเองลงที่เตียงอย่างค่อยๆแต่ก็มีมืออันนุ่มมาพยุงลงอย่างระมัดระวัง แต่เรากับไม่ทันตั้งตัวแขนของเราเลยตกลงบนเตียงอย่างแรง บอกเลยอาการตอนนั้นฆ่าเราเถอะ มันเจ็บจี๊ดๆแสบๆเหมือนเป็นแผลแล้วเอาเกลือมาโรยงั้นแหละ
    “เป็นไงบ้างครับ”
เสียงของใครกันแน่เนี่ย เสียงเพราะไพเราะเหลือเกิน น่ารักน่าหลงใหล เราพยายามลืมตามอง และก็มองเห็นจนได้ ว้าว! หล่อเลย สิ่งที่เห็นบนหน้าเรานี้มันคืออะไรกัน ผู้ชายผิวขาว ผมบ็อบสีน้ำตาล สูง ปากอมชมพูน่ารักมากอะตาคมกริบไรที่ติไปหมด
    “ไม...ไม่เป็นอะ...ไรแล้วคะ” เป็นครั้งแรกที่เราพูดกับผู้ชายที่ไม่รู้จักละเสียงเราจะตะกุกตะกักทำไม จะว่าเขินก็ไม่น่าใช่มั่ง เพราะเรานี้ไม่เคยเขินใครเลยนะ ตึบ ตึบ ตึบ เสียงอะไรเนี่ยอย่าบอกเสียงของการเต้นหัวใจ เดี๋ยวนะแล้วจะใจเต้นทำไมกัน
    “เขินเหรอครับ”  เรายิ้มมุมปาก บอกเลยเหมือนจะเขินจริงๆแหละ ว่าแต่อาการนี้นี่คืออาการจริงๆใช่ไหมเนี่ยห้ะ
    “งั้นมั่ง นี้หนูอยู่ที่ไหนเหรอคะ อ่ามันแปลกๆ”
    “เมื่อเช้าเธอตัดหน้ารถครู ครูหักหนีเธอก็ยังเซมาหารถครู ครูเลยพามาที่ห้องพยาบาลโรงเรียน อีกอย่างครู เป็นครูที่ปรึกษาเธอไง ครูเลยยิ่งต้องมาดูแล”
    “อืม...คะ”
ครูที่ปรึกษาเหรอ งืม...ถ้าเราจะมีครูที่ปรึกษาน่ารักขนาดนี้อะนะ เอาเถอะๆ ช่างมันเถอะ
    “หนูไปเรียนปรับพื้นฐานได้ยังอะคะ”(เมย์)
    “ถ้าไหวก็ไปได้ครับ”(ครู)
    “อืม...ไหว”(เมย์)
จะไหวไหมเนี่ยเรา ไหวสิๆ โอ๊ย...รถล้มแค่นี้ทำไมแขนขามันปวดชาเมื่อยขนาดนี้เนี่ย อู้ว...แสบแผลจัง อร้ายปวดหัวความรู้สึกตอนนี้เป็นอะไรที่สับสนกับความรู้สึกตัวเองสุดๆ แต่ก็ต้องไปเรียน เฮ้อท้อจัง เรียนชั้นไหนเนี่ย
    “แน่ใจนะครับว่าไหว”(ครู)
    “ปรับพื้นฐานที่ไหนอะคะ”
    “อาคารหนึ่งชั้นหนึ่งห้องสามครับ”
มันก็ใกล้อะนะ ไปนั่งฝั่งก็ดี เพราะปวดขนาดนี้ให้เขียนก็สมองระเบิดสิคะ มะ! ไป โอ๊ย มึนหัวตึบๆๆเลยเหะ
ย่างหนอ เดินหนอ หนึ่งก้าวละหนอ ไปต่อหนอ เจ็บหนอ เมื่อยหนอ มึดหัวหนอ ปวดหนอ ท้อหนอ พอเถอะหนอ เราก็ท่องมาจนถึง อาคารหนึ่งชั้นหนึ่งห้องสาม เฮ้อ เข้าห้องหนอยังไม่จบอีกเรา
    “หยุด”
ห้ะ! หยุดไรอะ สงสัยจะโดนทำโทษเพราะเข้าสาย เห็นสภาพหนูด้วย ปวด เจ็บ แสบ มาก ทำไมมันมึนหัวจังเนี่ย สงสัย ต้องไปโรง’บาลมั่งละ
    “เธอใช่ เด็กหญิงจิดารัตน์ ปิติมาสงค์ รึป่าว”
    “คะ”
    “เข้าไปนั่ง”
รอด! ได้ไง ไม่ได้ทำโทษเหรอ สงสัยคุณครูคนที่ผิวขาวๆในห้องพยาบาลมาบอกไว ก็ต้องขอบคุณครูไปอีก น่ารักใจดี เพอร์เฟคที่สุด แล้วจะไปนั่งไหนดี มีที่ว่างอยู่ที่เดียวสะด้วย ริมหน้าต่างก็ดีนะ จะได้ไม่มึนหัว ต่อ ย่างหนอ ฮ่าๆ ก็กล้าต่อนะเรานี้  มาละตอนนี้แหละลำบาก นั่งค่อยๆ ค่อยๆ ค่อยๆ ค่อยๆนั่ง ชีวิตดูลำบากเนาะเราเนี่ย เฮ้อ ได้นั่งแบบนี้ก็ดีใจนะ
    “เธอๆ” ห้ะใครเรียกทำไมเสียงช่างหวานสะเสียนี้
    “อือ”
    “ไปโดนไรมาอะ” ช่างกล้าถาม
    “รถล้มน่ะ”
    “อ่อ ชื่ออะไรเหรอ เราเบญนะ ส่วนไอคนตัวขาวเนี่ยชื่อมีนานะ”  จ้ะๆๆ ยังไม่ได้ถามเลยจ้ะ
    “ชื่อเมย์”
    “มีเพื่อนรึยัง มาเป็นเพื่อนกันไหม”
ทำไมมีความว่าเราอมยิ้มหน่อยๆ ทุกคนในห้องมองเราในแบบรังเกียจ แต่เธอสองคนนี้ มาขอเป็นเพื่อน งือ ปวดสมองจัง เฮ้อ มึนๆ แต่ว่าถ้าเราจะลองมีเพื่อนสักครั้งในชีวิตก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนะ
    “โอเค”
ทั้งสองคนต่างยิ้มให้กับเราด้วยความสดใส น่ารัก ร่างเล็ก ขาว ผอม ดีจัง แต่ดูเราสิ อ้วน คำเดียวจบ ละยิ่งรถล้มอีก เจริญพรเลยจ้าแบบนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่