25 ตุลาคม พ.ศ. 2560
วันนี้เป็นวันเกิดของคุณแม่ผม ตามปกติทุกๆปีเราจะมีปาร์ตี้เล็กๆในบ้านกันพอให้อบอุ่นหัวใจ แต่ในปีนี้มันเปลี่ยนไป ไม่มีเสียงร้องเพลง มีเพียงเค้กก้อนเล็กๆที่ผมซื้อให้คุณแม่ เค้กก้อนนั้นไม่มีวี่แววที่จะถูกปักเทียนแล้วร้องเพลงสุขสันต์วันเกิด เราเปิดโทรทัศน์เพื่อทำลายเสียงช้อนส้อมกระทบจาน เสียงที่ดังออกมาจากโทรทัศน์เครื่องสวยได้กลาวถึงเรื่องของในหลวงรัชกาลที่ 9 สลับกับบทกลอนถวายความอาลัย
ผมซึ่งเกิดมาไม่ทันสมัยพระองค์ท่านหนุ่มๆที่ทรงงานหนักๆ แต่ด้วยผมเป็นเด็กผู้ชายที่เติบโตมาโดยไม่มีพ่อ ไม่มีบุคคลต้นแบบที่เป็นผู้ชายให้มองเป็นไอดอล ทุกครั้งที่ดูข่าวพระราชสำนักแม่ผมมักจะอธิบายถึงการทรงงานหนักของพระองค์ ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องฝนหลวงผมอึ้งมาก ตอนนั้นคิดว่าพระองค์ทรงเป็นเทวดาจริงๆ ผมเลยยึดพระองค์เป็นบุคคลต้นแบบ และมองพระองค์เป็นเหมือนพ่อของผม แม้จะรู้ดีว่าไม่อาจเอื้อม แต่การคิดเช่นนั้นทำให้ผมในตอนเด็กรู้สึกอบอุ่น
และคืนวันนี้คงเป็นวันที่ชาวไทยทุกคนรู้สึกเศร้าใจและเสียใจมาก ผมไม่เคยเสียญาติผู้ใหญ่ในครอบครัว ไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกของการสูญเสียมาก่อน เคยเห็นคนอื่นเวลาสูญเสียใครซักคนไปแล้วเค้าร้องไห้ ผมได้แต่นึกสงสัยในใจว่าเค้าจะรู้สึกอย่างไรกันนะ ถึงร้องไห้ขนาดนี้ ความเสียใจนั้นมันรู้สึกยังไง มันบีบหัวใจไหม หรือหน่วงๆ มาวันนี้ผมรู้แล้ว ผมรับรู้ความรู้สึกสูญเสียนั้นกับคนที่ผมไม่เคยเจอตัวจริงเลยด้วยซ้ำ มันแปลกมากเลยนะ กับการที่แค่ดูรูปพระองค์ตอนนี้แล้วน้ำตาไหล คิดถึง ใช้คำนี้จะได้ไหม ผมไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร เพราะผมไม่เคยเจอพระองค์ตัวจริงมาก่อน แต่ความเสียใจกลับถาโถมเข้าในใจ ภาพพระองค์ท่านขณะทรงงานแล่นเข้ามาในหัวอย่างไม่รู้จบ
ในขณะพิมพ์นี้ผมเปิดเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์ไปเรื่อยๆ ระหว่างรอการไปเป็นจิตอาสาในวันพรุ่งนี้ เพลงที่แตะหัวใจผมมากที่สุดคงเป็นเพลงพรปีใหม่ ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่านี้คือบทเพลงพระราชนิพนธ์เพลงที่พระองค์แต่งเพื่ออวยพรและขอพรให้กับประชาชนของพระองค์ เพลงที่สัมผัสได้ถึงความรักอบอวลไปตลอดทั้งเพลง ตอนนี้ผมร้องเพลงนี้อย่างหน้าชื่นตาบานเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว เพราะน้ำตามันจะไหลเอา... เอาล่ะ!! วันพรุ่งนี้คงเป็นวันที่ทุกคนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ แต่ทุกอย่างที่พระองค์ทำจะเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้กับใครหลายๆคน ผมไม่สนใจหรอกหากจะมีคนพูดเรื่องว่าพระองค์ไม่ดี ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็น เห็นว่าพระองค์ทรงทำอะไรเพื่อประเทศบ้าง เห็นว่าพระองค์รักประชาชนของพระองค์ขนาดไหน
สุดท้ายนี้ผมขอทิ้งบันทึกเล็กๆนี้ไว้ในพื้นที่ของสังคมออนไลน์ เพื่อวันข้างหน้าผมกลับมาอ่าน เพื่อในอนาคตให้ลูกหลานของผมมาอ่าน เด็กๆรุ่นหลังจะได้รู้ถึงความรู้สึกของคนในยุคนี้ ความรู้สึกที่แสนจะเจ็บปวดที่ในวันพรุ่งนี้จะมีการถวายพระเพลิงพระบรมศพ
บันทึกจากหัวใจ วันที่ 25 ตุลาคม 2560
วันนี้เป็นวันเกิดของคุณแม่ผม ตามปกติทุกๆปีเราจะมีปาร์ตี้เล็กๆในบ้านกันพอให้อบอุ่นหัวใจ แต่ในปีนี้มันเปลี่ยนไป ไม่มีเสียงร้องเพลง มีเพียงเค้กก้อนเล็กๆที่ผมซื้อให้คุณแม่ เค้กก้อนนั้นไม่มีวี่แววที่จะถูกปักเทียนแล้วร้องเพลงสุขสันต์วันเกิด เราเปิดโทรทัศน์เพื่อทำลายเสียงช้อนส้อมกระทบจาน เสียงที่ดังออกมาจากโทรทัศน์เครื่องสวยได้กลาวถึงเรื่องของในหลวงรัชกาลที่ 9 สลับกับบทกลอนถวายความอาลัย
ผมซึ่งเกิดมาไม่ทันสมัยพระองค์ท่านหนุ่มๆที่ทรงงานหนักๆ แต่ด้วยผมเป็นเด็กผู้ชายที่เติบโตมาโดยไม่มีพ่อ ไม่มีบุคคลต้นแบบที่เป็นผู้ชายให้มองเป็นไอดอล ทุกครั้งที่ดูข่าวพระราชสำนักแม่ผมมักจะอธิบายถึงการทรงงานหนักของพระองค์ ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องฝนหลวงผมอึ้งมาก ตอนนั้นคิดว่าพระองค์ทรงเป็นเทวดาจริงๆ ผมเลยยึดพระองค์เป็นบุคคลต้นแบบ และมองพระองค์เป็นเหมือนพ่อของผม แม้จะรู้ดีว่าไม่อาจเอื้อม แต่การคิดเช่นนั้นทำให้ผมในตอนเด็กรู้สึกอบอุ่น
และคืนวันนี้คงเป็นวันที่ชาวไทยทุกคนรู้สึกเศร้าใจและเสียใจมาก ผมไม่เคยเสียญาติผู้ใหญ่ในครอบครัว ไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกของการสูญเสียมาก่อน เคยเห็นคนอื่นเวลาสูญเสียใครซักคนไปแล้วเค้าร้องไห้ ผมได้แต่นึกสงสัยในใจว่าเค้าจะรู้สึกอย่างไรกันนะ ถึงร้องไห้ขนาดนี้ ความเสียใจนั้นมันรู้สึกยังไง มันบีบหัวใจไหม หรือหน่วงๆ มาวันนี้ผมรู้แล้ว ผมรับรู้ความรู้สึกสูญเสียนั้นกับคนที่ผมไม่เคยเจอตัวจริงเลยด้วยซ้ำ มันแปลกมากเลยนะ กับการที่แค่ดูรูปพระองค์ตอนนี้แล้วน้ำตาไหล คิดถึง ใช้คำนี้จะได้ไหม ผมไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร เพราะผมไม่เคยเจอพระองค์ตัวจริงมาก่อน แต่ความเสียใจกลับถาโถมเข้าในใจ ภาพพระองค์ท่านขณะทรงงานแล่นเข้ามาในหัวอย่างไม่รู้จบ
ในขณะพิมพ์นี้ผมเปิดเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์ไปเรื่อยๆ ระหว่างรอการไปเป็นจิตอาสาในวันพรุ่งนี้ เพลงที่แตะหัวใจผมมากที่สุดคงเป็นเพลงพรปีใหม่ ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่านี้คือบทเพลงพระราชนิพนธ์เพลงที่พระองค์แต่งเพื่ออวยพรและขอพรให้กับประชาชนของพระองค์ เพลงที่สัมผัสได้ถึงความรักอบอวลไปตลอดทั้งเพลง ตอนนี้ผมร้องเพลงนี้อย่างหน้าชื่นตาบานเหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้ว เพราะน้ำตามันจะไหลเอา... เอาล่ะ!! วันพรุ่งนี้คงเป็นวันที่ทุกคนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ แต่ทุกอย่างที่พระองค์ทำจะเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้กับใครหลายๆคน ผมไม่สนใจหรอกหากจะมีคนพูดเรื่องว่าพระองค์ไม่ดี ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็น เห็นว่าพระองค์ทรงทำอะไรเพื่อประเทศบ้าง เห็นว่าพระองค์รักประชาชนของพระองค์ขนาดไหน
สุดท้ายนี้ผมขอทิ้งบันทึกเล็กๆนี้ไว้ในพื้นที่ของสังคมออนไลน์ เพื่อวันข้างหน้าผมกลับมาอ่าน เพื่อในอนาคตให้ลูกหลานของผมมาอ่าน เด็กๆรุ่นหลังจะได้รู้ถึงความรู้สึกของคนในยุคนี้ ความรู้สึกที่แสนจะเจ็บปวดที่ในวันพรุ่งนี้จะมีการถวายพระเพลิงพระบรมศพ