ในครั้งนี้เราจะมาตามรอยพระบาทกันต่อในตอนที่ 2 กับหนึ่งวันในเกียวโตค่ะ
ในการเสด็จประพาสครั้งนั้นเมื่อวันที่ 27 พ.ค. – 5 มิ.ย. ปีพ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) พระองค์ทรงมีความสนใจในวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเป็นพิเศษ
ทำให้พระองค์ทรงใช้เวลาอยู่ในเกียวโตอันเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นค่อนข้างนานกว่าที่อื่นค่ะ
พระองค์จะเสด็จไปที่ใดบ้าง MATCHA เราขอแนะนำเส้นทางตามรอย เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้ระลึกถึงพระองค์กันค่ะ
อ่านบทความเต็มๆ ได้ที่
https://s.matcha-jp.com/2hZfzHk
ติดตามเรื่องราวท่องเที่ยวญี่ปุ่นทันสมัย ส่งตรงจากญี่ปุ่นได้ที่
"Matcha เว็บไซต์แมกกาซีนแนะนำการท่องเที่ยวญี่ปุ่น"
Website :
https://matcha-jp.com/th
FB :
https://www.facebook.com/matcha.thai/
ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ตอน หนึ่งวันในเกียวโต
เกียวโตเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นที่ยังคงความงามของวัฒนธรรม วัดวาอาราม ศาลเจ้า รวมไปถึงที่ประทับของราชวงศ์ญี่ปุ่นเอาไว้ได้ค่ะ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์เองก็ได้เดินทางมาที่นี่เพื่อชื่นชมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน
สำหรับข้อมูลโดยรวมและการเดินทางมาเกียวโต สามารถหาอ่านได้จากที่นี่ค่ะ
9:00 ชมที่ประทับ พระตำหนักชูกาคุอิง ริคิว (Shugakuin Imperial Villa)

ที่นี่เป็นพระราชตำหนักหลวงอยู่ทางตอนเหนือของเกียวโต อาจจะห่างจากสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ เล็กน้อย
และที่นี่เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชขณะเสด็จเยือนเกียวโตค่ะ
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมภายในได้ โดยต้องมีการจองล่วงหน้าก่อน และจะเปิดเป็นรอบๆ ตั้งแต่ 9 โมงเช้าไปจนถึงบ่าย 3 โมง
จัดเพียงวันละ 5 รอบ รอบละประมาณ 80 นาทีค่ะ
ข้อควรระวังคือ ตำหนักนี้เปิดให้เข้าชมเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีเท่านั้น และในการจองจะทำได้สูงสุดครั้งละ 4 ท่าน
รวมถึงปิดทำการในวันจันทร์ และช่วงสิ้นปีจนถึงปีใหม่ (28 ธันวาคม - 4 มกราคม) ด้วย
หากท่านใดจะไปก็ควรเตรียมตัวก่อนนะคะ
ฟังดูอาจจะยุ่งยากสักหน่อย แต่การที่การเข้าชมค่อนข้างจะยุ่งยาก ก็แปลว่าเขาต้องการรักษาสถานที่ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดนั่นเองค่ะ
ในครั้งนี้เราจัดแผนให้มากันตอนเช้า แต่ถ้าท่านใดจะวางแผนเองแล้วสะดวกมาตอนบ่ายมากกว่า
ในรอบ 13:30 และ 15:00 จะเปิดให้รับบัตรคิวสำหรับเข้าชมโดยไม่ต้องจองล่วงหน้าได้ด้วย
โดยบัตรคิวจะแจกตั้งแต่ตอน 11 โมง รับผู้เข้าชมรอบละ 35 ท่าน หรือมากกว่านั้นหากในวันนั้นมีคนจองเข้าชมไม่เต็มค่ะ
สำหรับผู้ที่ต้องการเช็คข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองล่วงหน้า สามารถเข้าไปดูที่เวบไซต์อย่างเป็นทางการได้เลยค่ะ
การจองล่วงหน้าสามารถทำล่วงหน้าได้ 3 เดือน
และหากจองสำเร็จแล้ว ในวันที่ไปยังจำเป็นต้องมีพาสปอร์ตเพื่อแสดงตัวนะคะ
การเดินทาง :
นั่งรถไฟ Eizan Railway ลงที่สถานี Shugakuin เดินอีกประมาณ 20 นาที
หรือนั่งรถบัสสาย 5, 31 หรือ 65 ลงที่ป้าย Shugakuin-rikyu-michi เดินอีกประมาณ 15 นาที
12:00 สถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่พระองค์เสด็จเยือน พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต

หลังจากชมสถานที่ประทับของพระองค์ครั้งมาเยือนเกียวโตแล้ว
เราจะนั่งรถบัสย้ายมายังพระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต ซึ่งเป็นที่ประทับของราชวงศ์ญี่ปุ่นในเกียวโต
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จมาเยี่ยมชมความงามของอาคารและสวนที่นี่
รวมถึงได้ทอดพระเนตรการแสดงการละเล่นโบราณ "เคมาริ" ซึ่งคล้ายกับการเตะฟุตบอลหรือตะกร้อ
และยังได้ทรงสัมผัสพิธีชงชาตามแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ระหว่างชมสวนอีกด้วย
บริเวณสวนโดยรอบซึ่งกว้างใหญ่และมีต้นไม้ร่มรื่นสวยงามทั้งซากุระและใบไม้แดง
สามารถเข้ามาเดินชมได้ตลอดทั้งปีค่ะ
แต่ถ้าหากอยากจะเข้าไปชมภายในราชวัง รวมไปถึงเขตของพระราชวังหลวงเซนโตในบริเวณเดียวกัน จำเป็นจะต้องทำการจองล่วงหน้าก่อนค่ะ
สำหรับรายละเอียดของการเข้าชมพระราชวังอิมพีเรียล เกียวโต สามารถตรวจสอบและจองได้ที่เวบไซต์อย่างเป็นทางการนี้
โดยจะเปิดเพียงวันละ 6 รอบ ในนั้นจะเป็นรอบภาษาอังกฤษและจีนเพียง 2 รอบ ตอน 10:00 และ 14:00 เท่านั้น ในหนึ่งรอบใช้เวลาประมาณ 50 นาทีค่ะ
สวนญี่ปุ่นแสนสวย พระราชวังหลวงเซนโต
พระราชวังหลวงเซนโตเป็นพระราชวังที่ประทับของราชวงศ์ญี่ปุ่นมาแต่โบราณ
เป็นที่น่าเสียดายที่อาคารเก่าแก่เคยถูกเพลิงไหม้ ทำให้เหลือแต่สวนที่งดงามและอาคารที่สร้างขึ้นใหม่ค่ะ
ในตอนเสด็จประพาส พระองค์ได้ทอดพระเนตรสวนที่ถูกสร้างขึ้นให้ราวกับเป็นดินแดนของเทพพร้อมกับทรงร่วมพิธีชงชาซึ่งเป็นกิจกรรมที่สมเด็จพระจักรพรรดิ์ญี่ปุ่นในสมัยนั้นทรงเตรียมไว้ให้ที่นี่ค่ะ
พระราชวังหลวงเซนโตนั้นตั้งอยู่ในสวนเดียวกับพระราชวังอิมพีเรียล เกียวโตเลย จึงสามารถเดินหากันได้ในทันที
การจะเข้าชมภายในจำเป็นต้องจองล่วงหน้าเช่นเดียวกันค่ะ
โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลและจองได้ที่เวบไซต์อย่างเป็นทางการ
เวลาในการเข้าชมมีด้วยกันห้ารอบต่อหนึ่งวัน ใช้เวลารอบละประมาณ 60 นาทีค่ะ
เนื่องจากเวลาในการเข้าชมของทั้งสองที่นั้นค่อนข้างจะซ้อนทับกัน
เราอาจจะต้องเลือกเข้าชมที่ใดที่หนึ่งแทน และใช้เวลาที่เหลือในการเดินชมสวนรอบๆ ซึ่งกว้างใหญ่พอให้เราเดินเล่นได้เพลินๆ เลยค่ะ
หรืออาจเลือกไม่ไปที่ตำหนักชูกาคุอิง ริคิว เพื่อมาเข้าชมสองพระราชวังที่นี่แทนได้ค่ะ
การเดินทาง :
รถไฟใต้ดินสถานี Imadegawa หรือสถานี Marutamachi
รสบัสสาย 51 หรือ 59 ลงที่ป้าย Karasuma-Imadegawa เดินประมาณ 5 นาที หรือรถบัสสาย 3, 4, 17, 37 หรือ 205 ลงที่ป้าย Furitsuidai-byoin-mae เดินประมาณ 10 นาที
15:00 ตามรอยไปชมวัดที่พระองค์เคยเสด็จ วัดทอง คินคาคุจิ

วัดเก่าแก่ซึ่งเคยเป็นที่พักของโชกุนผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นจุดยอดนิยมอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกียวโตเลยก็ว่าได้
และด้วยพระประสงค์ที่อยากชมวัฒนธรรมญี่ปุ่น ทำให้ทางญี่ปุ่นเลือกวัดแห่งนี้เป็นจุดหนึ่งในแผนการประพาสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชค่ะ
เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านอาจจะเคยมาเยือนสถานที่แห่งนี้แล้ว
แต่หากครั้งหน้าได้ไปอีกครั้งหนึ่ง คงมีความรู้สึกที่ผิดไปจากที่เคยแน่นอนค่ะ
16:00 อีกหนึ่งวัดที่เคยเสด็จ วัดสวนหิน เรียวอันจิ

วัดญี่ปุ่นนิกายเซ็นที่อยู่ไม่ห่างจากวัดทองสักเท่าไหร่ ทั้งคนไทยและชาติอื่นๆ รู้จักวัดนี้เพราะสวนหินแบบญี่ปุ่นที่เลื่องชื่อค่ะ
สวนหินที่ว่านี้กล่าวกันว่าเป็นการจำลองภาพจักรวาดในความเชื่อตามแนวพุทธศาสนานิกายเซ็นของญี่ปุ่น
จึงนับว่าเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นอีกสิ่งหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้มาทอดพระเนตรและสัมผัสด้วยพระองค์เอง
นิกายเซ็นนั้นเน้นในเรื่องการทำสมาธิ ถ้าหากมีเวลาได้มานั่งทำสมาธิที่นี่ ระลึกถึงพระราชกรณียกิจและพระราโชวาทของพระองค์ท่าน ก็คงจะดีไม่น้อยเลยล่ะค่ะ
18:00 แวะทานข้าวแวะซื้อของก่อนปิดทริปที่ กิอง หรือ ชิโจคาวาระมาจิ

ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการแวะยังจุดชอปปิ้งที่ครึกครื้นของเมืองเกียวโต สำหรับแวะพักทานข้าวหรือหาซื้อสินค้า ขนม ของฝาก ก่อนเข้าที่พักกันค่ะ
โดยการนั่งรถบัสจากวัดเรียวอันจิ มายังบริเวณ ชิโจคาวาระมาจิ หรือเลยไปอีกนิดในย่านกิองที่อยู่ติดกันขนาดที่เดินถึงกันไหว
หากอยากหาอาหาร หรือซื้อสินค้า ของใช้ที่ชาวเกียวโตใช้กัน และสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ แนะนำให้แวะที่ชิโจคาวาระมาจิ ซึ่งจะมีย่านการค้าและห้างสรรพสินค้าให้เดินเล่นกันค่ะ
ถ้าอยากชมบรรยากาศเกียวโต และหาซื้อขนม ของจุกจิกที่เหมาะเป็นของฝากสไตล์ญี่ปุ่น แวะที่กิองจะมีให้เลือกเยอะกว่า
ลองร่วมประสบการณ์พิธีชงชาที่ Tea Ceremony En

แม้วันนี้ตอนกลางวันเราจะไปสวนที่พระองค์ท่านเคยร่วมพิธีชงชามาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ลองกันเองเลย
ใครที่ยังอยากสัมผัสประสบการณ์เกียวโตต่อ หรืออยากรู้จักวัฒนธรรมที่พระองค์ท่านทรงสนพระทัย
เราจะขอแนะนำให้ลงทื่กิองเพื่อแวะไปลองเข้าร่วมพิธีชงชาที่ร้าน Tea Ceremony En ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับศาลเจ้ายาซากะค่ะ
ร้านนี้จะเปิดบริการชงชาเป็นรอบๆ และรอบสุดท้ายของวันคือตอน 19:00
แต่ละรอบอาจจะเต็มได้ เพราะฉะนั้นใครที่อยากไปเข้าร่วม ควรจะสอบถามและจองเวลาเอาไว้ก่อนค่ะ
สถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จประพาสที่อื่นๆ ในโตเกียว
นอกเหนือจากที่อยู่ในแผนเที่ยวแล้ว ยังมีสถานที่อื่นในโตเกียวอีกที่พระองค์ท่านได้เสด็จประพาส
แต่การไปสถานที่เหล่านี้ค่อนข้างใช้เวลาเยอะตั่งแต่ครึ่งถึงหนึ่งวัน
ท่านใดที่มีเวลาในเกียวโตมากกว่า ก็อาจเดินทางไปเที่ยวตามรอยพระบาทตามสถานที่เหล่านี้เพิ่มเติมได้อีกค่ะ
เขาฮิเอ

ภูเขาทางตอนเหนือของเกียวโตที่มีประวัติยาวนานและมีวัดอยู่ด้านบน โดยเป็นวัดที่สำคัญทางศาสนาพุทธ มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับการไปฝึกตนหรือแสวงบุญมาเป็นเวลากว่าพันปีในยุคเฮอันมาแล้ว
สถานที่แห่งนี้ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วเช่นกับสถานที่จำนวนมากในเกียวโตค่ะ
เพราะเป็นภูเขาสูงที่ตั้งทางเหนือของเกียวโตและตระหง่านคั่นเกี่ยวโตกับจังหวัดอื่น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงได้ทอดพระเนตรทิวทัศน์ของเมืองโตเกียวไปจนถึงทะเลสาบบิวะเลยค่ะ
เมือง อุจิ วัด เบียวโดอิน

เมืองอุจิเป็นเมืองเก่าแก่มีอายุเป็นพันปี โดยมีชื่อเสียงในด้านชาเขียวอันลือชื่อ รวมถึงปรากฏในนิยายที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง "เกนจิโมโนกาตาริ" อีกด้วยค่ะ
การเดินทางจากตัวเมืองเกียวโตมาอุจินั้นแสนง่าย เพราะมีรถไฟวิ่งมา โดยใช้เวลาแค่ประมาณ 20-30 นาทีเท่านั้นเอง
ในการประพาส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงเยี่ยมชม "วัดเบียวโดอิน" สถาปัตยกรรมที่ได้รับจารึกเป็นมรดกโลก และยังเป็นสถานที่ที่อยู่ในเหรียญ 10 เยนอีกด้วยค่ะ พระองค์ได้ทอดพระเนตร "หอโฮโอโด" (Houou-do) ซึ่งมีความหมายว่า หอหงส์เพลิง ที่ตั่งชื่อตามนกในตำนาน
<ต่อในคอมเมนท์นะคะ อีกนิดนึง>
แผนเที่ยวตามรอยเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตอน ท่องเกียวโต
ในการเสด็จประพาสครั้งนั้นเมื่อวันที่ 27 พ.ค. – 5 มิ.ย. ปีพ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) พระองค์ทรงมีความสนใจในวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเป็นพิเศษ
ทำให้พระองค์ทรงใช้เวลาอยู่ในเกียวโตอันเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นค่อนข้างนานกว่าที่อื่นค่ะ
พระองค์จะเสด็จไปที่ใดบ้าง MATCHA เราขอแนะนำเส้นทางตามรอย เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้ระลึกถึงพระองค์กันค่ะ
อ่านบทความเต็มๆ ได้ที่
https://s.matcha-jp.com/2hZfzHk
ติดตามเรื่องราวท่องเที่ยวญี่ปุ่นทันสมัย ส่งตรงจากญี่ปุ่นได้ที่
"Matcha เว็บไซต์แมกกาซีนแนะนำการท่องเที่ยวญี่ปุ่น"
Website : https://matcha-jp.com/th
FB : https://www.facebook.com/matcha.thai/
ตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ตอน หนึ่งวันในเกียวโต
เกียวโตเป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นที่ยังคงความงามของวัฒนธรรม วัดวาอาราม ศาลเจ้า รวมไปถึงที่ประทับของราชวงศ์ญี่ปุ่นเอาไว้ได้ค่ะ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์เองก็ได้เดินทางมาที่นี่เพื่อชื่นชมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน
สำหรับข้อมูลโดยรวมและการเดินทางมาเกียวโต สามารถหาอ่านได้จากที่นี่ค่ะ
9:00 ชมที่ประทับ พระตำหนักชูกาคุอิง ริคิว (Shugakuin Imperial Villa)
ที่นี่เป็นพระราชตำหนักหลวงอยู่ทางตอนเหนือของเกียวโต อาจจะห่างจากสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ เล็กน้อย
และที่นี่เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชขณะเสด็จเยือนเกียวโตค่ะ
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมภายในได้ โดยต้องมีการจองล่วงหน้าก่อน และจะเปิดเป็นรอบๆ ตั้งแต่ 9 โมงเช้าไปจนถึงบ่าย 3 โมง
จัดเพียงวันละ 5 รอบ รอบละประมาณ 80 นาทีค่ะ
ข้อควรระวังคือ ตำหนักนี้เปิดให้เข้าชมเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีเท่านั้น และในการจองจะทำได้สูงสุดครั้งละ 4 ท่าน
รวมถึงปิดทำการในวันจันทร์ และช่วงสิ้นปีจนถึงปีใหม่ (28 ธันวาคม - 4 มกราคม) ด้วย
หากท่านใดจะไปก็ควรเตรียมตัวก่อนนะคะ
ฟังดูอาจจะยุ่งยากสักหน่อย แต่การที่การเข้าชมค่อนข้างจะยุ่งยาก ก็แปลว่าเขาต้องการรักษาสถานที่ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดนั่นเองค่ะ
ในครั้งนี้เราจัดแผนให้มากันตอนเช้า แต่ถ้าท่านใดจะวางแผนเองแล้วสะดวกมาตอนบ่ายมากกว่า
ในรอบ 13:30 และ 15:00 จะเปิดให้รับบัตรคิวสำหรับเข้าชมโดยไม่ต้องจองล่วงหน้าได้ด้วย
โดยบัตรคิวจะแจกตั้งแต่ตอน 11 โมง รับผู้เข้าชมรอบละ 35 ท่าน หรือมากกว่านั้นหากในวันนั้นมีคนจองเข้าชมไม่เต็มค่ะ
สำหรับผู้ที่ต้องการเช็คข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองล่วงหน้า สามารถเข้าไปดูที่เวบไซต์อย่างเป็นทางการได้เลยค่ะ
การจองล่วงหน้าสามารถทำล่วงหน้าได้ 3 เดือน
และหากจองสำเร็จแล้ว ในวันที่ไปยังจำเป็นต้องมีพาสปอร์ตเพื่อแสดงตัวนะคะ
การเดินทาง :
นั่งรถไฟ Eizan Railway ลงที่สถานี Shugakuin เดินอีกประมาณ 20 นาที
หรือนั่งรถบัสสาย 5, 31 หรือ 65 ลงที่ป้าย Shugakuin-rikyu-michi เดินอีกประมาณ 15 นาที
12:00 สถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่พระองค์เสด็จเยือน พระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต
หลังจากชมสถานที่ประทับของพระองค์ครั้งมาเยือนเกียวโตแล้ว
เราจะนั่งรถบัสย้ายมายังพระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต ซึ่งเป็นที่ประทับของราชวงศ์ญี่ปุ่นในเกียวโต
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จมาเยี่ยมชมความงามของอาคารและสวนที่นี่
รวมถึงได้ทอดพระเนตรการแสดงการละเล่นโบราณ "เคมาริ" ซึ่งคล้ายกับการเตะฟุตบอลหรือตะกร้อ
และยังได้ทรงสัมผัสพิธีชงชาตามแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ระหว่างชมสวนอีกด้วย
บริเวณสวนโดยรอบซึ่งกว้างใหญ่และมีต้นไม้ร่มรื่นสวยงามทั้งซากุระและใบไม้แดง
สามารถเข้ามาเดินชมได้ตลอดทั้งปีค่ะ
แต่ถ้าหากอยากจะเข้าไปชมภายในราชวัง รวมไปถึงเขตของพระราชวังหลวงเซนโตในบริเวณเดียวกัน จำเป็นจะต้องทำการจองล่วงหน้าก่อนค่ะ
สำหรับรายละเอียดของการเข้าชมพระราชวังอิมพีเรียล เกียวโต สามารถตรวจสอบและจองได้ที่เวบไซต์อย่างเป็นทางการนี้
โดยจะเปิดเพียงวันละ 6 รอบ ในนั้นจะเป็นรอบภาษาอังกฤษและจีนเพียง 2 รอบ ตอน 10:00 และ 14:00 เท่านั้น ในหนึ่งรอบใช้เวลาประมาณ 50 นาทีค่ะ
สวนญี่ปุ่นแสนสวย พระราชวังหลวงเซนโต
พระราชวังหลวงเซนโตเป็นพระราชวังที่ประทับของราชวงศ์ญี่ปุ่นมาแต่โบราณ
เป็นที่น่าเสียดายที่อาคารเก่าแก่เคยถูกเพลิงไหม้ ทำให้เหลือแต่สวนที่งดงามและอาคารที่สร้างขึ้นใหม่ค่ะ
ในตอนเสด็จประพาส พระองค์ได้ทอดพระเนตรสวนที่ถูกสร้างขึ้นให้ราวกับเป็นดินแดนของเทพพร้อมกับทรงร่วมพิธีชงชาซึ่งเป็นกิจกรรมที่สมเด็จพระจักรพรรดิ์ญี่ปุ่นในสมัยนั้นทรงเตรียมไว้ให้ที่นี่ค่ะ
พระราชวังหลวงเซนโตนั้นตั้งอยู่ในสวนเดียวกับพระราชวังอิมพีเรียล เกียวโตเลย จึงสามารถเดินหากันได้ในทันที
การจะเข้าชมภายในจำเป็นต้องจองล่วงหน้าเช่นเดียวกันค่ะ
โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลและจองได้ที่เวบไซต์อย่างเป็นทางการ
เวลาในการเข้าชมมีด้วยกันห้ารอบต่อหนึ่งวัน ใช้เวลารอบละประมาณ 60 นาทีค่ะ
เนื่องจากเวลาในการเข้าชมของทั้งสองที่นั้นค่อนข้างจะซ้อนทับกัน
เราอาจจะต้องเลือกเข้าชมที่ใดที่หนึ่งแทน และใช้เวลาที่เหลือในการเดินชมสวนรอบๆ ซึ่งกว้างใหญ่พอให้เราเดินเล่นได้เพลินๆ เลยค่ะ
หรืออาจเลือกไม่ไปที่ตำหนักชูกาคุอิง ริคิว เพื่อมาเข้าชมสองพระราชวังที่นี่แทนได้ค่ะ
การเดินทาง :
รถไฟใต้ดินสถานี Imadegawa หรือสถานี Marutamachi
รสบัสสาย 51 หรือ 59 ลงที่ป้าย Karasuma-Imadegawa เดินประมาณ 5 นาที หรือรถบัสสาย 3, 4, 17, 37 หรือ 205 ลงที่ป้าย Furitsuidai-byoin-mae เดินประมาณ 10 นาที
15:00 ตามรอยไปชมวัดที่พระองค์เคยเสด็จ วัดทอง คินคาคุจิ
วัดเก่าแก่ซึ่งเคยเป็นที่พักของโชกุนผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นจุดยอดนิยมอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกียวโตเลยก็ว่าได้
และด้วยพระประสงค์ที่อยากชมวัฒนธรรมญี่ปุ่น ทำให้ทางญี่ปุ่นเลือกวัดแห่งนี้เป็นจุดหนึ่งในแผนการประพาสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชค่ะ
เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านอาจจะเคยมาเยือนสถานที่แห่งนี้แล้ว
แต่หากครั้งหน้าได้ไปอีกครั้งหนึ่ง คงมีความรู้สึกที่ผิดไปจากที่เคยแน่นอนค่ะ
16:00 อีกหนึ่งวัดที่เคยเสด็จ วัดสวนหิน เรียวอันจิ
วัดญี่ปุ่นนิกายเซ็นที่อยู่ไม่ห่างจากวัดทองสักเท่าไหร่ ทั้งคนไทยและชาติอื่นๆ รู้จักวัดนี้เพราะสวนหินแบบญี่ปุ่นที่เลื่องชื่อค่ะ
สวนหินที่ว่านี้กล่าวกันว่าเป็นการจำลองภาพจักรวาดในความเชื่อตามแนวพุทธศาสนานิกายเซ็นของญี่ปุ่น
จึงนับว่าเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่นอีกสิ่งหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้มาทอดพระเนตรและสัมผัสด้วยพระองค์เอง
นิกายเซ็นนั้นเน้นในเรื่องการทำสมาธิ ถ้าหากมีเวลาได้มานั่งทำสมาธิที่นี่ ระลึกถึงพระราชกรณียกิจและพระราโชวาทของพระองค์ท่าน ก็คงจะดีไม่น้อยเลยล่ะค่ะ
18:00 แวะทานข้าวแวะซื้อของก่อนปิดทริปที่ กิอง หรือ ชิโจคาวาระมาจิ
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการแวะยังจุดชอปปิ้งที่ครึกครื้นของเมืองเกียวโต สำหรับแวะพักทานข้าวหรือหาซื้อสินค้า ขนม ของฝาก ก่อนเข้าที่พักกันค่ะ
โดยการนั่งรถบัสจากวัดเรียวอันจิ มายังบริเวณ ชิโจคาวาระมาจิ หรือเลยไปอีกนิดในย่านกิองที่อยู่ติดกันขนาดที่เดินถึงกันไหว
หากอยากหาอาหาร หรือซื้อสินค้า ของใช้ที่ชาวเกียวโตใช้กัน และสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ แนะนำให้แวะที่ชิโจคาวาระมาจิ ซึ่งจะมีย่านการค้าและห้างสรรพสินค้าให้เดินเล่นกันค่ะ
ถ้าอยากชมบรรยากาศเกียวโต และหาซื้อขนม ของจุกจิกที่เหมาะเป็นของฝากสไตล์ญี่ปุ่น แวะที่กิองจะมีให้เลือกเยอะกว่า
ลองร่วมประสบการณ์พิธีชงชาที่ Tea Ceremony En
แม้วันนี้ตอนกลางวันเราจะไปสวนที่พระองค์ท่านเคยร่วมพิธีชงชามาแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ลองกันเองเลย
ใครที่ยังอยากสัมผัสประสบการณ์เกียวโตต่อ หรืออยากรู้จักวัฒนธรรมที่พระองค์ท่านทรงสนพระทัย
เราจะขอแนะนำให้ลงทื่กิองเพื่อแวะไปลองเข้าร่วมพิธีชงชาที่ร้าน Tea Ceremony En ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับศาลเจ้ายาซากะค่ะ
ร้านนี้จะเปิดบริการชงชาเป็นรอบๆ และรอบสุดท้ายของวันคือตอน 19:00
แต่ละรอบอาจจะเต็มได้ เพราะฉะนั้นใครที่อยากไปเข้าร่วม ควรจะสอบถามและจองเวลาเอาไว้ก่อนค่ะ
สถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จประพาสที่อื่นๆ ในโตเกียว
นอกเหนือจากที่อยู่ในแผนเที่ยวแล้ว ยังมีสถานที่อื่นในโตเกียวอีกที่พระองค์ท่านได้เสด็จประพาส
แต่การไปสถานที่เหล่านี้ค่อนข้างใช้เวลาเยอะตั่งแต่ครึ่งถึงหนึ่งวัน
ท่านใดที่มีเวลาในเกียวโตมากกว่า ก็อาจเดินทางไปเที่ยวตามรอยพระบาทตามสถานที่เหล่านี้เพิ่มเติมได้อีกค่ะ
เขาฮิเอ
ภูเขาทางตอนเหนือของเกียวโตที่มีประวัติยาวนานและมีวัดอยู่ด้านบน โดยเป็นวัดที่สำคัญทางศาสนาพุทธ มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับการไปฝึกตนหรือแสวงบุญมาเป็นเวลากว่าพันปีในยุคเฮอันมาแล้ว
สถานที่แห่งนี้ได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วเช่นกับสถานที่จำนวนมากในเกียวโตค่ะ
เพราะเป็นภูเขาสูงที่ตั้งทางเหนือของเกียวโตและตระหง่านคั่นเกี่ยวโตกับจังหวัดอื่น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงได้ทอดพระเนตรทิวทัศน์ของเมืองโตเกียวไปจนถึงทะเลสาบบิวะเลยค่ะ
เมือง อุจิ วัด เบียวโดอิน
เมืองอุจิเป็นเมืองเก่าแก่มีอายุเป็นพันปี โดยมีชื่อเสียงในด้านชาเขียวอันลือชื่อ รวมถึงปรากฏในนิยายที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง "เกนจิโมโนกาตาริ" อีกด้วยค่ะ
การเดินทางจากตัวเมืองเกียวโตมาอุจินั้นแสนง่าย เพราะมีรถไฟวิ่งมา โดยใช้เวลาแค่ประมาณ 20-30 นาทีเท่านั้นเอง
ในการประพาส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงเยี่ยมชม "วัดเบียวโดอิน" สถาปัตยกรรมที่ได้รับจารึกเป็นมรดกโลก และยังเป็นสถานที่ที่อยู่ในเหรียญ 10 เยนอีกด้วยค่ะ พระองค์ได้ทอดพระเนตร "หอโฮโอโด" (Houou-do) ซึ่งมีความหมายว่า หอหงส์เพลิง ที่ตั่งชื่อตามนกในตำนาน
<ต่อในคอมเมนท์นะคะ อีกนิดนึง>