หากมีคำถามว่าทำไมถึงเรียกทริปคนจน ก็เพราะว่าไม่มีเงินแต่อยากไปต่างประเทศนั้นแหละค่ะ
ถ้าหากคุณกำลังตกอยู่ในสภาวะแบบนี้อยู่ ตามอ่านกันเลยค่ะ ว่าเราจะมีวิธีเที่ยวแบบไหนกันให้ใช้เงินน้อยที่สุด แต่ได้เที่ยวเยอะที่สุด
>>ก่อนเริ่มเรามาอ่านขั้นตอนการเตรียมตัวตรงนี้กันก่อนเนอะ
ขั้นตอนที่ 1 "Pre-Travel" หาตั๋วโปรและที่พักให้ถูกที่สุด ดีที่สุด เท่าที่จะหาได้
การท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องวางแผน ทำตามใจอยากไปไปเลย มีอยู่จริง เราไม่เถียง แต่ถ้าจะ"ควบคุมงบ" การวางแผนเป็นสิงที่สำคัญ
1.1 ขั้นตอนหาตั๋วถูก
เมื่อเรากำหนดประเทศที่จะไป และสรุปจำนวนคนได้แล้ว อย่างเราๆไปกัน 4 คน ไม่มากและไม่น้อยไป เราเริ่มหาตั๋วเครื่องบินที่จัดโปร ซึ่งจะต้องหมั่นเข้าไปดูบ่อยๆ เราเริ่มหากันตั้งแต่เดือน4 แต่วันที่ไปเที่ยวคือเดือน 10 ถือว่านานเลยแหละ
สาเหตุที่ต้องซื้อตั๋วล่วงหน้ากันนานขนาดนี้เพราะ นอกจากจะได้โปรโมชั่นที่ดีที่สุดแล้ว เรายังมีเวลาเก็บเงิน และผ่อนจ่ายด้วยค่ะ จะได้ไม่ต้องจ่ายโครมไปที่เดียว ซึ่งจะเป็นภาระหนักหน่วงแก่เงินในกระเป๋า
จะหาตั๋วโปรถูกได้จากไหน ให้เริ่มจากแอดเฟสบุ๊คเพจต่างๆ ยกตัวอย่างเพจให้นะคะ ไปกดติดตามไว้ เช่น ChangTrixGet, ArPaeDotCom, TidPromo, superprotickets, เพื่อนบอกโปร หรือพวกงานไทยเที่ยวไทย บลาๆต่างๆนาๆ ก็ขยันหากันไว้
นอกจากข้อดีนี้แล้ว ยังมีข้อดีของการจองล่วงหน้านานๆคือ คุณอาจจะได้ตั๋วในวันหยุดยาว ในราคาถูกด้วยค่ะ
เราได้ตั๋วเที่ยวไป สุวรรณภูมิ-สิงคโปร์วันที่ 12 ต.ค. สายการบิน Jetstar นน.กระเป๋า 7 kg ได้2ใบ คือใบพกพา1ใบ และสัมภาระ 1 ใบ (ใครที่คิดว่าพรอพเยอะ ซื้อนน.เพิ่มเลยค่ะ ของเรา 7kg.ลุ้นมาก แต่ขาออกจากไทยไม่เข้มงวดเท่าขากลับ ดูขนาดด้วยตาเท่านั้น
ส่วนขากลับเราซื้อเพิ่ม 15 kg/4คน แทบไม่พอ เข้มงวดมากจริงๆ ไม่รวมประกันเดินทาง (เรามาซื้อแยก ของAXA 309.-)และอาหาร
(ติดที่ไทยไปให้อิ่ม พกแซนวิชติดตัวไปด้วยก็ดี ถ้าไม่อยากซื้อแพงที่สิงคโปร์) เพราะบินแค่ 2.30 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
รวมค่าตั๋วแล้วขาไป ตกคนละ 1,205 บาท
รวมค่าตั๋วขากลับ คนละ 1,390 บาท
รวมทั้งหมด 2,595 บาท ถูก!!!!ยิ่งกว่าบินในประเทศซะอีก สำหรับตั๋วไปกลับสิงคโปร์เราว่าไม่เกิน3พันถือว่าโอเคแล้วล่ะ
1.2 ขั้นตอนหาที่พัก
นอกจากที่พักราคาถูกแล้ว สิ่งที่สำคัญคือต้องใกล้ mrt ด้วยเพื่อสะดวกต่อการเดินทาง ถ้าไปแบบเรา เราเน้นเที่ยวไม่ค่อยอยู่ที่พัก เราเลยเลือกการนอน Hostelแต่เราก็ไม่ชอบการนอนรวมกับคนต่างชาติต่างภาษาเท่าไหร่ นอกจากเหนื่อยจากการเดินเที่ยวแล้ว เราไม่อยากปวดหัวกับเสียงกรน หรือความสกปรกอีก แต่เรามีเพื่อนร่วมเดินทางอีก3 คน เราเลยเลือกที่ 5Footway.inn Project Boat Quay เราต้องบอกข้อดีข้อเสียของที่นี่กันก่อนเพื่อให้ผู้อ่านได้ตัดสินใจ
ข้อดี
1.ใกล้ mrt เพียง 450 m + 7-11
2.ราคาถูกและได้ห้องแบบเหมารวม เราได้ในราคา 1,702 บาท/คน/3 คืน ตกๆแล้วคืนละ 567 บาท พอๆกะนอนเมืองไทยเลยใช่มั้ยล่าาาา
3.wifi free เร็วแรงทะลุเพดาน
4.อาหารเช้าฟรี มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่นตู้เย็น ไมโครเวฟ น้ำร้อน น้ำเย็น เครื่องกดกาแฟ ไมโล อร่อยด้วยไม่อั้นๆ แกกดได้ตลอดเวลา แต่กินอะไรแล้วต้องล้างเองนะ ด้วยน้ำดื่มที่ราคาเริ่มต้น 25 บาทของประเทศนี้การที่ที่พักมีน้ำฟรี นี่ประเสริฐมากนะ เพราะเราสามารถกดใส่ขวดไว้ดื่มระหว่างวันได้ อาจจะมีซื้อบ้าง เวลาเราอยากกินน้ำเย็นตอนเราเดินขาฉีก น้ำที่เราพกไป ช่วยได้เยอะ
5.วิวดี สวยมากกกกกก
6.ฝากกระเป๋าได้ฟรี ไม่คิดเงินเพิ่มถ้าฝากไว้ในวันเดียวกับที่เช็คอิน-เช็คเอ้าท์ แต่ถ้าฝากไว้ข้ามวันเค้าคิด 2 ดอล หรือ 50 บาท ต่อกระเป๋า/วัน
7. มีไดร์เป่าผมให้ยืมฟรี ที่รีเซปชั่น ไม่ต้องแบกไปให้เปลืองพื้นที่กระเป๋า เพียงแต่ใช้เสร็จต้องขยันลงไปยืม-ลงไปคืนหน่อย นอกจากนี้ก็มีเตารีด เครื่องซักผ้า แต่ไม่ได้ใช้นะ
8.มีตัวแปลงไฟให้ยืม ไม่ต้องพกไป ไปกันหลายๆคน พกปลั๊กพ่วงไป1-2อัน ที่หัวนอนของแต่ละเตียงจะมีปลั๊กให้1รู เสียบปลั๊กพ่วงแล้วชาจมือถือ พาวเวอร์แบงค์ กล้องกันให้หน่ำใจเลยจ้า
ข้อเสีย
1.ห้องน้ำรวม สกปรก ห้องอาบน้ำความสะอาดยังพอได้มีน้ำร้อนและน้ำเย็น แชมพู สบู่เหลวที่คุณภาพใช้ได้ให้ปั๊มๆกันฟรี แต่ที่แขวนมันไม่พอโว้ยย แขวนตกๆ ลำบากสุด แล้วเราเห็นคนจีน อมหัวก๊อกตอนแปรงฟันอ่ะ อึ๊ยยย
ในส่วนห้องส้วม อารมณ์แบบมี3ห้อง ก็พอจะหย่อนก้นได้แค่ห้องเดียว กลิ่นก็ไม่โอ เราแก้ปัญหาโดยการเข้าส้วมก่อนอาบน้ำ เพื่อจะได้อาบน้ำให้สะอาดไปเลย ไม่ต้องรู้สึกแขยงทั้งวัน หรือไปเข้าข้างนอก ในห้าง เพราะห้างที่สิงคโปร์สะอาดมาก แต่อย่าได้เข้าที่ mrtนะ แย่พอกัน ห้องน้ำที่แนะนำคือห้องน้ำที่ตึกอาคาร Ministry of Culture, Community and Youth ตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพาน Elgin Bridge ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟใต้ดิน Clark Quay Station ห้องน้ำอะไรไม่รู้ แอร์ก็เย็น คนก็น้อย สะอาดสุดๆ
ตึกนี้เลย
2.ใกล้กับสถานบันเทิง ไม่อันตรายนะ แต่มีเสียงเพลงเล็ดลอดเข้ามาในห้องบ้าง ซึ่งถามว่าเป็นปัญหาสำหรับเราไหม ขอบอกว่าน้อยมากๆ พ่อคุณเอ๊ยยย
เดินขาฉีกวันละเกือบ 20 โล เหนื่อยจนไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้วอ่ะคะ ต่อให้คนเชิดสิงโตข้างหูก็ไม่รับรู้อะไรแล้วววว
3.ข้าวเช้าเบสิค น่าเบื่อ อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ก็จะมีพวกซีเรียลแผ่นทองๆกับช็อกโกแลต นม แอปเปิ้ล ขนมปังให้ปิ้งเอง แยม3ชนิด เนย แล้วก็ขนมที่จะเปลี่ยนไปในแต่ละวัน อย่างวันที่เราไปมีขนมหน้าตาแบบนี้ รสชาติเหมือนกุ้ยช่าย อร่อยดี แต่พอนานๆไปเข้าก็เริ่มเบื่อแล้วอ่ะ ซื้อพวกมาม่ากับพวกไส้กรอกใน 7-11 มากิน
4.ผ้าขนหนูต้องเช่านะคะ ราคาเท่าไหร่ไม่รู้เหมือนกัน ทางที่ดีพกไปเองดีกว่า เลือกผืนบางๆหน่อย จะได้ไม่เปลืองนน.กระเป๋า
1.3 ขั้นตอนแลกเงิน
ขั้นตอนการแลกเงินนี้ เราเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่จากการหาข้อมูลมาแล้วเนี่ย อัตราแลกเปลี่ยนทั่วๆไป จะอยู่ที่ 23-26 บาท ก่อนแลกก็หมั่นเข้าไปดูอัตราแลกเปลี่ยนไว้ก่อนล่วงหน้าสัก1เดือน สิ่งที่สำคัญคือแลกให้พอใช้ กะให้พอดี ไม่น้อยไปไม่มากไป เพราะตอนแลกคืนเรทก็ได้น้อยกว่าตอนแลกไปแน่นอนอยู่แล้ว แต่ถ้าแลกไปไม่พอใช้ ก็ต้องไปแลกที่สิงคโปร์ ซึ่งแน่นอนเราไม่สามารถไปนั่งดูอัตราแลกให้ดีที่สุดได้ เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียไปอีก อย่าลืมพกพาสปอร์ตไปด้วยนะ ไม่งั้นแลกไม่ได้นะเทอว์
ถ้ายึดกระทู้นี้เป็นคัมภีร์ 5วัน 4คืน (เที่ยวจริงๆ 3 วัน ) เฉพาะเงินสดที่พก แลกไป6,137.5 บาท ได้มา 250$ ไม่ช็อปปิ้งแบรนด์เนม ของฝากกรุบกริบพอ อัตราตอนเราแลกอยู่ที่ 1$=24.55บาท แลกที่ร้านเพชรที่ pp-paragon ได้เรทที่ดีพอๆกับ super rich
1.4 ขั้นตอนวางแผนเที่ยว+Costume
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแห่งการผ่อนจ่าย สิ่งที่จ่ายได้ไปก่อน สิ่งสำคัญของการวางแผนเที่ยวก่อน คือลิสต์มาเลยว่าอยากไปไหนบ้าง แล้วเค้าเปิด-ปิดกันกี่โมง ช่วงไหนต้องไปตอนไฮไลท์ บางสถานที่ต้องดูตอนพระอาทิตย์ตก บางที่ปิดตอนเย็น เลือกสถานที่ใกล้ๆแล้วไปในวันเดียวกันก็ช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากโข และบางที่ที่เราอยากไป เค้าปิดปรับปรุงอยู่หรือเปล่า ไม่งั้น นอกจากเฟลแล้วยังเหนื่อยฟรีอีกด้วย (เราเฟลไปเย้ออออะเลย)
หลังจากทำลิสต์แล้วว่าจะไปไหน สถานที่ไหนบ้าง ที่ต้องเสียเงินเข้าชม เพราะสถานที่บางที่ในสิงคโปร์ ซื้อตั๋วคู่กันเค้ามีโปรจัดเซตคู่ๆกันไว้
ถ้าเดินตามงานไทยเที่ยวไทยแล้วยังหาตั๋วโปรที่ถูกใจไม่ได้ ไปซื้อที่สิงคโปร์เลยก็ได้นะ ที่ร้าน Sea Wheel อยู่ชั้น3 ห้าง People park Center ย่าน Chinatown
ต่อมาเรื่องการแต่งตัวให้สอดคล้องกับสภาพอากาศที่สิงคโปร์จะคล้ายๆบ้านเราคือออกร้อนชื้นและมีฝนตกมากเกือบตลอดทั้งปี!! แต่จะตกมากที่สุดอยู่ 3 เดือน คือ เดือนพฤศจิกายน เดือนธันวาคม และเดือนมกราคม เพราะฉะนั้นจะไปเดือนไหนก็ไปเถอะ แล้วพกเสื้อกันฝนที่ซื้อจากไทยไปด้วย เพราะเราไปซื้อที่สิงคโปร์แล้วราคาอยู่ที่ตัวละ 70 บาท แบบเดียวกับที่ซื้อใน 7-11 ที่เมืองไทยเลย แต่ไทยขายอยู่ที่ 29 บาท ซื้อไปเหอะไม่ต้องเสียดายตังค์เพราะถึงฝนจะไม่ตกตอนที่คุณไป แต่ถ้าคุณต้องไปเล่นเครื่องเล่นที่ USS คุณก็เปียกอยู่ดี จัดไปคนละ 1 ตัว
หากใครมีวัดอยู่ในแพลนแล้ว จะบอกว่า วัดที่สิงคโปร์ต้องแต่งตัวดีๆถึงจะเข้าไปได้ แต่ไม่ต้องห่วงถ้าความชิคมันอยู่ในสายเลือดเพราะเค้ามีผ้าถุงให้คลุมไว้บริการอยู่แล้วแต่งแซ่บๆเลยก็ได้ แล้วเอาผ้าคลุมเอา
ส่วนสำคัญที่สุดเลยคือรองเท้า ถ้าเป็นไปได้อยากแนะนำให้เอาไป 3 คู่เลย คือ ผ้าใบ( เพราะต้องเดินเยอะมากๆ) แต่ก็อย่างที่รู้กัน ถ้าคุณเดินเยอะมากๆ ต่อให้รองเท้าแพงแค่ไหน มันก็กัดคุณอยู่ดี ให้ลากแตะใส่สบายไปด้วย 1 คู่ เพื่อสลับใส่เวลาเท้าเป็นแผล และสำหรับคนที่ต้องใช้ห้องน้ำรวม พกรองเท้ายางแบบใส่เข้าห้องน้ำไปด้วยนะ ถ้าใช้คู่เดียวกับรองเท้าแตะสำหรับเที่ยว มันจะแห้งไม่ทัน
ในส่วนของซิมเราเลือกใช้ SIM2FLY ของ AIS ราคา 399 บาทใช้ได้ 8 วัน 4GB เมื่อซื้อแล้วเผื่อเวลาหน่อยไปที่ AIS Shopสนามบินสุวรรณภูมิชั้น 2 เพื่อเปิดซิม พร้อมให้เค้าสอนแชร์ hotspot กัน แนะนำว่า ถ้าไปกัน 4 คน ซื้อสัก2 ซิมน้า เพราะว่าเผื่อคนนึงเดินไปไกล ก็ยังมีอีกคนนึงให้ใช้ได้ แล้วเวลาไปแบบนี้เราถ่ายรูปเยอะ ตอนวันที่ 3 เนี่ยความเร็วเน็ตเต่ามาก เริ่มไม่พอแล้ว ทั้งๆที่ถามพนักงานแล้ว เค้าบอกไม่มีทางหมด แต่ด้วยรูปมหากาพย์ของพวกเรา มันก็หมดจนได้ เลยต้องไปซื้อซิมที่สิงคโปร์ 15$ เพิ่มอีก
[CR] ทริปคนจน พกเงิน 6,000 กินเที่ยวรอบเกาะสิงคโปร์จนเท้าแหก (มหากาพย์เขียนเยอะ+รูปเยอะ)
>>ก่อนเริ่มเรามาอ่านขั้นตอนการเตรียมตัวตรงนี้กันก่อนเนอะ
ขั้นตอนที่ 1 "Pre-Travel" หาตั๋วโปรและที่พักให้ถูกที่สุด ดีที่สุด เท่าที่จะหาได้
การท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องวางแผน ทำตามใจอยากไปไปเลย มีอยู่จริง เราไม่เถียง แต่ถ้าจะ"ควบคุมงบ" การวางแผนเป็นสิงที่สำคัญ
1.1 ขั้นตอนหาตั๋วถูก
เมื่อเรากำหนดประเทศที่จะไป และสรุปจำนวนคนได้แล้ว อย่างเราๆไปกัน 4 คน ไม่มากและไม่น้อยไป เราเริ่มหาตั๋วเครื่องบินที่จัดโปร ซึ่งจะต้องหมั่นเข้าไปดูบ่อยๆ เราเริ่มหากันตั้งแต่เดือน4 แต่วันที่ไปเที่ยวคือเดือน 10 ถือว่านานเลยแหละ
สาเหตุที่ต้องซื้อตั๋วล่วงหน้ากันนานขนาดนี้เพราะ นอกจากจะได้โปรโมชั่นที่ดีที่สุดแล้ว เรายังมีเวลาเก็บเงิน และผ่อนจ่ายด้วยค่ะ จะได้ไม่ต้องจ่ายโครมไปที่เดียว ซึ่งจะเป็นภาระหนักหน่วงแก่เงินในกระเป๋า
จะหาตั๋วโปรถูกได้จากไหน ให้เริ่มจากแอดเฟสบุ๊คเพจต่างๆ ยกตัวอย่างเพจให้นะคะ ไปกดติดตามไว้ เช่น ChangTrixGet, ArPaeDotCom, TidPromo, superprotickets, เพื่อนบอกโปร หรือพวกงานไทยเที่ยวไทย บลาๆต่างๆนาๆ ก็ขยันหากันไว้
นอกจากข้อดีนี้แล้ว ยังมีข้อดีของการจองล่วงหน้านานๆคือ คุณอาจจะได้ตั๋วในวันหยุดยาว ในราคาถูกด้วยค่ะ
เราได้ตั๋วเที่ยวไป สุวรรณภูมิ-สิงคโปร์วันที่ 12 ต.ค. สายการบิน Jetstar นน.กระเป๋า 7 kg ได้2ใบ คือใบพกพา1ใบ และสัมภาระ 1 ใบ (ใครที่คิดว่าพรอพเยอะ ซื้อนน.เพิ่มเลยค่ะ ของเรา 7kg.ลุ้นมาก แต่ขาออกจากไทยไม่เข้มงวดเท่าขากลับ ดูขนาดด้วยตาเท่านั้น
ส่วนขากลับเราซื้อเพิ่ม 15 kg/4คน แทบไม่พอ เข้มงวดมากจริงๆ ไม่รวมประกันเดินทาง (เรามาซื้อแยก ของAXA 309.-)และอาหาร
(ติดที่ไทยไปให้อิ่ม พกแซนวิชติดตัวไปด้วยก็ดี ถ้าไม่อยากซื้อแพงที่สิงคโปร์) เพราะบินแค่ 2.30 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
รวมค่าตั๋วแล้วขาไป ตกคนละ 1,205 บาท
รวมค่าตั๋วขากลับ คนละ 1,390 บาท
รวมทั้งหมด 2,595 บาท ถูก!!!!ยิ่งกว่าบินในประเทศซะอีก สำหรับตั๋วไปกลับสิงคโปร์เราว่าไม่เกิน3พันถือว่าโอเคแล้วล่ะ
1.2 ขั้นตอนหาที่พัก
นอกจากที่พักราคาถูกแล้ว สิ่งที่สำคัญคือต้องใกล้ mrt ด้วยเพื่อสะดวกต่อการเดินทาง ถ้าไปแบบเรา เราเน้นเที่ยวไม่ค่อยอยู่ที่พัก เราเลยเลือกการนอน Hostelแต่เราก็ไม่ชอบการนอนรวมกับคนต่างชาติต่างภาษาเท่าไหร่ นอกจากเหนื่อยจากการเดินเที่ยวแล้ว เราไม่อยากปวดหัวกับเสียงกรน หรือความสกปรกอีก แต่เรามีเพื่อนร่วมเดินทางอีก3 คน เราเลยเลือกที่ 5Footway.inn Project Boat Quay เราต้องบอกข้อดีข้อเสียของที่นี่กันก่อนเพื่อให้ผู้อ่านได้ตัดสินใจ
ข้อดี
1.ใกล้ mrt เพียง 450 m + 7-11
2.ราคาถูกและได้ห้องแบบเหมารวม เราได้ในราคา 1,702 บาท/คน/3 คืน ตกๆแล้วคืนละ 567 บาท พอๆกะนอนเมืองไทยเลยใช่มั้ยล่าาาา
3.wifi free เร็วแรงทะลุเพดาน
4.อาหารเช้าฟรี มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่นตู้เย็น ไมโครเวฟ น้ำร้อน น้ำเย็น เครื่องกดกาแฟ ไมโล อร่อยด้วยไม่อั้นๆ แกกดได้ตลอดเวลา แต่กินอะไรแล้วต้องล้างเองนะ ด้วยน้ำดื่มที่ราคาเริ่มต้น 25 บาทของประเทศนี้การที่ที่พักมีน้ำฟรี นี่ประเสริฐมากนะ เพราะเราสามารถกดใส่ขวดไว้ดื่มระหว่างวันได้ อาจจะมีซื้อบ้าง เวลาเราอยากกินน้ำเย็นตอนเราเดินขาฉีก น้ำที่เราพกไป ช่วยได้เยอะ
5.วิวดี สวยมากกกกกก
6.ฝากกระเป๋าได้ฟรี ไม่คิดเงินเพิ่มถ้าฝากไว้ในวันเดียวกับที่เช็คอิน-เช็คเอ้าท์ แต่ถ้าฝากไว้ข้ามวันเค้าคิด 2 ดอล หรือ 50 บาท ต่อกระเป๋า/วัน
7. มีไดร์เป่าผมให้ยืมฟรี ที่รีเซปชั่น ไม่ต้องแบกไปให้เปลืองพื้นที่กระเป๋า เพียงแต่ใช้เสร็จต้องขยันลงไปยืม-ลงไปคืนหน่อย นอกจากนี้ก็มีเตารีด เครื่องซักผ้า แต่ไม่ได้ใช้นะ
8.มีตัวแปลงไฟให้ยืม ไม่ต้องพกไป ไปกันหลายๆคน พกปลั๊กพ่วงไป1-2อัน ที่หัวนอนของแต่ละเตียงจะมีปลั๊กให้1รู เสียบปลั๊กพ่วงแล้วชาจมือถือ พาวเวอร์แบงค์ กล้องกันให้หน่ำใจเลยจ้า
ข้อเสีย
1.ห้องน้ำรวม สกปรก ห้องอาบน้ำความสะอาดยังพอได้มีน้ำร้อนและน้ำเย็น แชมพู สบู่เหลวที่คุณภาพใช้ได้ให้ปั๊มๆกันฟรี แต่ที่แขวนมันไม่พอโว้ยย แขวนตกๆ ลำบากสุด แล้วเราเห็นคนจีน อมหัวก๊อกตอนแปรงฟันอ่ะ อึ๊ยยย
ในส่วนห้องส้วม อารมณ์แบบมี3ห้อง ก็พอจะหย่อนก้นได้แค่ห้องเดียว กลิ่นก็ไม่โอ เราแก้ปัญหาโดยการเข้าส้วมก่อนอาบน้ำ เพื่อจะได้อาบน้ำให้สะอาดไปเลย ไม่ต้องรู้สึกแขยงทั้งวัน หรือไปเข้าข้างนอก ในห้าง เพราะห้างที่สิงคโปร์สะอาดมาก แต่อย่าได้เข้าที่ mrtนะ แย่พอกัน ห้องน้ำที่แนะนำคือห้องน้ำที่ตึกอาคาร Ministry of Culture, Community and Youth ตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพาน Elgin Bridge ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟใต้ดิน Clark Quay Station ห้องน้ำอะไรไม่รู้ แอร์ก็เย็น คนก็น้อย สะอาดสุดๆ
2.ใกล้กับสถานบันเทิง ไม่อันตรายนะ แต่มีเสียงเพลงเล็ดลอดเข้ามาในห้องบ้าง ซึ่งถามว่าเป็นปัญหาสำหรับเราไหม ขอบอกว่าน้อยมากๆ พ่อคุณเอ๊ยยย
เดินขาฉีกวันละเกือบ 20 โล เหนื่อยจนไม่ได้ยินเสียงอะไรแล้วอ่ะคะ ต่อให้คนเชิดสิงโตข้างหูก็ไม่รับรู้อะไรแล้วววว
3.ข้าวเช้าเบสิค น่าเบื่อ อาหารเช้าเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ก็จะมีพวกซีเรียลแผ่นทองๆกับช็อกโกแลต นม แอปเปิ้ล ขนมปังให้ปิ้งเอง แยม3ชนิด เนย แล้วก็ขนมที่จะเปลี่ยนไปในแต่ละวัน อย่างวันที่เราไปมีขนมหน้าตาแบบนี้ รสชาติเหมือนกุ้ยช่าย อร่อยดี แต่พอนานๆไปเข้าก็เริ่มเบื่อแล้วอ่ะ ซื้อพวกมาม่ากับพวกไส้กรอกใน 7-11 มากิน
4.ผ้าขนหนูต้องเช่านะคะ ราคาเท่าไหร่ไม่รู้เหมือนกัน ทางที่ดีพกไปเองดีกว่า เลือกผืนบางๆหน่อย จะได้ไม่เปลืองนน.กระเป๋า
1.3 ขั้นตอนแลกเงิน
ขั้นตอนการแลกเงินนี้ เราเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่จากการหาข้อมูลมาแล้วเนี่ย อัตราแลกเปลี่ยนทั่วๆไป จะอยู่ที่ 23-26 บาท ก่อนแลกก็หมั่นเข้าไปดูอัตราแลกเปลี่ยนไว้ก่อนล่วงหน้าสัก1เดือน สิ่งที่สำคัญคือแลกให้พอใช้ กะให้พอดี ไม่น้อยไปไม่มากไป เพราะตอนแลกคืนเรทก็ได้น้อยกว่าตอนแลกไปแน่นอนอยู่แล้ว แต่ถ้าแลกไปไม่พอใช้ ก็ต้องไปแลกที่สิงคโปร์ ซึ่งแน่นอนเราไม่สามารถไปนั่งดูอัตราแลกให้ดีที่สุดได้ เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียไปอีก อย่าลืมพกพาสปอร์ตไปด้วยนะ ไม่งั้นแลกไม่ได้นะเทอว์
ถ้ายึดกระทู้นี้เป็นคัมภีร์ 5วัน 4คืน (เที่ยวจริงๆ 3 วัน ) เฉพาะเงินสดที่พก แลกไป6,137.5 บาท ได้มา 250$ ไม่ช็อปปิ้งแบรนด์เนม ของฝากกรุบกริบพอ อัตราตอนเราแลกอยู่ที่ 1$=24.55บาท แลกที่ร้านเพชรที่ pp-paragon ได้เรทที่ดีพอๆกับ super rich
1.4 ขั้นตอนวางแผนเที่ยว+Costume
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแห่งการผ่อนจ่าย สิ่งที่จ่ายได้ไปก่อน สิ่งสำคัญของการวางแผนเที่ยวก่อน คือลิสต์มาเลยว่าอยากไปไหนบ้าง แล้วเค้าเปิด-ปิดกันกี่โมง ช่วงไหนต้องไปตอนไฮไลท์ บางสถานที่ต้องดูตอนพระอาทิตย์ตก บางที่ปิดตอนเย็น เลือกสถานที่ใกล้ๆแล้วไปในวันเดียวกันก็ช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มากโข และบางที่ที่เราอยากไป เค้าปิดปรับปรุงอยู่หรือเปล่า ไม่งั้น นอกจากเฟลแล้วยังเหนื่อยฟรีอีกด้วย (เราเฟลไปเย้ออออะเลย)
หลังจากทำลิสต์แล้วว่าจะไปไหน สถานที่ไหนบ้าง ที่ต้องเสียเงินเข้าชม เพราะสถานที่บางที่ในสิงคโปร์ ซื้อตั๋วคู่กันเค้ามีโปรจัดเซตคู่ๆกันไว้
ถ้าเดินตามงานไทยเที่ยวไทยแล้วยังหาตั๋วโปรที่ถูกใจไม่ได้ ไปซื้อที่สิงคโปร์เลยก็ได้นะ ที่ร้าน Sea Wheel อยู่ชั้น3 ห้าง People park Center ย่าน Chinatown
ต่อมาเรื่องการแต่งตัวให้สอดคล้องกับสภาพอากาศที่สิงคโปร์จะคล้ายๆบ้านเราคือออกร้อนชื้นและมีฝนตกมากเกือบตลอดทั้งปี!! แต่จะตกมากที่สุดอยู่ 3 เดือน คือ เดือนพฤศจิกายน เดือนธันวาคม และเดือนมกราคม เพราะฉะนั้นจะไปเดือนไหนก็ไปเถอะ แล้วพกเสื้อกันฝนที่ซื้อจากไทยไปด้วย เพราะเราไปซื้อที่สิงคโปร์แล้วราคาอยู่ที่ตัวละ 70 บาท แบบเดียวกับที่ซื้อใน 7-11 ที่เมืองไทยเลย แต่ไทยขายอยู่ที่ 29 บาท ซื้อไปเหอะไม่ต้องเสียดายตังค์เพราะถึงฝนจะไม่ตกตอนที่คุณไป แต่ถ้าคุณต้องไปเล่นเครื่องเล่นที่ USS คุณก็เปียกอยู่ดี จัดไปคนละ 1 ตัว
หากใครมีวัดอยู่ในแพลนแล้ว จะบอกว่า วัดที่สิงคโปร์ต้องแต่งตัวดีๆถึงจะเข้าไปได้ แต่ไม่ต้องห่วงถ้าความชิคมันอยู่ในสายเลือดเพราะเค้ามีผ้าถุงให้คลุมไว้บริการอยู่แล้วแต่งแซ่บๆเลยก็ได้ แล้วเอาผ้าคลุมเอา
ส่วนสำคัญที่สุดเลยคือรองเท้า ถ้าเป็นไปได้อยากแนะนำให้เอาไป 3 คู่เลย คือ ผ้าใบ( เพราะต้องเดินเยอะมากๆ) แต่ก็อย่างที่รู้กัน ถ้าคุณเดินเยอะมากๆ ต่อให้รองเท้าแพงแค่ไหน มันก็กัดคุณอยู่ดี ให้ลากแตะใส่สบายไปด้วย 1 คู่ เพื่อสลับใส่เวลาเท้าเป็นแผล และสำหรับคนที่ต้องใช้ห้องน้ำรวม พกรองเท้ายางแบบใส่เข้าห้องน้ำไปด้วยนะ ถ้าใช้คู่เดียวกับรองเท้าแตะสำหรับเที่ยว มันจะแห้งไม่ทัน
ในส่วนของซิมเราเลือกใช้ SIM2FLY ของ AIS ราคา 399 บาทใช้ได้ 8 วัน 4GB เมื่อซื้อแล้วเผื่อเวลาหน่อยไปที่ AIS Shopสนามบินสุวรรณภูมิชั้น 2 เพื่อเปิดซิม พร้อมให้เค้าสอนแชร์ hotspot กัน แนะนำว่า ถ้าไปกัน 4 คน ซื้อสัก2 ซิมน้า เพราะว่าเผื่อคนนึงเดินไปไกล ก็ยังมีอีกคนนึงให้ใช้ได้ แล้วเวลาไปแบบนี้เราถ่ายรูปเยอะ ตอนวันที่ 3 เนี่ยความเร็วเน็ตเต่ามาก เริ่มไม่พอแล้ว ทั้งๆที่ถามพนักงานแล้ว เค้าบอกไม่มีทางหมด แต่ด้วยรูปมหากาพย์ของพวกเรา มันก็หมดจนได้ เลยต้องไปซื้อซิมที่สิงคโปร์ 15$ เพิ่มอีก
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น