เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลยมั่งมั้ย ?

เราพึ่งเคยตั้งกระทู้ครั้งแรก ถ้าทำอะไรผิดขออภัยนะ
เราเป็นคนนึงที่คิดมาตลอด ว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกท้อ เราอึดอัด เราไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปทำไม เราไม่ได้คิดอยากฆ่าตัวตาย แต่เราแต่ไม่เข้าใจว่าการมีชีวิตต่อไปมันจะมีอะไรดีขึ้นเหรอ
ไม่ว่าจะเรื่อง ครอบครัว เพื่อน บุคลิกตัวเอง รูปร่าง ความรัก

เราขอไล่ทีละเรื่องๆนะ
เรื่องครอบครัว ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างเรียนดี แต่เราเป็นคนเดียวที่มีผลการเรียน กลางๆ>>แย่ เกรดเฉลี่ย ม.ปลายเรารวมกันได้ 3.00เป๊ะๆ เราเป็นคนที่ พอสอบได้คะแนนไม่ดี พ่อจะดุเรา และค่อนข้างโกรธ แต่พอวิชาไหนทำได้ดี พ่อกลับไม่ได้สนใจ และไม่ได้พูดถึง จนกระทั่งเราเข้ามหาลัยของรัฐได้ พ่อพูดว่า "เราโชคดีนะที่เข้ามหาลัยของรัฐได้ ตั้งใจเข้าละกัน" ฟังดูเป็นคำพูดที่ไม่มีอะไร แล้วเราคิดว่าคำว่าโชคดีนั่นหมายถึงฟลุค พ่อไม่ได้คิดว่าเราสอบเข้าด้วยความสามารถของเราจริงๆเลยด้วยซ้ำ พ่อมักจะพูดเรื่องเรียนอยู่เสมอทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ไม่ว่าจะก่อนนอน กินข้าว หรือแม้กระทั่งตอนไปรับเรากลับจากมหาลัย จนทำให้ช่วงหลังเวลาพ่อไปรับ เราต้องแกล้งหลับ เพื่อไม่ให้พ่อคุยกับเราเรื่องเรียน เราพยายามเคยเปลี่ยนเรื่องคุยกับพ่อ ศึกษาฟุตบอล จะได้มีเรื่องอื่นคุยกับพ่อบ้าง แต่สุดท้ายแล้วพ่อก็กลับมาที่เรื่องเรียน เรามีพี่สาว พี่สาวเราเรียนเก่ง พ่อมักจะเอาเกรดเราไปเปรียบกับพี่อยู่เสมอๆ จนทำให้เราคิดว่าเราเป็นจุดด้อยของครอบครัว พอขึ้นมหาลัยปี2 เกรดเทอม1เราไม่ค่อยดีนัก เลยพยายามมาก อ่านหนังสือก่อนสอบเป็นเดือนๆ ไปทบทวนกับเพื่อน พอช่วง1เดือนก่อนสอบก็อ่านหนังสือถึง ตี3-4ทุกวัน แล้วไปเรียนตอน 9โมงจนเราไม่สบาย พ่อมักจะโทรมาถามช่วงใกล้สอบว่าทำอะไรอยู่ เราก็จะตอบไปว่า อ่านหนังสืออยู่ที่ห้องเพื่อน พ่อพูดต่อว่า "ป๊าก็ไม่รู้ว่าเราอ่านจริงมั้ยนะ แต่มันอยู่ที่เกรดเรา" คือพ่อเราไม่ไว้ใจเราด้วยซ้ำ คิดว่าเราไปทำอะไรที่หอเพื่อน ?  เราพยายามมาก ต่อให้พยายามขนาดไหน ถ้าเกรดไม่ดี ก็คือเราไม่พยายามใช่มั้ย หรือเราพยายามไม่พอ ทำไมพ่อไม่คิดบ้างว่าลูกตัวเองได้แค่นี้ พ่อทำให้เราคิดว่า เราโง่ เราไม่มีอะไรเลย เราไว้ใจไม่ได้ ถึงพ่อจะไม่ได้เจตนาทำแบบนั้น แต่พ่อทำให้เราคิดแบบนั้น เรากับพ่อยิ่งห่างกันเรื่อยๆเพราะเราไม่รู้จะคุยอะไรกับพ่อดี เพราะในหัวพ่อมีแต่เรื่องเรียน จนทุกวันนี้ เราไม่มีเรื่องคุยเล่นให้คุยกันเลยด้วยซ้ำ

เรื่องเพื่อน  เราเป็นคนที่คิดเยอะ คิดเยอะมาก เวลาคบกับเพื่อน เราจะคิดเยอะเกินไป จนไม่รู้ว่าควรคุยอะไรกับเพื่อนดี จนเพื่อนไม่สนิทกับเรา หรือบางทีอาจจะไม่ชอบเราด้วยซ้ำ เพราะในสายตาเค้า เราเป็นคนเงียบๆ แต่จริงๆแล้วเราคิดอยู่ตลอดเวลา ว่าควรคุยอะไรดี เรารู้ตัวเองว่าคิดเยอะเกินไป เราพยายามจะไม่คิดแล้ว พยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติ พยายามมาตลอดตั้งแต่ปี1 จนตอนนี้ปี2แล้วก็ยังทำไม่ได้ มีครั้งนึงเพื่อนจะจอดรถมอไซค์ ขอให้เราขยับรถให้ ด้วยความที่เรา ไม่มีรถ ไม่เคยขับรถ ขับมอไซค์ไม่เป็น เลยไม่เข้าใจว่าต้องทำยังไง สุดท้ายเพื่อนคนนั้นก็โกรธเรา แล้วบอกว่า "โอ๊ยอะไรเนี่ย แค่ขยับรถก็ทำไม่เป็นเหรอ" แล้วเพื่อนอีกคนในกลุ่มก็ขำแล้วบอกว่า "เป็นผู้ชายจริงป่ะเนี่ย" เรื่องนี้ทำให้เราคิดได้ว่า แม้แต่เรื่องที่คนอื่นทำเป็นกัน เราก็ทำไม่เป็น ได้แต่เป็นภาระเพื่อน เวลาเพื่อนจะไปกินข้าวกัน เราต้องซ้อนท้ายไป ซึ่งบางทีรถไม่พอ เพื่อนก็จะถกเถียงกันว่าจะให้เราไปกับใคร ไปยังไง จนเราไม่อยากเป็นภาระ ได้แต่บอกไปว่า "ไม่เป็นไร วันนี้เราไม่หิว" หรือไม่ก็ "วันนี้เรานัดเพื่อนต่างคณะไว้แล้ว ไม่ไปละกัน" เราพยายามคอยสังเกตตลอดเวลาว่าวันนี้รถพอมั้ย เพราะเราไม่อยากเป็นภาระเพื่อนไปมากกว่านี้แล้ว เราไม่มีอะไรให้เพื่อนพึ่งพาได้เลย กลับกันเป็นตัวถ่วงด้วยซ้ำ

เรื่องบุคลิก รูปร่าง เราไม่ได้จะชมตัวเองหรืออะไรนะ แต่เราเป็นผู้ชาย เป็นชายแท้ ชอบผญ. แต่เราเป็นคนที่หน้าใสมาก ไม่มีสิว แก้มจะแดงอ่อนตลอดๆเวลาเหมือนมีเลือดฝาด เราถูกเพื่อนส่วนมากลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมือนตุ๊ดตั้งแต่เด็ก ย้ำว่า"ส่วนมาก"จริงๆ แล้วบวกกับที่ในสายตาเพื่อนเราเป็นคนเงียบๆ ไม่โผงผาง ไม่มีกล้าม ทำให้ยิ่งเหมือน เราเคยถามเพื่อนว่าทำไมคิดว่าเราเป้นตุ๊ดล่ะ เพื่อนบอกว่าส่วนนึงเพราะท่าเดิน เราพยายามปรับบุคบลิกตัวเอง เพื่อนบอกว่าเราเดินบิดก้น เราก็พยายามเดินถ่างขาเวลายืนเฉยๆก็เอามือล้วงกระเป๋า พักขาไว้ข้างนึง พยายามแต่งตัวคุมโทนสีดำ เราพยายามปรับตัวเองหลายอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ทำไปไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพื่อนที่พึ่งเจอหน้าครั้งแรกก็ยังคิดแบบนั้นอยู่ หลายๆคนอาจจะคิดว่า ถ้าเราไม่เป็นก็ไม่ต้องไปคิดมากสิ ไม่เห็นเป็นไรเลย แต่เราขอยืนยันจากคนที่โดนมาตั้งแต่เด็กนะครับ ว่ามีผลทางจิตใจมาก ทำให้ขาดความมั่นใจ ทำอะไรไม่เป็นธรรมชาติซักอย่าง ต้องคิดตลอดเวลาว่าเดินยังไง ยืนยังไง ทำหน้ายังไง ยิ้มยังไง

เรื่องคนที่ชอบ เราเคยคิดว่าการมานั่งซีเรียสกับความรักเป็นเรื่องไร้สาระ จนมาเจอกับตัวเองจริงๆ คนที่เราชอบเป็นน้องเทคเรา ทีแรกเราไม่ได้สนใจเป็นพิเศษ แต่พออยู่ในฐานะพี่น้องไปเรื่อยๆก็เริ่มชอบ เริ่มซื้อของให้น้อง ทำโน่นทำนี่ให้ พยายามเป็นห่วง แต่พออยู่ไปนานเข้าก็รู้ตัวว่า เรากับน้องเค้าต่างกันเกินไป น้องเค้าเป็นคนแซ่บ ลุยๆ เที่ยวบ่อย กลับกันเราดูเป็นคนเงียบๆ ทำอะไรก็ไม่เป็น หน้าตาก็ไม่แมน แถมดูไม่ประสีประสาโลกภายนอก ล่าสุดน้องแกมีคนคุยด้วย คนคุยคนนั้นก็เทคแคร์ดี ขับรถไปรับไปส่งน้องตลอด คุยก็สนุก เวลาน้องเจอเค้าน้องก็จะดี๊ด๊าไปหา เรามีโอกาศคุยกับน้องเค้าเยอะมาก แต่สุดท้ายเราก็ไม่รู้ควรพูดอะไรดีแบบตอนคุยกับเพื่อน น้องเค้าเคยบอกเราว่า รู้นะว่าคิดอะไร ที่คอยทำโน่นทำนี่ให้ ซื้อของให้ แต่น้องก็มีคนคุยแล้ว เราคงไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าพี่ที่คอยเปย์โน่นเปย์นี่ให้กับน้อง ทำให้เราคิดว่า แค่จะทำให้ผญ.ซักคนชอบเรายังทำไม่ได้เลย เราไม่ได้เป็นคนคุยสนุก เราไม่มีรถไปรับไปส่งเวลานางต้องการ เราขับรถไม่เป็นด้วยซ้ำ เราทำอะไรไม่ได้เลย เราก็รู้ว่าการมาเครียดเรื่องอะไรแบบนี้มันไร้สาระมาก แต่เราก็ไม่รู้ว่าควรทำอะไรยังไงดี การอ่านหนังสือธรรมะ เข้าวัด ตั้งสมาธิไม่ช่วยให้เราหายเครียดจากเรื่องที่ว่าไปได้ ไม่ว่าจะเรื่องเรียนที่ควรทำให้ดีในวัยนี้ เรื่องเพื่อนที่จำเป็นในการเข้าสังคมในอนาคต เรื่องบุคลิกในการใช้ชีวิต แค่เรื่องสำคัญๆเรายังทำให้ดีไม่ได้ซักอย่าง กลับกันยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ

ปัญหาที่ว่าไปหลายๆอย่างทำให้เราอึดอัด เราอยากระบาย แต่เราไม่มีคนที่สนิทขนาดพอจะรับฟังเรื่องไร้สาระของเราได้ ปกติเราพยายามเก็บความรู้สึกตัวเองไว้ ไม่ว่าจะอยากร้องไห้แค่ไหน เพราะเราไม่อยากเป็นภาระเพื่อน เราปรึกษาใครไม่ได้เลย เราพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง แต่พอผ่านเรื่องแย่ๆมาเยอะมันก็เริ่มเข้มแข็งไม่ไหว เราอยากร้องไห้ เราทำอะไรกับเรื่องพวกนี้ไม่ได้เลย เราอยากปรึกษาใครซักคน เราอยากกอดใครซักคนแล้วร้องไห้ เราอยากให้ใครซักคนคอยฟังเรื่องแย่ๆของเรา อยากให้ใครซักคนเข้าใจในตัวเรา ทุกๆวันพอเราคิดเรื่องนี้ เราได้แต่นอนกอดหมอนข้างแล้วร้องไห้อยู่คนเดียว มันอึดอัด มันเป็นความรู้สึกที่พูดไม่ถูก เราคิดอยู่เสมอว่าเราร้องไห้ได้ใช่มั้ย เราระบายกับใครได้บ้าง เราไม่รู้ควรจะไปลงกับใครดี เราเป็น ผช. แต่เราอ่อนแอบ้างได้มั้ย เราเบื่อตัวเองที่เป้นแบบนี้ เราเกลียดตัวเองที่อ่อนแอ แต่เราควรทำยังไง เราพยายามปรับตัวเองทุกอย่างมาเป็นปีๆแล้ว ถ้าแค่ปีเดียวยังไม่ได้ ก็เป็น2ปีเหรอ เป็น3ปี 4ปี แล้วเมื่อไหร่มันจะแก้ไขได้ คำว่าซักวันนึงมันจะดีขึ้นเองไม่มากก็น้อยไม่ได้ช่วยเรา เราอาจจะตายก่อนถึงวันนั้นก็ได้ จริงๆเราไม่ได้อยากมาคอยเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร เราแค่อยากได้ใครซักคนที่รับฟังเรา วันนี้เราเกิดความรู้สึกแย่ๆ เราเลยไปเดินเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอก 2-3ชั่วโมง เห็นรถผ่านไปมาจนคิดไปวูบนึงมาก ไม่ได้อยากฆ่าตัวตายหรอก แต่ถ้ารถจะขับมาชนล่ะก็คงปล่อยให้มันชนไป เราไม่ได้อยากตาย เราแค่อยากพักบ้างกับการใช้ชีวิต บางคนอาจจะคิดว่ามีคนเหนื่อยกว่าเราตั้งเยอะ พ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามาเหนื่อยกว่าเราอีก เราคิดว่าแต่ละคนจิตใจเข้มแข็งไม่เท่ากัน ยิ่งในแต่ละวัยความเหนื่อยก็ไม่เหมือนกัน การที่บอกว่าคนโน้นเหนื่อยกว่าคนนี้แย่กว่า ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น ไม่ได้ช่วยให้เราหายจากปัญหาที่เป็นอยู่ กลับกันยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าขนาดคนพวกนั้นแย่กว่าเรา เค้ายังสู้เลย เรานี่มันไม่มีอะไรดีจริงๆ แค่นี้ก็สู้ไม่ไหวแล้ว

ที่มาตั้งกระทู้วันนี้ ไม่ได้มีเจตนาอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้มีเจตนาเหยียดเพศที่3 เราแค่อยากทำอะไรซักอย่าง  ถ้าการเขียนนี้ไม่ถูกใจใคร เราขอโทษด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่