ต่อตอน 2 ตามลิงค์นี้นะคะ
https://pantip.com/topic/36998817
ทริปนี้เริ่มต้นจากแอร์เอเซียเปิดเส้นทางใหม่ BKK-MLE และเราคว้าตั๋วโปรไว้ได้ทัน ทริปนี้เลยเกิดขึ้น หลังจากได้ตั๋วแล้วสิ่งที่ต้องทำต่อคือหาที่พักซึ่งมีให้เลือกหลายแบบมากขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน
เราเริ่มจากหาลิสต์รร.ทั้งหมดจาก Agoda แล้วค่อยๆตัดรร.ที่ราคาสูงเกินงบออกไปก่อน ลืมบอกไปโจทย์ของเราอีกอย่างคือต้องนั่ง Sea Pane or Domestic Flight เพราะเราอยากชมมัลดีฟส์ในมุมสูง ทำให้เราตัดรร.ออกไปได้อีกเยอะเลย เพราะหลายๆรร.อยู่ใกล้เกาะ Male ซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามบินหลัก สามารถนั่ง Speed boat มาได้
เราค่อยๆคัดออกจนเหลือตัวเลือกประมาณ 10 ที่ ทีนี้แหละลำบากใจมากๆ รักพี่เสียดายน้องสุดๆ โดยอีกหนึ่งข้อกำหนดเราคือต้องพักแบบ Over water villa with Ail inclusive Package หรือ Full Board และขอห้องพักสวยๆ สุดท้ายเราก็ได้ผู้ชนะเลิศในครั้งนี้มา คือ Amari Havodda Maldives เนื่องจากห้องพักสวย โรงแรมใหม่(เพิ่งเปิดเมื่อปี 2015) และเป็น Full Board
ที่สำคัญ review ใน Agoda ค่อนข้างโอเคร แต่หารีวิวในพันทิพเจอแค่อันเดียวเท่านั้น วันนี้เลยถือโอกาสดีมารีวิวรร.ให้ทุกคนได้อ่านเผื่อเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกค่ะ
ปล. ก่อนจองเรามีการเปรียบเทียบราคากับ Agency Tour ด้วยบางรร.ทาง Agency ก็ถูกกว่า แต่บางที่ก็แพงกว่า อันนี้ลองหาข้อมูลและเปรียบเทียบกันดูน้า


ขอบคุณภาพสวยๆจาก IG: amarimaldives
และแล้วก็ถึงวันเดินทางที่เรารอคอย เราออกเดินทางจากสนามบินเดอนเมืองเช้าวันที่ 11/10/2017 วันที่ฝนกระหน่ำกทม.ตั้งแต่เช้า ระหว่างทางเครื่องสั่นลมแรงตลอดทาง อากาศที่ดูไม่เป็นใจ ทำให้เราใจตุ้มๆต่อมๆว่าอากาศที่ปลายทางจะเป็นเช่นไร เวลาผ่านไปกว่า 4 ชม. ก็ถึงสนามบินมาเล่(เวลาที่มัลดีฟส์ช้ากว่าไทย 2 ชม.นะ) และพบว่าอากาศดีมากๆทุกอย่างเป็นใจ แนะนำว่าให้นั่งฝั่ง A เพราะจะเห็นวิวสวยๆมากกว่าก่อนเครื่องลงจอดเตรียมกล้องให้พร้อม แล้วกดชัตเตอร์รัวรัวเลยน้า วิวที่ได้เห็นถือเป็นความประทับใจแรกที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยังอยู่บนเครื่องเลยทีเดียว



หลังผ่านตม.เรียบร้อยเดินออกมานอกประตูอาคารก็จะเจอพนักงานของ Amari ยืนถือป้ายชื่อรอเราอยู่แล้ว พร้อมด้วยการทักทายที่แสนอบอุ่น Staff จะพาเราไปนั่งพักที่ห้องรับรองเพื่อรอต่อเครื่องบินภายในประเทศไปยังสนามบิน Kaadedhdhoo Airport เนื่องจากรร. Amari ตั้งอยู่ที่ Gaafu Dhaalu Atoll ทางตอนใต้ของประเทศมัลดีฟส์ ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชม. ระหวางรอเครื่องออกก็ชิวๆไปที่เลาจ์มีอาหาร ขนมให้ทานพร้อมไวไฟฟรีให้เล่น นั่งเพลินๆพนักงานก็มาเชิญให้ไปขึ้นเครื่องต่อ ระหว่างนั่งรอพนักงานจะจัดการทุกอย่างให้เราเสร็จสรรพไม่ว่าจะเรื่องตั๋วหรือกระเป๋าเดินทาง



เครื่องบินในประเทศเป็นเครื่องลำเล็ก 12 ที่แถวแนะนำให้จองแถว 1 or 2 ถ้าไม่ได้แถวหน้าก็ขอแนะนำแถว 12 ซึ่งเป็นแถวสุดท้ายพอดี เพื่ออรรถรสในการชมทัศนียภาพของมัลดีฟส์ในมุมสูงนะคะ สามารถแจ้งกับทางโรงแรมให้ช่วยจัดการเรื่องที่นั่งให้ได้เลย แม่ว่าพนักงานจะตอบกลับมาว่าไม่สามารถกำหนดได้เพราะเป็นการ operate จากทางสายการบิน แต่สุดท้ายเราก็ได้ที่นั่งตามที่เราขอไป เวลาผ่านไปกว่า 1 ชม.แต่ไม่รู้สึกนานเลย เพราะตื่นเต้นกับวิวตรงหน้าตลอดทางขนาดฟ้าไม่เปิดเท่าไหร่ยังเห็นเลยว่าวิวด้านล่างสวยมาก ถึงขั้นภาวนาให้ขากลับฟ้าใสเพี้ยง!

รูปอาจไม่สวยเท่าไหร่ เนื่องจากเราได้นั่งแนวที่ 3 มันจะติดใบพัดเครื่องบิน ทำให้ถ่ายยาก
ในที่สุดก็มาถึงสนามบิน Kaadedhdhoo Airport เป้นสนามบินเล็กๆพอลงจอดก็เดินเข้าตัวอาคารได้เลย จะมีพนักงานของรร.มารอรับและดำเนินการเรื่องรับกระเป๋าให้เราอย่างดี จากนั้นเราก็ต่อ Speed boat อีก 15 นาทีเพื่อไปยังรร. นับเป็นการเดินทางที่ยาวนานแต่เต็มไปด้วยความประทับใจทั้งคนและวิว!
สนามบิน Kaadedhdhoo Airport

เพื่อนร่วมทางของเรา รูปนี้โปรดโฟกัสที่วิว!

ในที่สุดเราก็มาถึงรร. พร้อมด้วยการต้อนรับที่แสนอบอุ่น พนักงานจะมาชี้แจงรายละเอียดห้องพักและกิจกรรมต่างๆบนเกาะที่เราสามารถเข้าร่วมได้ พร้อมเก็บเงินค่า Domestic Flight + Speed boat เป็นเงิน 460 $ สามารถเลือกจ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้ สำหรับคนที่ตองการจ่ายเป็นเงินสดแบบเราแนะนำว่าให้เตรียมแบงค์ดอลลาร์ที่ใหม่ๆไม่มีรอยยับมาเป็นการดีที่สุดเพราะที่นี่ไม่รับแบงค์เก่าเลยคร่า หลังจากจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยพนักงานก็จะพาเราไปส่งยังห้องพักพร้อมอธิบายการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆในห้อง หลังจากวินาทีนั้นเวลาฟินของเราก็เริ่มต้นขึ้นทันที





แนะนำอีกนิดว่าทาง Amari มีบริการทัวร์ดำน้ำตื้นฟรีครึ่งวัน เราควรรีบไปจองทัวร์ให้เรียร้อยตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เนื่องจากทุกอย่างเต็มเร็วมากและแต่ละรอบรับจำนวนจำกัด สามารถจองทัวร์ดำน้ำตื้นฟรีได้ที่ Diving Center พร้อมยืมอุปกรณ์ Mask & Fin ได้ฟรีจากที่นี่ แต่ต้องคืนอุปกรณ์ทั้งหมดก่อนวัน Check Out 1 วันนะจ๊ะ นอกจากกิจกรรมดำน้ำตื้นก็ยังมีโยคะด้วย ลองดูรอบเวลาแล้วจัดสรรตารางกิจกรรมกันดูน้า ใครใคร่อยากทำอะไรก็เต็มที่เล้ย

หลังจากจองกิจกรรมทุกอย่างเสร็จสิ่งแรกที่เราจะทำ คือไม่ทำอะไรนอกจากนอนชมวิวปล่อยเวลาให้เดินไปอย่างช้าๆที่เปลคู่ใจหน้าห้องพัก นอนดูฟ้า ดูทะเล ดูพระอาทิตย์ตกดิน ดูพระจันทร์นอนตรงนี้เยอะที่สุดแล้วจริงๆ
และแล้วก็ถึงเวลาอาหารค่ำ ห้องอาหารที่นี่มีห้องเดียวคือ Amaya Food Gallery เพราะฉะนั้นไม่ต้องกัวหลง จะมื้อไหนๆก็ทานที่ห้องนี้ตลอด อาการแต่ละมื้อก็จะเปลี่นยนไปเรื่อยๆซ้ำบ้างเป็นบางวัน รสชาติอาหารถือว่าพอใช้ได้ อาจไม่ถูกปากคนไทยนักแต่ก็ถือว่าโอเคร มี 2 ข้อกำหนดของห้องอาหารที่อยากแนะนำคือต้องมาทานตามช่วงเวลาที่ระบุของในละมื้อ และห้ามใส่ชุดว่ายน้ำหรือตัวเปียกมาทาน





ชิงช้านี้นั่งดูดาวตอนกลางคืนชิวมากกกก

บริเวณบาร์ อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ

สำหรับคนที่จองแบบ Full Board เครื่องดื่มรวมอยู่ในมื้อาหารหมดแล้ว(ยกเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์) สั่งมาทานได้เลยไม่อั้นไม่ว่าจะเป็น Coke, Sprite, Ginger El and etc. ส่วนน้ำดื่มที่ห้องพักจะมีให้วันละ 2 ขวดใหญ่ถ้าไม่พอสามารถขอเพิ่มได้ตลอด พนักงานบริการส่งถึงหน้าห้องพักเลย หลังจากทานอาหารเสร็จก็นอนชิวที่เปลต่อไป มาทริปนี้เราได้เจอดาวตก ทางช้างเผือกด้วย ใครเป็นนักล่าช้างเตรียมกล้องกันมาดีๆเลยน้า
ทางช้างเผือกเราเจอทุกคืนที่พักที่นี่เลย เห็นด้วยตาเปล่าแบบชัดมาก แต่ถ่ายภาพมาไม่ค่อยได้เพราะเราเป็นมือใหม่หัดล่าช้าง ดูรูปอาจไม่สวยเท่าไหร่แต่อยากให้รู้ไว้ว่าของจริงมันสวยมาก


มาต่อกันที่เช้าวันที่ 2 หลังจากทานอาหารเสร็จเราก้มีนัดไปดำน้ำตื้นที่จองไว้เมื่อวันก่อน ควรไปถึงก่อนเวลานัดซัก 10-15 นาทีนะ ไปถึงไกด์ก็จะอธิบายรายละเอียดต่างๆแล้วก็พาลงน้ำไปเลยจ้า โชคไม่ดีวันที่เราไปเจอคนจีนเยอะมาก ซึ่งเค้าว่ายชนทุกคนที่ขวางหน้า เราโดนชนโดนเตะตลอดทาง เรียกว่าดำน้ำอย่างไม่เป็นสุขเลยขนาดว่ายหลบมารอบนอกแล้วยังตามมาชนเราอีก ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดีอยู่เสมอเนื่องจากไกด์ที่พาไปดำน้ำในวันนั้นดูแลเรากับเพื่อนดีมาก อาจเพราะเห็นว่าเราโดนทำร้ายเยอะมากจริงๆ และเราไม่มีฟินเนื่องจากมีแต่ไซส์ใหญ่ซึ่งเราใส่ไม่ได้ ทำให้ว่ายไม่ค่อยไปเหมือนคนอื่นๆเค้า ไกด์เลยพาเราดำน้ำและเอากล้องไปถ่ายใต้น้ำให้ตลอดเลย ไม่เพียงเท่านั้นหลังจากจบทริป ไกด์ก็ส่งคนจีนกลับขึ้นฝั่งพร้อมเรียกให้เราและเพื่อนอยู่ต่อเพื่อพาไปดำน้ำดูปลาและถ่าย Gopro เล่นกันอีกพักใหญ่ จนได้เวลาขึ้นฝั่ง เราบอกกับไกด์ว่าเราอยากเห็นเต่า ที่เกาะนี้มีมั้ย ไกด์เลยตอบว่ามีและนัดให้เรากลับมาตอน 12.30 น. เค้าจะพาไปดำน้ำดูเต่า ฟังแล้วหัวใจพองโตเลย นี่ชั้นจะได้ดำน้ำดูเต่าเหรอ ^_^

และแล้วก็ถึงเวลานัด เรากับเพื่อนมาเลทนิดหน่อย เพราะลืมของ T_T
ไกด์ 2 คนประกบเรากับเพื่อน 1 ต่อ 1พาดำน้ำออกไปตามล่าเต่า บอกนิดนึงประการังที่เกาะนี้ถือว่าเยอะไม่แพ้เกาะอื่นๆเลย เพียงแต่สีอาจจะไม่ค่อยสวยเหมือนที่เมืองไทย นอกจาก Snorkeling แล้วไกด์พาเราลงไปดำแบบ Free Dive ด้วยเป็นอะไรที่เราประทับใจมากๆๆๆ เป็นครั้งแรกเลยที่เราได้ลอง Free Dive นอกจากพาทัวร์แล้วไกด์ยังเอากล้องเราไปถ่ายใต้น้ำให้ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบทริป เลยได้รูปใต้น้ำสวยๆมาเยอะมากอย่างที่เห็น บอกอีกนิดที่รร.นี้นอกจากประการังจะเยอะแล้วปลาก็เยอะมากพอกัน แถมยังมี Baby Shark ว่ายมาทักทายแถวริมหาดตลอดวันเลย แต่จะพบได้ที่บ้านพักบนบีชฝั่ง Sunrise นะแถว Water Villa ไม่เจอ Baby Shark เลย แล้วก็ยังมี ปลากระเบน(String Ray) ด้วยแต่เจอไม่มากเท่าไหร่ประมาณ 2-3 ตัวไหว้วนเวียนไปมาช่วงมืดๆ






ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ก็จบทริป แม้ว่าเราจะไม่เจอเต่าเพราะเรามาช้า T_T แต่ก็เป็นอะไรที่เรากับเพื่อนประทับใจมากๆ และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเขียนรีวิวเพื่อแนะนำรร.นี้ให้ทุกคนได้รู้จัก เพื่อบอกเล่าความประทับใจที่เรามีต่อเกาะนี้และคนที่นี่
[CR] Review Maldives In my memory @Amari Havodda Maldives
https://pantip.com/topic/36998817
ทริปนี้เริ่มต้นจากแอร์เอเซียเปิดเส้นทางใหม่ BKK-MLE และเราคว้าตั๋วโปรไว้ได้ทัน ทริปนี้เลยเกิดขึ้น หลังจากได้ตั๋วแล้วสิ่งที่ต้องทำต่อคือหาที่พักซึ่งมีให้เลือกหลายแบบมากขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน
เราเริ่มจากหาลิสต์รร.ทั้งหมดจาก Agoda แล้วค่อยๆตัดรร.ที่ราคาสูงเกินงบออกไปก่อน ลืมบอกไปโจทย์ของเราอีกอย่างคือต้องนั่ง Sea Pane or Domestic Flight เพราะเราอยากชมมัลดีฟส์ในมุมสูง ทำให้เราตัดรร.ออกไปได้อีกเยอะเลย เพราะหลายๆรร.อยู่ใกล้เกาะ Male ซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามบินหลัก สามารถนั่ง Speed boat มาได้
เราค่อยๆคัดออกจนเหลือตัวเลือกประมาณ 10 ที่ ทีนี้แหละลำบากใจมากๆ รักพี่เสียดายน้องสุดๆ โดยอีกหนึ่งข้อกำหนดเราคือต้องพักแบบ Over water villa with Ail inclusive Package หรือ Full Board และขอห้องพักสวยๆ สุดท้ายเราก็ได้ผู้ชนะเลิศในครั้งนี้มา คือ Amari Havodda Maldives เนื่องจากห้องพักสวย โรงแรมใหม่(เพิ่งเปิดเมื่อปี 2015) และเป็น Full Board
ที่สำคัญ review ใน Agoda ค่อนข้างโอเคร แต่หารีวิวในพันทิพเจอแค่อันเดียวเท่านั้น วันนี้เลยถือโอกาสดีมารีวิวรร.ให้ทุกคนได้อ่านเผื่อเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกค่ะ
ปล. ก่อนจองเรามีการเปรียบเทียบราคากับ Agency Tour ด้วยบางรร.ทาง Agency ก็ถูกกว่า แต่บางที่ก็แพงกว่า อันนี้ลองหาข้อมูลและเปรียบเทียบกันดูน้า
ขอบคุณภาพสวยๆจาก IG: amarimaldives
และแล้วก็ถึงวันเดินทางที่เรารอคอย เราออกเดินทางจากสนามบินเดอนเมืองเช้าวันที่ 11/10/2017 วันที่ฝนกระหน่ำกทม.ตั้งแต่เช้า ระหว่างทางเครื่องสั่นลมแรงตลอดทาง อากาศที่ดูไม่เป็นใจ ทำให้เราใจตุ้มๆต่อมๆว่าอากาศที่ปลายทางจะเป็นเช่นไร เวลาผ่านไปกว่า 4 ชม. ก็ถึงสนามบินมาเล่(เวลาที่มัลดีฟส์ช้ากว่าไทย 2 ชม.นะ) และพบว่าอากาศดีมากๆทุกอย่างเป็นใจ แนะนำว่าให้นั่งฝั่ง A เพราะจะเห็นวิวสวยๆมากกว่าก่อนเครื่องลงจอดเตรียมกล้องให้พร้อม แล้วกดชัตเตอร์รัวรัวเลยน้า วิวที่ได้เห็นถือเป็นความประทับใจแรกที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยังอยู่บนเครื่องเลยทีเดียว
หลังผ่านตม.เรียบร้อยเดินออกมานอกประตูอาคารก็จะเจอพนักงานของ Amari ยืนถือป้ายชื่อรอเราอยู่แล้ว พร้อมด้วยการทักทายที่แสนอบอุ่น Staff จะพาเราไปนั่งพักที่ห้องรับรองเพื่อรอต่อเครื่องบินภายในประเทศไปยังสนามบิน Kaadedhdhoo Airport เนื่องจากรร. Amari ตั้งอยู่ที่ Gaafu Dhaalu Atoll ทางตอนใต้ของประเทศมัลดีฟส์ ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชม. ระหวางรอเครื่องออกก็ชิวๆไปที่เลาจ์มีอาหาร ขนมให้ทานพร้อมไวไฟฟรีให้เล่น นั่งเพลินๆพนักงานก็มาเชิญให้ไปขึ้นเครื่องต่อ ระหว่างนั่งรอพนักงานจะจัดการทุกอย่างให้เราเสร็จสรรพไม่ว่าจะเรื่องตั๋วหรือกระเป๋าเดินทาง
เครื่องบินในประเทศเป็นเครื่องลำเล็ก 12 ที่แถวแนะนำให้จองแถว 1 or 2 ถ้าไม่ได้แถวหน้าก็ขอแนะนำแถว 12 ซึ่งเป็นแถวสุดท้ายพอดี เพื่ออรรถรสในการชมทัศนียภาพของมัลดีฟส์ในมุมสูงนะคะ สามารถแจ้งกับทางโรงแรมให้ช่วยจัดการเรื่องที่นั่งให้ได้เลย แม่ว่าพนักงานจะตอบกลับมาว่าไม่สามารถกำหนดได้เพราะเป็นการ operate จากทางสายการบิน แต่สุดท้ายเราก็ได้ที่นั่งตามที่เราขอไป เวลาผ่านไปกว่า 1 ชม.แต่ไม่รู้สึกนานเลย เพราะตื่นเต้นกับวิวตรงหน้าตลอดทางขนาดฟ้าไม่เปิดเท่าไหร่ยังเห็นเลยว่าวิวด้านล่างสวยมาก ถึงขั้นภาวนาให้ขากลับฟ้าใสเพี้ยง!
ในที่สุดก็มาถึงสนามบิน Kaadedhdhoo Airport เป้นสนามบินเล็กๆพอลงจอดก็เดินเข้าตัวอาคารได้เลย จะมีพนักงานของรร.มารอรับและดำเนินการเรื่องรับกระเป๋าให้เราอย่างดี จากนั้นเราก็ต่อ Speed boat อีก 15 นาทีเพื่อไปยังรร. นับเป็นการเดินทางที่ยาวนานแต่เต็มไปด้วยความประทับใจทั้งคนและวิว!
สนามบิน Kaadedhdhoo Airport
เพื่อนร่วมทางของเรา รูปนี้โปรดโฟกัสที่วิว!
ในที่สุดเราก็มาถึงรร. พร้อมด้วยการต้อนรับที่แสนอบอุ่น พนักงานจะมาชี้แจงรายละเอียดห้องพักและกิจกรรมต่างๆบนเกาะที่เราสามารถเข้าร่วมได้ พร้อมเก็บเงินค่า Domestic Flight + Speed boat เป็นเงิน 460 $ สามารถเลือกจ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้ สำหรับคนที่ตองการจ่ายเป็นเงินสดแบบเราแนะนำว่าให้เตรียมแบงค์ดอลลาร์ที่ใหม่ๆไม่มีรอยยับมาเป็นการดีที่สุดเพราะที่นี่ไม่รับแบงค์เก่าเลยคร่า หลังจากจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยพนักงานก็จะพาเราไปส่งยังห้องพักพร้อมอธิบายการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆในห้อง หลังจากวินาทีนั้นเวลาฟินของเราก็เริ่มต้นขึ้นทันที
แนะนำอีกนิดว่าทาง Amari มีบริการทัวร์ดำน้ำตื้นฟรีครึ่งวัน เราควรรีบไปจองทัวร์ให้เรียร้อยตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เนื่องจากทุกอย่างเต็มเร็วมากและแต่ละรอบรับจำนวนจำกัด สามารถจองทัวร์ดำน้ำตื้นฟรีได้ที่ Diving Center พร้อมยืมอุปกรณ์ Mask & Fin ได้ฟรีจากที่นี่ แต่ต้องคืนอุปกรณ์ทั้งหมดก่อนวัน Check Out 1 วันนะจ๊ะ นอกจากกิจกรรมดำน้ำตื้นก็ยังมีโยคะด้วย ลองดูรอบเวลาแล้วจัดสรรตารางกิจกรรมกันดูน้า ใครใคร่อยากทำอะไรก็เต็มที่เล้ย
หลังจากจองกิจกรรมทุกอย่างเสร็จสิ่งแรกที่เราจะทำ คือไม่ทำอะไรนอกจากนอนชมวิวปล่อยเวลาให้เดินไปอย่างช้าๆที่เปลคู่ใจหน้าห้องพัก นอนดูฟ้า ดูทะเล ดูพระอาทิตย์ตกดิน ดูพระจันทร์นอนตรงนี้เยอะที่สุดแล้วจริงๆ
และแล้วก็ถึงเวลาอาหารค่ำ ห้องอาหารที่นี่มีห้องเดียวคือ Amaya Food Gallery เพราะฉะนั้นไม่ต้องกัวหลง จะมื้อไหนๆก็ทานที่ห้องนี้ตลอด อาการแต่ละมื้อก็จะเปลี่นยนไปเรื่อยๆซ้ำบ้างเป็นบางวัน รสชาติอาหารถือว่าพอใช้ได้ อาจไม่ถูกปากคนไทยนักแต่ก็ถือว่าโอเคร มี 2 ข้อกำหนดของห้องอาหารที่อยากแนะนำคือต้องมาทานตามช่วงเวลาที่ระบุของในละมื้อ และห้ามใส่ชุดว่ายน้ำหรือตัวเปียกมาทาน
ชิงช้านี้นั่งดูดาวตอนกลางคืนชิวมากกกก
บริเวณบาร์ อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ
สำหรับคนที่จองแบบ Full Board เครื่องดื่มรวมอยู่ในมื้อาหารหมดแล้ว(ยกเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์) สั่งมาทานได้เลยไม่อั้นไม่ว่าจะเป็น Coke, Sprite, Ginger El and etc. ส่วนน้ำดื่มที่ห้องพักจะมีให้วันละ 2 ขวดใหญ่ถ้าไม่พอสามารถขอเพิ่มได้ตลอด พนักงานบริการส่งถึงหน้าห้องพักเลย หลังจากทานอาหารเสร็จก็นอนชิวที่เปลต่อไป มาทริปนี้เราได้เจอดาวตก ทางช้างเผือกด้วย ใครเป็นนักล่าช้างเตรียมกล้องกันมาดีๆเลยน้า
ทางช้างเผือกเราเจอทุกคืนที่พักที่นี่เลย เห็นด้วยตาเปล่าแบบชัดมาก แต่ถ่ายภาพมาไม่ค่อยได้เพราะเราเป็นมือใหม่หัดล่าช้าง ดูรูปอาจไม่สวยเท่าไหร่แต่อยากให้รู้ไว้ว่าของจริงมันสวยมาก
มาต่อกันที่เช้าวันที่ 2 หลังจากทานอาหารเสร็จเราก้มีนัดไปดำน้ำตื้นที่จองไว้เมื่อวันก่อน ควรไปถึงก่อนเวลานัดซัก 10-15 นาทีนะ ไปถึงไกด์ก็จะอธิบายรายละเอียดต่างๆแล้วก็พาลงน้ำไปเลยจ้า โชคไม่ดีวันที่เราไปเจอคนจีนเยอะมาก ซึ่งเค้าว่ายชนทุกคนที่ขวางหน้า เราโดนชนโดนเตะตลอดทาง เรียกว่าดำน้ำอย่างไม่เป็นสุขเลยขนาดว่ายหลบมารอบนอกแล้วยังตามมาชนเราอีก ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดีอยู่เสมอเนื่องจากไกด์ที่พาไปดำน้ำในวันนั้นดูแลเรากับเพื่อนดีมาก อาจเพราะเห็นว่าเราโดนทำร้ายเยอะมากจริงๆ และเราไม่มีฟินเนื่องจากมีแต่ไซส์ใหญ่ซึ่งเราใส่ไม่ได้ ทำให้ว่ายไม่ค่อยไปเหมือนคนอื่นๆเค้า ไกด์เลยพาเราดำน้ำและเอากล้องไปถ่ายใต้น้ำให้ตลอดเลย ไม่เพียงเท่านั้นหลังจากจบทริป ไกด์ก็ส่งคนจีนกลับขึ้นฝั่งพร้อมเรียกให้เราและเพื่อนอยู่ต่อเพื่อพาไปดำน้ำดูปลาและถ่าย Gopro เล่นกันอีกพักใหญ่ จนได้เวลาขึ้นฝั่ง เราบอกกับไกด์ว่าเราอยากเห็นเต่า ที่เกาะนี้มีมั้ย ไกด์เลยตอบว่ามีและนัดให้เรากลับมาตอน 12.30 น. เค้าจะพาไปดำน้ำดูเต่า ฟังแล้วหัวใจพองโตเลย นี่ชั้นจะได้ดำน้ำดูเต่าเหรอ ^_^
และแล้วก็ถึงเวลานัด เรากับเพื่อนมาเลทนิดหน่อย เพราะลืมของ T_T
ไกด์ 2 คนประกบเรากับเพื่อน 1 ต่อ 1พาดำน้ำออกไปตามล่าเต่า บอกนิดนึงประการังที่เกาะนี้ถือว่าเยอะไม่แพ้เกาะอื่นๆเลย เพียงแต่สีอาจจะไม่ค่อยสวยเหมือนที่เมืองไทย นอกจาก Snorkeling แล้วไกด์พาเราลงไปดำแบบ Free Dive ด้วยเป็นอะไรที่เราประทับใจมากๆๆๆ เป็นครั้งแรกเลยที่เราได้ลอง Free Dive นอกจากพาทัวร์แล้วไกด์ยังเอากล้องเราไปถ่ายใต้น้ำให้ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบทริป เลยได้รูปใต้น้ำสวยๆมาเยอะมากอย่างที่เห็น บอกอีกนิดที่รร.นี้นอกจากประการังจะเยอะแล้วปลาก็เยอะมากพอกัน แถมยังมี Baby Shark ว่ายมาทักทายแถวริมหาดตลอดวันเลย แต่จะพบได้ที่บ้านพักบนบีชฝั่ง Sunrise นะแถว Water Villa ไม่เจอ Baby Shark เลย แล้วก็ยังมี ปลากระเบน(String Ray) ด้วยแต่เจอไม่มากเท่าไหร่ประมาณ 2-3 ตัวไหว้วนเวียนไปมาช่วงมืดๆ
ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ก็จบทริป แม้ว่าเราจะไม่เจอเต่าเพราะเรามาช้า T_T แต่ก็เป็นอะไรที่เรากับเพื่อนประทับใจมากๆ และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเขียนรีวิวเพื่อแนะนำรร.นี้ให้ทุกคนได้รู้จัก เพื่อบอกเล่าความประทับใจที่เรามีต่อเกาะนี้และคนที่นี่
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น